เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 300 ซานเชียนต้าเต้า

ตอนที่ 300 ซานเชียนต้าเต้า

 

 

“ เป็นเจ้า “

 

เยี่ยจงขยับกายเคลื่อนไหว ออกไปยังท่ามกลางที่ว่างเปล่า จนลงมาถึงยังพื้นดิน ในบริเวณที่เขาทิ้งตัวลง ยอดฝีมือมากมายกับแตกแยกออก สีหน้าตื่นตกใจระคนสงสัย

 

บริเวณส่วนท้ายของกลุ่มผู้คน ก็ได้มีการรวมตัวของกลุ่มผู้คน อีกทั้งพวกเขาที่อยู่บริเวณทางด้านหน้าสุด ในตอนนี้ก็ได้มีจูเยียนตนหนึ่งมองดูเยี่ยจงอยู่ อีกทั้งท่ามกลางสายตาของมันยังถือได้ว่าทั้งเคร่งเครียดและระแวดระวัง

 

ทว่าหลังจากในตอนนี้ มันยังคงก้าวยาวๆออกมา หักคอตนเองช้าๆ เสียงกร๊อบแกร๊บดังไปทั่วทั้งร่างกาย มันมุ่งหน้าเข้าท้าทายกับเยี่ยจง ทั้งยังมิได้มีความหวาดกลัวเฉกเช่นผู้อื่นก็มิปาน

 

“ อย่างมากก็กระบวนท่าเดียว “ เยี่ยจงทอแววเย้ยหยัน เขาใช้สายตามองไปทางด้านของจูเยียน สีหน้าดุดันขึ้น ในตอนนี้เขาแทบจะไม่เห็นจูเยียนอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายมักจะสร้างปัญหาให้แก่เขา ดังนั้นในเมื่อมันถึงกับมาหาที่ตายเอง เยี่ยจงก็มิอาจที่จะผิดพลาดไปได้

 

จูเยียนขมวดคิ้ว มันมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัย มันในตอนนี้มองไม่ออกว่าเยี่ยจงต่างจากแต่ก่อนอย่างไร ที่แท้แข็งแกร่งขึ้นหรืออ่อนแอลง นั้นก็เพราะว่ามันมองไม่ออกถึงเบื้องลึกของเยี่ยจง

 

“ ข้าไม่เชื่อ คนที่พลาดการเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายไปแล้ว ยังสามารถกลับมาเข้าสู่เส้นทางนี้ได้ใหม่อีกหรอ ? “

 

จูเยียนครุ่นคิดเอ่ยขึ้นมา ท่านใดนั้นเอง มันก็ได้ขยับร่างกาย พุ่งตัวเข้าสังหารออกไป จนปรากฏพลังอันน่าหวาดกลัวเป็นชั้นๆ เห็นได้ชัด ว่ามันไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ในกระบวนท่านี้ เป็นดั่งกงเล็บโลหิตอันร้ายกาจ คิดที่จะทำลายเยี่ยจงลง

 

“ ตูม “

 

เยี่ยจงโบกมืออย่างสบายๆ ใช้ออกด้วยพลังดัชนียิงออกไปทางด้านหน้า แล้วก็ได้พบว่าวินาทีนั่นก็มีประกายแสงสีทองเต็มทองฟ้า จูเยียนขยับกายคราหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้กระอักโลหิตกระเด็นออกไป สีหน้าดุร้ายอย่างถึงที่สุด

 

“ อะไรกัน ? แม้แต่จูเยียนอัจฉริยะอันใดหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์ ก็ยังไม่อาจที่จะต้านได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว “ มีคนไม่น้อยที่สูดหายใจไปมาก่อนหน้านี้พวกเขาไม่มีผู้ใดที่จะทราบถึงความแข็งแกร่งของเยี่ยจงได้ แต่ว่าในตอนนี้พวกเขากลับเข้าใจได้อย่างกระจ่าง ความแข็งแกร่งของเยี่ยจง ได้อยู่เกินกว่านอกเหนือความคิดของพวกเขาไปมากแล้ว

 

เพียงกระบวนท่าเดียว ก็จัดการจนยอดฝีมือพลังขั้นก่อเกิดระดับที่แปดขอบเขตชั้นฟ้าถอนไปได้ นี้ถ้ามิใช่พลังความสามารถของขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย แล้วจะเป็นอะไร ?

 

“ ไป “

 

จูเยียนกระอักโลหิตออกมา มันไม่ลังเลแม้แต่น้อย โบกมือคราหนึ่งแล้วก็นำพาองค์รักษ์ที่ทางด้านหลังจากไป เห็นได้ชัดว่ามันก็เข้าใจเป็นอย่างดี ต่อจากนี้เยี่ยจงจะกระทำอะไร

 

“ คิดที่จะจากไปในตอนนี้ มิใช่ว่าสายเกินไปแล้วหรือไง ? “ เยี่ยจงยิ้มขี้นเบาๆ จากนั้นก็ได้ดีดนิ้วออกวินาทีนั้นก็ได้ใช้ออกด้วยพลังกระบี่ตราประทับพุ่งออกไป ในเวลาเดียวกันก็ได้ปรากฏอยู่ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ปิดกั้นเส้นทางทั้งหมดของจูเยียน

 

จูเยียนสีหน้าปั้นยากขึ้นมา ในตอนนี้พลังกระบี่ตราประทับได้ผรากฏอยู่บริเวณรอบกายของตนเอง ถึงแม้ว่าพลังกระบี่ตราประทับนี้จะไม่ได้มีบรรยากาศอันน่าตกใจ เพียงแค่ปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบเชียบเท่านั้น แต่ว่าจูเยียนกลับไม่กล้าที่จะเคลื่อนไหวแม้แต่น้อย นั้นก็เพราะว่าด้วยพลังฝีมือในตอนนี้ของเยี่ยจงอยู่ในระดับใด มีหรือที่มันจะเคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย

 

“ เจ้าที่แท้จะเอายังไงกันแน่ ? “ จูเยียนค่อยๆหันหน้ามา มันจ้องมองไปที่เยี่ยจง สีหน้าปั้นยากขึ้นมา

 

“ ข้าก็ไม่คิดจะอย่างไรหรอก เพียงแต่ว่าข้ามีความสนใจต่อเส้นชีพจรของเผ่าพันธุ์จูเยียนก็เท่านั้นเอง “ เยี่ยจงมือไพร่หลัง ยิ้มขึ้นมาเบาๆ “ เจ้าอย่างน้อยก็ทราบว่า เผ่าพันธุ์มนุษย์ข้านั้นไม่มีเส้นลมปราณเทพ อีกทั้งในช่วงเวลาที่เมื่อฝึกฝนจนเข้าสู่ขั้นก่อฟ้าแล้ว ต่างก็มีความคิดที่ทราบเกี่ยวกับเส้นลมปราณเทพของเผ่าพันธุ์เจ้า เพื่อที่ตนเองจะได้มีเส้นลมปราณเทพ …… เผ่าพันธุ์จูเวียนพวกเจ้าที่เป็นสัตว์ประหลาดยุคโบราณกาล ข้าคิดว่า เส้นลมปราณเทพย่อมไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน ? “

 

“ เยี่ยจง เจ้าไม่กลัวว่าจะตายอย่างไร้ที่กลบฝั่งงั้นหรือ ? “ สีกน้าจูเยียนเย็นชาขึ้น “ ถึงแม้ว่าในตอนนี้เจ้าจะอยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ภายในสมรภูมิฮ่วงกู่จะไร้เทียมทานได้หรอกนะ แต่ว่าเมื่อออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ มีพันหมื่นวิธีที่จะฆ่าสังหารเจ้า …… ยังถึงกับหาญกล้าที่มีความสนใจต่อเส้นลมปราณเผ่าข้า เจ้ามีความกล้าไม่น้อยเลยนะ “

 

“ วันข้างหน้าจะเป็นเช่นไร เจ้าข้าต่างก็มิอาจทราบ เพียงแต่ข้าทราบเพียงอย่างเดียว ในตอนนี้เจ้ามิใช่คู๋ต่อสู้ของข้า ข้าจะสังหารเจ้าเหมือนสุกรดั่งสุนัข “ เยี่ยจงยังคงสีหน้าที่สงบนิ่ง ไม่ได้สนใจต่อการข่มขู่ของจูเยียนเลยแม้แต่น้อย “ แต่ว่า วันก่อนเจ้าได้ให้โอกาสแก่ข้า ในวันนี้ข้าก็จะให้โอกาสที่เจ้าคืน ถือเป็นมารยาทที่ควรทำ มิใช่หรือ ? “

 

“ ส่งมอบเส้นลมปราณเทพมา มีทางรอด ปฏิเสธ ตายสถานเดียว “ เยี่ยจงเสียงเปลี่ยนเป็นเย็นชา ดวงตาปรากฏรังสีฆ่าฟันขึ้นมา

 

จูเยียนจ้องมองไปทางด้านเยี่ยจงด้วยสีหน้าประหลาด ไม่นานหลังจากนั้น มันก็ได้ค่อยๆที่จะถอนหายใจออกมายาวๆคำหนึ่ง กล่าวเสียงแผ่วเบา “ ข้ายอมรับว่าในตอนนี้ข้ามิใช่คู่ต่อสู้ของเจ้า เพียงแต่ว่า เจ้าต้องการเส้นลมปราณเทพของเผ่าพันธุ์ข้า นั้นไม่อาจเป็นไปได้ …… แต่ว่า ข้าสามารถบอกเรื่องหนึ่งต่อเจ้าได้ ทั้งยังเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมาก ราคาค่างวดย่อมไม่น้อยไปกว่าเส้นลมปราณเทพของเผ่าพันธุ์ข้าแม้แต่น้อย “

 

เยี่ยจงขมวดคิ้ว ไม่เอาปากขึ้นมา เพียงแค่เกาะกุมมือขึ้นมาเบาๆ

 

จูเยียนเริ่มที่จะเบื่อหน่าย มันหลังจากที่เกิดความลังเลขึ้นมา จึงค่อยกล่าวออกมาเสียงเบา “ คิดว่ายังไงเจ้าก็คงจะทราบได้ว่าก่อนที่จะเข้าสู่สมรภูมิฮวบกู่ ก็ได้ทราบถึงเรื่องที่เคยกล่าวเกี่ยวกับวาสนาเพียงสายเดียว หรือว่าเจ้าไม่อยากที่จะต้องการทราบ ว่าวาสนาเพียงสายเดียวนั้น แท้จริงแล้วคืออันใด ? “

 

เยี่ยจงสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่เขาสำรวจจูเยียนทั้งบนบนล่างล่างแล้ว จึงได้ค่อยพยักหน้า หัวข้อสนทนานี้เขามีความสนใจเป็นอย่างมาก นั้นก็เพราะการเข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ในครั้งนี้ วาสนาเพียงสายเดียวหลายคำนี้เป็นสิ่งที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก น่าเสียดาย ตลอดมานี้เยี่ยจงไม่อาจที่จะทราบได้ว่าแท้จริงแล้ววาสนาเพียงสายเดียวนี้คืออไร สามารถทำอันใดได้บ้าง จูเยียนในตอนนี้ก็ได้กล่าวออกมา เขาจึงเรียกได้ว่ามีความสนใจเป็นอย่างยิ่ง

 

หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ส่งเสียงดังกังวานออกมา “ ถือว่าดวงของพวกเจ้าดียิ่ง ไสหัวไป “

 

หลังจากที่เงียบงัน เหล่ายอดฝีมือต่างละคนก็ได้หยุดมือลง ต่างก็สบตามองกัน เห็นได้ชัดว่าไม่ทราบว่าเยี่ยจงจู่ๆถึงได้ให้หยุดมืออย่างกะทันหันได้อย่างไร เพียงแต่ว่า ในตอนนี้มิใช่เวลาที่จะต้องมาคิดเรื่องเหล่านี้ ยอดฝีมือเหล่านี้ก็ได้ถอยไปในทันที ไม่มีความคิดที่จะอยู่ต่อแม้แต่น้อย นั้นก็เพราะว่าถ้าเกิดทำให้เยี่ยจงโกรธขึ้นมาอีกแล้วละก็ พวกเขากลุ่มนี้ก็คงยากที่จากไปได้แล้ว

 

หลังจากที่รอคอยจนผู้คนเหล่านี้จากไปจนหมดสิ้นแล้ว เยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง เก็บรั้งพลังกระบี่ตราประทับ แล้วก็ได้นำเตาหลอมขนาดใหญ่ออกมา นั่งลงอยู่ด้านบน แล้วก็นำเอาโอสถปราณมากินคล้ายดั่งกำลังนั่งกินถั่วก็มิปาน ไม่นานนัก เยี่ยจงก็ได้โบกมือไปมาแล้วกล่าวว่า “ เอาละ คนจำนานมากเหล่านั้นต่างก็คงจำไปไกลจากสถานที่แห่งนี้แล้ว เจ้าบอกมาเถอะ ขอเพียงข้อมูลที่เจ้าว่านั้นเพียงพอ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไปเป็นอย่างไร ? “

 

“ ได้ เจ้าพูดคำไหนคำนั้น “ สีหน้าของจูเยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ค่อยกดฟันแล้วเอ่ยปากขึ้นมา มันยังไม่ต้องการที่จะต้องมาตายยังสถานที่แห่งนี้อย่างแน่นอน หากว่าข่าวสารนี้แลกกับชีวิตหนึ่งของตนเองได้ ก็ถือว่าคุ้มค่ายิ่ง

 

หลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว จูเยียนก็ได้โบกมือคราหนึ่ง จนทำให้องค์รักษ์ที่สีหน้าปั้นยากอยู่ทางด้านบริเวณหลัง มันจึงได้ค่อยเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา “ ความจริงเมื่อกล่าวถึงเรื่องวาสนาเพียงสายเดียว ข้าก็ไม่ค่อยทราบรายละเอียดชัดเจนมากนัก “

 

“ นี้เจ้าคิดจะหาที่ตายงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงกรอกตาไปมา เด็กน้อยผู้นี้มาเพื่อที่จะเล่นตลกกับตนเองหรือยังไง ?

 

“ อย่าพึ่งรีบร้อน ถึงแม้ว่าข้าจะไม่ทราบอย่างชัดเจน แต่ว่าก็ยังถือว่าทราบมากกว่าที่เจ้าทราบมากมายกว่ามาก “ จูเยียนสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น มันพยายามที่จะรวบรวมคำพูดออกมา ค่อยๆเอ่ยขึ้นมา “ ท่านเยี่ยจง ท่านเคยได้ยินมาก่อนไหม เกี่ยวกับคำพูดบองซานเชียนต้าเต้านี้ ? “

 

สีหน้าของเยี่ยจงสั่นไหวขึ้นช้าๆ เมื่อชาติที่แล้วในตอนที่เขาได้รื้อค้นตำราของตำนาน แน่นอนว่าต้องเคยพบเจอก็คำๆนี้มาก่อน เพียงแต่ว่าเขาก็ยังทราบตื้นลึกหนาบาง คิดไม่ถึงกับมาได้ยินจูเยียนเอ่ยขึ้นมาในตอนนี้

 

“ กล่าวกันว่าท่ามกลางต้าเต้าซานเชียน(เส้นทางทั้งสามพัน) ยังรวมถึงจุดสูงสุดของระดับวิทยายุทธ์ เพียงแต่ว่า เทียนตี้ต้าเต้า(เส้นทางแห่งฟ้าดินทั้งสามพัน)มีปราณอยู่ สามารถที่จะครอบครองต้าเต้าซานเชียนมีเพียงแค่ผู้เดียว ไม่มีความเหนือกว่าระหว่างสวรรค์กับโลก มียอดฝีมือมากมาย ต่อให้เกิดมาชาติหนึ่ง ก็ไม่อาจที่จะเข้าสู่เส้นทางสายนี้ได้ “ จูเยียนสีหน้าจริงจังอย่างมาก กล่าวออกมาคล้ายดั่งกำลังกล่าวถึงความลี้ลับของสิ่งของที่อยู่สุดขอบฟ้า

 

คำพูดเหล่านี้เมื่อก่อนนี้เยี่ยจงก็เคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นสีหน้าของเขาในตอนนี้จึงไม่ได้มีความเปลี่ยนแปลงมากมายนัก เพียงแต่พยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ

 

จูเยียนตรวจสอบสีหน้าของเยี่ยจงเล็กน้อย พบว่ามิได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก ต่อมาก็ได้กรอกตาไปมาอย่างช้าๆ นั้นก็เพราะเหมือนเป็นการบ่งบอกว่า เกรงว่าเยี่ยจงคงจะทราบถึงเรื่องราวเหล่านี้เช่นเดียวกัน

 

“ นี้ เจ้าลิงน้อย ตั้งใจหน่อย อย่าได้คิดเรื่องไม่เป็นเรื่อง “ เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา กล่าวเสียงเบาเพื่อเตือนสติ

 

จูเยียนสีหน้าเปลี่ยนไปคราหนึ่ง เขาที่เป็นถึงหนึ่งในยอดอัจฉริยะแห่งเผ่าจูเยียน ถึงกับถึงมนุษย์เรียกขานว่าเจ้าลิงน้อย นี้ถือเป็นการหยามเกียรติกันอย่างมาก แต่ว่ามันในตอนนี้ก็ไม่กล้าที่จะมีข้อพิพาทด้วย เพียงแต่ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง กล่าวต่อไป “ และ ทางฟากฝั่งดินแดนซีฮวงของพวกเรา กล่าวกันว่าก่อนหน้านี้ได้มียอดฝีมือไร้ขอบเขตเบิกแดนสมรภูมิออกมา ภายใต้ผืนฟ้าดินนี้ ก็เหมือนดั่งไม่มี แทบจะไร้หนทางในการเข้าถึงส่วนหนึ่งของตำนานซานเชียนต้าเต้านี้ได้ ดังนั้น ยอดฝีมือทางฝั่งของพวกเรานี้ ต่างก็ได้รับผลกระทบการจองจำไร้รูปลักษณ์ชนิดหนึ่งกักขังเอาไว้ ไร้หนทางที่จะผ่านไปได้ ……. “

 

“ แต่ว่า หมื่นเรื่องใช่ว่าจะถูกต้องเสมอไป หากว่าสามารถเข้าจากเส้นทางอื่นได้ ด้วยการใช้พลังฝีมือส่วนหนึ่งจนได้รับเบาะแสอันน้อยนิดของตำนานต้าเต้าซานเชียนได้ เกรงว่าข่าวสารอันน้อยนิดนี้ เช่นนั้นกล่าวได้ว่าย่อมต้องมีผลต่อสุดยอดฝีมือในฝั่งฟ้าดินนี้ คล้ายดั่งการเปิดสู่เส้นทางสายใหญ่ทั้งหมด แน่นอนว่า เมื่อกล่าวโดยพวกเราแล้ว ก็เหมือนกับเป็นเรื่องที่ดี หากว่าก่อนที่จะเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้า สามารถได้รับประโยชน์จากเบาะแสนี้แล้วละก็ เช่นนั้น วันข้างหน้าเป็นดั่งสุดยอดแห่งดินแดนซีฮวง ไร้ซึ่งข้อจำกัดของเผ่าพันธุ์ได้ “

 

“ และ วาสนาเพียงสายเดียวภายในสมรภูมิฮวงกู่นี้ ก็เหมือนเป็นดั่งที่เสมือนซานเชียนต้าเต้าสายนั้น กับผู้ที่มีความเกี่ยวพันกับคำกล่าวนี้แม้เพียงเล็กน้อย “ ในตอนที่กำลังกล่าวคำพูดสุดท้ายก็เริ่มที่จะกล่าวช้าลง สีหน้าของจูเยียนได้เปลี่ยนเป็นแตกต่างอย่างเห็นได้ชัด นั้นก็เพราะว่าสิ่งที่กล่าวออกมา มีเพียงขุมกำลังและกลุ่มสุดยอดอัจฉริยะของแต่ละเผ่าถึงจะทราบถึงความลี้ลับลึกซึ้งของสิ่งที่อยู่ภายในดินแดนซีฮวงนี้ ขุมกำลังโดยส่วนมาก เรียกได้ว่าไร้หนทางที่จะเข้าถึงได้

 

“ เสมือนซานเชียนต้าเต้าสายนั้น หรือว่าเรื่องนี้ ……. “ สีหน้าของเยี่ยจงเปลี่ยนเป็นประหลาดอย่างถึงที่สุด วิธีการพูดของจูเยียนนี้ เห็นได้ชัดว่ามีความลี้ลับอยู่หลายตัว ยอดฝีมือชนชั้นธรรมดาแทบจะไม่อาจที่จะเข้าใจได้ แต่เยี่ยจงที่ผ่านพ้นมาแล้วสองภพ ในตอนนี้จึงได้เข้าใจความหมายของมันอยู่หลายส่วน

 

“ นั้นก็คือเจ้าสิ่งที่เรียกว่าวาสนาเพียงสายเดียวอย่างงั้นหรือ ? “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังจูเยียน “ หากว่าที่เจ้ากล่าวมาทั้งหมดเป็นจริง เรื่องเช่นนี้ก็คงจะถูกถ่ายทอดมานานนับปีแล้วสิ ? แต่ว่า นับจากสมัยก่อนจนถึงบัดนี้ สมรภูมิฮวงกู้ก็ได้เปิดขึ้นมานับครั้งไม่ถ้วน จนถึงช่วงเวลานี้ เจ้าวาสนาเพียงสายเดียวอะไรนั้น ก็คงจะถูกผู้คนเอาไปได้แล้วนับตั้งแต่แรกแล้วสิ ? “

 

“ เจ้า เยี่ยจง เจ้าไม่เข้าใจในความหมายของข้าเลย …… วาสนานั้นสามารถครอบครองมาได้ แต่ว่าไม่สามารถเอาไปได้ …… แต่น่าเสียดาย ถึงแม้ว่าสมรภูมิฮวงกู่ร้อยปีเปิดครั้ง แต่ก็มีเพียงแค่ภายในรอบพันปี จึงจะสามารถมีโอกาสพบเจอกับวาสนานี้ได้ ดังนั้น จึงได้บอกไปว่าวาสนาเพียงสายเดียวนี้ นั่นก็เพราะว่ามีโอกาสสำเร็จต่ำ จะเป็นใครก็ไม่ทราบ จะได้รับวาสนาเพียงสายเดียวในครั้งนี้ได้หรือไม่ …… แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนั้นก็ตาม กล่าวได้ว่าสมรภูมิฮวงกุ่ในตอนนี้วุ่นวายมีอยู่มากมาย เพียงแต่เจ้าไม่ทราบก็เท่านั้น “

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8 ราคา 450
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด672 Update 20/06/18

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset