ตอนที่ 417 บุตรจักจั่นสวรรค์
“บรึม——”
กรงเล็บขนาดใหญ่ก็ได้พุ่งลงมาจากฟ้าเช่นนี้,มุ่งมั่นที่จะใช้พลังปราณฟ้าปกคลุมไปทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจงลงไป,สิ่งนี้มิใช่เพียงแค่ความเชื่อมั่นในตัวเองเท่านั้น,ในเวลาเดียวกันก็ถือได้ว่าเป็นการเหยียดหยามชนิดหนึ่ง,คิดว่าตนเองสามารถที่จะเหยียบบุคคลเบื้องหน้าสายตา”ซิง”ผู้นี้ให้ตายลงได้。ประดุจดั่งเหยียบลงไปยังมดแมลงให้ตายก็มิปาน。ความเชื่อมั่นในตนเองเช่นนี้,ถือได้ว่าเป็นคุณสมบัติโดยพบได้โดยมาก,แต่ว่าในตอนนี้,กลับเห็นได้ชัดว่าเป็นความเชื่อมั่นที่มีมากจนเกินไปอยู่หลายส่วน。
“ตายซะ!”
เยี่ยจงตอนตอนนี้ก็ส่งเสียงร้องขึ้นมา,เส้นผมสีดำบนหัวก็ได้ลอยไปมา,จนเกิดรังสีฆ่าฟันแผ่กระจายไปทั่วทั้งร่างกาย,พลังปราณทั่วทั้งร่างกายก็ได้เดือดขึ้นมา,ในขณะนี้เอง,เขาก็ได้ถูกยั่วยุจนโกรธขึ้นมา,แน่นอนว่าย่อมไม่ยั้งมือไว้ไมตรีอีกแน่นอน。
“ตูม——”
เลือดลมภายในร่างกายของของก็ได้เดือดขึ้นมา,จนก่อเกิดประกายแสงสีทองปรากฏขึ้น,ในตอนนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยพลังกายเนื้อไม่สูญสลายขึ้นมาอย่างมากมาย,ปกคลุมไหลเวียนอยู่ทั่วทั้งร่างกาย。
จากนั้นเขาก็ได้ผนึกหมัดขวาเอาไว้,วินาทีนั้น,ก็ได้มีพลังโจมตีอันน่าหวาดกลัวที่ปะทะเข้ามาสายหนึ่งจากที่สูง,จนก่อเกิดพลังอักขระรวมตัวกันขึ้นมาเป็นสายในพริบตา,พุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าขึ้นไป,มุ่งหน้าพวยพุ่งเข้าไปยังบริเวณที่ชายหนุ่มผมดำผู้นั้นอยู่เข้าไป。
อีกฝ่ายที่มีความแข็งแกร่งเช่นนี้,ได้ทำให้เยี่ยจงโกรธขึ้นมา,กระบวนท่านี้เขาได้ใช้ออกในการต่อสู้ทั้งสองครั้งจนอีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ,เพียงแต่ต้องดูว่า,ผู้ใดจะสามารถยืนหยัดได้ในช่วงท้ายที่สุด。
ชายหนุ่มผมดำขมวดคิ้วขึ้นมา,เขาคิดว่าตนเองนั้นมีพลังฝีมือที่มากเกินกว่า”ซิง”,เหตุใดถึงได้เพียงแค่ทำให้บาดเจ็บในการต่อสู้ทั้งสองครั้งกัน?ในช่วงเวลาคับขันนั้นเอง,เขาก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่ง,รวมพลังไว้ที่กรงเล็บพยัคฆ์ทางด้านล่าง,มุ่งหน้าเข้าปะทะสังหารเข้าไปทางด้านของเยี่ยจงจดก่อเกิดประกายแสงขึ้นมา。
“โครม——”
การโจมตีทั้งสองสายในตอนนี้ก็ได้ปะทะกันอย่างรุนแรง,จนก่อเกิดพลังความเคลื่อนไหวนับคนาขึ้นแผ่กระจายออกไปในวินาทีนั้น,จนทำให้ก่อเกิดประกายสายฝนอันงดงามร่ายระบำอยู่บริเวณท่ามกลางอากาศสูงในทันที,ก่อเกิดพลังอักขนะนับไม่ถ้วนประดุจห่าฝนสาดเทลงมาก็มิปาน,จนทำให้เกิดอาการนิ่งชาขึ้นมาทั่วทุกแห่ง。
สภาวะร่างกายเช่นนี้、พลังลมปราณและพลังอักขระได้เข้าปะทะกันอย่างรุนแรง,แต่กลับเป็นพลังที่ออกมาจากร่างกายอย่างขีดสุดของบุคคลเพียงผู้เดียว。
ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้,ชายหนุ่มผมดำนี้ย่อมมีความแข็งแกร่งอย่างมากแน่นอน,พลังทำลายของกรงเล็บพยัคฆ์ของเขาที่ทอดลงมา,ก็เพียงพอที่จะสะเทือนฟ้าดินได้แล้ว,อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นพลังกรงเล็บพยัคฆ์ขาวที่แท้จริงทอดลงมาก็มิปาน,เพียงพอที่จะสามารถพลิกธารากลับมหาสมุทรได้แล้ว。
เพียงน่าเสียดาย,กระบวนท่านี้เขาได้ใช้กับเยี่ยจง,แน่นอนว่าย่อมมิได้ส่งผลแต่อย่างไร。
“ก็ทำได้เพียงแค่นี้。”เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง,หลังจากที่ได้สลายกระบวนท่านี้ไปแล้ว,เขาก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่ง,ทะยานขึ้นไปท่ามกลางอากาศทันที,ทั่วทั้งร่างกายบนล่างก็ได้มีประกายสีทองไหลเวียนไปมา,ได้เข้าสู่คุณลักษณ์แห่งการฆ่าฟันขึ้นมา,จนได้เข้าสังหารชายหนุ่มผมดำเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ท่ามกลางอากาศ。
“ตูม——”
พลังเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนขั้นที่หนึ่งในตอนนี้ได้ถูกเยี่ยจงใช้ออกมา,ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาประดุจดั่งตัวตนแห่งไท่กู่จูเชวียนที่แท้จริงก็มิปาน,มุ่งหน้าลอยขึ้นสู่ท่ามกลางสวรรค์ชั้นที่เก้า,ในเวลาเดียวกัน,ก็ได้มีพลังอันน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งถูกความเคลื่อนไหวจากกระบวนท่าไม่สูญสลายของเยี่ยจงแผ่กระจายพลังออกไป,ประดุจดั่งต้องการที่จะทลายสวรรค์ก็มิปาน。
“ที่แท้ก็เป็นวิชาจูเชวียน,แต่ว่า,สลายไปซะ!”
ร่างกายชายหนุ่มผมดำที่อยู่ท่ามกลางอากาศที่สูงล้ำ,ก็ได้เหม่อมองมองดูเยี่ยจงที่กำลังฆ่าสังหารเข้ามา,เขาถึงแม้ว่าจะมีแววตาที่เย็นชาอย่างยิ่ง,แต่ว่าภายในนั้นก็ได้ปรากฏเอาไว้ด้วยความเคร่งเครียดขึ้นมา,นั้นก็เพราะว่ากระบวนท่านี้ของเยี่ยจงถือได้ว่าแข็งแกร่งจนเกินไป,ต่อให้แม้แต่เขาเองใช้พลังทั้งหมดก็ว่าจะสามารถยับยั้งได้。
“โครม——”
ดวงดาวสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณทางด้านหลัง,จากนั้นก็ได้พบเห็นพยัคฆ์ขาวตนหนึ่งกำลังย่างกรายมาบนดวงดาว,มุ่งหน้าทอดลงมา,ในทุกๆการย่างก้าว,ราวกับประดุจดวงดาวที่กดทับลงมาก็มิปาน。
“นั้นมัน……สี่ปราณแห่งฟ้า,วิชาพยัคฆ์ขาว!?”
“สวรรค์!นั้นคือการใช้ดวงดาวงั้นหรือ,อีกทั้งยังมิใช่สี่ปราณฟ้าของวิชาจูเชวียน!?”
ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างก็แตกตื่นขึ้นมา,ในขณะนี้เองก็จดจำออกถึงวิชาอันน่าหวาดกลัวทั้งสองชนิดได้,แต่ละคนต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมา。วิชาทั้งสองชนิดนี้เรียกได้ว่าสาบสูญไปนานแล้ว,อีกทั้งไม่ว่าจะเป็นชนิดใด,ต่างก็ถือได้ว่าสามารถสั่นสะเทือนไปทั่วทั้งสี่ดินแดนได้,แต่ว่าคิดไม่ถึงว่าถึงกลับปรากฏขึ้นมาในตอนนี้。
“ไม่,นั้นมิใช่พลังที่แท้จริงของวิชาจูเชวียน,เพียงแต่ว่าเป็นเพียงภาพมายาที่ใช้ไว้ตบตาอย่างหนึ่งเท่านั้น,ไม่ว่าสิ่งที่สามารถเข้าใกล้,หากว่าเป็นการใช้ออกด้วยวิชาจูเชวียนที่แท้จริง,พวกเราเหล่านี้คงจะต้องตายตกไปนับตั้งแต่แรกแล้ว。”มีคนส่งเสียงเย็นชาขึ้นมา。
“แน่นอนว่า,นั้นก็มิใช่วิชาพยัคฆ์ขาวที่แท้จริงแต่อย่างไร,วิชาพยัคฆ์ขาวแห่งสี่ปราณฟ้าถือได้ว่าเป็นการสังหารที่รุนแรง,ภายใต้กระบวนท่าเดียว,ต่อให้เป็นซิงเอง,ก็คงจะต้องทอดกายตายไปอย่างแน่นอน,ตอนนี้สิ่งที่ชายหนุ่มผู้นั้นใช้ออกมา,จะต้องเป็นการวิชาในการตบตาเท่านั้น,กลับมิใช่วิชาพยัคฆ์ขาวที่แท้จริง。”เขาเอ่ยขึ้นมาต่อ,เปิดเผยวิชาที่ชายหนุ่มผมดำใช้ออกมา。
หลังจากที่เงียบงัน,ภายในดวงตาที่เกิดอาการแตกตื่นของผู้คนไม่น้อยต่างก็เลือนหายไป,หากว่าเป็นสี่ปราณฟ้าที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาสู่ดินแดน,เช่นนั้นทั่วทั้งสี่ดินแดนคงจะต้องเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นมาแน่นอน。เพียงว่าวิชาจำพวกนี้ถือได้ว่ามีความใกล้เคียงแล้วละก็,เช่นนี้ก็ถือได้ว่าเป็นทักษะเซียน、มนต์ตราเทพโดยส่วนมาก,ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังถือได้ว่าเป็นที่น่าแตกตื่นอย่างยิ่ง。
“โครม——”
ท่ามกลางอากาศสูง,ชายหนุ่มผมดำก็ได้ลงมือออกมาด้วยพลังที่แข็งแกร่ง,พยัคฆ์ขาวเหยียบย่างดวงดาราลงมา,จนทำลายศัตรูในตอนนี้ได้นับไม่ถ้วน。
เยี่ยจงทอสีหน้าสงบนิ่ง,พลังเปลี่ยนแปลงไท่กู่จูเชวียนขั้นที่หนึ่งก็ได้ถูกใช้ออกมา,เพียงแต่ว่า,ตอนนี้เขากลับทราบถึงความเปลี่ยนแปลงของกระบวรท่านี้อย่างทะลุปุโปร่ง,ภายในกระบวนท่านี้ในขณะนี้เอง,ราวกับมีพลังปราณอยู่ก็มิปาน,แฝงเอาไว้ด้วยพลังเทวะไม่สูญสลายเอาไว้。
จากการฆ่าสังหารออกไปของเขา,พลังอักขระทั้งหมดของไท่กู่จูเชวียนต่างก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา,ท้ายที่สุดก็ได้รวมตัวกันขึ้นมาท่ามกลางบริเวณใจกลางฝ่ามือของเขาอยู่นับไม่ถ้วน,ในที่แห่งนั้น,ก็หลงเหลือเพียงตัวอักขระสุดท้ายตัวเดียว,แต่ว่าพลังอักขระนี้กลับแผ่กระจายความน่ากลัวที่น่าหวาดหวั่นขึ้นมา,ราวกับเป็นร่างที่แท้จริงของไท่กู่จูเชวียนก็มิปาน,จนสามารถต้านทานทุกสรรพสิ่งได้。
เมื่อได้เหม่อมองไปที่กระบวนท่านี้,บุตรมารอัสนีที่มิได้ถอยจากไปก็ได้ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างกะทันหัน,อีกทั้งยังมีความจริงจังด้วยส่วนหนึ่ง,ความแข็งแกร่งของกระบวนท่านี้,เขาถึงแม้จะเชื่อว่าตนเองสามารถต้านทานเอาไว้ได้,แต่ว่าแม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึงว่า,”ซิง”ถึงกับสามารถใช้ออกมาจนถึงขั้นนี้ได้!
“ซูม——”
พริบตานั้นเอง,ฝ่ามือของเยี่ยจง,ก็ได้ค่อยๆที่จะฟาดสังหารออกไปทางด้านของกรงเล็บของพยัคฆ์ขาว,ในระหว่างวินาทีนั้นเอง,ทั้งสองฝ่ายต่างก็มิได้เข้าปะทะกันแต่อย่างไร,เขามิได้ใช้พลังอันใดเข้าต้านทานพลังทำลายของศัตรู。ในขณะนี้เอง,ดวงดาราทั่วทั้งผืนฟ้าประดุจภาพวาดม้วนหนึ่งก็มิปาน,ก็ได้ถูกทลายลงไป,ภายใต้พลังฝ่ามือนี้ของเยี่ยจง,ในสภาวะเช่นนี้ก็ได้มีการแตกกระจายของกรงเล็บพยัคฆ์จนลอยกระเด็นออกไปทั่วทุกทาง。
“อ๊อก——”
พลังปราณแตกซ่าน、พลังอักขระสลาย,จากนั้นพริบตาในตอนนี้เองก็ได้มีฝ่าเท้าทอดลงมา,โลหิตและกระดูกก็ได้แตกออกมาในเวลาเดียวกัน,จนทำให้สายตาที่จับจ้องเข้ามาเกิดอาการตกใจขึ้นมา。
ผู้คนมากมายต่างก็เกิดอาการหวาดหวั่น,การลงมือในครั้งของ”ซิง”ถือได้ว่าไม่มีการยั้งมือไว้ไมตรีอย่างแท้จริง,เพียงลงมือก็สามารถพบเห็นโลหิตได้。
“ตายซะ——”
เยี่ยจงแฝงไว้ด้วยความอำมหิต,หยิบยืมพลังจากทั่วทั้งกายของชายหนุ่มผมดำเพื่อหยุดยั้งเอาไว้,จากนั้นมือขวาก็ได้ใช้ออกมาด้วยเคล็ดกระบี่,พลังดัชนีก็ได้พุ่งเข้าไปบริเวณหว่างคิ้วของอีกฝ่ายเข้าไป。
“ตุบ——”
ร่างกายร่างหนึ่งได้ล้มลง,ที่บริเวณหว่างคิ้วของชายหนุ่มผมดำวินาทีนั้นก็ได้ปรากฏช่องว่างขึ้นมา,จนเกิดเป็นรูโลหิตไหลออกมาไม่หยุด。
พริบตานั้นผู้คนจำนวนมากก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา,ความจองหองและความบ้าบิ่นของชายหนุ่มผมดำนี้,ถึงกับถูกจัดการลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยอย่างงั้นหรือ?
พลังอักขระได้ไหลเวียนไปทั่วทั้งสี่ทิศ,แผ่กระจายพลังลมปราณ,จนเกิดภาพทิวทัศน์ของสายธารขึ้นมาผืนหนึ่ง。
เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา,พริบตานั้นเอง,เขาก็สัมผัสได้ภายในใจ,ก้าวถอยออกไปบริเวณทางด้านหลังออกไปหนึ่งก้าว,นั้นก็เพราะว่าในขณะนี้เอง,ได้มีความรู้สึกที่สัมผัสได้ถึงอันตรายชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นมา,จนทำใหเขาไม่อาจที่จะไม่ถอยไปได้。
“ชิ——”
ในบริเวณจุดที่เขาพึ่งยืนอยู่เมื่อครู่นี้,ที่ได้ถูกเยี่ยจงใช้ดัชนีทำลายชายหนุ่มผมดำจนตายตกลงไป,ประดุจดั่งหลงเหลือไว้แต่เพียงหนังผืนหนึ่งก็มิปาน,ทันใดนั้นตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้ค่อยๆลงมาสู่พื้น,จากนั้นก็ได้ทะยานพวยพุ่งไปตามสายลม。
“นี้มัน……จักจั่นทองลอกคราบ?”เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมาเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า,ทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง。
ผู้คนมากมายที่มองมายังการต่อสู้ในขณะนี้เองแต่ละคนก็ได้ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา,คิดไม่ถึงว่าถึงกับยังคงมีความเปลี่ยนแปลงได้ถึงเพียงนี้,ชายหนุ่มผมดำนั้นที่แท้ก็ไม่ธรรมดาสามัญ。ในช่วงเวลาคับขันในขณะนั้นเองยังจะสามารถที่จะหลบหนีได้,ถึงแม้ว่าเขาจะต้องจ่ายค่าชดเชยออกไปเป็นจำนวนที่แน่นอนก็ตาม,แต่ว่าก็ได้ทำให้กระบวนท่าสังหารของ”ซิง”ผู้นี้ไร้ความหมายไปได้,นี้ถือได้ว่าเป็นความแข็งแกร่งแต่เดิมของร่างกายชนิดหนึ่ง。
“ซูม——”
ทันใดนั้น,ท่ามกลางอากาศก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวของสายผ้าสีเงินสายหนึ่งลอยทะยานเข้ามาอย่างช้าๆ,ในขณะที่ผู้คนทั้งหมดต่างก็คาดเดาไม่ถึงนั้นเอง,ก็ได้เกิดการแตกกระจายขึ้นมา。
“ไสหัวไป!”
เยี่ยจงร้องขึ้นมา,ประกายสีทองทั่วทั้งร่างกายก็ได้แผ่กระจายออกไป,ควบคุมออกมาด้วยพลังกายเนื้อไม่สูญสลาย,ในขณะนี้เอง,ก็ได้ไหลเวียนพลังอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งหมุนวนขึ้นมาทั่วทั้งร่างกาย,แต่ว่ากระนั้นก็ไม่ส่งผลอันใดออกมา。
ต่อมาในช่วงเวลาที่พลังกลุ่มหนึ่งถูกสลายความเคลื่อนไหวเอาไว้,เยี่ยจงก็ได้พุ่งขึ้นไปท่ามกลางท้องฟ้า,มองไม่ออกว่าได้รับบาดเจ็บที่ใด。
“อืม——”
เสียงนั้นได้ดังขั้นมาอย่างแผ่วเบา จากนั้น,ร่างกายของชายหนุ่มผมดำนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศอีกครั้ง,สีหน้าของเขาในตอนนี้ก็ได้เย็นเยียบขึ้นมาอย่างยิ่ง,เห็นได้ชัดก็คิดไม่ถึงว่า,หลังจากที่ใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือเช่นนี้,เขายังถึงกลับไม่อาจที่ทำอันใดต่อเยี่ยจงได้。
เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมา,จ้องมองไปยังบุคคลผู้นี้อย่างเย็นเยียบ,อีกฝ่ายที่มีพลังฝีมือที่ถือได้ว่าสะเทือนฟ้าสะท้านดินอย่างแน่นอน,หากไม่ใช่ตนเองแล้วละก็,เปลี่ยนเป็นบุคคลอื่น,ภายใต้การลงมือเช่นนี้,อย่างน้อยก็คงจะต้องตายตกไปแล้ว。
“ข้าทราบแล้ว,คนผู้นี้สมควรที่จะเป็นบุตรจักจั่นสวรรค์แห่งเผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทอง,ที่สมควรเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งเผ่าพันธุ์!”มีคนร้องเสียงหลงขึ้นมาอย่างกะทันหัน,เปิดเผยสถานะของคนผู้นี้ออกมา。
ยอดฝีมือมากมายต่างก็เงียบงัน,จากนั้นในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาภายในจิตใจ。เผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทอง,กล่าวกันว่าถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเผ่าพันธุ์โบราณที่มีความน่าหวาดกลัวเผ่าหนึ่ง,กล่าวกันว่ายอดฝีมือของเผ่าพันธุ์การเปลี่ยนแปลงทั้งเก้า,หนึ่งเปลี่ยนแปลงที่สูงขึ้นเรื่อยๆยิ่งมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น,หากว่าสามารถเข้าไปจนถึงระดับสูงสุดของเก้าเปลี่ยนแปลง,ถือได้ว่าเป็นความสามารถสุดยอดนับจากโบราณกาล,ที่มีความน่าสะพรึงกลัวเต็มสิบส่วน。
เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาเช่นกัน,เมื่อชาติก่อนหน้าเขาได้ปะทะกับยอดฝีมือของเผ่าพันธุ์สำนักต่างๆ,ย่อมต้องทราบถึงความน่าหวาดกลัวของเผ่าพันธุ์นี้,คิดไม่ถึงว่า,ภายในดินแดนทั้งสี่,ถึงกับยังมีการคงอยู่ของเผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทองอยู่อีก。
ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับ,หากกล่าวถึงความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์นี้,บุตรจักจั่นสวรรค์นี้ถือได้ว่ามีคุณยึดมั่นในตนเองเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว。
“สุดยอดอันดับหนึ่ง,ซิง,ข้าดูแคลนเจ้าไปแล้ว!”บุตรจักจั่นสวรรค์กล่าวออกมากับตนเองอย่างราบเรียบ,ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏประกายไฟขึ้น,เขาก็ได้จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงเช่นนี้,ทอสีหน้าเย็นชาอยู่ภายในขึ้นมาอย่างหนักแน่น,“ข้าบุตรจักจั่นสวรรค์นับตั้งแต่ออกท่องยุทธภพ,กล่าวได้ว่ายังไม่เคยพ่ายแพ้มาก่อน,อีกทั้งยังไม่มีผู้ใดสามารถทำให้ข้าบาดเจ็บได้แม้แต่น้อย,แต่ว่าเจ้าถึงกับสามารถบีบให้ข้าใช้ออกมาด้วยวิชาจักจั่นทองลอกคราบได้,ถือได้ว่าข้าดูแคลนเจ้าเกินไปแล้ว。”
ต่อมา,บนร่างกายของเขาก็ได้ปรากฏไหมทองขึ้นมาเป็นสาย,ไหมทองเหล่านี้ได้เริ่มที่จะปกคลุมไปทั่วทั้งสภาวะอากาศ,ไม่อาจมีสิ่งใดเล็ดลอดไปได้แม้แต่น้อย。
“นี้คือ,พลังจักจั่นทองของเผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทอง!”มีคนกล่าวออกมาเสียงทุ่มต่ำ。
“ความน่ากลัวในระดับเทวะในตำนานงั้นหรือ!เพียงแต่ว่า,บุตรจักจั่นสวรรค์นี้ถือได้ว่ายังมีพลังฝีมือไม่ถึงขั้นมหาราชัน,ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้ออกมาด้วยพลังทักษะระดับเทวะ,ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนตกใจขึ้นมาได้,ไม่ใช่เป็นระดับมหาราชัน,คนที่สามารถใช้ออกมาด้วยพลังยุทธ์ขอบเขตระดับเทวะได้,จึงจะสามารถใช้พลังระดับเทวะออกมาได้อย่างงั้นหรือ?”มีความเกิดความเคร่งเครียดขึ้นมา,ทอสีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความหวาดกลัวเป็นสาย。
“เผ่าพันธุ์เก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทองนี้ถือได้ว่าเป็นที่น่าแปลกอย่างถึงที่สุด,ถึงแม้ว่าเผ่าพันธุ์นี้จะมีจำนวนน้อยอย่างมาก,แต่ว่าต่างก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่สามารถมีความน่าหวาดกลัวนับตั้งแต่ออกท่องยุทธภพนับแต่ตั้งโบราณกาล,เกรงว่า,พวกเขาจะต้องมีพลังฝีมืออย่างอื่นอยู่อีกอย่างแน่นอน。”มีคนวิจารณ์ออกมา,อีกทั้งยังคาดเดา,ในการครุ่นคิดกัน,นั้นก็เพราะว่า,ทุกคนที่ได้เข้ามายังภายในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้,ต่างก็ถือได้ว่าเป็นศัตรูกัน,ช้าเร็วจะต้องมีการปะทะกันอย่างแน่นอน。
บนใบหน้าของผู้คนมากมายต่างก็ปรากฏความสงสัยขึ้นมา,คาดคำนวนพลังของบุตรจักจั่นสวรรค์อย่างละเอียดถี่ถ้วน,คิดที่มองให้ออกว่า,เขาตอนนี้อยู่ในระดับใด,ที่แท้เป็นระดับเทวะที่แท้จริง,หรือว่าจะเป็นเพียงการใช้ออกมาด้วยพลังเทวะหรือไม่ก็ทักษะเซียนหรือว่ามนต์ตราเทพกันแน่。
“เยี่ยจง,สามารถที่จะกดดันให้ข้าใช้พลังจักจั่นทองออกมาได้,เจ้าเยี่ยมมาก……ต่อให้เจ้าตายไป,ก็ไม่สูญเปล่าแล้ว,หรือไม่ก็,ให้ข้าช่วยส่งเจ้าขึ้นสวรรค์ด้วยมือข้าเองเป็นอย่างไร!”บุตรจักจั่นสวรรค์ยิ้มขึ้นมา。
.
.
.
.