เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 304 แต่ละฝ่าย

ตอนที่ 304 แต่ละฝ่าย

 

 

ในเมื่อพี่ใหญ่ของพวกเจ้าได้ตายไปแล้ว เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปเป็นเพื่อนร่วมทางก็แล้วกัน “ เยี่ยจงจ้องมองไปยังกลุ่มชายหนุ่มที่เหลืออยู่อย่างดุดัน ในขณะที่พวกเขายังไม่ทันจะได้เอ่ยปากเพื่อจะร้องขอชีวิต กระบี่ดำในมือได้ได้ถูกกวาดออกไป วินาทีนั้นก็ได้ยินเสียง”ซวบซวบ”ดังขึ้นมาไม่ขาดสาย ชายหนุ่มเหล่านี้ทั้งหมดต่างก็ได้ตายลงในทันที กลับกลายคืนสู่ร่างเดิม ที่เต็มไปด้วยสิ่งมีชีวิตต่างๆกลุ่มหนึ่ง

 

เสี่ยวหลุนลอยออกมา ประกายสีขาวก็ได้ปกคลุมไปทั่ว หลังจากนั้น มันก็ได้กลืนกินสมบัติเซียนลงไปแล้วสิบกว่าชิ้น จากนั้นก็ได้นำแหวนจักรวาลที่เหลืออยู่มาให้แก่เยี่ยจงอย่างรวดเร็ว ดูคล้ายกับคุ้นเคยอย่างไร้ที่เปรียบ แล้วก็ได้กวาดตามองไปยังซากศพเหล่านี้คราหนึ่ง หลังจากนั้นเยี่ยจงก็ได้หันกายไป ออกไปจากบริเวณสถานที่แห่งนี้

 

…………

 

“ ตนที่สี่แล้ว คิดไม่ถึงว่ายังถึงกับมีคนที่สังหารสี่ขุนพลของข้าได้ติดต่อกัน ดูท่าข้าคงมิได้ปรากฏตัวออกมานานเกินไป เลยทำให้มีผู้คนมากมายหลงลืมข้าไปแล้ว “

 

และในเวลาเดียวกัน ภายในส่วนของป่าเขาสายหนึ่งในสมรภูมิฮวงกู่ เงาร่างกายหนึ่งก็ได้ค่อยๆลืมตาขึ้นมา บริเวณทางด้านหลังของเขา ก็ได้มีระเบิดขนาดใหญ่ลอยคว้างอยู่ หากว่ามองดูดีๆแล้วละก็ จะสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าระเบิดนี้เป็นการก่อตัวขึ้นของพลังปราณ ทั้งพลังที่อยู่ภายในก็ถือได้ว่ามากมายมหาศาล ยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ แต่ว่าพลังปราณในตอนนี้กลับยังอยู่กับที่ ไม่เพียงแต่ไม่สร้างความเสียหายแม้แต่น้อย อีกทั้งแม้แต่เสียงใดๆก็ยังไม่มี หากว่าในตอนนี้มีเหล่ายอดอัจฉริยะของแต่ฝ่ายในดินแดนซีฮวงปรากฏตัวขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าอย่างน้อยก็ครึ่งหนึ่งที่จะต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา นั้นก็เพราะว่า ในตอนนี้ที่นั่งสมาธิอยู่ภายใต้ท่ามกลางระเบิดปราณนี้ เห็นได้ชัดว่าเป็นบุคคลที่ถูกเล่าขานผู้นั้นเอง ก่อนที่เขาจะเข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ ก็ได้ท้าสู้กับแต่ละเผ่าพันธุ์ อีกทั้งหลังจากที่ได้เข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่แล้ว ก็เพียงไปยังสุสานกระบี่เพื่อไปนำของสิ่งหนึ่งออกกมา แล้วก็ได้หายสาบสูญไป

 

แต่ว่าในตอนนี้เขาที่ยังคงอยู่ในการฝึกปรือ ในข้อนี้เรียกได้ว่าน่าตกใจยิ่ง และบริเวณทางด้านหน้าของชายหนุ่มผู้นี้ ตอนนี้ก็ได้มีชายหนุ่มสี่คนกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ หากว่าเห็นใบหน้าของทั้งสี่คนนี้แล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องมีผู้คนไม่น้อยที่ต้องตกตะลึง นั้นก็เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ใดในสี่คนนี้ ต่างก็เป็นอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์ของพวกเขา แต่ว่าในตอนนี้พวกเขากลับกำลังคุกเข่าเพื่อเป็นการบ่งบอกถึงการให้ความนับถืออย่างไร้ที่เปรียบกับชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหน้าสายตานี้ เห็นได้ชัดว่า ได้กลายเป็นขุนพลข้างกายของเขาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

หากรวมกับที่ถูกเยี่ยจงไปทั้งหมดอีกสี่คน ชายหนุ่มที่เป็นดั่งข้าราชบริพารเหล่านี้ทั้งแปดคนต่างก็เป็นยอดอัจฉริยะของแต่เผ่าพันธุ์ เรียกได้ว่ายากที่เชื่อไดลง ควรทราบว่า อัจฉริยะของแต่ละเผ่านั้นต่างก็อยู่ในระดับสูงสุดของกลุ่มผู้คน คนเหล่านี้มีจิตใจที่กล้าหาญสูงส่ง ย่อมไม่ยินยอมพร้อมใจอย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่ว่าพวกเขาในตอนนี้กลับไม่มีความคิดที่จะเป็นปรปักษ์แม้แต่น้อย เช่นนี้ก็บอกได้ว่าพวกเขานั้นยอมรับจากทั้งใจและกายก็ว่าได้

 

“ นายเหนือหัว เกิดเรื่องอะไรขึ้น ? ใครกล้ามารบกวนการฝึกฝนของท่าน ? “ ชายหนุ่มทั้งสี่คนต่างก็สัมผัสได้ว่าเงาร่างผู้นั้นกำลังลืมตาขึ้นมา หนึ่งในนั้นที่เป็นชายหนุ่มดวงตาเป็นสีทองก็ได้กล่าวออกมาเสียงเบา “ ปีศาจพิษถูกคนกำจัดแล้ว “ เงาร่างที่กำลังนั่งสมาธิอยู่ท่ามกลางปราณระเบิดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา

 

“ อะไรกัน ? “ ชายหนุ่มดวงตาสีทองงงันขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็ยกมือคารวะ แล้วกล่าว “ นายท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดที่หาญกล้ามาหาเรื่องเหล่าอัจฉริยะของนายเหนือหัว พวกข้าจะจัดการสังหารมันให้สิ้น ให้พวกข้าไปเถอะ “

 

“ ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ว่าปีศาจพิษหรือว่าจะเป็นเทียนจุ้ย พวกเขาต่างก็ถือได้ว่าไม่เลว การที่จะสามารถสังหารพวกเขาลงได้อย่างง่ายดาย ผู้ที่ลงมือ ในตอนนี้เกรงว่าคงจะต้องมีพลังอยู่ในขั้นก่อเกิดระดับที่เก้าแล้ว “ ร่างกายที่กล่าวออกมาด้วยเสียงที่เบา อีกทั้งน้ำเสียงในคำพูดยังคล้ายดั่งทีเล่นทีจริงอยู่หลายส่วน

 

“ ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ? “ ชายหนุ่มทั้งสี่ต่างก็สบตามองกัน หลังจากนั้น ชายหนุ่มที่มีใบหน้าขาวซีดก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา “ นายเหนือหัว ตามข่าวลือที่ข้าได้รับมา ท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่ในตอนนี้ ผู้ที่ได้เข้าสู่พลังขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายมีด้วยกันทั้งสิ้นสองคน หนึ่งในนั้นก็คือองค์ชายสิบสามแห่งหุบเขาตระกูลถัง อีกทางด้านหนึ่งก็คือราชันบ้าคลั่งเยี่ยจง “

 

“ องค์ชายสิบสาม ? เยี่ยจง ? “ เงาร่างนั้นเอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา คล้ายดั่งกำลังครุ่นคิด “ ยังมีอีกไหม ? “

 

“ ยังมี ก่อนเดือนก่อนองค์ชายสิบสามก็ได้ท้ารบบนหอคอยสงคราม ทิ้งคำพูดไว้คำหนึ่ง ค่ำคืนที่จันทร์เต็มดวง บนหอคอยของหอคอยสงคราม หาญกล้าที่จะสู้กันหรือไม่ ผู้คนมากมายต่างก็กล่าวกันว่า เขาได้นัดประลองกับเยี่ยจง “ ชายหนุ่มใบหน้าขาวซีดก็ได้กล่าวอย่างรวดเร็ว

 

“ ยอดฝีมือขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย นัดประลองกันที่ยอดหอคอยสงคราม …… ดูเหมือนว่า ถังกู่ผู้นี้คิดที่จะครอบครองวาสนาเพียงสายเดียวแล้ว “ เงาร่างนั้นสายนั้นก็ได้อมยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มคล้ายดั่งแบ่งเป็นทีเล่นทีจริงอยู่หลายส่วน

 

“ นายท่าน องค์ชายสิบสามผู้นี้ก็บังอาจเกินไปแล้ว พวกข้าทั้งสี่คนจะลงมือพร้อมกัน น่าจะยังพอที่จะสังหารเขาได้อยู่ “ เด็กหนุ่มดวงตาสีทองก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“ ทุกวันนี้ก็มีแต่เข่นฆ่าห้ำหั่นกัน ให้พวกเขาสองคนไปสู้กันเถอะ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราก็ไปดูกัน หากว่ามีโอกาสที่เหมาะสมแล้วละก็ พวกเราอาจจะสามารถที่จะได้ครอบครองวาสนาเพียงสายเดียว โดยที่ไม่ต้องสูญเสียอะไรภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น “ เงาร่างนั้นยังคงไม่สนใจ ยังคงกล่าวถามออกมา “ แล้วยังอะไรอีก ? “

 

“ ยังมีอีก นี้ถือเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่ง นางเซียนแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธ์ชิงหญิงแห่งเมื่อวันก่อนได้เข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ แต่ว่าผู้ที่ติดตามนางทั้งหลายคนนั้น ต่างก็แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด ยากที่จะต่อกรได้ อย่างทางด้านหนึ่ง คุณหนูจากลัทธิเทพแดนลี้ลับคล้ายกับปรากฏตัวขึ้นมาแล้ว แต่ว่าความเคลื่อนไหวของนาง ในเวลานี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัด “ ชายหนุ่มดวงตาสีทองครุ่นคิดแล้วกล่าวขึ้นมา

*เซิ้งหรูเซียน (เปลี่ยนเป็นแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธ์) จากความเดิมที่เยี่ยจงถล่มตระกูลซู ครับ

*ลัทธิเหวินซื่อเซินเจรียว (เปลี่ยนเป็นลัทธิเทพแดนลี้ลับ) จากตอนที่เยี่ยจงร่วมมือกับโหย่วเหลียนในทะเลมายาโลหิต

 

“ ในเมื่อพวกนางต่างก็อยู่ในสมรภูมิฮวงกู่แล้วละก็ เช่นนั้นก็คงจะไม่พลาดการต่อสู้ในครั้งนี้แน่ “ น้ำเสียงของเงาร่างนั้นคล้ายดั่งกำลังสนุกอยู่เล็กน้อย “ พวกเราก็ไปกันเถอะ ในเมื่อถูกข้าหมายปองแล้วละก็ ในครั้งนี้พวกนางต่างก็หนีไม่รอดอย่างแน่นอน “

 

*เซิ้งหรูเซียน (เปลี่ยนเป็นแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธ์) จากความเดิมที่เยี่ยจงถล่มตระกูลซู ครับ

*ลัทธิเหวินซื่อเซินเจรียว (เปลี่ยนเป็นลัทธิเทพแดนลี้ลับ) จากตอนที่เยี่ยจงร่วมมือกับโหย่วเหลียนในทะเลมายาโลหิต

 

น้ำเสียงในคำพูดถือได้ว่าราบเรียบยิ่ง แต่ว่าความหมายที่รวมอยู่ในคำพูดนี้ถือได้ว่าเป็นความเชื่อมั่นความแข็งแกร่งในตนเองเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่า คนผู้นี้ได้”หมายปอง”ชิงหญิงแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธ์และโหย่วเหลียนแห่งลัทธิเทพแดนลี้ลับแล้ว

 

“ นายท่าน …… ถ้าพวกเราทำเช่นนี้แล้วละก็ จะไม่ทำให้ดินแดนอันยิ่งใหญ่ทั้งสองสายโกรธขึ้นมา ? เมื่อเวลานั้นมาถึงอย่างน้อยก็คงจะยุ่งยากเหลือคณา “ อีกผู้หนึ่งที่มิได้เอ่ยอันใดมาโดยตลอด ชายหนุ่มที่มีเขาสองข้างบนศีรษะก็ได้หาญกล้าที่จะเอ่ยปากขึ้นมา

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ที่เหลืออีกสามคนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ทั้งยังมองอย่างโกรธเคืองไปยังคนผู้นี้ กระนั้น พวกเขาก็ทราบดีว่าถ้าหากปฏิเสธความต้องการของบุคคลผู้นี้แล้วละก็ สถานการณ์ต่อไปจะเป็นเช่นไร

 

“ ข้าทราบว่าพวกเจ้าต่างก็เป็นห่วงข้า “

 

จากนั้น เงาร่างสายนั้นไม่เพียงแต่ไม่โกรธ เพียงแต่เอ่ยปากขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงเงียบสงบ “ ช่างมันเถอะ เมื่อมาถึงเวลานั้น ข้าจะเผาผลาญสองสำนักใหญ่นี้ให้เป็นจุลเอง พวกเจ้าเชื่อหรือไม่ “

 

หลังจากที่เงียบงัน ชายหนุ่มทั้งสี่ก็ต่างก็มีสีหน้าที่แตกต่างกัน แล้วก็พยักหน้า พวกเขาต่างก็ทราบกันดีอยู่แล้วถึงนิสัยของนายเหนือหัวของตนเองผู้นี้ นับตั้งแต่ติดตามเขามา เขาที่หมายปองสิ่งใด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดก็ต้องเอามาให้จงได้ เมื่ออยู่เบื้องหน้าเขา จวบจนทุกวันนี้ยังไม่เคยมีใครขัดขวางได้มาก่อน

 

“ ใจเย็นๆ เมื่อได้ร่างกายของพวกเธอมาแล้ว จึงจะค่อยได้ใจของพวกเธอเอง สุดท้ายค่อยฆ่าทิ้ง ช่างน่าสนใจจริงๆ “ เงาร่างนั้นลุกขึ้นมาด้วยความยินดี กวาดสายตามองไปยังบริเวณใจกลางของสมรภูมิฮวงกู่ คล้ายดั่งได้ทะยานจากออกไปไกล จนไปถึงยังหอคอยสงครามนั้นแล้วก็มิปาน

 

ขุนพลทั้งสี่ของเขาต่างก็สั่นไหวขึ้นมาคราหนึ่ง ถือได้ว่ามีความเข้าใจในคุณสมบัติลักษณะนิสัยของคนผู้นี้อยู่หลายส่วน คนผู้นี้นับตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้นมาจนถึงทุกวันนี้ ต่างก็ทำลายมาตลอดทาง ไร้สิ่งที่จะกีดกันเอาไว้ได้ ตามที่พวกเขาเข้าใจ มีขุมกำลังไม่น้อยต่างก็ได้พลาดท่าต่อบุคคลผู้นี้ไปมากมาย ทั้งยังคงกล้ำกลืนฝืนทนลงไปได้ เพียงแต่ว่าสิ่งที่เขาหมายปองกลับเป็นนางเซียนแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธ์และหญิงสาวศักดิ์สิทธ์แห่งลัทธิเทพแดนลี้ลับ ทั้งสองคนนี้ อย่างน้อยคงจะหนีไม่พ้นแล้ว

 

“ ไปเถอะ ตามกำหนดการ ไปดูการต่อสู้ที่ยอดหอคอยกัน “

 

เงาร่างสายนั้นในที่สุดก็ได้ปลดปล่อยพลังปราณที่คล้ายกับระเบิดออก กลายเป็นชุดสวมใส่สีเพลิงสวมอยู่บนร่าง ร่างกายไม่จัดว่าสูงมากนัก หน้าตาก็ดูธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ว่าภายในดวงตาทั้งคู่ของเขากลับคล้ายดั่งดวงดาวที่ทอแสงอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ก็มิปาน ดุจดั่งห้วงลึกที่ไม่มีวันสิ้นสุด ทั้งยังให้ความรู้สึกถึงพลังอันแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบชนิดหนึ่ง

 

…………

 

ยามค่ำคืน ภายในสายธารดำทมิฬแห่งหนึ่ง ดอกบัวสีดำก้านหนึ่งก็ได้ทอแสงคมกล้าอยู่ภายใต้ยามค่ำคืน เวลาล่วงเลยไปสักพัก ดอกบัวก็ได้บานออกมา เผยให้เห็นประกายแสงสีดำอันคมกล้าออกมาทีละน้อย จากนั้นก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ภายในดอกบัวนี้มีหญิงสาวนางหนึ่งกำลังนั่งสมาธิอยู่ ใบหน้าของนางนั้นดุจดั่งหลุดออกมาจากภาพวาดก็มิปาน งดงามอย่างถึงที่สุด เต็มเปี่ยมไปด้วยความมีเสน่ห์อย่างไร้ที่เปรียบ ผิวพรรณของนางนั้นขาวผ่องราวกับงาช้างก็มิปาน ภายใต้แสงจันทร์ ก็ได้ทอแสงเป็นประกายระยิบระยับอันลี้ลับออกมา

 

“ ถี่ “

 

ว่าวสีดำผืนหนึ่งที่ก็ได้ล่อนลงมาจากฟากฟ้า ลงมายังกลางมือของนาง กลายเป็นจดหมายฉบับหนึ่ง นางลืมตาขึ้นมา จ้องมองไปยังจดหมายฉบับนี้เบาๆ บนใบหน้าก็ได้เผยให้เห็นรอยยิ้มที่คล้ายดั่งดอกบัวบานออกมาก็มิปาน

 

“ เด็กน้อยผู้นั้น ไม่เจออยู่หลายเดือน ถึงกับมาจนถึงระดับนั้นแล้วได้งั้นหรือ คิดที่จะดึงเขามาเข้าลัทธิเราได้ คาดว่าคงจะยุ่งยากกว่าเดิมแล้ว “ เสียงที่ทอดลงมา หญิงสาวก็ได้ลุกขึ้นมาท่ามกลางแสงจันทร์อย่างช้าๆ เธอไม่ได้กังวลแต่อย่างไร ยืดร่างกายขึ้นตรง คล้ายกับกำลังอาบแสงจันทร์ก็มิปาน หลังจากนั้นนางก็ได้บิดเอวอย่างเกียจคร้านคราหนึ่ง ทันใดนั้นเอง ร่างกายของนางก็ได้หายไปในทันที

 

ในเวลาเดียวกันนี้ สถานที่ไม่น้อยต่างก็การร่วมตัวกันเคลื่อนไหวของอัจฉริยะ ยอดฝีมือขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายสองคนคิดที่จะทำการประลองอยู่ที่เวทีสูงสุดของหอคอยสงคราม ในข้อนี้ผู้คนมากมายต่างก็คิดที่จะเข้ามาชมดูอย่างแน่นหนา แต่ว่าเหล่ากลุ่มคนอันลี้ลับเหล่านั้นที่ได้เข้ามายังสมรภูมิฮวงกู่ ก็ได้ทำการเตรียมการเตรียมพร้อมที่จะไล่ตามสิ่งนั้น แย่งชิงวาสนาเพียงสายเดียว

 

…………

 

บนเส้นทางสายเก่าสายหนึ่ง เยี่ยจงที่สวมเสื้อคลุมยาวสีขาว ก็ได้เดินอยู่อย่างช้าๆ ระดับความเร็วของเขาไม่ช้าเกินไม่เร็วไป ทุกๆการย่างก้าวก็ดูเหมือนกับภาพที่ติดตามาอย่างช้าๆ แต่ว่าการเหยียบลงพื้นกลับดูรวดเร็วเต็มสิบส่วน เป็นเหมือนดังความรู้สึกที่ขัดแย้งกันชนิดหนึ่ง หลังจากที่ตนเองเข้าสู่ขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย เยี่ยจงก็ได้มีความรู้สึกประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง นั้นก็เพราะว่าทักษะปราณทั้งหมดก่อนหน้านี้มีความเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อยส่วนหนึ่ง กล่าวโดยรวมแล้ว แต่ว่าเมื่อได้เพิ่มความตั้งใจมากขึ้นกว่าเดิม คล้ายกับว่าภายในร่างกายของเขาก็ได้เริ่มที่จะมีลมปราณเกิดขึ้นที่ท้องน้อยออกมาก็มิปาน

 

เพียงแต่ว่า ในตอนนี้เยี่ยจงยังไม่ได้สำเร็จทักษะวิชาลมปราณ ดังนั้นการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้จึงมิได้ชัดเจน ยิ่งไปกว่านั้น ท่ามกลางสมรภูมิฮวงกู่ในตอนนี้ ด้วยการจำกัดของพลัง ดังนั้นเยี่ยจงจึงมีความรู้สึกที่ตนเองสามารถอยู่ในความปลอดภัยอย่างถึงที่สุด เส้นทางเก่าแก่นี้มีระยะห่างจากหอคอยสงครามนั้นเพียงแค่ไม่กี่ร้อยลี้เท่านั้น และเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้เร่งความเร็วในระดับสูงสุด ค่ำคืนที่พระจันทร์เต็มดวง น่าจะพอที่จะสามารถไปถึงยังหอคอยสงครามได้

 

เพียงแต่ว่า ทันใดนั้นเองเขาก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ จ้องมองไปบริเวณทางด้านหน้า สีหน้าเปลี่ยนเป็นแปลกใจขึ้นมาอยู่หลายส่วน หญิงสายชุดแพรขาวนางหนึ่งในตอนนี้ก็ได้ยืนอยู่ระหว่างเส้นทางเก่าแก่นี้ หากเป็นบุคคลทั่วไปอย่างน้อยเมื่อพบเจอนางเช่นนี้ ที่มีความงดงามไร้สิ่งที่เทียบได้ในดินแดน ร่างกายที่เจริญพันธุ์อย่างสวยงาม ดังกลีบเกสรที่พัดไปทั้งสามพันลี้ ดุจดั่งนางเซียนที่ทอดตัวลงมาจากหอที่อยู่บนดวงจันทร์ก็มิปาน ให้ความรู้สึกเป็นสิ่งที่สวยงามที่สุดในดินแดนชนิดหนึ่ง

 

ใบหน้าอันแย้มยิ้มของนาง ถึงแม้จะมิได้มีการปะแป้ง แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ นางเซียนผู้นี้ที่มีความงดงามดุจดั่งหลุดออกมาจากภาพวาดก็มิปาน ก็ได้ทำให้ผู้คนเหม่อมองจนจิตใจหวั่นไหว ยิ้มเดียวทลายผู้คนได้ทั้งเมือง เมื่อยิ้มอีกครั้งยิ่งทลายผู้คนได้ทั้งประเทศ เกรงว่าถ้าเกิดนางหัวเราะขึ้นมา คงต้องมีอัจฉริยะในดินแดนทั่วทั้งโลกหล้าหลาสงบให้แก่นาง ความงามของนาง งดงามจนก่อทำให้ผู้คนพล้ำเพล้อ ในขณะนี้เอง ทั่วทั้งฟ้าดินราวกับได้หายไปก็มิปาน

 

ในตอนนี้เส้นทางด้านข้างทั้งสองสาย ก็ได้มียอดฝีมือไม่น้อยต่างก็จ้องมองไปยังเงาร่างของนางอย่างหลงใหล ทั้งยังมีคนที่กุมมือเอาไว้ คล้ายดั่งกำลังสวมบทบาทชายหนุ่มที่มีท่าทางงดงามผู้หนึ่งออกมา แต่ว่าก็ได้แต่แอบมองดูนาง คล้ายดั่งว่าในตอนนี้ นางเป็นเหมือนดั่งผืนฟ้าที่อยู่ภายในจิตใจก็มิปาน เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปยังหญิงสาวนางนี้เช่นเดียวกัน หลังจากนั้น เขาก็เพียงแค่ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8 ราคา 450
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610

กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690 ล่าสุด676 Update 22/06/18

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset