ตอนที่ 357 วิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้า
พลังปราณสายเล็กๆนี้ ราวกับก่อเกิดมาจากประกายอักขระสีทองอย่างวุ่นวานนับไม่ถ้วนก็มิปาน ทั้งแวววับจนละลานสายตา พลังปราณสายนี้ก็ได้เกิดขึ้นมาเรื่อยๆดุจดั่งมหาสมุทรอยู่บริเวณจุดตันเถียนของเยี่ยจง ในขณะนี้เอง จุดตันเถียนของเยี่ยจงก็ได้เปี่ยมไปด้วยพลังปราณดุจดั่งสายดาราท้องมหาสมุทรก็มิปาน
การก่อพลังปราณในครั้งแรกได้จนสำเร็จ ในเวลาเดียวกันก็ได้มีกลิ่นไอบางอย่างเกิดขึ้น ในขณะนี้ภายในร่างกายของเยี่ยจงก็เปรียบเสมือนก่อเกิดเขตแดนขนาดเล็กขึ้นจนสำเร็จ
เยี่ยจงได้ทะลวงเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณ ระดับเส้นชีวิตได้มีการเปลี่ยนแปลงจนสูงล้ำขึ้น พลังฝีมือเมื่อเทียบกับช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เรียกได้ว่าอยู๋ในระดับฟ้ากับดินเลยก็ว่าได้
ในขณะนี้เอง แม้แต่ฟ้าดินก็ยังต้องเริ่มต้นกู่เกิดเสียงร้องขึ้นมา
“ ฮูมฮูมฮูม—— ”
พลังปราณฟ้าดินในตอนนี้ก็ได้แออัดกันอย่างวุ่นวานแผ่กระจายกันอย่างหน้าแน่นออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ตามความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ในขณะนี้เอง เขตแดนขนาดเล็กภายในร่างกายของเขาก็ได้เริ่มต้นที่จะสามารถเสริมบำรุงขึ้นมาได้ หล่อหลอมพลังปราณฟ้าดินเหล่านี้เอาไว้
ในตอนนี้ เยี่ยจงคล้ายกับแย่งชิงโชคแห่งฟ้าดินเอาไว้ ซึมซับพลังปราณแห่งฟ้าดินเหล่านี้เข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง เพิ่มที่จะทำการเสริมบำรุงร่างกาย
เมื่อในขณะที่เยี่ยจงได้หล่อหลอมพลังปราณภายในร่างได้เป็นครั้งแรก เป็นเสมือนดั่งการดึงดูดอย่างหนึ่ง แต่ว่าภายใต้ของขอบเขตที่เพิ่มสูงขึ้น กลับกลายเป็นการหล่อหลอมพลังปราณแห่งฟ้าดินที่อยู่ภายนอกร่างกายเอาไว้
ในขณะนี้ เยี่ยจงก็สามารถทำการเชื่อมต่อกับฟ้าดิน สามารถทำให้พลังปราณภายในร่างกายเต็มเปี่ยมได้อยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถทักษะปราณ ทักษะเซียน รวมไปถึงมนต์ตราเทพในการควบคุมพลังปราณได้อีก ทั้งยังก่อเกิดพลังที่แตกต่างกันโดยทั้งสิ้น
ยังไม่ทันที่จะสามารถปรับสภาพการเปลี่ยนแปลงภายในร่างกายต่างๆนาๆได้ ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้สั่นเทาขึ้นมาอย่างกะทันหัน พลังปราณภายในร่างกายของเขาก็ได้ก่อเกิดเสียงร้องดังขึ้นมา ทุกๆชั้นของพลังปราณก็ได้ก่อรวมไว้ด้วยอักขระขึ้นมาเป็นสาย ไม่นานนัก พลังปราณเหล่านี้ก็ได้ค่อยๆถูกลดทอนลง จนกลายเป็นพลังปราณที่อยู่ภายในตัวของมันเองทีละน้อย เพียงแต่ว่าพลังลมปราณกลุ่มนี้เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ กลับมีความหนาแน่นยิ่งกว่า ดุจดั่งอยู่ในคนละระดับ แต่ว่าเมื่อมองอย่างละเอียดแล้วละก็ ยังคงสามารถมองได้ออกว่า พลังปราณได้ถูกก่อรวมตัวเอาไว้ทั้งหมดจากตัวอักษรอักขระอันวุ่นวายเหล่านี้
“ นี้มัน …… ทะลวงขึ้นไปอีกแล้วอย่างงั้นหรือ ? “เยี่ยจงทอสีหน้าแปลกใจ เขาถึงแม้ว่าจะทราบว่าวันเวลาที่ผ่านมาของตนเองนี้จะมีความเข้าใจต่อคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ จนได้รับประโยชน์มาก็ไม่น้อย แต่ก็คิดไม่ถึงว่าจะสามารถแสดงผลออกมาได้จนถึงในระดับนี้ขึ้นมาได้ ถึงกับสามารถทะลวงเข้าสู่วิทยายุทธ์พลังขั้นก่อฟ้าได้ในทันที แล้วก็ยังสามารถทะลวงเข้าไปได้อีก จนกระทั่งทะลวงเข้ามาจนถึงวิทยายุทธ์พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณความสำเร็จใหญ่
“ ตูม —— ”
ทันใดนั้นเอง ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้สั่นเทาขึ้นมาอีกครั้ง ลมปราณภายในร่างกายก็ได้ถูกบีบอัดลงไปอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ในครั้งนี้ ภายในร่างกายของเขาที่ความจริงเป็นเหมือนแหล่งชี้นำพลังปราณเอาไว้ ดุจดั่งถูกรวมเอาไว้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายก็มิปาน ซ้อนทับเป็นชั้นๆ เต็มเปี่ยมไปด้วยตัวอักขระ
เยี่ยจงในตอนนี้สามารถกล่าวได้ว่ามีความกระจ่างแจ้งดุจดั่งท้องมหาสมุทร น่าหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด
“ เชอะ—— ”
ในช่วงระหว่างที่เยี่ยจงได้หายใจเข้าไปลึกๆ ในครั้งนี้ พลังปราณทั่วทั้งตำหนักโบราณทั้งหมดก็ได้ถูกการสูดลมหายใจเพียงครั้งเดียวของเขาดูดซับเข้าไปจนหมดสิ้น ยังดีที่ในครั้งนี้ ภายในร่างกายของเขามิได้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ เพียงแต่ว่าพลังปราณฟ้าดินเหล่านั้นก็ได้ถูกหล่อหลอมไปด้วยความรวดเร็วในระดับสูงสุด อีกทั้งเมื่อถูกดูดซับ จากนั้นก็ได้ไหลเวียนผ่านไปตามเส้นลมปราณไปมาด้วยตัวของมันเองอยู่ภายในร่างกายของเขา
“ วิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณครบรอบ。 ”
เยี่ยจงกรอกสายตาไปมา บนใบหน้าก็ได้ปรากฏความซับซนขึ้นมาเต็มสิบส่วน แม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่า เพียงแค่คิดจะผ่านเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าเท่านั้น โดยที่ไม่ทราบเกิดจากสาเหตุกลใด ตนเองก็เกือบที่จะสามารถฝึกฝนย่างกรายเข้าสู่จุดสูงสุดของวิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณ มีพลังฝีมือเทียบเท่ากับชนชั้นระดับราชัน
เรื่องราวเช่นนี้สามารถกล่าวได้ว่าตามความเป็นจริงแล้วแทบจะมิอาจเป็นไปได้เลย แต่ว่าเมื่อร่างกายของเยี่ยจงได้ผ่านวิถีสูงสุดคืนสู่สามัญนับร้อยครั้ง ที่เปรียบได้กับการเตรียมความพร้อมเอาไว้ บวกกับการใช้ออกมาด้วยคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ จึงสามารถที่จะมีแสดงผลออกมาเช่นนี้ได้ เกิดการทะลวงติดต่อกัน ที่อยู่นอกเหนือเหตุและผลตามปกติ
เพียงแต่ว่า หากว่าในชั่วพริบตานี้ สามารถทะลวงเข้าสู่วิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้า แล้วทะลวงเข้าสู่พลังขอบเขตเล็กได้ ก็เรียกได้ว่าหาได้ยากแล้ว บุคคลเช่นนี้ ก็เพียงพอที่จะสามารถเรียกได้ว่าเป็นดั่งยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์ได้แล้ว หากว่าถูกเผยแพร่ออกไป ก็เพียงพอที่จะสะท้านยุทธภพได้แล้ว
แต่ว่าช่วงพริบตาที่เยี่ยจงได้ทะลวงเข้าสู่วิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้า กลับสามารถทะลวงติดต่อกันได้ถึงสองขอบเขต เรื่องเช่นนี้หากว่าถูกผู้อื่นทราบ แน่นอนว่าคงไม่อาจที่จะมีผู้ใดเชื่อได้ลง นั้นก็เพราะว่า ต่อให้เป็นดั่งบุคคลในตำนานในครั้งโบราณกาล ก็ยังมีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่จะสามารถกระทำเรื่องราวเช่นนี้ขึ้นมาได้
“ ซูม —— ”
แล้วก็ได้สูดลมหายใจเข้ายาวๆอีกคำหนึ่ง สัมผัสพลังอันเอ่อล้นที่อยู่ภายในร่างกาย บนใบหน้าของเยี่ยจงก็ได้ปรกาฏรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยยินดีขึ้น การเพิ่มระดับขอบเขตเช่นนี้ อาจจะเป็นเพราะตนเองมีการเตรียมพร้อมที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้นแม้จะน่าทึ่ง อีกทั้ง การหล่อหลอมพลังลมปราณภายในร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นพลังสายใด ต่างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยการปะทุของพลังเซียนเอาไว้อยู่ภายใน หากว่าเหล่าทักษะปราณ ทักษะเซียน มนต์ตราเทพที่ตอนเองใช้ออกมาต่อจากนี้เป็นต้นไปคงจะมีพลังที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“หรือไม่ก็ ลองดูหน่อยละกัน! ”
แล้วก็ได้หัวเราะขึ้นมาเบาๆ เยี่ยจงก็ได้เก็บคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์เอาไว้ จากนั้นก็ขยับร่างกายคราหนึ่ง ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ออกไปจากชั้นใต้ดินของตำหนักโบราณ หลังจากที่ร่างกายได้ขยับเพียงครู๋เดียว ก็ได้มาจนถึงด้านหลังหุบเขาต้องห้ามของลัทธิแห่งดวงดาว
ด้านหลังหุบเขาต้องห้ามของลัทธิแห่งดวงดาว แล้วก็เป็นเขตของการล่าสัตว์ขนาดใหญ่ผืนหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ได้ทำการเพาะเลี้ยงเหล่าสัตว์ปีศาจเอาไว้เป็นจำนวนมาก ตามช่วงเวลาตามปกติจะใช้ไว้ให้ศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาวเอาไว้ใช้เพื่อทดลองฝีมือ
แต่ว่าด้วยความรวดเร็วของร่างกายเยี่ยจง ไม่นานนักก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณเขตที่เป็นลานของการล่า ในตอนนี้ก็ได้ควบคุมพลังปราณขึ้นมา แผ่พุ่งออกมาจากทั้งร่างกาย จ้องมองไปยังบริเวณทางด้านล่างอย่างเยือกเย็น
เสียงของสัตว์ปีศาจก็ได้กู่ร้องขึ้นมาวุ่นวายอยู่ภายในป่าเขา จากนั้น ก็ได้พบบางอย่างที่มีขนาดลำตัวยาวนับร้อยลี้ ทั่วทั้งร่างกายปกคลุมไปด้วยเกล็ดที่มีความคมดุจดั่งคมดาบก็มิปาน ด้านบนศีรษะก็ได้ศีรษะอสรพิษสองเศียรขนาดยาวเหยียดปรากฏตัวขึ้นมาอย่างช้าๆ
มันมีใบหน้าที่แข็งกร้าว ดวงตาดุจดั่งกระดิ่งขนาดใหญ่ก็มิปาน แล้วก็ได้จ้องมองมาทางด้านของเยี่ยจงอย่างเย็นเยียบ สัมผัสได้ถึงการหลั่งไหลของเลือดลมขึ้นมาได้
พลังปราณแท้อันหนาแน่นก็ได้แผ่กระจายออกมาเป็นสายจากร่างกายของอสรพิษยาวตนนี้ ราวกับว่ามีพลังแห่งอักขระล้อมรอบร่างกายของมันเอาไว้
อสรพิษยาวตนนี้ถือได้ว่าเป็นดั่งราชาแห่งจุดล่าสัตว์แห่งนี้ ปกครองจุดไล่ล่านี้มานานหลายปี แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสแห่งลัทธิแห่งดวงดาวก็ยังมิอาจต่อกรกับมันได้ ดังนั้นตามปกติเมื่อศิษย์แห่งลัทธิแห่งดวงดาวมาทดสอบฝีมือ ต่างก็จะหลบเลี่ยงสัตว์ปีศาจที่อยู่ในบริเวณนี้
ในขณะนี้เอง เยี่จงก็ได้ทอประกายดวงตาหนักแน่นมองเข้าไปบริเวณทางด้านหน้าของเขา จนทำให้อสรพิษตนนี้หัวเราะเย้ยหยันออกมา จนทำให้ตนของมันเองรู้สึกได้ว่ามีเหยื่อเข้ามาติดกับแล้ว
เยี่ยจงหัวเราะขึ้นเบาๆ แต่ก็ยังมิได้ชิงลงมือก่อน เขาเพียงแต่มองดูอสรพิษเบื้องหน้านี้เพียงอย่างเดียว เขารอคอยอสรพิษตนนี้จู่โมเข้ามา
นัยน์ตาของอสรพิษตนนี้ได้ทอประกายดวงตาแดงเพลิงขึ้นมาอย่างหนาแน่น มันสามารถสัมผัสได้ว่าเยี่ยจงกำลังทำการเย้ยหยันและท้าทายต่อมันอยู่ พริบตานั้นเอง มันก็ได้สะบัดหางขนาดใหญ่ฟาดเข้ามา จนสามารถทำให้ก้อนศิลาขนาดใหญ่แหลกจนกลายเป็นปุ๋ยผง และในขณะนี้เอง ร่างกายดุจดั่งประกายแสงสาดทอสังหารออกไป อีกทั้งยังเต็มเปี่ยมไปด้วยความน่าหวาดกลัว มึ่งหน้าเข้าจู่โจมหมายสังหารในบริเวณที่เยี่ยจงอยู่ออกไป
เยี่ยจงหรี่ตาลง ในพริบตาหลังจากนั้น เขาก็ได้พลิกมือขวาออกไปเบาๆ ตามความเคลื่อนไหวของเขา เขาก็ได้ควบคุมพลังปราณจากทั่วทั้งร่างกาย ก่อเกิดประกายเสียงอักขระคมกล้าขึ้นมาเป็นสาย ในขณะนั้นเอง เขาก็ยังคงมิได้ใช้ทักษะยุทธ์ใดๆออกมา เพียงแต่ในพลังปราณของตนเองเข้ากดดันออกไปเพียงถ่ายเดียว
“ เปรี้ยง —— ”
ร่างกายของอสีพิษสั่นเทาขึ้นมา ดุจดั่งเหยียบเข้าไปยังดงหนามก็มิปาน จนทำให้มันกู่ร้องออกมาเสียงดัง มันที่ถือได้ว่ามีความฉลาดเป็นอย่างยิ่ง ในตอนนี้ภายในดวงตาก็ได้ก่อเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเป็นสาย หันกายหมายหลบหนีจากไป
“ หลายปีมานี้เจ้าได้เข่นฆ่าสังหารศิษย์ของลัทธิแห่งดวงดาวข้าไปก็หลายคน ถึงเวลาที่จะได้รับการตอบแทนแล้ว ”
เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาเสียงเบา จากนั้นเขาก็ได้พลิกมือออกไปเล็กน้อย ใช้ออกด้วยพลังดัชนีมุ่งเข้าไปยังบริเวณที่อสรพิษตนนั้นอยู่
“ ตูม —— ”
แล้วก็ได้ปรากฏดวงดาวขึ้นมาสายหนึ่ง บริเวณท่ามกลางอากาศ ก็ได้ก่อเกิดดวงดาวลอยลงมา อีกทั้งยังมีขนาดใหญ่นับร้อยจัง ขอเพียงสะกิดโดนแค่ส่วนปลาย ก็พอที่จะทำให้อสรพิษคนนี้ถูกกดทับจนกลายเป็นเพียงเนื้อโม่แป้งได้ในทันที
“ ราวกับว่า มีบ้างอย่างที่ไม่เหมือนกันอยู่ ”
ในขณะที่ลงมือก็ได้ค่อยๆที่จะสัมผัสอย่างละเอียดเพื่อนำมาเปรียบเทียบกันว่าแตกต่างจากก่อนหน้าเช่นไร เยี่ยจงหลับตาลง เริ่มต้นจดจำทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้น
พลังฝีมือที่ได้ปะทุขึ้นมา ได้ทำให้เยี่ยจงไม่อาจที่จะสัมผัสพลังที่ถูกใช้ออกมาของตนเองได้อย่างชัดเจนมากนัก แต่ว่าหลังจากเมื่อได้ทำการฆ่าสังหารแล้ว สิ่งที่เขาพอจะสัมผัสได้อย่างชัดเจนในตอนนี้ก็คือระดับพลังของขอบเขตนั้นจัดได้อยู่ในระดับใด
“ ถ้าหากว่าขนาดระดับพลังเช่นนี้ถูกใช้ออกพร้อมด้วยร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณด้วยแล้ว ก็น่าจะสามารถมีพลังที่อยู่ในระดับชนชั้นราชันได้อย่างสบายๆ ด้วยพลังฝีมือของวิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณ เพียงแต่ว่า ต่อให้มิต้องใช้ร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณ พลังลมปราณในร่างกายของข้าในตอนนี้ ที่อยู่ในระดับวิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณ น่าจะพอถูไถได้อยู่ ”
หลังจากที่ได้ครุ่นคิดแล้ง เยี่ยจงก็ได้เปรียบเทียบพลังฝีมือของตนเองในตอนนี้และก่อนหน้านี้
จากนั้นก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ในครั้งนี้ เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกมาด้วยตราแห่งราชาแดนมนุษย์ จนก่อเกิดรอยประทับสีทองขนาดใหญ่มโหฬารขึ้นมา กดทับไปทางด้านล่าง บดขยี้กระบวนท่าเมื่อกี้ที่ใช้ออกมาจนแหลกละเอียด
หลังจากที่จบความเคลื่อนไหวไปแล้ว เยี่ยจงก็ได้หันกายไปคราหนึ่ง ก้าวเท้าออกไปก้าวหนึ่ง เพียงไม่กี่คราก็ได้กลับมายังภายในลานของลัทธิแห่งดวงดาวได้ภายในพริบตา
บริเวณนอกเขตลัทธิแห่งดวงดาว อันหงเจินก็ได้เงยหน้าขึ้นมาช้าๆอย่างกะทันหัน เขาจ้องมองไปทางด้านบริเวณด้านหลังเขา จากนั้นก็ขมวดคิ้วขึ้นมา แล้วจึงได้ค่อยคลายลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา : ” บรรยากาศพลังเช่นนี้ สมควรที่จะต้องเป็นเด็กน้อยเยี่ยจงนั้นทะลวงเข้าไปยังวิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณได้แล้ว เพียงแต่ว่า นี้ยังไม่ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีนัก …… ”
ภายในเขตลัทธิแห่งดวงดาว ทางด้านหน้าตำหนักทักษะยุทธ์
เยี่ยจงที่ยืนอยู่ทางด้านหน้ำหนักที่มีความลี้ลับซับซ้อนเอาไว้อยู่ สีหน้าก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นซับซ้อนขึ้นมาหลายส่วน ทว่าหลังจากนั้นเอง เขาก็ได้โน้มตัวลง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น : ” ไม่ทราบว่าศิษย์พี่หลิงเยว่ยังอยู่ เยี่ยจงขอเข้าพบ ”
“ เยี่ยจง เจ้าไม่เป็นอะไรนะ ? เจ้าทะลวงเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าได้สำเร็จแล้วอย่างงั้นหรือ ? “ เงาร่างสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาที่เบื้องหน้าตำหนักทักษะยุทธ์ แท้จริงแล้วคนผู้นี้ก็คือซูหยี่ เพียงแต่ว่าในตอนนี้มือข้างหนึ่งของนางได้รับบาดเจ็บ อยู่ในลักษณะพันแผลเอาไว้ แต่ว่าเมื่อได้พบเห็นเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้บังเกิดความยินดีขึ้นอย่างเต็มเปี่ยม ”
“ ก็แค่โชคดีเท่านั้น ” เยี่ยจงพยักหน้า จากนั้นเมื่อได้พบเห็นที่แขนของซูหยี่ ก็ได้ขมวดคิ้วแล้วถามออกไป : ” เกิดอะไรขึ้นกัน ? แล้วศิษย์พี่หลิงเยว่กับน้องสาวเยี่ยถงข้าละ ? “
“ เจ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ” ซูหยี่เอ่ยขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้เกิดความลังเลขึ้นมา แล้วจึงค่อยกล่าวออกมา : ” คนของสาขาหลักของลัทธิแห่งดวงดาวได้มาแล้ว บอกว่าต้องการที่จะทำการแลกเปลี่ยนศึกษากับพวกเรา ข้าไม่ทันระวังก็ได้รับบาดเจ็บ ยังถือว่าไม่เป็นไร แต่ว่า อืมม—— ”
“ สาขาหลัก ? ลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเรามีสาขาหลักตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? “เยี่ยจงสงสัยขึ้นมา แล้วก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ รู้สึกได้ถึงปัญหาที่ไม่ธรรมดา “ อีกทั้ง ต่อให้มีสาหลักจริง การศีกษาแลกเปลี่ยนกันถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี เจ้ายังต้องกลัวอันใดกัน ? “
“ จะใช้สาขาหรือไม่นั้นก็อีกเรื่อง พวกเราเหล่าลูกศิษย์ต่างก็ไม่ค่อยทราบถึงรายละเอียด ทว่ากล่าวกันว่าคนเหล่านี้นั้นได้มาจากลัทธิปราชญ์แห่งดวงดาว หรืออีกนามหนึ่งก็คือสาขาหลักของลัทธิแห่งดวงดาวพวกเรา อีกทั้ง คนเหล่านั้นต้องการที่จะประลองฝีมือกับศิษย์สาขาในของลัทธิแห่งดวงดาวเรา เมื่อวานพวกเขาเพียงลงมือแค่คนเดียว แต่ถึงกับสามารถรับมือกับศิษย์สาขาในของลัทธิแห่งดวงดาวเราไปมากมายนับไม่ถ้วน ตอนนี้ มีเพียงเจ้าเด็กน้อยทั้งห้าอันดับแรกที่ยังมิได้ลงมือ แต่ว่าถ้าหากพวกเขาพ่ายแพ้ไปแล้วละก็ ลัทธิแห่งดวงดาวของพวกเราก็คงจะไม่มีหน้าพอกับผู้คนอีกแล้ว ”
.
.
.
.
กลุ่มลับ ติดต่อได้หลังไมค์(INBOX FANPAGE) ครับ
80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/9/10 ราคา 600
กลุ่ม4 https://goo.gl/ESwaou ตอนที่ 291-370
กลุ่ม5 https://goo.gl/ekcF7V ตอนที่ 371-450
กลุ่ม6 https://goo.gl/4rqw89 ตอนที่ 451-530
กลุ่ม7 https://goo.gl/qrQ7GA ตอนที่ 531-610
กลุ่ม8 https://goo.gl/Uzqf2x ตอนที่ 611-690
กลุ่ม9 https://goo.gl/1jPZtn ตอนที่ 691-770
กลุ่ม10 https://goo.gl/L8awva ตอนที่ 771-850 ล่าสุด 800 30/80ตอน
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/