ตอนที่ 302 หาญกล้าที่จะสู้กันหรือไม่
บริเวณใจกลางของสมรภูมิฮวงกู่ ในที่แห่งนี้ ก็มีหอคอยสีขาวหลังหนึ่งตั้งอยู่บนยอดเขาสูงเหนือเมฆ พื้นผิวของหอคอยขาวไม่อาจทราบได้ว่าใช้เนื้อผิวใดในการปลูกสร้าง ทั้งงดงามและไร้ที่ติ กล่าวกันว่ามียอดฝีมือทดลองที่จะทำลายเนื้อผิวเหล่านี้ แต่ว่าก็ได้ใช้เวลาอยู่หลายปีแต่ก็ไม่สำเร็จ อีกทั้งจนในที่สุดก็ได้รวมตัวผู้คนมานับสิบนับร้อยคนลงมือพร้อมกัน ต่างก็ไม่อาจที่จะสร้างรอยขีดข่วนได้แม้แต่นิดเดียว
หอคอยขาวนี้มีชื่อว่าหอคอยสงคราม มีความสูงนับพันฟุต พื้นผิวสว่างไสวเป็นประกาย และบนจุดสูงสุดก็ได้มีเวทีอยู่แห่งหนึ่ง มีเส้นผ่าศูนย์กลางนับร้อยเมตร ถือได้ว่าเป็นสนามประลองยุทธ์ที่ตระการตาแห่งหนึ่ง ที่มีลักษณะเป็นวง
เล่าลือกัน หลายปีที่ผ่านมานี้ มียอดฝีมือมากมายที่ได้สู้กันบนหอคอยสงครามนี้ ทุกครั้งที่มีการต่อสู้ จะตระการตาอย่างถึงที่สุด และการที่จะสามารถปรากฏบนยอดหอคอยได้ ต่างก็เรียกได้ว่าเป็นดั่งอัจฉริยะอันดับหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าบุคคลโดยทั่วไปเมื่อทำการต่อสู้กัน แม้แต่การเข้าไปยังหอคอยก็ยังทำไม่ได้
นอกจากสถานที่แห่งนี้แล้ว นอกจากขุมกำลังส่วนน้อยที่ทราบ ว่าคำเล่าลือกันของหอคอยสงครามจะมีความเกี่ยวข้องกับวาสนาเพียงสายเดียวแล้ว ผู้คนมากมายยังทำได้เพียงแค่มองดูสถานที่แห่งนี้จาทางอันห่างไกลเท่านั้น นั้นก็เพราะว่าสถานที่แห่งนี้มิได้เป็นมีความอันใดพิเศษ
แต่ทว่า เพราะว่าความเป็นคุณลักษณะอันโดดเด่นของหอคอยสงคราม ในเวลาเดียวกันก็อยู่ในจุดศูนย์กลางของสมรภูมิฮวงกู่ ผ่านพ้นความรุ่งเรืองมาหลายปี ทุกครั้งที่มีการเปิดของสมรภูมิฮวงกู่ขึ้น สถานที่แห่งนี้ก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเมืองอันไร้ขอบเขตสายหนึ่ง ไม่ว่ายอดฝีมือคนใดก็สามารถที่จะทำการแลกเปลี่ยนสมบัติมีค่าที่อยู่ในมือ กลายเป็นสิ่งของที่ต้องการได้
กล่าวได้ว่า รอบด้านของหอคอยสงคราม ถือได้ว่าเป็นจุดศูนย์รวมภายในสมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้
จนในวันนี้ ที่มาจนถึงครบรอบช่วงเวลาวันที่สุกงอม ในขณะนี้เอง ก็ได้มียอดฝีมือทะบานออกมาเป็นสาย พวกเขาสวมไว้ด้วยชุดเกราะสีทอง จนมาถึงยังรอบหอคอยสงครามอย่างรวดเร็ว พวกเขายืนอยู่ในที่สูง ทำให้เป็นที่ดึงดูดสายตาของผู้คนมากมาย
เงาร่างสายหนึ่งก็ได้ค่อยๆออกมาจากกลุ่มยอดฝีมือมากมาย บนร่างกายของเขาก็ได้แผ่บรรยากาศแรงกดดันชนิดหนึ่งที่ยากจะกล่าวออกมาได้ ดุจดั่งชนชั้นราชา จงมองไปยังพื้นที่ใหญ่
“ เยี่ยจง ได้ยินมาว่าเจ้าได้เข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าแล้ว ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย — ค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง บนหอคอยของหอคอยสงคราม หาญกล้าที่จะสู้กันหรือไม่ ? ! “
องค์ชายสิบสามเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา น้ำเสียงดุจดั่งทะเลสาบสาดเข้ามาก็มิปาน ในตอนนี้ก็ได้เข้ากระทบจนแตกกระจายออกเป็นทาง มุ่งหน้าเข้าครอบคลุมไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน
ไม่ว่ายอดฝีมือจะทำอันใด ในตอนนี้ต่างก็ได้หยุดลง เหม่อมองไปทางด้านขององค์ชายสิบสาม สีหน้าเต็มไปด้วยความยากที่จะเชื่อขึ้นมา
องค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง เป็นอัจฉริยะที่มีดวงตาปราณฟ้ามาแต่กำเนิด สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ทราบกันโดยทั่วไป ในช่วงเวลานี้ เกรงว่าคงจะไม่เห็นผู้ใดอยู่ในสายตาแม้เพียงคนเดียว
และเยี่ยจงยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง เพียงแค่เวลาหนึ่งปีมานี้ นามแห่งราชันก็ได้สั่นสะท้านไปทั่วทั้งสมรภูมิฮวงกู่ การต่อสู้ที่ทะเลมายาโลหิต การแย่งชิงสมบัติที่สุสานกระบี่ ท่ามกลางป่าเขานับสามพันลี้ ท่ามกลางการต่อสู้ที่แตกหัก ก็ได้เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย เยี่ยจงเรียกได้ว่ามีชื่อเสียงจากการต่อสู้ได้อย่างแท้จริง กล่าวได้ว่าทุกผู้คนต่างก็ทราบกันดี
และผู้คนไม่น้อยต่างก็ทราบว่า เรื่องราวของเยี่ยจงและองค์ชายสิบสามก็ได้เกิดข้อพิพาทกันก่อนหน้าตั้งไม่รู้กี่ครั้ง ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายถือได้ว่าไม่น้อยเลย เพียงแต่ว่าตลอดมานี้ต่างก็ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะก็เท่านั้น
และในตอนนี้ องค์ชายสิบสามถึงกับกล่าวออกมาเช่นนี้ เขาทำดั่งจะให้คำพูดเหล่านี้กระจายออกไปยังทั่วทั้งสมรภูมิฮวงกู่แห่งนี้
ตามคำเล่าขานของสมรภูมิฮวงกู่ หากว่าสามารถที่จะเข้าสู่สนามประลองจุดสูงสุดของหอคอยสงครามได้ ไม่ได้มีการแบ่งเป็นผลแพ้ชนะ มีแต่เพียงความเป็นความตาย องค์ชายสิบสามผู้นี้ถึงกับกล่าวคำพูดนี้ออกมา เช่นนั้นก็ถือได้ว่าต้องการที่จะบ่งชี้ระดับสูงต่ำกับเยี่ยจงอย่างงั้นหรือ ?
คำพูดนี้ขององค์ชายสิบสามที่ใช้เวลาส่งต่อไปถึงครึ่งวัน ก็คล้ายกลายเป็นคำพูดกล่าวขานกันมากที่สุดภายในทั่วทั้งสมรภูมิฮวงกู่ มีผู้คนไม่น้อยที่ต่างก็วางมือกระทำเรื่องราวต่างๆ มุ่งหน้าไปรวมตัวกันยังหอคอยสงคราม จนกระทั่ง องค์ชายสิบสามทราบได้อย่างชัดเจนว่าเยี่ยจงก็ได้เข้าสู่พลังขั้นก่อเกิดที่เก้าสำเร็จเช่นเดียวกัน เข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายด้วยสถานการณ์ยังกล้ารับคำท้ารบ นั้นก็เรียกได้ชัดว่าเขาก็ได้เข้าสู่ขอบเขตนั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
การต่อสู้บนเวทีประลองหอคอยสงครามของอัจฉริยะขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายทั้งสองคนนี้ เรียกได้ว่าทำให้เกิดความตื่นเต้นระคนตกใจได้ นั้นก็เพราะว่าด้วยการต่อสู้เช่นนี้ ย่อมต้องเป็นสิ่งที่ยากจะเห็นได้ในชีวิต หากว่าพลาดไป ก็ถือได้ว่าเป็นความสูญเสียที่สุดในชีวิตก็ว่าได้
“ เยี่ยจง องค์ชายสิบสาม ทั้งสองคนนี้ถ้าหากอยู่ในพลังขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายจริง เช่นนั้นพวกเขาก็จะกลายเป็นอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดาสามัญอย่างแน่นอน กล่าวได้ว่าสามารถถูกเรียกขานว่าอยู่ในจุดสูงสุดของหมู่ผู้เยาว์ก็ว่าได้ นี้ถือได้ว่าเป็นการต่อสู้ที่แท้จริงของผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดก็ว่าได้ “
“ เยี่ยจงและองค์ชายสิบสามต่างก็เป็นคนที่อยู่ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ เยี่ยจงที่ขึ้นชื่อว่าราชัน(บ้าคลั่ง) องค์ชายสิบสามที่เรียกว่าราชัน(สุริยา) ต่างก็เป็นหนึ่งในสี่ราชันของเผ่ามนุษย์ แข็งแกร่งและน่าหวาดกลัว เผ่ามนุษย์จะเกิดการต่อสู้กันภายในอย่างนั้นหรือ ? “
“ เชอะ หนึ่งเผ่าพันธุ์หนึ่งจุดสูงสุด มีอัจฉริยะที่อยู่ในจุดสูงสุดมากแค่ไหนกัน ? ที่สามารถเรียกได้ว่าเป็นยอดยุทธ์ระดับเยาว์ ที่หนึ่งเผ่าพันธุ์มีได้เพียงหนึ่งคน องค์ชายสิบสามผู้นั้นคิดที่จะแย่งชิงความเป็นหนึ่งกับเยี่ยจงนั้นสินะ “
“ ทั้งสองคนต่างก็อยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ไม่อาจทราบได้ว่าใครแข็งแกร่งกว่ากัน “ มีคนที่เกิดความสงสัยขึ้น บอกกล่าวคำพูดในจิตใจของผู้คนไม่น้อยออกมา
“ สมควรที่จะเป็นองค์ชายสิบสามสิ ไม่ว่าจะเป็นพลังทางร่างกาย ถาหากว่าทั้งสองคนเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายนั้นแล้วละก็ เช่นนั้นก็ยากที่จะกล่าวถึงความต่ำสูงได้เท่านั้น ถ้าหากเกี่ยวกับทักษะยุทธ์และสมบัติเซียน ไม่ว่าเยี่ยจงจะได้พบเจอกับวาสนาเช่นไร แต่ว่าองค์ชายสิบสามที่เป็นถึงสุดยอดแห่งหุบเขาตระกูลถัง สมบัติเซียนและทักษะเซียนที่มากมาย เพรียมพร้อมมาตั้งแต่เกิด เมื่อมองในข้อนี้ ก็บอกได้ถึงชัยชนะได้หลายส่วนแล้วมิใช่หรือ ? “
“ ยิ่งไปกว่านั้น องค์ชายสิบสามยังมีเนตรปราณฟ้าแต่กำเนิด น่าหวาดกลัวอย่างมาก ใช่ว่าเป็นสิ่งที่คนทั่วไปจะต้านทานเอาไว้ได้ เยี่ยจงใช้อะไรมาต่อกรจัดการกับเนตรปราณฟ้าได้กัน ? “
“ แต่ว่าก็ยากที่จะกล่าว เยี่ยจงสามารถที่จะเพิ่มระดับในระหว่างการต่อสู้ได้ ภายในสามพันลี้นี้ นี้ถือได้ว่าเป็นพลังฝีมือที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความน่ากลัวมิใช่หรือ ? ผลแพ้ชนะยังเรียกได้ว่ายากที่จะกล่าวออกมาได้ ”
ถึงแม้ว่าการต่อสู้จะยังไม่ทันได้เริ่มขึ้น แต่ว่าหลังจากที่คำพูดขององค์ชายสิบสามที่ถ่ายทอดออกมายังไม่ถึงครึ่งวัน ทั่วทั้งสมรภูมิฮวงกู่ก็ได้เริ่มที่จะมีการวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา ความแข็งแกร่งของทั้งสองคนนั้นถือได้ว่าเป็นที่แน่นอน หากว่ามีการปะมือ ผลแพ้ชนะย่อมยากตัดสิน เบื้องหน้าของทั้งสองคนในขณะนี้ อัจฉริยะอื่นๆก็เป็นเพียงแค่ประกายแสงจากหิ่งห้อยเท่านั้น
ค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง บนหอคอยของหอคอยสงคราม หาญกล้าที่จะสู้กันหรือไม่ ?
…………
ภายใต้ค่ำคืนนี้ บริเวณยอดเขาแห่งหนึ่ง เยี่ยจงที่มีจิตใจที่ร้อนแรงดุจกระต่ายอาบแสงจันทร์ตัวหนึ่ง สีหน้าของเขาทอแววสนุกสนานขึ้นมาหลายส่วน แต่ว่าก็มีความตั้งใจแน่วแน่ไร้ที่เปรียบ
“ ค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง บนยอดของหอคอยสงคราม องค์ชายสิบสามนั้นคิดดีแล้วอย่างงั้นหรือ “ เสี่ยวหลุนปรากฏอยู่บริเวณเบื้องหน้าของเยี่ยจง ส่งเสียงดังเชอะออกมา “ ให้ข้าลงมือในตอนนี้เลยไหม สังหารเขาให้กับเจ้า ข้าไม่เชื่อหรอกว่าเพียงแค่พลังขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย เขาจะพลิกฟ้าสะท้านดินได้ ? “
เสี่ยวหลุนทั้งหยิ่งพยองเหมือนอยู่เหนือกว่า แต่ก็ทำให้เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาไม่ได้กล่าวอันใด เพียงแต่กำลังครุ่นคิดอยู่
“ เจ้ามิได้คิดที่จะลงมือด้วยตนเองหรอกนะ อีกทั้งยังเป็นการประลองอีก ? “ เสี่ยวหลุนเหม่อมองไปที่เยี่ยจงด้วยความงุนงงหลายส่วน
เยี่ยจงลุกขึ้นมา กล่าวออกได้เสียงดัง “ ในเมื่อองค์ชายสิบสามกล้าที่จะนัดประลอง เช่นนั้นถ้าหากข้าผิดนัดไป ถ้าหากเป็นเพราะข้าเกรงกลัวเขา มิเช่นนั้นแล้ว ข้าก็คิดที่จะลองดูหน่อย เขาที่อยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย จะแข็งแกร่งได้ถึงขั้นไหนกัน “
“ พลังกายของพวกเจ้าก็ไม่ต่างกันหรอกมั่ง ? เพียงแต่ว่า กระนั้นเขาก็ยังมีเนตรปราณฟ้าอยู่ ในข้อนี้ที่เจ้าเทียบเขาไม่ได้ “ เสี่ยวหลุนก็ได้ครุ่นคิดขึ้น สักพักก็ได้มันก็ได้เอ่ยขึ้นมาเสียงเบา บ่งชี้สภาวะของพลังของเยี่ยจงออกมา
ควรทราบว่าเนตรปราณฟ้ามีความลี้ลับไร้ที่เปรียบ อีกทั้งยังมีความสามารถที่น่าหวาดกลัว ไม่ว่าจะกล่าวออกมาด้วยความหมายใด แน่นอนว่าเยี่ยจงยังมิอาจที่จะต่อกรกับเขาได้ในขณะนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เยี่ยจงในตอนนี้ยังมีพลังฝีมือทักษะยุทธ์ที่จำกัด ใช่ว่าจะสามารถสร้างการคุกคามต่ออีกฝ่ายได้
“ ตราผนึกนภาแข็งแกร่งไร้ที่เปรียบ ด้วยสภาวะของข้าในตอนนี้ สมควรที่จะใช้ออกมาด้วยพลังที่มหาศาลออกมาได้แล้ว เพียงแต่ว่า ถ้าหากพึ่งพาเพียงแต่กระบวนท่าตราผนึกนภาแล้วละก็ เกรงว่าจะมิจำเป็นขนาดนั้น อีกทั้ง ยังได้เวลาที่จะร่ำเรียนวิชาประจำสำนักแล้ว “ เยี่ยจงครุ่นคิด จากนั้นก็ได้ยิ้มน้อยๆขึ้นมา ความจริงเขาได้เตรียมความพร้อมเอาไว้หลังจากที่ทะลวงพลังเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าแล้ว จึงค่อยฝึกปรือวิชาประจำสำนักเมื่อกาลก่อน แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์ในตอนนี้จะมีการเปลี่ยนแปลง
“ เสี่ยวหลุน ช่วยใช้พลังคุ้มครองข้าที สักหลายวันก็พอแล้ว “ เยี่ยจงอยู่ในบริเวณจุดสูงบนยอดเขา นั่งสมาธิลง มือเริ่มที่เปลี่ยนสัญลักษณ์ไปมาอย่างช้าๆ ในตอนนี้ก็ได้เริ่มที่จะฝึกฝนวิชาฝีมือของสำนักอาจารย์อย่างแท้จริงแล้ว ที่ก่อนหน้านี้มีความคุ้นเคยอย่างไร้ที่เปรียบ จึงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เวลามากมายนัก ก็เพียงพอที่จะรื้อฟื้นกลับมาได้
เสี่ยวหลุนจ้องมองไปยังเยี่ยจงอย่างระแวดระวัง ไร้คำพูดจะกล่าวออกมาในเวลานี้อยู่หลายส่วน ฝีชาฝีมือของเยี่ยจงนั้นมีอยู่มากมาย ต่อให้มันที่มีความรอบรู้หลากหลาย ก็ยังต้องถอนหายใจออกมาหลายส่วน นั้นก็เพราะว่าในตอนนี้เยี่ยจงได้อยู่ในระหว่างการเปลี่ยนสัญลักษณ์บนมือแล้ว ที่แท้ก็อยู่ในระหว่างการหล่อหลอมพลังทักษะยุทธ์เซียนนั้นเอง
“ ช่างเถอะ นับตั้งแต่โบราณกาลผู้ที่สามารถเข้าสู่ขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายได้ มีอยู่กี่คนที่ธรรมดากัน ? “ เสี่ยวหลุนถอนหายใจ ท้ายที่สุดก็ได้ปลดปล่อยพลังประกายสีขาวออกมา ครอบคลุมทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจง ระยะเวลากว่าจะถึงคืนจันทร์เต็มดวงในตอนนี้ ยังมีเวลาอีกถึงครึ่งเดือน เยี่ยจงในเมื่อคิดที่จะทำการฝึกฝน ด้วยความสัมพันธ์ของทั้งสองในตอนนี้ มันก็ยังใช้ออกด้วยพลังคุ้มกันอย่างสุดความสามารถ
ช่วงเวลาได้ไหลผ่านไปอย่างรวดเร็ว พลังประกายสีขาวของเสี่ยวหลุนก็ได้สาดทอขึ้นสู่ท้องฟ้าคล้ายสมบัติทอประกายก็มิปาน อีกทั้งประกายแสงที่สาดออกมายังร้อนแรงดั่งเพลิงไฟ ในช่วงเวลานี้ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยที่ตรวจสอบพบเห็นถึงประกายสมบัติในบริเวณแห่งนี้ เพียงแต่ว่าเมื่อพบเห็นว่าเยี่ยจงกำลังราวกับอยู่ในช่วงเวลาของการฝึกฝน ยอดฝีมือเหล่านี้ต่างก็เกิดความหวาดเกรง ล่าถอยออกไปอย่างรวดเร็ว
“ นี้ ที่นั้นมีประกายแสงสมบัติพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สมควรที่จะต้องเป็นสมบัติเซียนที่ไม่เลวชิ้นหนึ่งเลย นั้นต้องเป็นของข้า “
ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งก็ได้เข้ามายังถนนหนทางสายนี้อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็ได้มีอยู่คนนำพาผู้คนมาจนบริเวณทางเข้า
“ แต่ว่าประกายสมบัตินั้นคล้ายกับเป็นมนุษย์นะ น่าจะอยู่ในการเก็บตัวฝึกปรืออยู่ “
“ เช่นนั้นคงได้แต่บอกว่าเขาโชคร้ายแล้ว เก็บตัวฝึกปรือไม่ทราบหรือไรว่าสมควรที่จะเสาะหาสถานที่อันปลอดภัย กระนั้นกลับเสาะหาสถานที่โดดเด่นเช่นนี้ ก็เหมือนหาที่ตายด้วยตัวเอง “ คนผู้หนึ่งหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้โบกมือคราหนึ่ง วินาทีนั้นก็ได้พบเห็นประกายแสงสาดพุ่งออกมา ดุจดั่งคมกระบี่อันแหลมคมก็มิปาน น่ากลัวอย่างไร้ที่เปรียบ
วินาทีนั้น ก็ได้ก่อเกิดวายุอัสนีขนาดใหญ่ กลายเป็นสายลมบ้าคลั่งอันน่ากลัว ประกายคมกล้าสายนี้เห็นได้ชัดว่ามาจากทักษะยุทธ์สายหนึ่ง อีกทั้งอย่างน้อยอยู่ในระดับขั้นทักษะเซียน มิเช่นนั้นแล้วคงจะมิอาจที่จะแสดงพลังทำลายอันน่ากลัวออกมาเช่นนี้ได้
“ เคร่ง “
เสียงดังสนั่นหวั่นไหวก็ได้ดังขึ้นมา เสี่ยวหลุนใช้ประกายแสงสีขาวบดขยี้ออกไปอย่างช้าๆ จนทำลายพลังสายนี้จนแหลกลานเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
เยี่ยจงที่ความจริงกำลังอยู่ในท่าทีฝึกฝนอย่างสงบ จากนั้นก็ได้ค่อยๆที่จะลืมตาขึ้นมา การฝึกปรือของเขาได้มาจนถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ภายใต้สิ่งที่ได้มาทั้งหมด หากว่าเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ด้วยสถานการณ์ที่ถูกคุกคามเช่นนี้ ผลลัพธ์คงจะส่งผลออกมาอย่างยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้
“ ให้ตายเถอะ เจ็บสิ้นดี “ เสี่ยวหลุนร่ำร้องออกมา หลายวันมานี้มันได้ทำการคุ้มกันเยี่ยจงทั้งวันคืน สูญเสียพลังไปไม่น้อย ในตอนนี้จึงอดไม่ได้ที่จะร้องโอดครวญออกมา
เยี่ยจงลุกขึ้นมาอย่างช้าๆ ยื่นมือออกไป เพื่อที่จะให้เสี่ยวหลุนกลับไปยังบริเวณติ่งหู จากนั้นเขาก็จ้องมองไปยังทางด้านหน้า กวาดสายตาไปด้วยความเย็นชาสายหนึ่ง ถึงกับมีความหาญกล้าที่จะลงมือต่อตนเองอย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายได้เตรียมการไว้เพื่อสังหารโดยเฉพาะ ในขณะนั้นเอง ภายในจิตใจของเยี่ยจงก็ได้รังสีฆ่าฟันเดือดขึ้นมา
“ เจ้า ส่งมอบสมบัติเซียนเมื่อครู่ออกมา พวกเราก็จะทำเหมือนไม่มีอันใดเกิดขึ้น ปล่อยเจ้าไป “ เด็กหนุ่มเมื่อครู่ที่ได้ลงมือก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจง เอ่ยขึ้นมาอย่างดูถูก
.
.
.
.
กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8 ราคา 450
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610
กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด672 Update 20/06/18
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/