ตอนที่ 367 วันล้มสลายของสำนัก(บทที่สี่)
“ ดาราทลายอากาศ ! ”
เจ้าตำหนักตงเฮ่อร้องออกมาอย่างเจ็บปวด สีหน้าทอแววเคร่งเครียดออกมาอย่างลึกล้ำ ราวกับว่าเขาได้พลิกมือกวาดออกมาเล็กน้อย แล้วก็ได้พบกับเงาโลหิตขนาดใหญ่แต่ละสายพุ่งเข้าสังหารออกไป เงาเหล่านี้มีทั้งสิ้นเก้าตน พวกมันก็ได้พุ่งเข้าสังหารออกไปในเวลาเดียวกัน ทอดลงไปยังบนร่างของทรราชวานร
“ ตูม—— ”
ทรราชวานรกรีดร้องออกมาดังยาวนาน ทั่วทั้งร่างแผ่ปกคลุมไปด้วยพลังความน่าหวาดกลัวกระจายออกมา จนทำให้ผู้คนรู้สึกสั่นเทาขึ้นมา พลองเงินภายในมือของมันก็ได้กวาดออกไป และปะทะเข้ากับการโจมตีของเจ้าตำหนักตงเฮ่อพร้อมกัน
“ ชิ—— ”
พริบตานั้นเอง พื้นที่ผืนนี้ก็ได้มีประกายโลหิตคมกล้าแผ่กระจายไปทั่วสารทิศ จนผู้คนไม่อาจจะมองเห็นได้ ในเวลาเดียวกันก็ได้ก่อรวมจนกลายเป็นมรสุมพัดออกไป น่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ในขณะที่เจ้าตำหนักตงเฮ่อไม่ได้ขยับเคลื่อนไหว ทรราชวานรนั้นก็ได้ถอยออกไป ด้วยพลังทีมีทั้งหมด
“ ครืน—— ”
หลังจากนั้นเอง พลองเงินในมือของทรราชวานรก็ได้แตกร้าวขึ้นมา มีบาดแผลอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายของมัน จนกู่ร้องขึ้นติดต่อกัน กระอักโลหิตออกมาคำโต ราวกับว่าคิดจะถอยออกไปในพริบตา บนใบหน้าก็ได้ปรากฏแววตาความหวาดกลัวขึ้นมา
ทรราชวานรตนนี้มีพลังจนถึงในเส้นทางแห่งปราชญ์ก็ว่าได้ มีความแข็งแกร่งเต็มสิบส่วน แต่ว่าภายใต้การลงมือของเจ้าตำหนักตงเฮ่อ กลับต้องทอดร่างลงไปเฉกเช่นนี้ เป็นที่ยากจะเชื่อได้ลง
เพียงแต่ว่ามันยังถอยออกไปได้ไม่ถึงร้อยลี้ ทันใดนั้นเจ้าตำหนักตงเฮ่อก็ได้ลงมือขึ้นอีกครั้ง เขาที่มีโลหิตไหลรินไปทั่วทั้งร่าง ก็ได้ฟาดมือขวาออกไป วินาทีนั้นสายน้ำโลหิตก็ได้กลายเป็นดุจดั่งกระบี่อันคมกล้าพวยพุ่งออกไป จนฆ่าสังหาร ทรราชวานรตนนั้นไปในทันที อีกทั้งตัดศีรษะจนขาดลอยกระเด็นออกไป
“ อะไรกัน ! ? ”
ยอดฝีมือมากมายของขุมกำลังอื่นๆทั่วทั้งสี่ด้านต่างก็ได้ขนลุกขึ้นมา เจ้าตำหนักลัทธิ ผู้อาวุโสแห่งดวงดาวเหล่านี้ต่างก็อยู่ในความบ้าคลั่งจนเกินไปแล้ว พวกเขาทราบว่าตนเองได้อัญเชิญวิญญาณบรรพบุรุษมาแล้วคงจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นในขณะที่ได้ลงมือ ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือที่สูงสุดกวาดออกไปในทุกครั้ง แน่นอนว่าไม่มีการยั้งมือไว้ไมตรี เจ้าตำหนักตงเฮ่อผู้หนึ่งเผชิญหน้ากับยอดฝีมือระดับราชันถึงสามคนยังถึงกับสามารถฆ่าสังหารไปได้ถึงสองคน ผลลัพธ์จากการต่อสู้นี้ย่อมต้องทำให้ผู้คนเกิดความหวาดเกรงขึ้นมา
ลัทธิแห่งดวงดาวถึงแม้ว่าในตอนนี้จะมิได้แข็งแกร่ง แต่ว่าในประวัติศาสตร์ก็ยังถือได้ว่าเคยจัดอยู่ในระดับแดนลับแล จึงยังคงมีพลังที่แฝงเอาไว้อยู่ มิใช่สถานที่ที่ผู้ใดจะสามารถมาระรานได้อย่างง่ายดาย หากว่าถูกระราน แน่นอนว่าย่อมต้องจ่ายค่าตอบแทนออกไปไม่น้อยเช่นเดียวกัน
การต่อสู้ของทั้งสองฝ่ายได้ดำเนินมาจนถึงขั้นนี้ เหล่าชนชั้นสูงของแต่ละขุมกำลังเหล่านั้นต่างก็หวาดผวาขึ้นมาหลายส่วน เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาหลายส่วน เพียงเพราะเพื่อเยี่ยจงเพียงผู้เดียว ขุมกำลังจำนวนมากมายของแต่ละฝ่ายจึงได้ตายตกไปเช่นนี้ เช่นนี้ถือว่าคุ้มค่าแล้วอย่างงั้นหรือ ? ควรทราบว่า การที่จะสร้างยอดฝีมือระดับราชันขึ้นมาได้ จำเป็นที่จะต้องสูญเสียทั้งเวลาและสิ่งที่เอื้อต่อการฝึกปรือไปเป็นจำนวนมาก แต่ว่าในวันนี้ยอดฝีมือระดับราชันกลับต้องมาตายตกไปแล้วถึงสามคน ถึงแม้เจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสของลัทธิแห่งดวงดาวจะถูกเข่นฆ่าไปแล้วกว่าครึ่ง แต่ว่าเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ขุมกำลังของแต่ละฝ่ายก็ได้เสียเปรียบไปมากกว่า
“ ฆ่า ! ”
อีกทางด้านหนึ่ง เจ้าตำหนักเยว่เฮ่าในตอนนี้ก็ได้บ้าคลั่งขึ้นมา เส้นผมสีขาวของเขาได้ลอยพลิ้วไปมา แต่ว่าบนใบหน้าผิวพรรณกลับอ่อนเยาว์ดั่งเด็กทารกก็มิปาน เป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่ง แต่ว่าในตอนนี้ ผิวพรรณเขากลับเต็มไปด้วยบาดแผล ปรากฏประกายโลหิตสีเลือดปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกาย บริเวณทางด้านหลังของเขา ก็ได้ปรากฏกลุ่มอัสนีจากปีกวิหคขึ้นมา ทุกๆครั้งที่เกิดความเคลื่อนไหว ต่างก็จะมีประกายอัสนีพัวพันพวยพุ่งออกมา
“ ปีกวายุอัสนี ! ”
บริเวณฝ่ายตรงข้าม ยอดฝีมือระดับราชันทั้งสองคนก็ได้ตะโกนออกมา พวกเขาที่อยู่ภายใต้ของปีกวายุอัสนีของไม่ทันจะได้เคลื่อนไหว ก็ไดถูกสังหารไปในทันที เยว่เฮ่าในตอนนี้ก็ได้มีพลังอยู่ในระดับราชันไปแล้ว มีความน่าหวาดกลัวเต็มเปี่ยม
“ ประทับวายุอัสนี ถึงแม้จะไม่สมบูรณ์นัก อีกทั้งยังมิใช่ทักษะเซียน แต่ว่าก็ยังคงถือได้ว่าแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ ตำนานของลัทธิแห่งดวงดาวที่แฝงเอาไว้ที่แท้ก็ลึกล้ำยิ่ง ฆ่า ! ”
บริเวณทางด้านของอีกฝ่าย ยอดฝีมือระดับราชันผู้หนึ่งของเผ่าอินทรีทองสุริยาก็ได้กลายร่างมาอยู่ในร่างของมนุษย์ มือทั้งสองข้างของเขาก็ได้กลายเป็นดุจดั่งปีกค่อยๆขยับกระพือไปมา ทุกครั้งที่มีการเคลื่อนไหว ก็จะมีพลังสายหนึ่งไหลเวียนอยู่บริเวณบนร่างกาย
“ ฆ่า—— ”
ยอดฝีมือระดับราชันของเผ่าอินทรีทองสุริยาก็ได้กู่ร้องขึ้นมา พลอกมือทั้งคู่ขยับไปมา กระจายพลังออกมาจากร่างกายไหลเวียนฟาดฟันออกไปทางด้านหน้านับสิบสาย ทุกๆสายนั้นได้ปกคลุมไปด้วยความร้อนอย่างถึงที่สุด บริเวณสถานที่ทั้งหมด รวมไปจนถึงท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดกลิ่นไหม้ขึ้นมา
“ ตูม—— ”
เจ้าตำหนักเยว่เฮ่ามิได้ถอยออก เขาขยับปีกคู่ที่อยู่ทางด้านหลัง ไหลเวียนพลังประกายวายุขึ้นมากวาดพุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้าอย่างรุนแรง เพียงแต่ได้ยินเสียงอัสนีระเบิดขึ้นมา วินาทีนั้น ก็ได้สังหารผู้คนไปแล้วทั้งหมดสิบกว่าคน
“ สายอัสนี แท้จริงแล้วถือได้ว่าเป็นวิชาธาตุที่มีความแข็งแกร่งที่สุดภายใต้ฟ้าดินชนิดหนึ่ง หากว่าสามารถสร้างจนเกิดปีกวายุอัสนีได้ ไม่แน่ว่ายังพอสามารถเทียบเคียงได้กับเพลิงอัสนีเผ่าข้าได้ ทั้งยังสามารถปะทุพลังทำลายอันน่าหวาดกลัวออกไปได้ ” จ้าวอินทรีทองสุริยะหัวเราะอย่างเย็นชา ในเวลาเดียวกันมันก็ได้กลายร่างจนกลายเป็นอินทรีทอง กระพือขยับปีกทั้งคู่ จนก่อเกิดประกายสีแดงฉานของเพลิงที่มีความคมกล้าดุจดั่งคมดาบกวาดออกมาก็มิปาน มันต้องการที่จะฆ่าสังหารเจ้าตำหนักเยว่เฮ่าลง เพื่อที่จะช่วงชิงเคล็ดวิชาปีกวายุอัสนี
“ ตูม —— ”
จากนั้น ใบหน้าของเจ้าตำหนักเยว่เฮ่าก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด เขาเดินออกมาหนึ่งก้าว ร่างกายก็ได้พุ่งขึ้นไปยังฟากฟ้า ทั่วทั้งร่างกายในตอนนี้ก็ได้กลายเป็นดุจดั่งวิหคอัสนีก็มิปาน เมื่อได้พุ่งออกไป ก็ได้เข้าปะทะกับจ้าวอินทรีทองสุริยะ วินาทีนั้น ทั้งสองฝ่ายก็ได้ใช้ร่างกายเข้าปะทะกัน ในเวลาเช่นนี้ทั้งหมดก็ได้ใช้ออกด้วยทักษะยุทธ์ทั้งหมด แต่ก็ยังไม่อาจสร้างความเสียหายออกมาได้
หลังจากที่ผ่านพ้นไปหนึ่งถ้วนน้ำชาเดือด การปะทะของทั้งสองฝ่ายก็ได้ผ่านพ้นไปนับสิบกระบวนท่า แล้วก็แยกออกไปในเวลาเดียวกัน แขนซ้ายเจ้าตำหนักเยว่เฮ่าก็ได้ถูกตัดออก แต่ว่าเขาก็ยังคงทอรอยยิ้มอันเย็นชาขึ้นมา ด้วยสีหน้าเย็นชา
“ ครืน—— ”
จ้าวอินทรีทองสุริยะกระอักโลหิตออกมาคำโต สีหน้าปรากฏแววตายากที่จะเชื่อขึ้นมา จนท้ายที่สุด มันก็ได้ร่วงหล่นลงสู่พื้นดิน กระจายแตกกระจายออกไป
ขอบเขตของมันถือได้ว่าสูงส่งกว่าเจ้าตำหนักเยว่เฮ่า ฝ่ามือที่ใช้ออกไปด้วยทักษะยุทธ์ก็แข็งแกร่งยิ่งกว่า แต่ว่ามันกลับไม่กล้าแลกด้วยชีวิต ไม่มีใจที่พร้อมจะจาย ยังคงหลงเหลือเส้นทางรอดให้ตนเองเอาไว้ ดังนั้น มันจึงได้พ่ายแพ้ไป !
ในหลายๆการต่อสู้นับสิบศึกก็ได้พบสิ่งที่เกิดขึ้น เหล่าพวกเจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสของลัทธิแห่งดวงดาวต่างก็ปะทุพลังการต่อสู้ขึ้นมาอย่างน่าหวาดกลัว สังหารเหล่าราชันไม่หยุดหย่อน แต่ว่า อีกฝ่ายยังคงถือเป็นการผสานร่วมมือกับนับสิบของแดนลับแล มีผู้แข็งแกร่งดั่งเมฆหมอก แทบจะมิอาจฆ่าสังหารไปเป็นจำนวนมากได้
ในการศึกเหล่านี้ ก็ได้มีเจ้าตำหนัก ผู้อาวุโสไม่น้อยตายตกลง ขุมพลังของลัทธิแห่งดวงดาวถือได้ว่าอยู่ในระดับที่อันตราย เพียงแต่ว่าต่อให้มาจนถึงขั้นนี้ได้ ผู้คนมากมายในก็ไม่อาจที่ช่วยเหลือได้ ทั้งหมดต่างก็อยู่ในการลงมือ พวยพุ่งรังสีสังหารออกไป
สถานที่ที่เยี่ยจงอยู่นั้นก็คือกลุ่มฝูงคน ในตอนนี้ก็ได้หลั่งไหลออกมารวมเกือบร้อยคนได้ พวกเขาทั้งหมดมีจิตใจพร้อมที่จะเยี่ยจงโดยทั้งสิ้น มีอยู่สี่คนที่เป็นศิษย์พี่สาขาในลงมือออกไป แข็งขืนฝืนเยี่ยจงเอาไว้ ไม่ปล่อยให้เขามีโอกาสลงมือออกไปได้ ตั้งใจจะส่งเขาออกไปเช่นนี้ทั้งหมด และมีศิษย์พี่น้องของลัทธิแห่งดวงดาวไม่น้อยที่ต้องร่างชะโลมไปด้วยโลหิต แขนขาดขาขาด แต่ว่าคนเหล่านี้ยังคงมีสีหน้าเย็นเยียบอย่างถึงที่สุด ไม่แม้แต่จะกล่าวคำพูดไร้สาระใดออกมา
“ ตุบ—— ”
ศิษย์น้องเล็ผู้หนึ่งของลัทธิแห่งดวงดาวที่มีอายุเพียงสิบสามสิบสี่ปีก็ได้ถูกคนฟันจนเอวขาดออก ร่างครึ่งบนของเขาก็ได้กระเด็นลอยเข้าไปยังท่ามกลางกลุ่มผู้คน ประจวบพอดีตกลงไปยังเบื้องหน้าร่างกายของเยี่ยจง
เยี่ยจงส่ายหน้าอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาทอประกายแดงฉาน ทันใดนั้นก็ได้ปะทุพลังขึ้น
“ ศิษย์พี่เยี่ยจง ท่านจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป…… ” จากนั้น ศิษย์น้องผู้นี้ก็ได้เผยรอยยิ้มออกมาสายหนึ่ง เขายื่นมือออกมา คว้าจับไปที่เท้าของเยี่ยจง ไม่ให้เขาได้มีโอกาสในที่พุ่งเข้าหาการต่อสู้ “ ฆ่าสังหารเผ่าปีกให้ข้าด้วย ศิษย์พี่ท่านวันหน้าฝึกปรือจนสำเร็จ จะต้องสังหารเผ่าปีกนับหมื่นให้กับข้า ข้าในตอนนี้ถึงจะตายตาหลับ ศิษย์พี่ ท่านจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปให้จงได้ ! ”
“ ได้ ข้ารับปากเจ้า ! ” เยี่ยจงสั่นเทาไปทั่วทั้งร่างกาย ท้ายที่สุดเขาก็ได้ข่มจิตสังหารของตนเองเอาไว้ คุกเข่าลง ยื่นมือลูบคลำไปมายังศีรษะของศิษย์น้องเล็กผู้นี้
ศิษย์น้องเล็กยิ้มน้อยๆออกมา จากนั้นท้ายที่สุดก็ได้สูดลมหายใจเข้าคำหนึ่ง บนใบหน้าปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา
“ เผ่าปีก…… ”
เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาเสียงแผ่วเบา น้ำเสียงสงบเย็นชา แต่ว่าก็ยังแฝงเอาไว้ด้วยความเครียดแค้นอันลึกซึ้งอย่างไร้ที่เปรียบ
“ อย่าได้เสียเวลาที่ศิษย์น้องเล็กช่วงชิงมาให้ ไป ! ” ศิษย์พี่น้องหลายคนลัทธิแห่งดวงดาวดึงเยี่ยจงเอาไว้ เพื่อที่จะได้มุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้ทุกผู้คนต่างก็กัดฟันไปมา แต่ว่าก็ยังไม่มีใครหยุดลง
“ ฆ่า—— ”
ท่ามกลางอากาศ อันหงเจินในตอนนี้ก็ได้ก้มหน้ามองลงไป เส้นผมทุกๆเส้นก็ได้ลอยระบำไปมาอยู่ท่ามกลางอากาศ เต็มเปี่ยมไปด้วยประกายแสงสีโลหิตอันคมกล้า แววตาของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนจนกลายเป็นสีโลหิตแดงระเรื่อ ทั่วทั้งร่างกายก็ได้แผ่รังสีโลหิตอันเข้มข้นขึ้น แต่ว่าภายในดวงตากลับเหมือนดั่งเข้าสู่วิถีแห่งมาร
บริเวณทางด้านล่าง ยิ่งมีการตายตกลงของลูกศิษย์ลัทธิแห่งดวงดาวทีละคน เขาก็ยังทวีความบ้าคลั่งขึ้นมาอีกส่วนหนึ่ง ในตอนนี้ทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้ทอประกายรังสีโลหิตแห่งมารครอบคลุมไปทั่ว ตอนนี้กลับกลายสภาพจนเหมือนดั่งมารคลั่ง
“ ลัทธิแห่งดวงดาวพวกเจ้าจบสิ้นแล้ว ศิษย์ภายในสำนักหลงเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบ และเจ้าก็กำลังใกล้จะตายอย่างแน่นอนแล้ว ! ” บรรพบุรุษวิหคทองกล่าวออมกาอย่างเย็นชา พริบตานั้นมันก็ได้คืนสภาพสู่ร่างกายเดิม จนกลายเป็นอินทรีทองสุริยะขนาดยักษ์ที่ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้าตนหนึ่ง มันก็ได้อ้าปากกว้างขึ้นมา คายดวงตะวันออกมาดวงหนึ่งในทันที มุ่งหน้าเข้าปะทะสังหารอันหงเจินเข้าไป
“ ตายซะ—— ”
อันหงเจินในสภาพที่บ้าคลั่ง ธาราดาราโลหิตทางด้านหลังก็ได้รวมตัวกันขึ้นมาในตอนนี้ จนกลายเป็นดุจดั่งกระบี่ไร้สภาพพุ่งออกไป เข้าปะทะกับการโจมตีนั้นของบรรพบุรุษวิหคทองอย่างรุนแรง
“ ฮูม—— ”
ธาราดาราโลหิตและดวงอาทิตย์ใหญ่สีทองเข้าพุ่งเข้าชนกัน วินาทีนั้น พลังอันแข็งแกร่งที่สุดก็ได้ประทุพลังทำลายออกมา ความน่าหวาดกลัวของประกายแสงก็ได้พวยพุ่งออกไปทั่วทั้งสี่ทิศ พัดรังสีโลหิตออกไปอย่างไม่หยุดยั้ง
“ ตุบ—— ”
ท่ามกลางอากาศ ทันใดนั้นก็ได้มีโลหิตก้อนหนึ่งลอยออกมา สีหน้าของอันหงเจินทอแววเย็นเยียบ ดุจดั่งเทพมาร จากนั้นก็ได้พบเห็นเส้นขนเส้นหนึ่งร่วงหล่นลงไปยังท่ามกลาง คล้ายดั่งหินศิลาขนาดใหญ่ทอดลงไปก็มิปาน ถึงกับสามารถทับยอดฝีมือของขุมกำลังใหญ่นับร้อยตายลงได้ในทันที
ควรทราบว่า ร่างจริงของบรรพบุรุษวิหคทองมีขนาดใหญ่โตอย่างไร้ที่เปรียบ ต่อให้เป็นเพียงเส้นขนเดียวก็ตามก็ยังมีขนาดใหญ่โตเทียบเท่าขุนเขาก็มิปาน
“ เจ้าบังอาจ ! เจ้าบังอาจ ! ”
สี่สุดยอดมหาราชันก็ได้ล้อมฆ่าสังหารอันหงเจินที่มีเพียงคนเดียว แต่ว่าที่ได้รับบาดเจ็บก่อนถึงกับเป็นบรรพบุรุษวิหคทอง นี้จึงทำให้มันโกรธแค้นขึ้นมา ราวกับจะคลั่งขึ้นมา
ควรทราบว่า บรรพบุรุษวิหคทองถูกขนานนามว่าจ้าวอินทรีทองสุริยะที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งเผ่าพันธุ์ที่เคยมีมา ตัวของมันเรียกได้ว่าเป็นดั่งตำนานของวิหคทอง มีความน่ากลัวและแข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด แต่ว่าในวันนี้กลับถูกหยิบยืมพลังภายนอกเพื่อสังหารรุ่นเยาว์ของตนเองเพิ่มขึ้นด้วยเส้นขนเพียงชิ้นเดียว จนจงทำให้มันเกิดความบ้าคลั่งขึ้นมา
ราชาเผ่าปีก、ราชาปีศาจลิ่วเอ่อ、ราชามังกรวารีในตอนนี้ต่างการทออาการตกใจขึ้นมา สีหน้าเคร่งเครียดออกมาไม่หยุดนิ่งอยู่หลายส่วน นั้นก็เพราะว่าพวกเขาพบว่า อันหงเจินผู้นี้ยิ่งสู้ก็ยิ่งองอาจ ราวกับว่าพร้อมที่จะตายลงได้ทุกเวลา แต่ว่าเขาในทุกๆช่วงเวลาที่ผ่านพ้นไปก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อยๆ ด้วยสี่สุดยอดฝีมือมหาราชัน
อย่างพวกเขาลงมือใช้พลังความสามารถในเวลาเดียวกัน จนตอนนี้ก็ยังไม่อาจที่จะสังหารเขาลงไปได้ ในข้อนี้ถือได้ว่ายากที่จะทำให้ผู้คนคาดคิดเอาไว้ได้
ที่อยู่ในระดับต่ำกว่ามหาราชันก็ไม่ต่างจากแมลง แต่ว่าแมลงตัวนี้ ในตอนนี้กลับสามารถหยิบยิ้มพลังจากภายนอกของสี่สุดยอดมหาราชันได้ ที่เป็นเสมือนดั่งตำนานก็มิปานนี้
“ ลัทธิแห่งดวงดาวที่แท้ก็มีตำนานที่ลึกล้ำยาวนาน ถึงแม้จะไม่มีให้ตายได้อีกแล้ว แต่ว่าก็ยังคงกลายเป็นการมีอยู่ที่ร้ายกาจ วันนี้ที่ได้ลงมือ ก็ถือได้ว่าคุ้มค่านัก ” ทางดเนหลังราชาเผ่าปีกในตอนนี้ก็ได้ปรากฏวงล้อมเทพขึ้นมาสายหนึ่ง บรรยากาศของเขาดุจดั่งพลังเทพก็มิปาน ถือเป็นสิ่งที่ยากจะกล่าวออกมาได้
หลังจากที่เงียบงัน รวมไปทั้งบรรพบุรุษวิหคทองต่างก็ได้สงบเงียบลง มันกลับร่างอยู่ในสภาพมนุษย์อีกครั้ง ในตอนนี้ท่ามกลางอากาศก็ได้จ้องมองไปยังราชันมารอันหงเจินอย่างเย็นเยียบ
ด้วยพลังแฝงของลัทธิแห่งดวงดาว ถึงกลับสามารถทำให้อันหงเจินมีพลังการต่อสู้ที่สูงเกินกว่าจะคาดเดาได้จนถึงขั้นนี้ นี้ก็บ่งบอกได้แล้วว่า ขอเพียงทำลายลัทธิแห่งดวงดาวลงได้ ก็คงจะได้รับประโยชน์กลับไปได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
เมื่อทราบถึงความข้อนี้ก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้ว
.
.
.
.
กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่นพิเศษ เข้ากลุ่ม 4/5/6/7/8/9/10/11 ราคา 500
VIP4 https://goo.gl/ESwaou
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/