เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 279 การชำระล้างกระบี่

ตอนที่ 279 การชำระล้างกระบี่

 

 

ฝ่ามือของเยี่ยจงและจูเยียนก็ได้เข้าหาในชั่วเวลาหนึ่ง จากนั้นก็ได้พลิกกลับเข้าไปทางด้านที่หวินฮู่อยู่ วินาทีนั้น ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมาสนั่น พลังฝ่ามือและหมัดของทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน เยี่ยจงก็ได้ขยับกายอย่างช้าๆ แล้วก็ได้ถอยไปทางด้านหลังอยู่หลายก้าว สีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด

 

ผู้ที่พอจะสามารถเดินมาจนถึงขั้นนี้ได้ พลังฝีมือทุกคนต่างก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมายนัก ไม่อาจที่จะมีผู้ใดที่มีความสามารถที่แข็งแกร่งไปกว่ากัน และในตอนนี้เมื่อทั้งสองได้เผชิญหน้ากัน แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังทำได้เพียงแค่ขมวดคิ้ว นั้นก็เพราะไม่ว่าจะเป็นจูเยียนหรือว่าหวินฮู่ต่างก็ถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างมาก แทบจะเรียกได้ว่าตนเองไม่อาจที่จะต่อกรพร้อมกันด้วยได้ในเวลานี้

 

“ ตูม “

 

ทันใดนั้นเอง อีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้มีหางสัตว์ขนาดใหญ่สะบัดออกมา มุ่งหน้าเข้าไปจากทางด้านน้า เห็นได้ชัดว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีพลังอันแข็งแกร่งตนหนึ่งลงมือ เยี่ยจงเหม่อมองไปที่ตะขอคล้ายดั่งหางสัตว์ก็ไม่ปานนี้ เผยให้เห็นถึงสีหน้าที่ยังย้ำแย่ไปกว่าการร่ำไห้อีก

 

สิ่งมีชีวิตอันแข็งแกร่งทั้งสองสิ่งได้ลงมือในเวลาเดียวกัน ตนเองถึงแม้จะไม่แพ้ แต่ก็ทำได้แค่ฝืนใจต่อกรเท่านั้น แต่ว่าถ้าหากมีสามคนแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้เป็นเยี่ยจงเองในสถานการณ์เช่นนี้ก็ยังคงต้องล่าถอยออกไปอย่างน่าเสียดาย การที่สามารถเดินมาจนถึงขั้นนี้ได้ก็ถือได้ว่าเป็นยอดอัจฉริยะได้อย่างแท้จริงแล้ว ทั้งยังเรียกได้ว่าเป็นยอดฝีมือที่อยู่ในขอบเขตชั้นฟ้าได้อย่างแท้จริง

 

“ โครม “

 

แต่ทว่า หางสัตว์ขนาดยักษ์นั้นไม่ได้สะบัดเข้ามาทางด้านร่างกายของเยี่ยจง เพียงแต่มุ่งหน้าไปกวาดไปทางด้านของจูเยียนเข้าไป สีหน้าของจูเยียนเปลี่ยนไป ยื่นมือเข้าต้านรับการโจมตีเอาไว้ เปลี่ยนเป็นกล่าว “ จิ่วฟ่ง(ฟินิกซ์เก้าเศียร) เจ้าหาที่ตายแล้ว “

 

เสียงของมันได้ดังรอดออกมา ก็ได้มีนกยักษ์สีสองขนาดใหญ่สูงเกือบสองเมตรพุ่งออกมา นกตัวนี้กลับมีอยู่ถึงเก้าหัว บนตัวมีหางขนาดใหญ่อยู่สายหนึ่ง มองไปแล้วประหลาดอย่างยิ่ง แต่ว่าเยี่ยจงก็พอที่จะจดจำออก ว่ามันสมควรที่จะเป็นนกฟินิกซ์ในตำนาน เป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์ที่มีความแข็งแกร่งอย่างมากที่สืบทอดกันมาภายในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย ถือได้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ที่มียอดฝีมืออยู่มากมายนับไม่ถ้วน

 

“ หาที่ตายนั้นมันเป็นเจ้า “ จิ่วฟ่งทอประกายสีหน้าดุร้ายขึ้นมา เศียรทั้งเก้าของมันก็ได้ร้องออกมา ส่งเสียงมุ่งเป้ากดดันไปยังบริเวณจูเยียนเข้าไป มันและจูเยียนถือได้ว่ามีความแค้นกันอย่างใหญ่หลวง ในตอนนี้เมื่อทราบว่าจูเยียนได้รับบาดเจ็บ ตนเองจึงได้ถือโอกาสในการลงมือ

 

“ ของคุณพี่จิ่วฟ่งมากแล้ว บุญคุณในครั้งนี้ข้าจะจดจำเอาไว้ “ เยี่ยจงหยักหน้าไปทางด้านจิ่วฟ่งตนนั้น เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา

 

“ นี้เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างข้าและมัน ไม่ได้เกี่ยวพันกับเจ้า “ จิ่วฟ่งเอ่ยขึ้นมาเสียงดัง มันในตอนนี้ไม่แม้แต่จะมองดูเยี่ยจง ที่มันต้องการลงมือด้วยกลับมิใช่เยี่ยจง แต่กลับเป็นเพราะเห็นว่าในตอนนี้มีโอกาสที่จะสังหารจูเยียนได้

 

เยี่ยจงก็มิได้กล่าวอะไรออกมามากมายอีก เพียงแต่หันกายไป จ้องมองไปยังสีหน้าของหญิงสาวหวินฮู่ที่ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมา และจากนั้นเยี่ยจงก็ไม่กล่าวอันใดมากความอีก เพียงแต่ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ฟาดฝ่ามือปานสายฟ้าออกมาเข้าโจมตี

 

“ โครม “

 

เงาร่างของหวินฮู่ขยับเพื่อซ่อนตัว เฉียดหัวไหล่ทางด้านหน้าไปเพียงเล็กน้อย ขวางรั้งคมหมัดของเยี่ยจงเอาไว้ วินาทีนั้น ก็ได้ก่อเกิดเสียงร้องดังสนั่นอย่างแตกร้าวขึ้นมาเป็นสาย เห็นได้ชัดว่าการปะทะของทั้งสองฝ่ายนั้นมีพลังที่เรียกได้ว่าไม่แตกต่างกัน ในขณะนี้ เขาใช่ว่าพอที่จะสามารถพอที่จะชิงความได้เปรียบได้มากมายนัก

 

“ หรือจะเอาอย่างนี้ดี “ เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะเย็นชา ในมือก็ได้ขยับเคลื่อนไหวรวดเร็วขึ้นกว่าเดิมหลายส่วน เงาหมัดราวกับถูกแยกออกมา โจมตีกดทับเข้าไปเป็นสาย หมายที่จะสังหารหญิงสาวหวินฮู่ไปในทันที ไม่แม้แต่จะสนใจว่าเป็นบุพภางามหรือไม่

 

“ ซูมซูมซูม “

 

แขนทั้งคู่ของหญิงสาวหวินฮู่เป็นเหมือนดั่งหยาดน้ำและอาวุธที่คมกล้าก็มิปาน ตัดผ่านฟาดฟันออกไปท่ามกลางอากาศไปเป็นสาย หยุดยั้งการเคลื่อนไหวทุกการโจมตีของเยี่ยจง พลังดัชนีของนางก็ได้แผ่กระจายออกไปโดยรอบ ต้านรับการโจมตีของเยี่ยจง ไม่ถอยแม้เพียงครึ่งก้าว

 

“ โครม “

 

ทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะเข้าด้วยกันอีกครั้ง ทว่าในครั้งนี้ ฝ่ามือในตอนนี้ต่างก็ได้ทำการปัดป้องหยุดยั้งอีกฝ่ายเอาไว้แล้ว ประทับอยู่บริเวณใจกลางหน้าอกอยู่อีกฝ่าย

 

ร่างกายของทั้งสองคนก็ได้ขยับไปในเวลาเดียวกัน มุ่งถอยไปบริเวณทางด้านหลังหลายก้าว ทุกๆก้าวที่ก้าวออก ต่างก็ได้ทำให้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นบริเวณพื้นดิน ควรทราบว่า ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ถือได้ว่ามีปกคลุมไปด้วยพลังอันแข็งแกร่งจนผู้คนต่างก็ต้องตกใจ แล้วการที่เพิ่มด้วยการโจมตีเฉกเช่นนี้ ยิ่งกลับกลายเป็นเพิ่มพูนแรงกดดันราวกับภูเขาทั้งลูก หากไม่ระวังแม้แต่น้อยแล้ว ก็จะทำให้ร่างกายเลือดเนื้อแตกออกในสถานที่แห่งนี้ได้

 

เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่งอย่างช้าๆ ยังดีที่เขาไม่ได้รับบาดเจ็บจากฝ่ามือนี้ เขาเงยหน้าจ้องเขม็งไปทางด้านหญิงสาวหวินฮู่อีกฝ่าย คู่ต่อสู้เช่นนี้ถือได้ว่าควรค่าแก่การเอาจริงเป็นอย่างยิ่ง หากว่าไม่ระวัง ตนเองคงจะต้องทอดร่างภายในน้ำมือของนางอย่างแน่นอน

 

หญิงสาวหวินฮู่ราวกับสังเกตเห็นสายตาที่มองมาของเยี่ยจง นางเงยหน้าขึ้น ปรากฏรอยยิ้มอย่างเย็นเยียบขึ้นมาบริเวณมุมปาก ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ภายใต้ประกายแสงสีขาว แต่สภาพของนางก็แทบจะไม่แตกต่างจากนางเซียนเลยแม้แต่น้อย ดูสูงส่งไร้ที่เปรียบ แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ นางในตอนนี้ภายใต้การมองของเยี่ยจง กลับเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหาร

 

“ ตูม “

 

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะลงมือ แต่ว่าทันใดนั้นเอง ท่ามกลางแอ่งชำระกระบี่ก็ได้ก่อเกิดเสียงดังขึ้นมาสายหนึ่ง ในตอนนี้ก็ได้ก่อเกิดแสงสีทองสาดขึ้นสู่ท้องฟ้า เต็มเปี่ยมไปทั่วทั้งท้องฟ้า สาดประกายเจิดจ้าสายตา และในตอนนี้ก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งก้าวเดินออกมา เข้าไปท่ามกลางแอ่งชำระกระบี่ ความเคลื่อนไหวของเขาถือได้ว่าทำให้ผู้คนทั้งหมดหยุดมือลง

 

“ องค์ชายสิบสาม ? “

 

เยี่ยจงกวาดตามองเข้าไป เกิดความงงงันขึ้นเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าองค์ชายสิบสามถึงกับมีความแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ เป็นคนแรกที่จัดการกับคู่ต่อสู้ได้ แล้วก็ได้เดินเข้าไปยังแอ่งชำระกระบี่

 

ในเวลาเดียวกัน ก็ได้พบว่าง้าวไท่หยางในมือขององค์ชายสิบสามก็ได้ถูกเสียบเข้าไปภายในแอ่งชำระกระบี่ สายธารที่เป็นดั่งสีทองก็ได้ไหลเวียนเข้าไปยังง้าวไท่หยางในมือของเขาเป็นสาย เริ่มต้นที่จะทำการหล่อหลอม

 

“ หากว่ารอคอยจนเขาชำระจนสำเร็จ แม้แต่ข้าเองก็ต้องตายเช่นเดียวกัน “ เยี่ยจงกวาดตามองไปยังหญิงสาวหวินฮู่คราหนึ่ง แล้วก็มิได้มองดูนางอีก จากนั้นก็ได้ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว ก้าวออกไปจนกระทั่งก้าวสุดท้าย เขานั้นถือได้ว่ามีความหวาดกลัวต่อองค์ชายสิบสาม ที่อยู่ห่างไกลจากหญิงสาวหวินฮู่นางนี้

 

หญิงสาวหวินฮู่ทอสีหน้าแปลกใจ นางจ้องเขม็งมองไปที่ร่างของเยี่ยจง หลังจากนั้นก็ได้ลงมืออีก เพียงแต่หันกายคราหนึ่ง แล้วก็ได้ก้าวออกไป นอกเสียจากเธอแล้ว จูเยียนและจิ่วฟ่งก็ได้วางมือในเวลาเดียวกัน ต่างก็ก้าวเดินออกไป นั้นก็เพราะทุกคนต่างก็เข้าใจกันดี ในเมื่อมีคนที่ได้เข้าไปยังแอ่งชำระกระบี่ไปแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวช้าไปได้อีก ไม่เช่นนั้นแล้วประโยชน์ที่จะได้รับคงจะตกเป็นของผู้อื่นแล้ว

 

นอกเสียจากผู้คนเหล่านี้แล้ว ยอดฝีมือที่หลงเหลืออยู่ในตอนนี้ต่างก็เริ่มที่จะวางมือ แต่ละคนถอยออกไปคนละก้าวในที่สุด

 

“ ตูม “

 

สุดท้ายก็ได้ก้าวเท้าออกไป เข้าไปยังใจกลางของแอ่งชำระกระบี่ แต่ว่า ความเคลื่อนไหวของทุกผู้คนในตอนนี้ต่างก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็นช้าลงอย่างกะทันหัน ราวก็ความเคลื่อนไหวถูกทำให้ช้าลงก็มิปาน เกิดอาการเจ็บปวดไปทั่วทั้ง

 

บริเวณนี้เมื่อเทียบกับรอบนอกของแอ่งชำระกระบี่ ที่มีขนาดใหญ่กว่าอย่างน้อยก็เกือบสิบเท่า ทั้งยังทำให้ผู้คนลำบากเจ็บปวด ราวกับเลือดเนื้อจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่ว่าภายในแอ่งชำระก็ได้พลังปราณวิญญาณประหลาดด้วย สามารถฟื้นฟูกำลังกล้ามเนื้อของพวกเขาได้ กลายเป็นความประหลาดที่สมบูรณ์พร้อมชนิดหนึ่ง จึงไม่ได้ทำให้ผู้ใดร่างกายกล้ามเนื้อแตกสลายออกในสถานที่แห่งนี้

 

“ ที่แท้แอ่งชำระกระบี่ไม่เพียงแต่สามารถชำระสมบัติเซียนได้ ยังกลับสามารถชำระร่างกายได้ ถึงแม้ว่าผลลัพธ์จะออกมาได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ว่าก็ยังพอที่จะส่งผลต่อผู้ที่อยู่ในระดับชั้นขั้นก่อเกิดได้ “ เยี่ยจงราวกับเข้าใจขึ้นมาได้ในทันที เขาไม่คิดที่จะพลาดโอกาสในครั้งนี้ไปแน่ คิดที่จะนำกระบี่ดำออกมา เพียงแค่ขยับมือคราหนึ่งแล้วก็ฝืนหัวเราะออกมา สถานที่แห่งนี้ทั้งไม่อาจที่จะใช้ออกมาด้วยสมบัติปราณ จึงไร้หนทางที่จะนำกระบี่ดำออกมาจากแหวนจักรวาลได้

 

“ เสี่ยวหลุน ต้องพึ่งพาเจ้าแล้ว “ เยี่ยจงส่งเสียงกระซิบ ได้แต่เอ่ยขึ้นมาภายในห้วงสมอง จากนั้นเขาก็ได้ควบคุมพลังปราณกระบี่หกสุสาน เริ่มที่จะหล่อหลอมแอ่งน้ำเหล่านี้เข้าสู่ร่างกาย

 

หลังจากที่เสี่ยวหลุดตอบกลับเยี่ยจงคำหนึ่ง มันก็ได้กลายเป็นประกายสีขาวสายหนึ่ง ทอดลงอยู่บริเวณทางด้านข้างของเยี่ยจงอย่างระมัดระวัง มุ่งหน้าไปทางด้านที่มีผู้คนรวมตัวกันอยู่น้อยอีกทางด้านหนึ่ง จากนั้นมันก็ได้เริ่มดูดซับสายธารเหล่านี้ไปอย่างบ้าคลั่ง

 

เมื่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ เยี่ยจงก็มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่รีบเร่งทำการหล่อหลอมโดยเร็ว

 

แอ่งน้ำของแอ่งชำระกระบี่แห่งนี้ก็ใช่ว่าจะมีอยู่อย่างไม่จำกัด และการมีอยู่อย่างจำกัดนี้ ในตอนนี้ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยที่ได้ลงมือเริ่มหล่อหลอมร่วมกัน เรียกได้ว่าไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลานาน

 

ในเวลาเช่นนี้กลับไม่มีผู้ใดต้องการที่จะลงมือ นั้นก็เพราะว่าพวกเขาต่างก็เข้าใจกันดี ในตอนนี้ไม่ใช่ว่าจะไม่ใช่โอกาสที่ดีในการลงมือ นั้นก็เพราะว่าไม่ว่าผู้ใดก็ตามก็ย่อมไม่อาจที่จะจัดการกับคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดายในที่แห่งนี้ ถ้าเกิดทำเช่นนี้ ก็มีแต่จะทำให้ผู้อื่นได้รับประโยชน์แทน ดังนั้นมิสู้ออมแรงมีหล่อหลอมแทนจะดีกว่า

 

เยี่ยจงพบน้ำในแอ่งน้ำแห่งนี้ค่อยๆลดหายไปไม่หยุดด้วยสายตาของตนเอง ไม่นานนัก ทว่าเพียงแค่ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วยาม ท้ายที่สุดแอ่งน้ำแห่งนี้ก็ได้หายไปจนหมด ราวกับว่าเมื่อทุกผู้คนที่ได้แต่เบิ่งตามองดู สีหน้าเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมา นั้นก็เพราะว่าในเวลาเดียวกันที่น้ำในแอ่งได้หายสาบสูญไปนั้น ราวกับถูกบางอย่างที่เป็นเหมือนดั่งเขาไท่ซานกดทับเข้ามากลางอก กลายเป็นหายไปในที่สุด

 

“ วางใจเถอะ ข้าถึงแม้จะดูดกลืนไปได้เพียงแค่หนึ่งในสิบส่วนของแอ่งน้ำ แต่ว่าก็พอที่จะให้เจ้าใช้ได้แล้ว สิ่งนี้แม้จะไม่มีประโยชน์ต่อข้ามากนัก ถือว่าเจ้าได้กำไรก็แล้วกัน “ เสี่ยวหหลุนโผล่ออกมาจากทางด้านหลังของเยี่ยจงอย่างระมัดระวัง แล้วก็ได้กลับไปยังบริเวณติ่งหูของเขา ส่งเสียงสื่อสารผ่านจิตสำนึกออกมาหหห

 

เยี่ยจงพยักหน้า แล้วก็ไม่ได้กล่าวอันใดมากมายอันใดอีก เขาเพียงกวาดสายตามองไปทางด้านคนอื่นๆ จากนั้นก็ได้มองไปที่แอ่งชำระกระบี่ใต้เท้า

 

แอ่งชำระกระบี่ในตอนนี้ก็ได้เหือดแห้งไปแล้วหลายส่วน เปลี่ยนจนกลายเป็นเหมือนดั่งแอ่งน้ำปกติธรรมดาก็มิปาน จนพอที่จะสามารถพบเห็นเม็ดทรายอยู่ภายใต้แอ่งน้ำได้ แต่ก็ราวกับไม่มีอันใดที่มีความพิเศษ

 

หลังจากที่ได้จ้องมองไปทางด้านหลัง เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้ว ไม่ใช่เป็นเพราะกล่าวว่าบริเวณในสถานที่แห่งนี้มีหัวใจพสุธางั้นหรือ ? ทำไมเขาถึงยังสัมผัสไม่ได้กัน

 

ยอดฝีมือคนอื่นๆต่างก็เกิดความสงสัย ในช่วงเวลานี้กลับไม่มีผู้ใดที่คิดจะลงมือก่อน นั้นก็เพราะว่ามีคนไม่น้อยที่ได้รับข่าวสารเกี่ยวกับหัวใจพสุธาในบริเวณนี้ แต่ว่าในตอนนี้กลับยังไม่พบเห็น ราวกับว่าไม่มีค่าพอที่จะให้ลงมือด้วยซ้ำ

 

“ ที่แท้หัวใจพสุธาจะไม่ปรากฏออกมาในครั้งนี้อย่างงั้นหรือ ? “ หญิงสาวหวินฮู่นั้นก็ได้บ่นพึมพำออกมา สีหน้าทอแววประหลาดใจอยู่หลายส่วน

 

ตามความเป็นจริง ท่ามกลางยอดอัจฉริยะมากมายภายในดินแดนซีฮวง ต่างก็ฝึกปรือเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระที่แปดขอบเขตชั้นฟ้า ต่างก็ถือได้ว่ามีอยู่หลายคนที่ได้เข้าสู่ระดับนี้มาหลายปีแล้ว ย่อมทราบดีแก่ใจว่า ขอบเขตในระดับตำนานนั้นถือได้ว่ายากที่จะไขว่คว้ามาได้

 

และหัวใจพสุธา ถือได้ว่าเป็นถึงสิ่งที่เพิ่มโอกาสในการเข้าสู่อีกขั้นได้ นี้จึงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เหตุใดแอ่งชำระกระบี่ถึงได้เรียกได้เป็นเขตแดนหวงห้าม ที่เหล่าอัจฉริยะต่างก็เข้ามาเพราะเหตุผลเช่นนี้

 

แต่ว่าในตอนนี้ถึงแม้จะยังไม่พบกับหัวใจพสุธา อัจฉริยะทั้งหมดต่างก็ไม่เงียบงันไม่กล่าวอันใดหลายส่วน ถึงแม้เมื่อครู่ที่อยู่ที่แอ่งน้ำทุกๆคนจะได้รับประโยชน์ไปไม่น้อย แต่ว่าเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับหัวใจพสุธาแล้ว แอ่งน้ำเหล่านี้ก็เป็นได้เพียงแค่เศษเสี้ยวเท่านั้น

 

“ โครม “

 

ทันใดนั้นเอง ในช่วงเวลาทั้งหมดที่ทุกคนต่างก็อยู่ในอาการสิ้นหวังแล้วหลายส่วน บริเวณใจกลางแอ่งชำระกระบี่ ก็ได้เกิดรอยแยกขึ้นมาสายหนึ่งอย่างกะทันหัน ทางด้านหลังก็ได้พบเห็นประกายแสงสีขาวโพยพุ่งขึ้นมา

 

“ หัวใจพสุธา ? “

 

สายตาของผู้คนทั้งหมดต่างก็กวาดมองไป แล้วก็ได้พบว่าใจกลางพื้นที่ที่แหวกออกมานั้น บนเงาร่างสีขาวสายนั้นเอง ก็ราวกับเป็นเหมือนดั่งมังกรอสรพิษตนหนึ่งก็มิปาน ราวกับเป็นเพราะว่าการหายไปของแอ่งน้ำนี้ มันจึงจะปรากฏตัวขึ้นมาได้

 

“ หัวใจพสุธาที่แท้ก็ถือเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่แปลกใจเลยที่เมื่อครู่ไม่พบเห็น “ ผู้คนต่างก็บ่นพึมพำขึ้น สีหน้าสั่นไหวไปมา

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 3/4/5/6/7 ราคา 400
กลุ่ม3 https://goo.gl/dV1p9e ตอนที่ 210-290
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด624

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset