เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 320 ดั่งฟากฟ้า

ตอนที่ 320 ดั่งฟากฟ้า

เวลาได้ล่วงเลยผ่านไป ท่ามกลางสนามก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเงียบสงบลง ผู้คนมากมายต่างก็ทอดมองไปยังบนร่างกายของเยี่ยจง พวกเขาต่างก็รอคอย และอดกลั่น รอคอยช่วงเวลาที่เยี่ยจงจะเปิดหอคอยสงคราม

หอคอยสงคราม หลังจากที่ได้เปิดขึ้นมาก็จะสามารถที่จะครอบครองวาสนาเพียงสายเดียวในตำนานได้ เหล่าราชาแห่งรัฐกู่กวอ ลัทธิจากแดนลับแลเป็นต้นที่มีความเป็นมาอย่างลี้ลับเหล่าลับ วาสนาเพียงสายเดียว ยิ่งถือเป็นสิ่งที่ต้องครอบครองมาให้ได้

เพียงแต่ว่า หากว่าวาสนาเพียงสายเดียวถือเป็นคลังสมบัตินั้นแล้วละก็ เช่นนั้นเยี่ยจงในตอนนี้ก็ถือได้ว่ากุมกุญแจในการเปิดเพื่อเข้าไปยังคลังสมบัติในตอนนี้เอาไว้ ขอเพียงเขายังไม่ได้เข้าไปยังภายในคลังสมบัติอย่างแท้จริง ในตอนนี้ก็คงจะยังไม่มีผู้ใดที่ยินยอมที่จะลงมือ

ไม่ว่าเขาจะเปิดหอคอยสงครามหรือไม่ เขาก็ต้องตายอย่างแน่นอน ทันทีที่เขาเปิดทางเข้าสู่หอคอยสงคราม คาดว่าต้องมียอดฝีมือไม่น้อยที่ลงมือ จัดการฆ่าสังการ ช่วงชิงวาสนา ……และหากว่าเขาเพื่อที่จะมีชีวิตอยู่ ในตอนนี้ก็คงจะได้แต่ปล่อยวางการเปิดของหอคอยสงครามแล้วละก็ มีผู้คนไม่น้อยที่ต่างก็พาลโกรธด้วย เขาย่อมต้องมิอาจที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้แล้ว มีคนกล่าวเสียงเบา แบ่งปันความคิดเห็นที่มีต่อเยี่ยจงในตอนนี้ ถึงแม้เยี่ยจงในตอนนี้จะแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด เป็นสุดยอดรุ่นเยาว์อย่างแท้จริง ท่ามกลางสนามก็มีผู้คนเกือบครึ่งที่มิอาจที่จะเข้าแย่งชิงได้ แต่ว่าถ้าหากราชาของรัฐกู่กวออันมากมาย ลัทธิแดนลับแลไม่เห็นแก่สถานะลงมือแล้วละก็ การสังหารก็มีความเป็นไปได้ที่สูง

ตอนนี้ ขอเพียงแค่รอคอยอย่างเงียบงันก็พอแล้ว ทว่าต่อให้เป็นดั่งเช่นนี้ เขาก็คงจะไม่มีวิธีที่จะรอคอยเช่นนี้ต่อไปได้ตลอด กระนั้นจะต้องมีคนที่อดใจเอาไว้ไม่อยู่แน่

ซูม ——”

บนหอคอยสงคราม หลังจากที่ผ่านเลยไปได้ครึ่งชั่วยาม ทันใดนั้น บนร่างของเยี่ยจงก็ได้มีเสียงเพียะเพียะดังออกมาในเวลาเดียวกัน อาการบาดเจ็บบนร่างของเขาในตอนนี้ก็ได้ฟื้นฟูขึ้นมา พลังฝีมือกลับคืนมาถึงจุดสูงสุด

มือทั้งสองข้างก็ได้วางออกลงไปบนพื้นเบาๆ ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ค่อยๆลุกขึ้นมา ตามความเคลื่อนไหวของเขา ก็ได้มีสายตาที่สาดเป็นประกายอยู่นับไม่ถ้วนขึ้นมา รอคอยความเคลื่อนไหวต่อไปของเขา

เจ้าได้ฟื้นฟูหายจากอาการบาดเจ็บแล้ว ใช่ต้องการจะเปิดทางเพื่อเข้าสู่หอคอยสงครามหรือไม่ จิตแห่งหอคอยสงครามจ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเยือกเย็นไร้ที่เปรียบ เอ่ยปากขึ้นมาอย่างช้าๆ

เปิดขึ้นมาเถอะ เยี่ยจงจ้องมองไปยังทั่วทั้งสี่ทิศรอบหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ เอ่ยปากกล่าวเสียงแผ่วเบา

ครืน ——”

จิตแห่งหอคอยสงครามพยักหน้า จากนั้นก็ชี้นิ้วออกไป แล้วก็ได้พบเห็นประกายคมกล้าสีทองก่อตัวรวมกันขึ้นมา จนกระทบอยู่บนบริเวณฝ่ามือของเยี่ยจง กลายเป็นป้ายกระดูกชิ้นหนึ่ง

หอคอยสงครามได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว ผู้ที่ถือแผ่นป้ายเอาไว้ จะสามารถลงไปยังเบื้องล่างได้ รวมทั้งยังสามารถครอบครองวาสนากระไรนั้น ที่ดูเหมือนจะมีเจ้าเพียงคนเดียว สายตาก็ได้มองไปที่เยี่ยจงอย่างลึกซึ้ง จิตแห่งหอคอยสงครามก็ได้โบกมือคราหนึ่ง กรงเป็นตายที่ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งหอคอยสงครามในตอนนี้ก็ได้ค่อยๆเลือนรางหายไป ทั่วทั้งหอคอยสงครามก็ได้เกิดเสียงดังขึ้นมา เกิดพื้นที่ที่เป็นช่องว่างอยู่สูงประมาณสิบชิได้

สวรรค์ ถึงกับมีประตูขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมาจากทางด้านล่าง

นี้สมควรที่จะเรียกว่าเป็นทางเข้าสู่หอคอยแล้ว นี้มิใช่บอกได้ว่า ทุกๆคนต่างก็สามารถเข้าไปได้งั้นหรือ ?

บริเวณทางด้านล่าง ก็ได้มีคนที่เกิดความตื่นเต้นขึ้นมา ทันใดนั้นเอง ราวกับมีคนแย่งชิงกันออกไป เพราะว่าสิ่งของที่อยู่ภายในหอคอยสงคราม ในความหมายอีกทางหนึ่งก็เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด

ถี่ ——”

จากนั้น ผู้ที่เคลื่อนไหวออกไปยังประตูใหญ่เมื่อครู่นี้ ร่างกายของเขาก็กลายเป็นลุกไหม้ขึ้นมาด้วยตัวเอง แม้แต่เสียงเจ็บปวดก็ยังไม่ทันจะได้ร้องออกมา ก็ได้กลายเป็นเพียงแค่เถ้าถ่านกองหนึ่งเท่านั้น

นี้มัน พื้นที่หวูหมิงเฮว่อ(ไร้นามไฟ ) จำเป็นที่จะต้องมีสมบัติป้องกันร่างกายชนิดพิเศษ จึงจะสามารถย่างกรายเข้าไปได้ ไม่เช่นนั้นก็คงต้องมีพลังขั้นก่อเกิดระดับที่เก้า ต่อให้เป็นราชาแห่งรัฐกู่กวอเหล่านั้น ผู้ที่มาจากแดนลับแล ก็คงต้องตายอย่างมิต้องสงสัย มีคนเอ่ยปากขึ้นมาอย่างหวั่นไหวส่วนหนึ่ง กล่าวออกมาถึงสถานการณ์อันแปลกประหลาดที่อยู่เกิดขึ้น ทำให้ผู้คนอดที่จะตกใจขึ้นมามิได้

และสิ่งที่พอจะสามารถขวางรั้งหวูหมิงเฮว่อได้ ก็คงจะอยู่ในมือของเยี่ยจงแล้วกระมั่ง ? “ ผู้คนมากมายต่างก็จ้องมองไปยังป้ายกระดูกที่อยู่ในมือของเยี่ยจง แต่ละคนทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา ที่แท้เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ ไม่แปลกใจเลยที่มีคนเอาแต่รอคอยวาสนาจากเยี่ยจง นั้นก็เพราะว่า ในตอนนี้มีแค่เพียงเยี่ยจงเท่านั้นที่ได้รับป้ายกระดูกอยู่ในมือ เช่นนั้นก็คงจะมิอาจที่จะเข้าสู่ภายในหอคอยสงครามได้อย่างแท้จริงแล้ว

หากว่าในตอนนี้มีคนของราชารัฐกู่กวอหลายคนลงมือพร้อมกันแล้วละก็ เกรงว่าเรื่องราวคงจะยุ่งยากแล้ว “ มีคนเอ่ยขึ้นมาด้วยความหวาดกลัวอยู่หลายส่วน สายตามองไปที่เยี่ยจงที่กำลังเดินอยู่อย่างเกลียดชัง จนมาถึงร่างของบุคคลลึกลับเหล่านี้ คิดที่จะทราบว่าพวกเขาจะมีความเคลื่อนไหวอะไรหรือไม่

เหอะ ป้ายกระดูกก็ได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว ดูสิ ถึงเวลาที่ข้าออกโรงแล้วสินะ ? “ บริเวณทางด้านของขอบฟ้า ทันใดนั้นเอง ก็ได้มีเสียงดังลอดออกมาเบาๆ ทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนละสายตามองไปในทันที เสียงนี้ดังขึ้นอย่างชัดเจน แต่ว่ากลับมีพลังที่ยากจะฟังได้ชนิดหนึ่ง จนทำให้ตื่นตกใจขึ้นมา

เป็นเขา ในขณะนี้ ต่อให้เป็นขุมกำลังใหญ่ในระดับสูงภายในสายตาก็ได้ปรากฏแววตาแห่งความหวาดกลัวอยู่ภายใน นั้นก็เพราะว่าพลังอันแข็งแกร่งของผู้ที่มามีมากเกินไป อีกทั้งภายใต้ดินแดนซีฮวงพวกเขายังถึงกดดันจนโงหัวไม่ขึ้นอีกด้วย อีกทั้ง การปรากฏตัวของบุคคลผู้นี้ ก็เหมือนจะได้กลิ่นอาย ว่าเรื่องราวในวันนี้คงจะไม่จบลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้อย่างแน่นอน

คุณหนู เป็นบุคคลผู้นั้น กุ่ยเมียนผอผอหันหน้าไป บนใบหน้าปรากฏความหวาดกลัวที่ยากจะเกิดขึ้นมาได้ เห็นได้ชัดว่า เกี่ยวกับบุคคลผู้นี้ นางก็มีความหวาดเกรงอยู่หลายส่วน

นางเซียนชิงหญิงรู้สึกอยู่ภายในใจ มองไปยังบริเวณทางด้านหลัง จากนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย ไม่กล่าวอันใดออกมา

ในเวลาเดียวกัน โหยวเหลียนก็ได้มองเข้าไป เพียงแต่ว่าใบหน้าของนางกลับทอแววเย็นเยียบขึ้นมาในทันที เห็นได้ชัด การปรากฏตัวของบุคคลผู้นี้มิได้ทำให้นางรู้สึกดีมากมายนัก

เหอะๆ ชิงหญิง โหยวเหลียน เรื่องของพวกเราอีกเดี๋ยวค่อยคุยกันอีกที ให้ข้าจัดการเรื่องราวให้เสร็จก่อน แน่นอนว่าย่อมต้องพาพวกเจ้ากลับไป “ บุคคลผู้นั้นกวาดตามองไปยังศีรษะอันทรงเสน่ห์ของทั้งสองคน จากนั้นก็เอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา

แววตาของทั้งสองต่างก็ได้ทอเป็นประกายอย่างช้าๆ แต่ว่าพวกนางก็มิได้กล่าวตอบแต่อย่างไร เห็นได้ชัดว่าบุคคลผู้นั้น พวกเขาก็รู้ถึงจนถึงขั้นหวาดเกรง

วาสนาเพียงสายเดียว พันปีปรากฏขึ้นหนึ่งครา ความจริงแล้วทั้งหมดสมควรที่จะเป็นของตระกูลถังข้า ในตอนนี้เจ้าหนูเยี่ยจง ทว่ากลับใช้ฝีมืออันเลวทรามช่วงชิงไปก็เท่านั้น ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ก็มิอาจที่จะให้เขานำไปได้ “ ราชารัฐเจิ้งกว่อก้าวใหญ่ๆเดินออกมา บนใบหน้าปกคลุมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน หากว่าต้องให้เยี่ยจงเข้าสู่หอคอยสงคราม ได้รับวาสนาเพียงสายเดียวแล้วก็ เกรงว่าหุบเขาตระกูลถังคงจะต้องเจอกับความลำบากครั้งใหญ่แล้ว ดังนั้นเขาจึงจำเป็นที่จะต้องลงมือ

คุณหนู วาสนาเพียงสายเดียวไม่อาจที่จะตกไปอยู่ในมือของเยี่ยจงได้ แล้วก็ไม่อาจที่จะตกไปอยู่ในมือของบุคคลผู้นั้น จำเป็นที่จะต้องตกอยู่ในมือของแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์เรา “ กุ่ยเมียนผอผอสีหน้าค่อยๆฟื้นกลับคืนมา จากนั้นนางก็ได้กล่าวคำพูดยุยงออกมา ในเวลาเดียวกันก็ได้มีความเกลียดชังเอาไว้อยู่ด้วย

นอกจากบริเวณนี้แล้ว เหล่าคนของราชารัฐกู่กวอ ลัทธิแดนลับแลต่างก็ได้ลุกกายขึ้นมาอย่างช้า พวกเขาแต่ละคนต่างก็มองไปทางด้านที่เยี่ยจงอยู่ หากว่ามีความหมาย ไม่ทราบว่ากำลังครุ่นคิดอะไรกันอยู่

ป้ายกระดูกในมือเยี่ยจง ที่อยู่บนยอดหอคอยสงคราม เขาย่อมต้องเข้าใจถึงระดับขอบเขตของตนเองเป็นอย่างดี เพียงแต่ว่าเขาไม่อาจที่จะถอยไปได้ เพียงแต่จับป้ายกระดูกในมือให้แน่นขึ้นอย่างช้าๆ สีหน้าสงบนิ่ง ในตอนนี้หากว่ามีคนคิดที่จะลงมือต่อเขาแล้วละก็ เขาไม่ถือสาที่จะจัดการไปให้พ้น

โครม ——”

ทันใดนั้นเอง ดุจธารดวงดาวสาดกระพริบ ส่งเสียงออกมาเบาๆ เงาร่างสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมายังยอดหอคอยสงครามในทันที การปรากฏตัวของเขาเป็นดั่งการรวมกลุ่มของดวงดาวที่เปลี่ยนแปลงรอบกาย เต็มเปี่ยมอำนาจอย่างไร้ที่เปรียบ

เป็นเขา

มีคนเกิดอาการตกใจขึ้น ที่แท้บุคคลผู้นี้ก็อดไม่ได้ที่จะลงมือแล้ว

เจ้าไม่เลวเลย ขอเพียงเจ้าส่งมอบตรากระดูกออกมา ข้าสามารถตอบรับให้เจ้านั่งอยู่ในตำแหน่งขุนศึกอันดับหนึ่งได้ วันหน้าข้าจะพากลับไปยังแดนซานเชียน ที่มีเผ่าพันธุ์นับล้านๆ “ ผู้ที่มาชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง เขาไม่สะทกสะท้านแต่อย่างไร เห็นได้ชัดว่ายังให้ความสำคัญแก่พลังฝีมือของเยี่ยจงอยู่หลายส่วน คำพูดที่เขากล้าวออกมาแม้จะดูวางกล้ามและน่ากลัวอย่างมาก แต่ว่าในตอนนี้กลับไม่มีคนที่สามารถไม่ยินยอมได้ ราวกับคำพูดของเขาเป็นดั่งปรากาศิตจากฟ้าก็มิปาน

เป็นเจ้า เยี่ยจงมองไปยังคนที่มา สีหน้าทอแววหนักแน่น เพียงมองแค่ความแข็งแกร่งและจิตใจของบุคคลผู้นี้ เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นบุคคลที่ถูกเล่าขานผู้นั้น “ ต้องการสิ่งของนั้นย่อมได้ เจ้าก็เข้ามาเอาด้วยตัวเอง “

น่าเสียดาย

บุคคลผู้นี้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ไม่ทราบว่าสัมผัสได้ถึงสิ่งใด แต่ว่าทันให้นั้น เขาก็ได้ยื่นมือขวาออกไป คว้าจับเข้าไปยังบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงอยู่ ในวินาทีนั้นเอง ราวกับว่าทั่วทั้งผืนฟ้าหลงเหลือไว้แต่เพียงฝ่ามือข้างนี้ที่ยื่นออกมาก็มิปาน น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

เยี่ยจงหดตามองเข้าไป ทันใดนั้นเอง เขาก็ได้ยื่นแขนขวาออกไปเช่นเดียวกัน นิ้วบนฝ่ามือก็ได้ปรากฏเป็นตัวอักขระตราผนึกนภาขึ้นมาโดยรอบ หมายจะยับยั้งกระบวนท่านี้เอาไว้

ฉากเบื้องหน้านี้ได้ทำให้ผู้คนตกใจขึ้นมาไม่น้อย เยี่ยจงผู้นี้แข็งแกร่งและมีความเชื่อมั่น เผชิญหน้ากับบุคคลที่เป็นเหมือนดั่งพยัคฆ์ร้ายเช่นนี้ เขาถึงกับยังมีความกล้าที่จะเผชิญหน้าเอาไว้เช่นนี้ได้อีก

ตูม ——”

ทันใดนั้นเอง ความเคลื่อนไหวดุจดั่งพลังจากท้องทะเลก็ได้ลอยพัดออกไปในทันที บนยอดหอคอยสงครามก็ได้เกิดเสียงที่ดังสนั่นขึ้นมา ราวกับพร้อมที่จะทลายลงไปได้ทุกเมื่อก็มิปาน

เพียงแต่ว่า ฝ่ามือของทั้งสองคนแม้จะมิได้กระทบถูกัน ในช่วงเวลาที่คับขันที่สุด เงาร่างของบุคคลผู้นั้นก็ได้ขยับคราหนึ่ง มุ่งหน้าถอยไปยังบริเวณทางด้านหลัง

เจ้าไม่เลวเลย หลังจากที่เขาจ้องมองไปที่เยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏดวงเดือนเดือนตะวันดวงดาวชั้นฟ้า พยักหน้าช้าๆ “ เพียงแต่ว่า เจ้าในตอนนี้ยังไม่เป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้ “

ไม่ลองดูหน่อยงั้นหรือ ? เยี่ยจงร้องชิอย่างเย็นชา เขาก็ไม่ใช่บุคคลธรรมดาสามัญ เมื่อถูกคนตัดสินเช่นนี้ ก็ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจอย่างมาก ควรทราบว่า ขนาดองค์ชายสิบสามที่ถือครองเนตรปราณฟ้ายังต้องทอดร่างภายใต้น้ำมือของเขา เขาย่อมต้องมีคุณสมบัติ

ไม่ต้องลองหรอก เจ้าในตอนนี้ย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของข้าอย่างแน่นอน การสังหารเจ้าลงเช่นนี้ ก็น่าเสียดายจนเกินไปแล้ว

……. แท้จริงแล้ว สมควรที่จะต้องรอจนถึงช่วงเวลาที่สุดงอมแล้วจึงจะมีความหมาย มิใช่หรือ ? “ บุคคลผู้นี้เอ่ยขึ้น คำพูดโอหังอย่างยิ่ง “ ข้าให้ทางเลือกเจ้าสองสาย ทางแรก ติดตามข้าไป “

เจ้ามีคุณสมบัติใดที่จะให้ข้าติดตามเจ้าไปงั้นหรือ ? เยี่ยจงยกมุมปากขึ้น ทอดตาไปยังแดนซานเชียน เต็มเปี่ยมไปด้วยเผ่าพันธุ์นับหมื่นล้านล้าน เรื่องเช่นนี้ใช่ว่าจะให้เจ้าตัดสินใจได้ “

เหอะเหอะเหอะ หากว่าติดตามข้า ข้าจะให้เจ้าได้ครอบครองทั้งมนต์ตราเทพ ทั้งวิชาระดับปฎิหาริย์ในดินแดน รู้แจ้งความเป็นมาแห่งสายจากทั้งซานเชียน มีความสามารถในที่ควบคุมแดนซานเชียนเซินเจี่ยอยู่ในกำมือ หากว่าเจ้ามีความสามารถแข็งแกร่งที่เพียงพอแล้ว คงมีสักวันที่เจ้าจะสามารถเทียบเท่ากับข้าได้ก็เป็นได้ เป็นอย่างไร ? บุคคลผู้นี้ยิ้มขึ้นมาน้อยๆ คำพูดที่กล่าวออกไป กลับเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตื่นตกใจได้

เจ้ามีคุณสมบัติในการกล่าวเช่นนี้หรือ เยี่ยจงอดที่จะร้องชิออกมาไว้ไม่อยู่ ถึงแม้ว่าจะทราบว่าเป็นบุคคลลี้ลับผู้นั้น แต่ว่าคำพูดคำจาก็ถือว่าเกินไปอยู่อย่สงมากมาย

แน่นอนว่าข้าย่อมมีคุณสมบัติเช่นนั้น เพราะว่า ข้าคือจื่อจุนเทียน ชายหนุ่มยิ้มขึ้นมาช้าๆ กล่าวขึ้นอย่างชัดเจน ทั้งยังบอกว่าคนเองเป็นผู้ใดออกมา

มีสกุลว่าจื่อจุน นามเทียน

อีกทั้งสกุลที่มีว่าจื่อจุน มีนามว่าเทียน ที่ถือได้ว่าเป็นทั้งความรับผิดชอบและความแข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่ เพียงแต่ว่านามนี้ ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยบรรยากาศแห่งความโอหังอยู่ชนิดหนึ่ง ราวกับเป็นผู้ที่สามารถชนะสิบทิศได้

สีหน้าเยี่ยจงเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบลงไปในทันที แซ่หนึ่งเดียวแห่งจื่อจุน เมื่อครั้งที่อยู่ที่ดินแดนซานเชียนเซินเจี่ยก็เคยได้ยินได้ฟังมา แต่เมื่อกล่วถึงสกุลนี้ ที่ทั้งลี้ลับและต้องห้ามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนซานเชียนเซินเจี่ย แต่กลับกลายเป็นว่า ชายหนุ่มผู้นี้ในวันนี้ กลับมาปรากฏอยู่เบื้องหน้า เรียกว่าจื่อจุนเทียน

แต่ว่า ถ้าหากข้าปฏิเสธอย่างเด็ดขาดเล่า ? สีหน้าเยี่ยจงเย็นเยียบ เอ่ยขึ้นมาอย่างช้าๆ

.

.

.

.

กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์ครับ กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9 ราคา 550
กลุ่ม4
https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5
https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset