เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 402 เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียน

ตอนที่ 402 เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียน

 

“หากว่าวัตถุนี้เป็นป่ามรกตจริง เช่นนั้น อย่างน้อยก็คงจะไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด คิดที่จะครอบครองมันคงจะยากอย่างถึงที่สุด “เยี่ยจงขมวดคิ้ว หลังจากนั้น เขาก็ได้ปลุกเสี่ยวหลุนให้ตื่น จากการพักผ่อน

 

เสี่ยวหลุนหลังจากที่กลืนกินเจดีย์เฮ่าเทียนไปแล้ว ก็ยังไม่อาจที่จะสามารถรวมพลังเทพเข้าไปไว้ได้ แต่ว่าต่อให้เช่นนี้ มันก็ได้ปรากฏตัวออกมา เมื่อได้ถกกับเยี่ยจงอยู่สักพัก ท้ายที่สุดเสี่ยวหลุนก็แน่ใจได้ว่า ป่าที่อยู่ภายในแผนที่นี่ กว่าครึ่งคงจะต้องเป็นป่ามรกตที่เล่าขานกันแล้ว

 

“ทว่าหากว่าเป็นป่ามรกตนี้จริงแล้วละก็ เช่นนั้นอย่างน้อยดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ก็ต้องใหญ่โตอย่างมาก เกรงว่าคงจะห่างไกลจากสมรภูมิฮวงกู่ไปไกลแล้ว อีกทั้งหากว่าเจ้าไม่คิดที่จะเปิดเผยสถานะของตนเองแล้วละก็ ถ้าคิดจะพึ่งพาพลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้ เพื่อที่จะไปยังบริเวณของป่ามรกต คงจะเป็นไปได้ยากอย่างมาก “เมื่อเสี่ยวหลุนยืนยันความข้อนี้แล้ว อีกทั้งยังระบุส่วนที่เยี่ยจงต้องการที่จะทราบในตอนนี้

 

“หมายความว่ายังไง ? “เยี่ยจงขมวดคิ้ว เขาย่อมทราบว่าตนเองนั้นมีความกดดันแค่ไหน ตอนนี้ถ้าเขาเอาแต่พึ่งพาสถานะของ “ซิง “ออกท่องดินแดน เช่นนั้นก็จะมีพลังฝีมืออีกมากมายที่ไม่อาจที่จะใช้ออกมาได้อย่างโจ่งแจ้งได้

 

“เจ้าคงมิได้หลงลืมไปว่าก่อนหน้านี้เจ้าได้รับกระดูกโลหิตไปแล้วหรอกนะ ? ด้านในนั้นได้ก่อรวมเอาไว้ด้วยวิชาอันน่าตื่นตาอยู่ชนิดหนึ่ง ดินแดนขนาดเล็กผืนนี้ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่ไม่เลวเลยทีเดียว ไม่มีสุดยอดฝีมือคอยจับตามอง เพียงแค่เสาะหาสถานที่แห่งหนึ่ง ข้าจะช่วยเจ้าเบิกกระดูกโลหิตชิ้นนั้นเอง “เสี่ยวหลุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้เสนอหนทางสายหนึ่งออกมา

 

เยี่ยจงครุ่นคิด จากนั้นก็ได้พยักหน้าไปมา ถึงแม้จะกล่าวว่า ในเขตแดนสายนี้ เวลาถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะช่วงวันเวลาเริ่มต้นในช่วงแรก ที่สามารถจะพบกับวาสนาจำนวนหนึ่ง แต่ว่าก็เป็นดั่งที่เสี่ยวหลุนกล่าวออกมา ตนเองในตอนนี้แน่นอนว่าย่อมถือได้ว่ามีพลังฝีมืออยู่น้อยนิดเท่านั้น หากว่าสามารถที่จะสามารถใช้ด้วยวิชาจากกระดูกโลหิตได้แล้วละก็ เช่นนั้นเมื่อมองในมุมของตนเองแล้ว ไม่แน่ว่าย่อมต้องเป็นประโยชน์ต่อตนเองอย่างแน่นอน

 

“ได้ ไปที่ไหนดี ! “เยี่ยจงเข้าตรงประเด็น ทันใดนั้นปัดทุกเรื่องราวที่อยู่ในหัวออกไปในทันที ในเมื่อก่อนหน้านี้ยังไงซะก็คงจะต้องค้นหาในพื้นที่ดินแดนขนาดเล็ก ถึงแม้ว่าจะได้รับประโยชน์อยู่ไม่น้อย แต่ว่าก็มีอันตรายคณนานับ และพื้นที่ไว้ฝึกฝนที่เป็นความลับอยู่ ก็ถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุดอีกแบบหนึ่ง

 

“พวกเรายังไม่คุ้นเคยกับสถานที่แห่งนี้นัก วิธีที่ดีที่สุด ขุดถ้ำสร้างมันขึ้นมาด้วยตนเอง ในมือของเจ้าถือได้ว่ายังมียันต์ปราณอยู่ไม่น้อย พวกเราก็ตั้งค่ายกลยันต์ปราณขึ้นมา เพื่อเสริมการป้องกันขึ้นมาช่วงระยะเวลาหนึ่ง “เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็ได้นำทางออกไป

 

ไม่นานนัก เยี่ยจงได้มาจนถึงบริเวณของช่องเขาของหุบเขาทั้งสองลูก ภายใต้การชี้นำของเสี่ยวหลุน กระบี่ดำในมือของเขาก็ได้สร้างถ้ำลึกอยู่ระหว่างภายในช่องเขาขึ้น ภายในนั้นมีความลึกกว่าร้อยจัง คล้ายดั่งกลายเป็นถ้ำขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก็มิปาน จากนั้นเขาก็ได้นำยันต์ปราณจำนวนมากออกมา เสี่ยวหลุนพวยพุ่งพลังประกายสีขาวออกมา ไม่นานนัก ก็ได้พบกับยันต์ปราณลอยกระจัดกระจายไปมา ติดเข้าไปยังบริเวณของกำแพงถ้ำทั้งสี่ด้าน ในเวลาเดียวกันก็ได้สร้างผนึกขึ้นมาตรงบริเวณปากทางเข้า กลายเป็นเหมือนดั่งช่องว่างที่มีความลี้ลับอย่างยิ่งแห่งหนึ่ง

 

“เอาละ ในสถานที่แห่งนี้เจ้าไม่แต่เพียงสามารถวิเคราะห์กระดูกโลหิตได้แล้ว หากว่ามีความสนใจแล้วละก็ ก็ยังสามารถฝึกปรือได้ ซึมซับพลังความสามารถไปให้ถึงที่สุด “เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็ส่งสัญญาณให้เยี่ยจงนำกระดูกโลหิตออกมา

 

เยี่ยจงพยักหน้าเห็นด้วย จ้องมองไปยังกล่องหยกที่อยู่ภายในแหวนจักรวาลอย่างระมัดระวัง แล้วก็นำมาวางเอาไว้บนพื้น กระดูกโลหิตมีขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือ ประดุจปะการังที่มีสีเลือดกระจ่างใสก็มิปาน เต็มเปี่ยมไปด้วยความงดงามที่ตามหากันอยู่ชนิดหนึ่ง แต่ว่าหลังจากที่นำวัตถุชิ้นนี้วางลงบนพื้นแล้ว เยี่ยจงก็ได้ถอยหลังไปหลายก้าว จ้องมองไปที่มันด้วยความระมัดระวัง

 

“อย่าได้ผิดพลาดไปแม้เพียงเสี้ยวเดียว ข้าถึงแม้จะสามารถที่จะเบิกวัตถุชิ้นนี้ขึ้นมาได้ แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะรับรองได้ว่า เจ้าจะพลาดอะไรไปบ้าง “เสี่ยวหลุนเอ่ยขึ้นมาตามตรง ต่อให้มีระดับความแข็งแกร่งเช่นมัน ตอนนี้ก็ยังต้องเกิดความเกรงขามต่อกระดูกโลหิตชิ้นนี้อย่างเต็มเปี่ยม

 

“เจ้าลงมือเถอะ “เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมา ขมวดคิ้วอย่างเคร่งเครียด

 

“ได้ ! “เสี่ยวหลุนพวยพุ่งประกายแสงสีขาวระยิบระยับออกมาเป็นสาย แล้วก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งด้านบนของกระดูกโลหิต จากนั้นก็ได้รวบรวมพลังเซียนเอาไว้เข้าด้วยกัน เพื่อที่จะทำการเบิกจากภายในของกระดูกโลหิตนี้ด้วยระดับที่การไหลเวียนที่รวดเร็วจนยากที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ขึ้นมา

 

“ตูม—— “

 

พริบตานั้นเอง ก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นประเดี๋ยวมาประเดี๋ยวไม่มาก็ได้ดังขึ้นมาในตอนนี้ ทำให้ผู้คนตกใจจนวิญญาณแทบหลุดลอย ต่อให้เยี่ยจงที่ได้มีการเตรียมพร้อมมาตั้งแต่แรก ก็ยังต้องถอยไปทางด้านหลังอีกหลายก้าว กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง

 

ไม่นานนัก ภาพมายาแห่งจินตนาการก็ได้เปล่งประกายปรากฏขึ้นมา ภาพมายาปกคลุมไปทั่วทั้งภายในถ้ำแห่งนี้ จากนั้นก็ได้เปลี่ยนรูปลักษณ์ออกมาคล้ายดั่งอารามขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ปรากฏทิวทัศน์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาอยู่ทางด้านหลัง ในส่วนที่เป็นภายในของอารามขนาดใหญ่แห่งนี้ เห็นได้ชัดว่าได้เกิดลำแสงขนาดใหญ่สายหนึ่ง ราวกับเป็นประกายที่เข้มข้นก็มิปาน

 

“นี้มันคือ—— “เยี่ยจงขมวดคิ้ว ไม่อาจที่จะอธิบายออกมาได้ว่าฉากเบื้องหน้าเกิดอะไรขึ้น

 

“ระวังไว้ นี้เป็นภาพแห่งการจินตนาการ ตอนนี้ได้ถูกเผยออกมาแล้ว สมควรที่จะต้องมีการคงอยู่ของตำหนักแห่งโบราณกาลเอาไว้อยู่ เพียงแต่ว่า กลับถูกฝังเอาไว้ด้วยโบราณกาล อารามจึงได้สูญสลายไปนับตั้งแต่แรก ตอนนี้ที่หลงเหลือเอาไว้ก็เป็นแค่เพียงภาพมายาในเวลานั้นเท่านั้น มิใช่ความเป็นจริง แต่ว่ายังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยโชคลาภวาสนานับไม่ถ้วน “เสี่ยวหลุนส่งเสียงออกมา น้ำเสียงของมันอ่อนล้าเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัด ระดับความยากของการเบิกกระดูกโลหิต ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของมันไปแล้ว

 

เยี่ยจงขมวดคิ้ว จ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยความเคร่งเครียด ตอนนี้ ก็ได้ถูกดันเข้าไปยังภายในของอารามขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ราวกับตอนนี้เยี่ยจงกำลังเดินเข้าไปยังท่ามกลางของอารามก็มิปาน ความรู้สึกเช่นนี้ถือได้ว่าประหลาดอย่างถึงที่สุด ทำให้ผู้คนรู้สึกขนลุกชูชันขึ้นมาได้

 

และในขณะที่ถูกผลักดันให้เข้าไปยังภายในอาราม ตลอดทั่วทั้งสี่ทิศก็ได้เกิดเสียงดังขึ้นมาเรื่อยๆ ในบางครั้งก็จะสามารถได้ยินเสียงของการไหลเวียนของอักขระได้ ด้านนั้นได้ทอประกายความลี้ลับขึ้นมานับไม่ถ้วน เพียงแต่ว่าก็แค่การทอประกายเท่านั้น จนทำให้ผู้คนเกิดความคิดที่ไม่รู้จักจบสิ้น

 

จนกระทั่ง ภาพสายนี้ก็ได้หยุดความเคลื่อนไหวลงอย่างช้าๆ ท้ายที่สุด แท่นขนาดใหญ่แห่งหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางสายตาของเยี่ยจง

 

ด้านบนของแท่น ก็ได้มีโต๊ะหินอ่อนเก่าแก่อยู่ตัวหนึ่ง ด้านบนของโต๊ะ ก็ได้จัดวางเอาไว้ด้วยม้วนตำราสีแดงเพลิงอยู่ม้วนหนึ่งวางเอาไว้ ทอประกายบรรยากาศอันน่าหวาดกลัวออกมาอย่างไร้ที่สุดสิ้นอยู่ชนิดหนึ่ง

 

“นี้……ที่แท้คืออะไรกัน ! “เมื่อได้สติขึ้นมา เยี่ยจงก็ทราบได้ว่า วัตถุชิ้นนี้จะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนอย่างถึงที่สุด น่าเสียดายที่ภาพมายาที่เขาพบเจอมาทั้งหมดในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เขาแน่นอนว่าจะต้องพุ่งออกไปอย่างแน่นอน เข้าไปเพื่อจะช่วงชิงวัตถุชิ้นนี้ในทันที

 

“ราวกับว่านี้คือคัมภีร์ระดับสูงสุดแห่งมรรคไฟ (火道) ด้านในมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องรวมเอาไว้ด้วยวิชาจูเชวียน、วิชาหงสา、วิชาวิหคทองคำเป็นต้น……ต่างก็อยู่ที่ภายในตัวของมัน ข้าสัมผัสได้ถึงพลังของจุดสูงสุดของมรรคไฟ เพียงแต่น่าเสียดาย…… “เสี่ยวหลุนส่งเสียงเคร่งเครียดออกมา ในเวลาเดียวกันก็ได้คับแค้นใจขึ้นมาเป็นสาย “ที่พวกเราได้พบเจอตอนนี้ กลับมิใช่ความจริง เพียงแต่เป็นความทรงจำที่อัดรวมกันไว้ภายในของเจ้าของของกระดูกโลหิตชิ้นนี้ ถ้าหากว่ายินยอมให้พวกเราได้พบ หากว่าสามารถครอบครองคัมภีร์โบราณม้วนนี้ได้จริง…… “

 

กล่าวมาจนถึงช่วงนี้ เสี่ยวหลุนถอนหายใจออกมาโดยแรง เห็นได้ชัดว่ามันก็ทราบ ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นมิใช่เรื่องจริง

 

เยี่ยจงก็ได้แต่ทอสีหน้าประหลาดออกมาอย่างเงียบงัน นับได้ว่าเป็นความรู้สึกที่สามารถทำให้ผู้คนรู้สึกอัดอั้นขึ้นมาได้ชนิดหนึ่ง การที่จะสามารถพบเห็นตำราแห่งแดนดินเล่มหนึ่งได้ อีกทั้งที่ด้านในยังรวมเอาไว้ด้วยพลังความเปลี่ยนแปลงไม่รู้จบ แต่ว่ากลับไม่สามารถที่จะเปิดออกมาได้ ได้แต่เพียงมองดูภาพที่เป็นแค่มายาเท่านั้น

 

“ถ้างั้นตอนนี้ควรจะทำอย่างไรดี ? “เยี่ยจงถอนหายใจ สีหน้าเปลี่ยนแปลงกลับกลาย แท้จริงแล้วจะเอาแต่มองสิ่งของชิ้นนี้เช่นนี้อย่างงั้นหรือ แล้วจะมีประโยชน์อะไรกัน ?

 

“ตอนนี้ก็คงจะได้แต่เพียงรอคอยเท่านั้น เจ้าเองก็ระวังเอาไว้ จะเป็นโอกาสหรือสิ่งที่ยังหลงเหลือเอาไว้ สุดท้ายก็คงจะล้วนแล้วแต่คนผู้นั้น มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเหลือทิ้งวิชาเอาไว้แขนงหนึ่ง อาจจะสามารถเป็นทักษะเซียน、อาจจะสามารถเป็นมนต์ตราเทพ อาจจะสามารถเป็นพลังเทวะ คงจะต้องดูโชคชะตาของเจ้าเองแล้ว “เสี่ยวหลุนก็หมดหนทาง ฉากเบื้องหน้านี้ได้อยู่เกินกว่าที่คาดคิดเอาไว้ คิดไม่ถึงว่าหลังจากที่เบิกกระดูกโลหิตแล้ว ถึงกับกลายมาเป็นฉากเช่นนี้ขึ้นมาได้

 

เยี่ยจงถอนหายใจ ตอนนี้ก็คงจะได้แต่เพียงรอคอยอย่างเงียบงันเท่านั้นแล้วละ ไม่อาจที่จะทำอะไรอย่างอื่นได้

 

หลังจากที่ช่วงเวลาผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วน้ำเดือด จนกระทั่งภาพมายานั้นก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นอีกครั้ง มุ่งหน้าเพื่อที่จะได้เข้าไปใกล้ยังคัมภีร์เหล่านั้น จากนั้นคัมภีร์ราวกับถูกฝ่ามือไม่รูปลักษณ์เปิดออกก็มิปาน จนกระทั่งเมื่อเปิดขึ้นมาหน้าหนึ่งแล้วก็ได้หยุดลง เผยออกมาให้เห็นถึงแผ่นหินที่อยู่ภายใน

 

แผ่นอักขระมีเพียงแค่เก้าชิ้น ในช่วงเวลาที่ได้ปรากฏขึ้นมานั้นเองก็ได้ต่อยๆ ลุกไหม้ขึ้นมา ภายในนั้นได้รวมเอาไว้ด้วยสำนึกอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งออกมา อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด

 

“นี้คือ มนต์ตราเทพที่ถูกเล่าขานกัน เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียน ! ? “เสี่ยวหลุนส่งเสียงร้องออกมาอย่างตื่นตกใจ ภายในน้ำเสียงก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสน จากนั้นมันก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว “เสี่ยวเยี่ยจง เจ้าเองก็รีบหน่อยเถอะ ช่วงเวลาที่ข้ายังพอสามารถที่ทนรับกับภาพมายาเอาไว้ได้ อย่างมากก็แค่อีกครึ่งชั่วยาม หากว่าพลาดไป วัตถุชิ้นนี้จะไม่สามารถเบิกขึ้นมาได้อีกแล้ว ! “

 

“เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียน ! ? “เยี่ยจงก็ตกใจเช่นเดียวกัน ทอสีหน้าประหลาดออกมา ควรทราบว่า จูเชวียนเป็นถึงหนึ่งในสี่ปราณแห่งฟ้า เป็นตัวแทนของรากฐาน อีกทั้งยังถูกเล่าขานสืบต่อกันมา ตอนนี้แม้จะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียวของมนต์ตราเทพ สามารถเข้าใกล้กับระดับตำนาน เมื่อเทียบกับหนึ่งในสิบวิชามนต์ตราเทพตราผนึกนภาที่ก่อนหน้านี้เขาได้รับมา เกรงว่ามีแต่จะแข็งแกร่งกว่าไม่อ่อนโทรม

 

โอกาสวาสนาครั้งใหญ่เทียบฟ้าเช่นนี้ เป็นเหมือนดั่งที่เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาทั้งหมดก็มิปาน หากว่าผิดพลาดไป ก็จะไม่มีโอกาสอีกแล้ว

 

ในตอนนี้ เยี่ยจงก็ได้นั่งสมาธิลงอย่างรวดเร็ว จดจ้องเข้าไปยังยันต์อักขระตัวแรก เขาในตอนนี้ไม่มีทฤษฎี อีกทั้งในตอนนี้ก็ไม่มีการบรรลุ แต่กลายเป็นแผ่นอักขระชิ้นนี้ได้เข้าไปยังภายในท่ามกลางของห้วงสมองของตนเอง

 

หลังจากที่เสร็จสิ้นแล้ว เขาก็ได้จ้องมองไปยังด้านบนของแผ่นอักขระแผ่นที่สอง จากนั้นก็ตามด้วยแผ่นที่สาม

 

ช่วงเวลาไม่นานนักก็ได้ไหลเวียนผ่านไป ไปจนถึงแผ่นอักขระชิ้นสุดท้ายได้ฝังเข้าไปยังภายในของห้วงสมองของเยี่ยจงเอง เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงดังฮึฮัดขึ้นมา วินาทีนั้น ภาพมายาเบื้องหน้าสายตาก็ได้ดับหายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็กลับกลายเป็นเพียงกระดูกโลหิตชิ้นหนึ่งเท่านั้น

 

กระดูกโลหิตที่อยู่ท่ามกลางอากาศก็ได้ค่อยๆ สั่นไหวเล็กน้อย จากนั้นก็ได้กลิ้งลงไปอยู่บนพื้น

 

ทันทีที่ได้หล่นลงสู่พื้น มันแตกจนเป็นชิ้นๆ พลังความสามารถแห่งเซียนก็ได้หลั่งไหลออกมา จนสุดท้ายก็ได้ละลายจนกลายเป็นสระน้ำที่มีขนาดเป็นวงรีแอ่งหนึ่ง และกระดูกโลหิตนั้น ก็ได้ซึมหายไปจากพื้นดิน

 

“ขาดทุนแล้ว นี่มันขาดทุนเกินไปแล้ว นอกเสียจากว่าจะสามารถกลืนกินเจดีย์เฮ่าเทียนลงไปอีกชิ้นได้ ไม่เช่นนั้นปู่หลุนข้าคงจะต้องหายไปอย่างแน่นอนแล้ว “เสี่ยวหลุนส่งเสียงร้องชิชิชะชะ แล้วก็ได้โซซัดโซเซลงไปยังบนหัวไหล่ของเยี่ยจง จากนั้นมันก็เอ่ยขึ้นมา “เสี่ยวเยี่ยจง เจ้าได้รับแผ่นอักขระทั้งเก้าชิ้นแล้วหรือไม่ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ข้าคงยิ่งขาดทุนไปมากกว่านี้แล้ว “

 

“ได้แล้วละ เพียงแต่ว่ายังไม่มีเวลาที่จะบรรลุได้เท่านั้น “เยี่ยจงพยักหน้าเห็นด้วย แผ่นอักขระทั้งเก้าชิ้นนั้นรวมเอาไว้ด้วยความเปลี่ยนแปลงอยู่นับไม่ถ้วน อย่าว่าแต่เก้าชิ้นเลย ต่อให้เป็นเพียงแค่ชิ้นเดียวเท่านั้น ตัวข้าเองก็ยังไม่อาจที่จะบรรลุได้ในช่วงเวลาสั่นๆ ได้

 

“ได้มาก็ดีแล้ว วันข้างหน้าจะได้ค่อยๆ บรรลุ เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนนี้ เพียงแค่ชิ้นเดียวก็เหมือนกับเป็นดั่งการเริ่มต้นได้แล้ว หากว่าสามารถฝึกปรือได้ย่อมได้รับประโยชน์อย่างมากมายเลยทีเดียว วันข้างหน้าถ้าหากว่ายังมีโอกาสที่จะได้เข้าไปยังอารามใหญ่โบราณที่ถูกฝังเอาไว้แห่งนั้นแล้วละก็ อาจจะได้สำเร็จจุดสูงสุดของมรรคแห่งไฟ “เสี่ยวหลุนถอนหายใจ จากนั้นตอนนี้มันก็ราวกับกำลังให้ความสนใจไปทางด้านสระน้ำที่ปรากฏอยู่ทางด้านหน้า หลังจากนั้นงงงันวูบหนึ่ง มันจึงได้ถอนหายใจออกมา “นี้ถึงกับเป็นความสามารถของมรรคไฟ สมควรที่จะให้เจ้าใช้ไว้สำหรับฝึกปรือเก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียน ยังมัวรอช้าอยู่ทำไม ? ยังไม่รีบเข้าไปอีก ? “

 

เยี่ยจงรีบเปลี่ยนสีหน้า เขาย่อมต้องทราบได้ด้วยตนเองว่าความสามารถของมรรคไฟนั้นคือสิ่งใด สิ่งนี้ถือได้ว่าใกล้เคียงกับปราณแห่งฟ้าดิน สามารถที่จะช่วยหนุนเสริมและควบคุมพลังความสามารถของมรรคแห่งไฟออกมาได้

 

ในขณะนี้ เยี่ยจงไม่มีแม้แต่ความลังเล จากนั้นก็ได้ควบคุมสภาวะทั่วทั้งร่างกายให้แข็งแกร่งจนถึงที่สุด ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้ทอเป็นประกายสีทอขึ้นมา จากนั้นก็ได้ถอยออกไปหนึ่งก้าว ก้าวเดินเข้าไปยังภายในท่ามกลางสระน้ำ

 

พลังอันแปลกประหลาดกลุ่มหนึ่งก็ได้รวมเข้าอยู่บนทั่วทั้งร่างกายบนล่างของเยี่ยจงในทันที จากนั้นทั่วทั้งสรรพร่างของเขาก็ได้แดงขึ้นมา แต่ว่าเขาที่อยู่ในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลาย ความสามารถเหล่านี้กลับไม่ส่งผลกระทบต่อเขามากนัก ในทางกลับกันกลับสามารถที่จะทำให้เขามีจิตใจที่สงบนิ่งลงได้

 

“เก้าเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียน ! “ในขณ ะนี้ เยี่ยจงกลั้นลมหายใจเอาไว้ จากนั้นก็ได้นั่งสมาธิลง เริ่มต้นหวนนึกแผ่นอักขระชิ้นที่หนึ่ง

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Recommended Series

Comment

Options

not work with dark mode
Reset