ตอนที่ 242 ไปหาถึงที่
“ ครืนครืนครืน “
กระบี่เมฆาสายนี้ ราวกับหล่อหลอมดวงดาวทั่วทั้งฟ้าก็มิปาน ราวกับว่าสามารถที่จะตัดผ่าขุนเขาเป็นร้อยเป็นพันชิ้นด้วยกระบี่เดียวอย่างง่ายดาย หากว่าลงสู่พื้น ก็เพียงพอที่จะแยกขุนเขากลายเป็นหลุมลึกได้เลย
“ พลังเมฆาสังหาร “
หลังผ่านไปเพียงหนึ่งกระบวนท่า ยังมีคนที่กลัวว่าเยี่ยจงยังไม่ตาย ต่อมาก็ได้ใช้ทักษะยุทธ์ออกมาเข้าปะทะอีกสาย วินาทีนั้นหมอกในมือก็ได้เปลี่ยนไป ปกคลุมไปทั่วทั้งชั้นฟ้าลงมา พุ่งลงเข้าไปยังบริเวณที่เยี่ยจงอยู่เสียงดัง
การโจมตีของทักษะยุทธ์ทั้งสองสายได้ทวีความรุนแรงขึ้น จนกลายเป็นลานสังหาร เหมือนกับว่าทุกวินาทีที่เยี่ยจงอยู่ในที่แห่งนี้ก็เพียงพอที่จะสังหารได้
“ ฝ่ามือมังกรสายรุ้ง “
การลงมือของเยี่ยจง นิ้วมือขวาทั้งห้าแยกออกมาอย่างประหลาด พลังฝ่ามือได้ตบไปยังด้านบนท้องฟ้า วินาทีนั้น ก็มีมังกรเซียนสีรุ้งปรากฏขึ้นมา พุ่งขึ้นสู่ฟ้าเข้าสังหารออกไป ในเวลาเดียวกันเยี่ยจงก็ได้ชักมือซ้ายออก พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ซ้อนทับไปถึงชั้นที่สิบห้าพุ่งออกไปเป็นพลังดัชนี มุ่งหน้าเข้าสังหารทางด้านหน้า
พลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวได้เข้าปะทะกัน เสียงดังถูกทำลายได้แตกกระจายออกมา คล้ายดังความน่ากลัว ไม่ว่าเวลาใดต่างก็ได้ว่าประกายแสงทอออกมา การเผชิญหน้าครั้งใหญ่นี้ถือได้ว่าสะเทือนไปทั้งชั้นฟ้า แต่น่าเสียดาย ………
“ อา “
การพบปะเพียงครั้งแรก ยอดฝีมือที่มีพลังในขั้นก่อเกิดระดับที่เจ็ดทั้งเจ็ดคนก็ได้ร่ำร้องออกมา ลอยกระเด็นออกไป เห็นได้ชัดว่า ได้มีตราผนึกดำทมิฬปกคลุมเข้ามาด้วยเข้ามายังหัวใจของพวกเขา อีกทั้งภายในพลังดัชนีนี้ยังได้ทำลายเส้นชีพจรของพวกเขาในทันที จนทำให้พวกเขาต้องทอดร่างลงในที่แห่งนี้
ที่เหลืออีกทั้งสามคนก็ได้กระอักโลหิตคำโตออกมา ใบหน้าปั้นยากถอยออกไป พวกเขาไม่ได้ถูกสังหารในทันที นั้นก็เพราะว่าพวกเขามีพลังฝีมือเพียงพอ แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ใบหน้าก็ยังปรากฏความยากที่จะเชื่อ เพราะว่าความแข็งแกร่งของเยี่ยจง ได้อยู่ในจุดที่พวกเขาจะคาดคิดเอาไว้ได้แล้ว
“ เป็นไปได้อย่างไรกัน เจ้ายังอยู่แค่ขอบเขตพสุธาเท่านั้น ทำไมถึงยังมีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ “ คนที่เป็นผู้นำกระอักโลหิตออกมา ร่างกายของเขาสั่นเทาคล้ายดั่งจะลุกขึ้นมา แต่กลับพบว่าตนเองไม่อาจที่จะลุกขึ้นมาได้
“ ลัทธิเสวียนหวินของพวกเจ้า หากคิดว่าเพียงแค่ใช้ฝีมือในเตรียมการอันเล็กน้อยเพื่อลงมือต่อข้า เช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นที่น่าผิดหวังยิ่งนัก “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังคนทั้งสามอย่างเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงดังกังวาน
“ เจ้า “
คนที่เปิดผู้นำกัดฟันไปมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ความจริงแล้วพวกเขาคิดว่าจะสามารถสังหารเยี่ยจงได้อย่างแน่นอน แต่ก็คิดไม่ถึงว่าภายใต้การสังหารทั้งสองชนิดยังถูกเยี่ยจงทำลายลงไป ความน่ากลัวของเยี่ยจงนี้ เทียบกับข่าวสารที่ได้รับมาก่อนหน้านี้เรียกได้ว่าต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ บอกข้ามาว่าพวกเจ้าสำนักเสวียนหวินได้เตรียมลงมืออะไรกันบ้าง พวกเจ้าทั้งสามคน ผู้ได้บอกออกมาก่อน ข้าจะให้คนผู้นั้นรอดชีวิตกลับไป “ เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาเสียงดังกังวาน ราวกับกำลังตัดสินความเป็นตายของทั้งสามคน
“ เจ้าฝันไปเถอะ พวกเราทั้งสามต่อให้ ……… “ คนที่เป็นผู้นำกัดฟันกล่าวออกมา แต่ว่ายังไม่ทันที่เขาจะทันได้กล่าวจบ ก็ได้ยินเสียง”ฉึก”ดังขึ้นมา สมองของเขาได้ถูกเยี่ยจงแทงเข้าไป จนแตกกระจายออกในทันที หลงเหลือไว้แต่เพียงซากศพ ไร้เรี่ยวแรงจนล้มลงไป
“ เจ้าปฏิเสธความหวังดีของข้า แล้วพวกเจ้าทั้งสองคนเล่า ? “ เยี่ยจงมองไปทั้งสองคนที่เหลืออยู่ ภายในดวงตาไปสาดประกายรังสีฆ่าฟัน เตรียมพร้อมลงมือทุกเวลา
“ ไม่ ข้าบอกแล้ว ข้าบอกแล้ว “
ขณะนั้นต่อมา ศิษย์ของสำนักเสวียนหวินทั้งสองคนก็ได้รีบเอ่ยปากขึ้นมา บอกออกมาในสิ่งที่พวกเขาได้วางแผนเอาไว้แต่ละอย่าง เพียงแต่ว่าด้วยฐานะของพวกเขาถึงแม้ว่าจะมีสถานะสูงส่งภายในสำนักเสวียนหวิน แต่ว่ายังคงมีเรื่องราวอีกมากมายที่แม้แต่พวกเขาเองก็ยังไม่ทราบ หากนับตามคำบอกกล่าวของพวกเขา สำนักเสวียนหวินในครั้งบนี้ก็นำทัพใหญ่เข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ เพียงเพื่อแผนที่เพียงชิ้นเดียว และการสังหารเยี่ยจงนี้ ก็เป็นเพียงแค่หนึ่งในภารกิจของพวกเขาเท่านั้นเอง
“ น่าสนใจอยู่บ้าง “ เยี่ยจงพยักหน้า เข้าใจในเรื่องราวส่วนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ศิษย์ของสำนักเสวียนหวินก็ทั้งสองคนที่ยังไม่ทันจะมีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน พวกเขาก็ได้ถูกสังหารไปในทันที
“ ต่อจากนี้ไป คงต้องไปหาเรื่องกับสำนักเสวียนหวินสักหน่อยแล้วละมั่ง ? “ เยี่ยจงยกมือขวาขึ้นมา จ้องมองไปที่ฝ่ามือที่เปื้อนไปด้วยเลือด รอยยิ้มอันเย็นชาปกคลุมอยู่บนใบหน้า
สำนักเสวียนหวินความจริงคิดที่จะทำอะไร ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย แต่ว่าพวกเขาในเมื่อลงมือต่อตนเองแล้ว เช่นนั้นเยี่ยจงก็มีนิสัย ที่ไม่อาจที่จะปล่อยอีกฝ่ายไว้ได้ กระนั้น เพียงเพราะเรื่องแต่ละอย่าง ระหว่างเยี่ยจงและสำนักเสวียนหวิน ถือได้ว่าเป็นความแค้นไม่อาจอยู่ร่วมกัน ในตอนนี้เมื่อมีโอกาสอันดีที่จะสร้างปัญหาให้แก่สำนักเสวียนหวิน เยี่ยจงก็ไม่อาจที่จะเกรงใจได้อย่างแน่นอน
หากนับตามยอดฝีมือของสำนักเสวียนหวินบอกออกมาเมื่อครู่ ในตอนนี้สถานที่ที่เยี่ยจงอยู่เป็นหนึ่งในสถานที่ที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เรียกขานกันว่าหุบเขาเส้นลมปราณมังกร กล่าวกันว่าเมื่อครั้งอดีตกาล ได้มีมังกรลงมายังพื้นดิน จนทำให้พื้นที่แห่งนี้ไม่มีวันตาย ยิ่งไปกว่านั้นทั่วทั้งสมรภูมิฮวงกู่ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นดินแดนแห่งความตาย แต่ว่าสถานที่แห่งนี้ถึงกับเป็นจุดที่มีชีวิต
และในครั้งนี้ สำนักเสวียนหวินได้มุ่งหน้าไปยังหุบเขาเส้นลมปราณมังกรเพื่อค้นหาสิ่งของบางอย่าง ดังนั้น จึงได้มีคนกลุ่มใหญ่ได้เข้ามายังท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้ กล่าวว่า นอกจากศิษย์ผู้มีความสามารถของสำนักเสวียนหวินแล้ว สมควรที่จะมีคนที่ติดตามมาอยู่ไม่น้อย เพียงแค่มองในข้อนี้ ก็ทำให้ทราบได้ว่าในครั้งนี้สำนักเสวียนหวินได้ลงทุนไปไม่น้อยเลยทีเดียว
“ สมควรที่จะเป็นสถานที่แห่งนี้แล้วละมั่ง ? “
เยี่ยจงเดินทางออกไปตามต้องการ ร่างกายก็ได้ปรากฏอยู่บริเวณปากทางเข้าถ้ำโบราณแห่งหนึ่ง จากนั้นก็สะบัดมือออกคราหนึ่ง พลังกระบี่ตราประทับก็ได้ประทับออกมาเป็นสาย จนทำให้ศิษย์ของสำนักเสวียนหวินแต่ละคนในช่วงที่ยังไม่ทันมีการตอบสนองกลับมา ก็ได้ถูกสังหารลงไปในทันที
“ คนที่สิบแล้ว คนที่มาจากสำนักเสวียนหวินนี้ไม่น้อยเลย “ เมื่อได้เหม่อมองไปยังซากศพของศิษย์สำนักเสวียนหวิน ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ไม่ได้มีอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปแม้แต่น้อย เรื่องเช่นนี้ความจริงแล้วก็ไม่ได้มีอันใดผิดถูก ถ้าหากเขาไม่ทำการสังหารศิษย์สำนักเสวียนหวินแล้วละก็ เช่นนั้นคนที่อาจจะตายคงจะเป็นเขาเอง
เส้นทางสายนี้ หากนับตามข่าวสารที่เขาได้รับมาก่อนหน้า อีกทั้งยังได้สังหารศิษย์สำนักเสวียนหวินไปแล้วสิบคน ค่ายกลสังหารของสำนักเสวียนหวินเหล่านี้ในตอนนี้จึงมิได้ถูกใช้ออกมา จึงได้ถูกเยี่ยจงทำลายเช่นนี้
“ ต่อจากนี้เป็นต้นไป คงจะได้เห็นเรื่องสนุกครั้งใหญ่แล้วละมั่ง ? “
แล้วก็ได้ปัดมือไปมา เยี่ยจงก็ได้เหม่อมองไปทางด้านหน้า ทันใดนั้นสีหน้าก็ได้เปลี่ยนไป ต่อจากนี้จะมีอะไรวางเอาไว้ แม้แต่ศิษย์สำนักเสวียนเองก็ยังมิอาจทราบได้ คิดไว้ว่า คงจะต้องมีอันใดที่มีค่ารอคอยตนเองอยู่ก็เป็นได้ ?
……
นี้คืออาณาบริเวณของทะเลสาบสายหนึ่ง ในตอนนี้ ข้างทะเลสาบก็ได้มีแท่นศิลาตั้งเอาไว้อยู่ชิ้นหนึ่ง มีคนนั่งทำสมาธิอยู่ทางด้านบนบนร่างปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบ บรรยากาศน่าเกรงขาม จัดวางไว้ด้วยยันต์กระจัดกระจาย
คนผู้นี้สูดลมหายใจผ่อนคลาย ก็ได้พบว่าระหว่างฟ้าดินของปราณแท้ได้เข้ามารวมตัวกัน แล้วก็ได้ถูกสูบเก็บไว้อย่างรวดเร็ว
หากว่าในตอนนี้มีคนอื่นอยู่ในที่แห่งนี้ ย่อมต้องตกใจอย่างแน่นอน พลังฝีมือของคนที่นั่งสมาธิอยู่ไม่เพียงแต่จะน่าหวาดกลัวแล้ว จากที่เคยพบมาทั้งหมด คาดว่าคงจะอยู่ในระดับขอบเขตเดียวกับองค์ชายสิบสามแล้ว
และในบริเวณที่ไม่ไกลจากคนผู้นี้ ก็ได้มีผู้คนมากมายเข้ามา คนเหล่านี้ต่างก็ได้กุมมือจ้องมองไปยังบริเวณของผิวทะเลสาบ ไม่ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มหรือว่าเด็กสาว แต่ละคนต่างก็เห็นได้ชัดว่ามีความเป็นวีรบุรุษ มีพลังมากมายเหลือล้น
“ ในครั้งนี้พวกเราได้ตั้งลานสังหารอย่างหนักเอาไว้ สมควรเพียงพอต่อการสังหารเยี่ยจงผู้นั้นแล้ว เมื่อทำสำเร็จก็จะได้ช่วยเหลือนายน้อยทั้งสองกลับมา “
“ นายน้อยทั้งสองถึงแม้จะมีความสามารถทั่วๆไป แต่ก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลคนสำคัญของสำนักเสวียนหวินของพวกเรา หากว่าพวกเขาเกิดเรื่องขึ้น เกรงว่าคงจะทำลายแผนการของพวกเราต่อจากนี้ไปแล้ว “
มีหลายคนที่กล่าวออกมาเสียงเบา ทว่าก็เป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่ง นายน้อยในคำพูดของพวกเขา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยจะให้ความเคารพมากเท่าไรก็ตามที
“ ทว่า เยี่ยจงนั้นก็น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ผู้อาวุโสหวินหลิน ท่านเจ้าสำนักจี้เจ้าต่างก็ถูกเขาทำร้าย การพึ่งพาเพียงแค่ข้า เกรงว่าถ้าหากจะจัดการเขาคงถือได้ว่ายากเสียยิ่งกว่ายากอีก “ มีคนเริ่มกังวล เอ่ยปากถามขึ้นมาเบาๆ
“ ยังไงก็ตาม ไม่ว่าเยี่ยจงเขานั้นจะน่ากลัวสักแค่ไหน ไม่ว่าเขาที่แท้ได้ใช้พลังฝีมืออันใดที่ดินแดนภายนอก แต่ว่าในสถานที่แห่งนี้ เขาก็ใช้ออกได้เพียงแค่พลังฝีมือขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สำนักเสวียนหวินเรายังมีสวางม่ออยู่ในตอนนี้ ที่ถือได้ว่าเป็นบุคคลทรงคุณค่าที่ก้าวเดินในเส้นทางยุทธ์สายนี้ ถูกเรียกขานในสำนักเราว่าความสามารถประหลาด ถึงจะไม่เทียบเท่าเยี่ยจงนั้น ก็คงจะไม่ต่างกันสักเท่าไร ยังมีคนใช้ค่ายกลอยู่ ข้าก็จะลงมือร่วมกัน ต่อให้มีเยี่ยจงอีกสักหลายคนก็ยังสามารถเอาได้ลง ยิ่งไปกว่านั้น ไม่แน่ว่าแม้แต่ค่ายกลสังหารทางด้านหน้าก็คงจะผ่านไม่ได้แล้วกระมั่ง ? “ ชายหนุ่มเอ่ยปากขึ้น ทอดสายตามองไปยังเงาร่างที่นั่งสมาธิอยู่ด้านบนแท่นศิลา ภายในดวงตาปรากฏความเร้าร้อนขึ้นมา
สายตาของอีกหลายคนก็ได้กวาดเข้าไป ท่ามกลางสีหน้าของแต่ละคนต่างก็มีความเคารพไม่น้อยไปกว่ากัน เห็นได้ชัดว่า เมื่อเทียบกับนายน้อยไร้ความสามารถทั้งสองคน สวางม่อยิ่งได้รับใจของคนในสำนักเสวียนหวินมากกว่า
“ ต่อให้เด็กน้อยน้อยจะต่อกรได้ยาก ผ่านไปได้หลายด่านก่อนหน้าแล้วจะอย่างไร ? เขาสามารถมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ ยังมิใช่ความแข็งแกร่งแล้วจะเป็นอะไร ต่อให้สวางม่อของสำนักเสวียนหวินเราลงมือ แต่ว่าอย่าได้ลืมไปว่า ยังมีอีกหลายคน “ เด็กหนุ่มนอกเหนือจากนั้นอีกคนก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา ทอดสายตามองไปยังผิวทะเลสาบ ด้วยสีหน้าเย็นเยียบ
“ ระวังไว้แม้แต่กำแพงก็ยังมีใบหู “ เด็กสาวผู้หญิงส่งเสียงทุ่มต่ำเตือนสติ
หลังจากที่เงียบงัน สีหน้าของหลายคนนี้ก็ได้เปลี่ยนเป็นจริงจังอย่างที่สุด ทั้งหมดนี้ก็ได้พยักหน้า ไม่กล่าวอะไรขึ้นอีก
“ ครืน “
ในช่วงเวลาที่คนเหล่านี้จ้องมองที่การเตือนภัย ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเงาร่างที่ทั้งร่างกายชุมโชกไปด้วยเลือดทะยานออกมาจากอีกทางด้านหนึ่งของสันเขา ลงมายังจนถึงบนพื้น
“ ศิษย์พี่ทุกท่าน แย่แล้ว ลานสังหารทางด้านหน้าใช้ไม่ได้กับเด็กน้อยนั้น อีกทั้งคนของพวกเราที่เข้าต่อสู้ต่างก็ตายกันแล้ว “
“ อะไรกัน ? “ เด็กหนุ่มผู้หนึ่งก็ได้หัวเสียในทันที ใบหน้าปรากฏความยากที่จะเชื่อ
“ ศิษย์พี่ ข้าไม่ได้หลอกท่าน ศิษย์พี่หยินพวกเขาต่างก็ตายในการต่อสู้กันหมดแล้ว ศิษย์น้องที่เหลือที่ตายก็ตาย ที่บาดเจ็บก็บาดเจ็บ ในตอนนี้ได้มีศิษย์น้องหลายคนหยุดยั้งเขาอย่างไม่คิดชีวิต ข้าถึงสามารถกลับมารายงานได้ ศิษย์พี่ เด็กน้อยผู้นั้นไม่ใช่อยู่ในขอบเขตปราณแล้ว คนที่อยู่ในขอบเขตปราณ คงจะไม่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ “ คนผู้นี้กล่าวคำพูดเหล่านี้จนหมดก็ได้กระอักโลหิตคำโตออกมา คุกเข่านั่งลงอยู่กับพื้น สีหน้าทอแววหวาดเกรงอย่างถึงที่สุด
“ อะไรกัน ? “
ผู้คนมากมายริมทะเลสาบก็ได้เงียบงัน แต่ละคนต่างก็ทอดตามองไปทางด้านหน้า จากที่พวกเขาเห็น พวกเขาได้จัดตั้งลานสังหารไปทั้งหมดเกือบสิบจุด ต่อให้เป็นยอดคนแห่งดินแดนซีฮวง อย่างองค์ชายสิบสามเป็นต้นเมื่อได้เข้าไปด้านใน ต่างก็ต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง แต่ว่า เยี่ยจงผู้นี้ที่เป็นเพียงเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์มีอายุเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดเท่านั้น ถึงกับสามารถผ่านพ้นค่ายกลสังหารเช่นนี้ได้ จนทำให้พวกเขาศิษย์สำนักเสวียนหวินต้องตายไปเป็นจำนวนมาก
ควรทราบว่า สำนักเสวียนหวินในครั้งนี้พวกเขาถึงกับได้จ่ายออกมาด้วยราคาที่สูงยิ่ง กลางประตูได้มียอดฝีมือยังมายังสถานที่แห่งนี้ชุดใหญ่ แต่ว่าในตอนนี้ยังไม่ทันที่จะได้เจอกับเยี่ยจงซึ่งๆหน้าก็ได้มียี่สิบกว่าคนที่ได้ทิ้งร่างเอาไว้ หากให้กล่าวโดยสำนักเสวียนหวิน ถือได้ว่าเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ ยากที่จะยอมรับได้
“ ไม่ถูกต้อง ? “
ทันใดนั้นก็ได้มีเด็กหนุ่มกระโดดออกมา ใบหน้าปรากฏความตื่นตกใจ “ เยี่ยจงผู้นี้ถึงกับสามารถฆ่าสังหารพวกของศิษย์พี่หยินได้ทั้งหมด เป็นไปได้อย่างไรที่จะปล่อยศิษย์น้องจ้าวเอาไว้เพียงคนเดียว เกรงว่าเขาคงจงใจแล้วกระมั่ง ในตอนนี้ศิษย์น้องจ้าวมาหาพวกเราในที่แห่งนี้ ……… “
บริเวณที่มีเสียงนั้น ก็ได้มีคนอยู่หลายคนร่างสั่นเทาขึ้นมา แต่ละคนต่างก็กล่าวออกมาตามความคาดเดาของพวกเขา
“ เพียะเพียะ “
เพียงแค่เสียงปรบมือเพียงเบาๆ ก็ได้ดังออกมาจากทางหน้าผา จากนั้นก็ได้พบเห็นกับเงาร่างสูงใหญ่ก้าวเดินออกมา พร้อมทั้งกล่าวด้วยเสียงดังกังวาน
“ เจ้าฉลาดมาก แต่ว่าไม่ว่าเจ้าจะทราบหรือไม่ คนที่ฉลาดนั้น ต่างก็ตายตกเร็วกันทั้งนั้น “
.
.
.
.
กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 450
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610 ล่าสุดตอนที่ 565
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/