เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 406 ธาราเพลิงหมื่นลี้

ตอนที่ 406 ธาราเพลิงหมื่นลี้

 

การต่อสู้ระหว่างอัจฉริยะเป็นไปอย่างดุเดือดอย่างมาก ต่อให้เป็นเยี่ยจงเองก็ยังไม่กล้าพอที่จะเข้าไปใกล้ เพียงแต่ทอประกายสายตาคมกล้าประดุจกระบี่มองไปจากสถานที่ห่างไกล เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังความร้อนแรงและเยียบเย็นแห่งการทำลาย หมื่นอัสนีทะยานขึ้นสู่ฟ้า จนกลายเป็นเปรียบเสมือนดั่งแดนนรกผืนหนึ่ง

 

หลังจากนั้นสักพัก การต่อสู้ในที่สุดก็ได้หยุดลง เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ได้เคลื่อนไหวร่างกายคราหนึ่ง เข้าไปใกล้ยังพื้นที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว

 

สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นดั่งซากปรักหักพังอันเก่าแก่ผืนหนึ่ง อีกทั้งยังคงมีตึกอารามอยู่ เพียงแต่ว่าตึกอารามเหล่านี้ในตอนนี้ด้วยส่วนมากต่างก็อยู่ในสภาพที่เสียหายชำรุด เกิดร่องรอยแตกหักนับไม่ถ้วน เพียงแค่มองเข้าไปก็เป็นเหมือนดั่งสถานที่คล้ายดั่งสุสานแห่งหนึ่ง

 

แน่นอนว่า นอกเสียจากสถานที่เหล่านี้แล้ว บนพื้นดินยังมีซากศพเหลือทิ้งเอาไว้ มีทั้งเผ่ามนุษย์ เผ่าแมลง นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีซากศพของสิ่งมีชีวิตของเผ่าพันธุ์ต่างๆ อีก พวกเขานั้นต่างก็พึ่งจะสิ้นใจลงไปได้ไม่นานนัก แต่ว่าซากศพส่วนหนึ่งกลับอยู่ในสภาพที่หลุดลุ่ย เห็นได้ชัดว่าได้ตายลงไปอย่างน้อยก็หนึ่งวันไปแล้ว

 

“เกรงว่าการเข้ามายังดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ ก็ได้มีคนค้นพบสถานที่แห่งนี้แล้ว “เยี่ยจงทอสีหน้าเคร่งเครียด เป็นที่ชัดเจนว่าในช่วงเวลาที่เขาเก็บตัวอยู่ได้พลาดการต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ไป ในช่วงเวลานั้นสมควรที่จะต้องมีสิ่งของบางอย่างปรากฏขึ้นมาเป็นอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นแมลงหยกที่เล่าขานกันก็เป็นได้

 

“น่าเสียดาย “เยี่ยจงส่ายหน้า ทอดสายตามองเข้าไปยังสภาพพื้นที่ของการต่อสู้เหล่านี้ใหม่อีกครั้ง เห็นได้ชัดอย่างยิ่งเช่นก่อนหน้านี้ เพื่อที่จะดูว่าอัจฉริยะเหล่านี้ลงมือเพราะอะไร แต่ว่าตอนนี้อัจฉริยะเหล่านั้นกลับหายสาบสูญไปแล้ว ไม่ทราบว่าสิ่งของที่พวกเขาต้องการนั้นคืออะไรกันแน่

 

“อือ ? “

 

พริบตานั้น เยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจขึ้นมา จ้องมองไปยังพื้นที่แห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้ถึงแม้จะเปี่ยมไปด้วยซากศพ แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวของสิ่งมีชีวิตขึ้น เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นยังคงมีชีวิตอยู่

 

“ออกมา อย่าได้บีบให้ข้าต้องลงมือ “เมื่อได้เหม่อมองไปยังอีกทางด้าน เยี่ยจงก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นชา

 

ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ยังคงเงียบสงบ ไม่มีการตอบรับแต่อย่างไร เพียงแต่ว่าราวกับว่าบรรยากาศเกิดความอึดอัดขึ้นมาหลายส่วนก็มิปาน

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเรียบเฉยยกนิ้วมือชี้ออกไปทางด้านหน้า แล้วก็ได้พบเห็นกับประกายแสงคมกล้าของสายฟ้าปรากฏขึ้นมา มุ่งหน้าไปทางด้านที่เป็นกองซากศพเข้าไป วินาทีนั้น ซากศพไม่น้อยต่างก็ได้แตกกระจายกลายเป็นเพียงปุ้ยผง

 

“นายท่านโปรดยั้งมือไว้ไมตรีด้วย พวกเขาต่างก็ไม่ได้รับสิ่งใด ! “บริเวณทางด้านที่เป็นแอ่งใต้ซากศพ ก็ได้มีอยู่คนกระโดดออกมาอย่างทุลักทุเล เยี่ยจงเมื่อครู่มิได้ลงมือสังหาร ดังนั้นพวกเขาเพียงแต่ว่าถูกสายฟ้ามอดไหม้จะร่างกายกลายเป็นสีดำเท่านั้น มิได้มีอันตรายถึงชีวิตแต่อย่างไร

 

แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ยอดฝีมือกลุ่มนี้ก็ยังคงเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา แต่ละคนกลืนน้ำลายลงคอไปตามๆ กันมองไปทางด้านของเยี่ยจง ไม่กล้าแม้แต่จะหลบหนี

 

“ที่แห่งนี้เกิดอะไรกันขึ้น บอกข้าหน่อย “เยี่ยจงทอสีหน้าสงบอย่างยิ่ง อีกทั้งยังเอ่ยปากขึ้นมาด้วยท่าทีที่เยือกเย็น แต่ว่าในขณะที่เขากำลังพูดอยู่ตอนนี้ ย่อมต้องแฝงเอาไว้ด้วยพลังอำนาจชนิดหนึ่งเอาไว้ ถึงแม้ว่าจะมิใช่การวางอำนาจ แต่ว่าก็ยังคงมีท่าทีที่เด็ดเดี่ยวอยู่ชนิดหนึ่ง

 

คนทั้งหลายคนนี้ก็ได้กลอกตาไปมา มีที่ใดที่ไม่ทราบได้บ้าง ว่าตนเองอย่างน้อยก็คงจะต้องพบเจอกับอัจฉริยะ ที่เป็นบุคคลผู้โดดเด่นแล้ว ตอนนี้พวกเขาก็ได้แต่ฟังเจ้าคำตอบข้าประโยคหนึ่ง ไม่นานนักก็ปะติดปะต่อเรื่องราวขึ้นมาได้จนหมดจด

 

หากเป็นไปตามคำบอกเล่าของทั้งหลายคนนี้ หลังจากที่มีการเปิดดินแดนขนาดเล็กนี้ขึ้นสามวัน ยอดฝีมือกลุ่มหนึ่งก็ได้ถอยรนมาจนถึงบริเวณสถานที่แห่งนี้ ถึงแม้ภายหลังจะพบว่าเป็นนครแมลง แต่ก็ยังคงพอที่จะเป็นที่พักเท้าของพวกเขาได้ในตอนนี้

 

ความจริงแล้วไม่มีคนที่ต้องการที่จะมีเรื่องกับแมลงเหล่านี้ แต่ว่า กลับมีคนที่บังเอิญไม่ตั้งใจพบเจอกับแมลงหยกตัวหนึ่งภายในนครแมลง ต่อมาก็ได้กลายเป็นการดึงดูดการต่อสู้ของอัจฉริยะขึ้น จนเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ในพื้นที่แห่งนี้

 

กลุ่มแมลงของนครแมลงต่างก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสตายไปกันไม่น้อย ซากศพของยอดฝีมือที่มาจากทางด้านนอกก็ได้กระจัดกระจายอยู่เต็มพื้น ท้ายที่สุดในสถานที่แห่งนี้ก็ได้ปรากฏแมลงหยกอยู่สี่ชิ้น แบ่งออกเป็นหลากหลายผู้คนได้ไป

 

แต่ว่า หลังจากที่ผ่านไปครึ่งเดือน ก็มีคนพบว่า แมลงหยกทั้งสี่ที่ได้ถูกนำไปนั้นต่างก็มีพลังที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง สมควรแบ่งออกมาได้ทั้งหมดห้าหมวด มีคนคาดเดาเอาไว้ ในพื้นที่แห่งนี้สมควรมีแมลงหยกห้าตัว ก่อนหน้านี้ที่อัจฉริยะยังมิได้เกิดการฆ่าสังหารกันเองเมื่อตอนที่ยังมิได้รับมา ก็ได้เกิดการต่อสู้ครั้งใหญ่ขึ้น

 

“แมลงหยกห้าหมวด “เยี่ยจงทอสีหน้าแปลกใจขึ้นเล็กน้อย หากว่าคำกล่าวของคนเหล่านี้กล่าวออกไปมาได้ไม่ผิดแล้วละก็ เช่นนั้นแมลงทั้งห้าหมวดนี้ก็ถือได้ว่ามีความล้ำค่าจนยากจะประเมินออกมาได้แล้ว

 

“แมลงหยกตัวสุดท้ายตัวสุดท้ายมิได้ปรากฏตัวขึ้นมางั้นหรือ ? “หลังจากที่เกิดอาการครุ่นคิดขึ้น เยี่ยจงก็ได้เอ่ยถาม

 

“ปรากฏขึ้นแล้ว แต่ว่าในช่วงที่ปรากฏขึ้นมาได้ไม่นาน อัจฉริยะทั้งสามก็ได้ลงมือต่อสู้กันเพื่อสิ่งนี้ แมลงหยกตัวสุดท้ายก็ได้ตกไปอยู่ภายใต้การครอบครองของม่อเหร่ยจื่อแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับ “มีคนผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

 

“พลาดไปแล้วงั้นหรือ ? “เยี่ยจงถอนหายใจออกมา ก่อนหน้านี้ที่ตนเองพบกันการต่อสู้ครั้งใหญ่ของอัจฉริยะ อย่างน้อยก็คงจะเป็นการแย่งชิงแมลงหยกตัวสุดท้ายนี้แล้ว ในข้อนี้เกรงว่าแม้แต่จินเฉินและพวกก็ยังคาดเดาไม่ถึง

 

และตนเองหากว่าคาดเดาไม่ผิดแล้วละก็ ซูม่อหยงและพวกนั้น ต่างก็มาเพื่อแมลงหยกตัวสุดท้ายนั้นเอง เพียงแต่ว่าภายใต้โอกาสวาสนา พวกเขากลับพบเจอกับพลาดหลุดลอยไปจากแมลงหยกตัวนี้ไป

 

“ม่อเหร่ยจื่อไปที่ใดแล้ว “หลังจากที่ได้ครุ่นคิด เยี่ยจงจึงได้เอ่ยขึ้นมา แมลงหยกนั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากว่ามีโอกาส เยี่ยจงย่อมไม่อาจที่จะพลาดไปได้อย่างแน่นอน

 

มีอยู่หลายคนที่ได้หันซ้ายขวาสบตามองกันด้วยท่าทีลุกลี้ลุกลน จึงได้ชี้ออกไปทางด้านหนึ่ง เยี่ยจงก็ได้สังเกตอย่างละเอียด แล้วก็ได้คาดคะเนคิดมาอยู่หลายส่วน ทางด้านที่หลายคนชี้ไปนี้ ในตัวบันทึกที่ได้เขียนเอาไว้บนแผนที่ที่เยี่ยจงได้รับมา เรียกที่แห่งนี้ว่าธาราเพลิง จากคำอธิบาย ในพื้นที่แห่งนี้ได้มีทะเลสาบเพลิงอยู่ผืนหนึ่ง เหมาะที่จะฝึกปรือและหลอมอุปกรณ์ หล่อโอสถเป็นต้น แน่นอนว่า สถานที่แห่งนั้นย่อมต้องมีความแปลกประหลาดอย่างมาก เรียกได้ว่าเก็บเอาไว้ด้วยวาสนานับไม่ถ้วน

 

หลังจากเยี่ยจงใคร่ครวญดูแล้ว ก็พอที่จะเข้าใจโดยสังเขป ว่าเพราะอะไรม่อเหร่ยจื่อถึงไปมุ่งหน้าไปยังทางด้านนั้น เพราะว่า สถานที่แห่งนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยมรรคแห่งไฟ เพื่อที่จะใช้หลอมแมลงหยก สมควรที่จะเป็นประโยชน์อยู่มากมาย

 

หากว่าเยี่ยจงคาดเดาได้ไม่ผิดแล้วละก็ เกรงว่าเหล่าผู้คนที่ได้ครอบครองแมลงหยกก่อนหน้านี้ต่างก็ได้มุ่งหน้ารวมตัวกันในที่แห่งนั้นแล้ว คิดที่จะหยิบยืมสภาวะไฟแห่งฟ้าดิน เพื่อที่จะหล่อหลอมแมลงหยกแต่เนิ่นๆ

 

นั้นก็เพราะว่าสิ่งของชิ้นนี้เป็นที่จำตามองดึงดูดผู้คนเป็นอย่างมาก ผู้ใดก็ไม่ต้องการที่จะนำติดตัวไปบนร่างกาย ก็คงยากที่จะอยู่กับความฝันที่ยาวนานได้ การหล่อหลอมไปในทันทีจึงถือได้ว่าเป็นวิธีที่ดีที่สุด

 

“พวกเจ้าก็อย่าได้เข้าไปลึกกว่านี้จนเกินไปอีกเลย คอยเสาะหายาโอสถทางรอบนอกเอาไว้ เสาะหาโอกาสวาสนา ยังดีเสียกว่าเอาชีวิตไปทิ้ง “จากนั้นก็กวาดสายตามองเข้าไปยังบุคคลหลายคนนี้คราหนึ่ง เยี่ยจงจึงได้เอ่ยออกมาประโยคหนึ่งเพื่อเตือนสติ จากนั้นก็หันกายไป มุ่งหน้าเข้าไปบริเวณทางด้านของธาราเพลิง

 

ยอดฝีมือหลายคนนี้ต่างก็สบตามองกัน หลังจากนั้นก็ได้เหม่อมองไปยังเงาร่างทางด้านหลังของเยี่ยจงที่จากไป ต่างก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ พวกเขาถึงแม้จะจดจำมิได้ว่าอัจฉริยะเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ที่แท้แล้วเป็นผู้ใดกันแน่ แต่ว่าก็พอที่จะเข้าใจได้ เป็นดั่งที่กล่าวออกมาทั้งหมดก็มิปาน พวกเขาต่อให้เข้าไปใกล้ ก็มีแต่เพียงพาตัวไปหาที่ตายเท่านั้นเอง หากมิใช่ว่าเสาะหาโอกาสวาสนาทางรอบนอก อย่างน้อยก็ยังพอที่จะสามารถเก็บเกี่ยวอะไรเอาไว้ได้บ้าง

 

ต่อมาหลังจากที่ผ่านไปได้หลายวัน เยี่ยจงโดยส่วนมากแล้วก็ได้เร่งรีบมาตามทาง ตลอดรายทางมานี้ก็ได้พบเห็นซากศพของสิ่งมีชีวิตต่างๆ นานา กระจัดกระจายจากการต่อสู้ เห็นได้ชัด ช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นในช่วงแรกเริ่มภายในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ได้ผ่านพ้นไปแล้ว การต่อสู้ในสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าโหดร้ายอย่างยิ่ง นอกเสียจากเผ่าพันธุ์จำพวกที่นกกระจอกจูโรที่พบจากก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนที่หลงเหลือก็เป็นสิ่งมีชีวิตพื้นเพ ต่างก็ได้ถูกยอดฝีมือจัดการจนหมดจด แน่นอนว่า ยอดฝีมือที่มาจากทางด้านนอกเหล่านี้ต่างก็ถือได้ว่าได้จ่ายค่าตอบแทนออกไปมากอยู่ไม่น้อย หากเป็นไปตามการคาดเดาของเยี่ยจง ภายในยอดฝีมือทั้งสามหมื่นคน เกรงว่าคงจะทอดกายคายลงไปกว่าครึ่งแล้ว

 

แน่นอนว่า ตอนนี้ยังคงมีคนที่สามารถมีชีวิตได้อยู่ อย่างน้อยต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความสามารถเดิมอยู่แล้ว ไม่เช่นนั้นก็คงจะไม่อาจที่จะรอดพ้นจากอันตรายภายในดินแดนขนาดเล็กนี้ในแต่ละย่างก้าวนี้ได้

 

หลังจากที่ผ่านไปหลายวัน เยี่ยจงก็ได้ทะยานร่างผ่านเข้าไปยังภายในผืนป่า จนมาถึงบริเวณสุดขอบปลายผืนป่าอีกทางด้านหนึ่ง จากนั้นก็ได้กวาดตามองออกไป ในขณะนี้ แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังต้องรักษาความระมัดระวังเอาไว้ ต่างก็อดไม่ได้ที่จะต้องถอนหายใจออกมาด้วยความตื่นตกใจ

 

พื้นที่ที่ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหน้านับหมื่นลี้ ท่ามกลางพื้นที่ทั้งสายผืนนี้ ต่างก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวของลาวาขึ้นมากมายนับไม่ถ้วน ประกายไฟขึ้นขึ้นลงลง จนทำให้เกิดขี้เถ้าสีดำขึ้น มองไม่ออกว่าที่แท้แล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เห็นได้ชัด สถานที่แห่งนี้ก็คือธาราเพลิงแล้ว

 

และในท่ามกลางธาราเพลิงนี้ สามารถที่จะได้พบเจอกับหินขนาดใหญ่ที่สุดขอบปลายของทะเลเพลิงเหล่านี้ ประดุจหมู่เกาะก็มิปาน อีกทั้งยังมีสภาพคล้ายดั่งช่องทางโบราณ ศิลาใหญ่เหล่านี้นั้นมีรูปลักษณ์เป็นช่องๆ ทำให้ธาราเพลิงผืนนี้ผ่านพ้นเข้าไปได้ ประกอบกันขึ้นมาจนกลายเป็นทิวทัศน์ที่น่าดูอย่างประหลาด

 

ทุกๆ ช่องทางที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของศิลาใหญ่ชิ้นนี้ อย่างมากก็เพียงพอที่จะสามารถรองรับผู้คนที่เข้าแถวเป็นตอนได้เพียงแค่สิบคน ไม่ถือว่ากว้างใหญ่มากนัก แต่ว่าก็ยาวนานอย่างถึงที่สุด กระจายเข้าไปยังส่วนลึกของบริเวณธาราเพลิง

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดคำพูดที่ยากจะกล่าวขึ้นมาได้ ท่ามกลางธาราเพลิงสายนี้ก็ได้ปกคลุมบรรยากาศแห่งมรรคไฟเอาไว้อย่างหนาแน่น หากมองจากมุมมองของเขา สมควรที่จะต้องเป็นบริเวณที่เหมาะแก่การฝึกปรืออย่างมากที่สุด เพียงแต่น่าเสียดาย เพลิงไฟเหล่านี้มีความสลับซับซ้อนมากเกินไป พิษไฟจึงมีอยู่อย่างเข้มข้น จึงยังถือได้ว่ายังไม่เหมาะที่จะฝึกปรือได้

 

“ธาราเพลิงนี้อย่างน้อยก็ย่อมต้องมีใจกลาง ในส่วนบริเวณที่สำคัญที่สุด เกรงว่าคงจะต้องมีพลังแห่งมรรคไฟอยู่อย่างเข้มข้น ยิ่งมีความเหมาะสมต่อการหล่อหลอม หากว่าสามารถครอบครองมาได้ เจ้าอย่างน้อยก็คงจะสามารถหยิบยืมพลังเพื่อทำการทะลวงได้ สำเร็จเข้าสู่ขั้นราชัน “เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ชี้แนะเยี่ยจง “นอกเสียจากบริเวณนี้แล้ว ในที่แห่งนี้ราวกับยังมีสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์ ไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด หากว่าสามารถได้ครอบครองแล้วละก็ คงเป็นประโยชน์ต่อข้าอย่างมาก “

 

เยี่ยจงเงียบงันไม่กล่าวออกมาสักพัก สิ่งที่เรียกว่าเป็นสมบัติสูงสุดแห่งดวงตะวันบริสุทธิ์ ถือได้ว่าเป็นสมบัติเซียนที่ห่างไกลไปมาก คิดไม่ถึงว่าเสี่ยวหลุนจะเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ อีกทั้งยังเพียงต้องการเอาไว้เป็นอาหาร ทั้งยังเตรียมพร้อมที่จะกลืนกินมันทุกเวลา

 

“ต่อจากนี้ข้าจะนำทางให้เจ้าเอง เมื่อแย่งชิงสิ่งของนั้นได้ การสูญเสียพลังเมื่อครั้งที่แล้วถือได้ว่ามากจนเกินไป ในครั้งนี้เจ้าสมควรที่จะช่วยข้าบ้างแล้ว “เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิขึ้นมา จากนั้นก็ได้ชี้นำเส้นทางออกมา เพื่อเป็นสัญญาณนำทางเยี่ยจงมุ่งหน้าเข้าไป

 

เยี่ยจงคร้านที่จะเอ่ยปากขึ้นมา เพียงแต่ทำเป็นไม่เห็นสิ่งใดมากมาย เพียงแต่ชี้แนะไปทางด้านของเสี่ยวหลุน เริ่มต้นที่จะเข้าไปสู่ส่วนลึกธาราเพลิงแห่งนี้ กระนั้นเขาเองก็ยังถือได้ว่ายังมิได้มีความเข้าใจต่อสถานที่แห่งนี้มากมายนัก ไม่ทราบว่าจะมีสิ่งของอันใดปรากฏขึ้นมาอีก เสี่ยวหลุนถึงแม้ว่าจะมีอยู่หลายครั้งหลายคราที่ไม่อาจที่จะพึ่งพาได้มากนัก แต่ว่าตอนนี้มันกลับต้องการให้เขารับทราบถึงสิ่งของชิ้นนี้ ย่อมต้องออกแรงออกมาสักหน่อยอยู่แล้ว

 

ตลอดรายทางมานี้ เยี่ยจงก็ได้พบเจอกับการปะทะอยู่หลายครั้งหลายครา มีทั้งเป็นแมลง มีทั้งสัตว์ประหลาด มีทั้งสัตว์ปีก เพียงแต่ว่า สิ่งมีชีวิตเหล่านี้นั้นมีพลังฝีมือที่ไม่สูงมากนัก จึงได้ถูกเยี่ยจงจัดการลงได้อย่างง่ายดายหมดจด แต่สิ่งที่ยิ่งทำให้เยี่ยจงรู้สึกประหลาดใจก็คือ สิ่งมีชีวิตของสถานที่แห่งนี้ ต่างก็มีความสัมพันธ์กับมรรคแห่งไฟ อีกทั้งยังมีความสามารถที่เรียกได้ว่ามีความข้องเกี่ยวกับศิลาตะวันบริสุทธิ์ของดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ ภายในร่างกายของสิ่งมีชีวิตทั้งหมดราวกับถูกสร้างและก่อเกิดมาจากพลังปราณฟ้าจากมรรคแห่งฟ้าเอาไว้ เรียกได้ว่าไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด

 

ยังมีอีกหลายครั้ง ที่เยี่ยจงได้พบเจอกับยอดฝีมือที่มาจากทางด้านนอกอีกหลายคน พวกเขาต่างก็แอบลอบลงมืออย่างซ่อนเร้น เพียงแต่ว่ากระนั้นก็ไม่อาจที่จะต้านทานเยี่ยจงได้ แต่ว่าเมื่อได้ปะทะกับทั้งหลายคนนี้ เยี่ยจงก็ได้เข้าใจขึ้นมา ก่อนหน้านี้ ม่อเหร่ยจื่อและอัจฉริยะจำนวนมากกลุ่มใหญ่ แน่นอนว่าย่อมต้องเข้าไปยังธาราเพลิงผืนนี้อย่างแน่นอน หากเป็นไปตามคำบอกเล่าตามคำพูดของเขา ภายในสถานที่แห่งนี้เรียกได้ว่ามีความโอกาสวาสนาอันน่ากลัวเอาไว้อยู่ ไม่มีผู้ใดยอมที่จะผิดพลาดไปได้

 

“การรวมตัวกันอย่างงั้นหรือ ? “เยี่ยจงพึมพำออกมาเสียงเบา การเดิมพันครั้งที่แล้วเขามิได้เข้าร่วมด้วย ในครั้งนี้ย่อมไม่อาจที่จะพลาดไปได้อีกครั้ง อัจฉริยะมากมายเช่นนี้ถึงกับรวมตัวกันในสถานที่แห่งนี้ เช่นนั้นก็เป็นการบ่งบอกได้ว่า โอกาสของสถานที่แห่งนี้นั้นแท้จริงแล้วมีความไม่ธรรมดาได้ถึงเพียงใด

 

“ซูม—— “

 

แล้วก็ได้เดินไปอีกครึ่งวัน เยี่ยจงพริบตานั้นสีหน้าก็ได้เปลี่ยนแปลงขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองเข้าไปยังบริเวณทางด้านหน้า ตอนนี้ก็ได้ปรากฏทะเลเพลิงสายหนึ่งโดยที่ไม่มีสิ่งใดเจือปนอย่างถึงที่สุด ถึงแม้ว่าจะมีไฟลอยพุ่งขึ้นมา แต่ว่าสีสันนั้นกลับประดุจหยกที่มีความอบอุ่น ไม่มีสิ่งเจือปนแต่อย่างไร เห็นได้ชัด สิ่งเหล่านี้สมควรที่จะต้องเป็นไฟแห่งก่อฟ้าแล้ว บริสุทธิ์อย่างไร้ที่เปรียบ ความจริงแล้วถือได้ว่าเป็นพลังที่แปลกประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง หากว่าสามารถหล่อหลอม ย่อมต้องมีประโยชน์ต่อตนเองอย่างแน่นอน

 

“หยุด ! “

 

พริบตานั้น ก็ได้มีคนเดินออกมาจากมุมอับ จ้องมองพร้อมกับกล่าวรั้งไปทางด้านร่างกายของเยี่ยจง

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset