เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 421 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน

ตอนที่ 421 ผลลัพธ์ที่ไม่คาดฝัน

 

หญิงศักด์สิทธิ์แห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์และหญิงเทะแห่งลัทธิเทพแดนลี้ลับเอ่ยขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จนทำให้ผู้คนไม่น้อยขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ว่าหญิงสาวทั้งสองคนต่างก็เอ่ยปากขึ้นมาแล้ว มีผู้คนไม่น้อยต่างก็ไม่กล้าพอที่จะขัดความเห็นนี้ เพราะว่านี้ก็เป็นเหมือนกับว่าคิดที่จะมีปัญหากับแดนลับแลทั้งสองนี้ในเวลาเดียวกัน

 

“หวังว่าเขาคงไม่ทำให้เสียเรื่องหรอกนะ ในเมื่อในครั้งนี้พวกข้าได้เตรียมการเอาไว้อย่างเรียบร้อยไว้แล้ว ”เด็กหนุ่มที่มีขนคิ้วหนายาวผู้หนึ่งก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา แต่ว่าเขาไม่ได้กล่าวอะไรที่หนักหนาออกมา เพียงแค่โบกมือไปมาคราหนึ่ง ก็ได้ขึ้นไปจนถึงเรือลำหนึ่งก่อน

 

คนจำพวกกลุ่มนี้ ถือได้ว่ามีชิงหญิงและโหยวเหลียนทั้งสองเป็นนางในดวงใจ ไม่ทราบว่าทั้งสองคนมาอยู่ร่วมกันได้อย่างไร ที่เหลือกันอยู่อีกทั้งหมดห้าคน เยี่ยจงกลับมิได้มีความรู้จักกลุ่มคนเหล่านี้แม้แต่คนเดียว

 

ตอนนี้ เขาก็ได้มองไปที่ฉากเบื้องหน้า ตัดสินใจคิดที่จะปฏิเสธออกไป ทว่าหลังจากที่ได้ครุ่นคิดไปแล้ว แต่ยังคงพยักหน้าหลายคราอย่างเรียบเฉย เมื่อขึ้นไปบนเรือแล้ว เขาก็รู้สึกได้ถึงความประหลาดใจอย่างยิ่ง ว่าที่แท้เป็นเพราะอะไรกัน ชิงหญิงและโหยวเหลียนสองสาวถึงได้มาอยู่ด้วยกัน ควรทราบว่า ทั้งสองคนนั้นมีความแค้นกันอยู่ อีกทั้งยังเป็นความแค้นที่มาจากเบื้องหลังของทั้งสองสำนักของพวกนาง ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายที่จะสะสางได้

 

“หวังว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงคงจะไม่มีคนมาขวางทางหรอกนะ เพื่อทำลายโอกาสของผู้อื่น ”ชายหนุ่มที่กล่าวออกมาตั้งแต่ทีแรกก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา แฝงเอาไว้ด้วยรสชาติบางอย่างมองไปทางด้านของเยี่ยจงคราหนึ่ง เขานั้นมีนามว่าซ่งถี่ อีกทั้งยังรู้สึกไม่ชอบหน้า”ซิง”อย่างถึงที่สุด

 

“อย่าได้กล่าวเช่นนี้เลย ผู้อื่นจนกระทั่งตอนนี้ได้ถูกเรียกขานว่าสุดยอดฝีมือ ทว่าในเมื่อได้ขึ้นมาแล้ว ก็ย่อมต้องช่วยลงแรงด้วยเช่นเดียวกัน พวกเราในนี้กลับมิได้ชมชอบอยู่ร่วมกับคนเกียจคร้านหรอกนะ ”อีกทางด้านหนึ่งที่มีเด็กหนุ่มนามว่าหยางเทียนก็ได้มองเข้าไปทางด้านของเยี่ยจงด้วยสายตาที่ลึกซึ้งขึ้นมาคราหนึ่ง บนใบหน้าก็ได้ปรากฏรอยยิ้มประหลาดขึ้นมา

 

รวมไปจนถึงชายหนุ่มอีกสามคนที่อยู่ทางด้านข้างนั้นกลับมิได้กล่าวอันใดออกมาอีก เพียงแต่ต่างฝ่ายต่างก็ไปประจำตำแหน่งของคนเองบนเรือ ทอดสายตามองเข้าไปยังป่ามรกตที่อยู่ในสถานที่ห่างไกล

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาเสียงดัง ไม่ได้กล่าวอะไรมากมาย เขาย่อมเข้าใจความคิดของบุคคลเหล่านี้อย่างกระจ่าง เพียงแต่ว่า คนเหล่านี้กลับมิได้มีเพียงแค่ความคิดเพียงแค่นี้เท่านั้น แต่กลับมิได้กระทำการใดอย่างอื่นออกมา ดังนั้นเยี่ยจงจึงมิได้ลงมือ เพราะว่าคนเหล่านี้ก็ยังถือได้ว่ามีน้ำใจอยู่บ้าง

 

บนเรือ ก็ได้มีผู้คนมากมายคอยควบคุมเอาไว้อยู่ จนในที่สุดก็ได้ค่อยๆเริ่มที่จะออกไปเดินทางอย่างช้าๆ มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของทะเลที่เปรียบเสมือนทะเลลาวา ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีประกายแสงบางอย่างปกคลุมอยู่ทั่วทั้งตัวเรืออย่างเข้มข้น ราวกับกำลังให้ความคุ้มครองผู้คนทั้งหมดก็มิปาน

 

“อย่าได้ให้ตนเองออกไปจากการปกคลุมของวงล้อมนี้โดยเด็ดขาด หากเป็นไปตามข้อมูลที่ข้าได้รับมา ส่วนลึกของทะเลลาวาแห่งนี้ถือได้ว่ามีความลี้ลับบางอย่างเอาไว้อยู่ หากว่าออกไปจากพลังที่ปกคลุมนี้ไป ได้รับผลกระทบที่ไม่ดีแล้วละก็ มีความเป็นไปได้อย่างมากที่แม้แต่การตายก็ยังไม่ทราบว่าตายเพราะเหตุใด ”ชายหนุ่มผู้หนึ่งที่ยังมิได้กล่าวอันใดออกมาตลอดมาก็ได้เอ่ยขึ้นมาเสียงเบาอย่างกะทันหัน ผมเผ้าของเขาเต็มไปด้วยสีแดงฉาน ตลอดทั่วทั้งร่างกายนั้นมีบรรยากาศของเพลิงไฟอันร้อนแรงแฝงเอาไว้อยู่ มีนามว่าเหยียนเย่ เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นผู้ที่มาจากรัฐเหยียน

 

หลังจากที่เงียบงัน ผู้คนทั้งหมดต่างก็มองไปที่เขาคราหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย

 

คนของรัฐเหยียน แน่นอนว่าย่อมต้องทราบเรื่องราวความลี้ลับที่ผู้คนปกติคนอื่นๆไม่ทราบส่วนหนึ่ง ผู้คนทั้งหมดต่างมีความเห็นเช่นเดียวกัน ดังนั้น พลังฝีมือของเหยียนเย่ผู้นี้ถึงแม้ว่าจะมิได้เป็นชนชั้นแนวหน้า แต่ว่าท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ไม่มีผู้ใดกล้าที่จะดูแคลนเขาแม้แต่น้อย เพราะว่าเขาพอที่จะมีความสามารถควบคุมความเป็นความตายของผู้คนทั้งหมดไว้บนฝ่ามือได้

 

“ท่านซิง ได้ยินมาว่าท่านได้ฆ่าสังหารบุตรจักจั่นสวรรค์แห่งเผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทองไปอย่างงั้นหรือ ? ”โหยวเหลียนหรี่ตาขึ้นมาอย่างกะทันหัน อีกทั้งภายในคำพูดยังแฝงเอาไว้ด้วยความแปลกใจอยู่หลายส่วน

 

หลังจากที่เงียบงัน คนอานๆต่างก็ละสายตากลับมามองอย่างกะทันหัน เพราะว่าพลังฝีมือของบุตรจักจั่นสวรรค์ถือได้ว่าเป็นที่น่าตกใจอย่างมหาศาล มีชื่อเสียงเรียงนามเกรียงไกรไม่น้อย ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่า ในขณะที่ยังไม่มีผู้ใดที่สามารถเข้าไปใกล้ยังใจกลางของดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ได้ นั้นก็เพราะว่าต่างก็ถูกเขาฆ่าสังหารหมดแล้ว

 

“ก็แค่ดวงดีเท่านั้น ถ้าไม่ระวังอีกหน่อยก็คงถูกฆ่าไปแล้ว ”เยี่ยจงตอบกลับ

 

หลังจากที่เงียบงัน กลุ่มคนกลุ่มนี้ค่างก็ไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมาไปตามๆกัน ขนาดบุตรจักจั่นสวรรค์ที่ถือได้ว่าเป็นสุดยอดฝีมืออันดับหนึ่งแห่งยุคแห่งดินแดนเป่ยฮวง ตอนนี้กลับถูก”ซิง”เบื้องหน้าสายผู้นี้สังหารไปก็แล้ว เขายังถือได้ว่าดียิ่ง ถึงกับหาญกล้ากล่าววาตนเองเพียงแค่ดวงดีสังหารไปได้เท่านั้น

 

“ไม่ทราบว่าซากศพของบุตรจักจั่นสวรรค์ ท่านจะจัดการอย่างไรกัน ? หากว่าสามารถแล้วละก็ ก็สามารถนำออกมาเพื่อทำการแลกเปลี่ยน ข้าจะต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ท่านอย่างงามอย่างแน่นอน ”โหยวเหลียนทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา แววตาทอเป็นประกายระยิบระยับ เห็นได้ชัดมีความสนใจต่อศพของบุตรจักจั่นสวรรค์เป็นอย่างมาก

 

“อ๋อ ถูกข้ากินไปแล้วละ รสชาติยังถือว่าพอใช้ได้ ”เยี่ยจงย่อมต้องทราบว่า ศพของเผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทองนั้นมีความสำคัญถึงเพียงไร เรียกได้ว่าสามารถนำมาเป็นวัตถุดิบในการหล่อหลอมผ้าจักจั่นสวรรค์ได้ เขาย่อมไม่อาจนำออกมาอย่างแน่นอน

 

“กินไปแล้ว ? ท่านคิดว่าพวกเราโง่กันแล้วหรือยังไง ? นั้นถือได้ว่าเป็นสิ่งที่มีค่ามากอย่างมากเลยนะ เจ้าถึงกับกินเข้าไปแล้วงั้นหรือ ? ”ซ่งถี่มองไปที่”ซิง”คราหนึ่ง กล่าวออกมาเสียงเย็นชา ต่อให้ตีเขาจนตายเขาก็ไม่ยอมเชื่อ

 

“แน่นอนว่ากินไปแล้ว ใช่แล้ว เมิงจี่ตนนั้นที่ได้ถูกข้าสังหารไปก็ได้ถูกข้ากินไปแล้วเช่นกัน เพื่อหยิบยืมโลหิตและเนื้อที่มีความบริสุทธิ์ของพวกเขา จนทำให้ข้าสามารถที่จะทะลวงเข้าสู่อีกขอบเขตหนึ่งได้เลยเชียวนะ ”เยี่ยจงยิ้มน้อยๆขึ้นมา เผยให้เห็นฟันอันขาวผ่องออกมา รอยยิ้มนั้นให้ทั้งความรู้สึกอันใกล้ชิดและน่าดูอย่างยิ่ง

 

ผู้คนมากมายต่างก็จ้องมองไปที่เขา หลังจากนั้น ทันใดนั้นก็ได้มีคนกระตุกหางตาขึ้นเล็กน้อยคราหนึ่ง ไม่ว่าพวกเขาจะเชื่อในคำพูดของเยี่ยจงหรือไม่ แต่ว่า ถ้าหากว่าถูกเขากินเข้าไปจริงแล้วละก็ เช่นนั้นเพียงพอที่จะเป็นเครื่องบ่งบอกได้ว่า เด็กน้อยผู้นี้มีไร้ซึ่งน่าหวาดกลัวถึงเพียงใด

 

ควรทราบว่า ไม่ว่าจะเป็นเผ่าเก้าแปรเปลี่ยนจักจั่นทองหรือว่าจะเป็นเมิงจี่ กายเนื้อนั้นเปรียบเสมือนได้ดั่งโอสถชิ้นใหญ่ ในข้อนี้ ผู้คนมากมายต่างก็ทราบดี แต่ว่า ต่อให้จัดการฆ่าสังหารพวกเขาไป ก็ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าพอที่จะยินยอมกินเนื้อของพวกมัน เพราะว่า การทำเช่นนี้ก็เป็นเหมือนดั่งการลบหลู่เผ่าพันธุ์ทั้งเผ่าพันธุ์เลยก็ว่าได้ สิ่งนี้เป็นมีทั้งข้อดีและข้อสัยในตัวของมันเองอยู่อย่างหนึ่ง

 

หากว่า ”ซิง”หาญกล้าที่จะทำเรื่องราวเช่นนี้จริงแล้วละก็ เช่นนั้นก็คงจะไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใดแล้วอย่างแท้จริง、อีกทั้งยังเป็นความเย็นชาที่ไร้ความหวาดกลัวอีกด้วย !

 

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ เช่นนั้นก็น่าเสียดายจนเกินไปแล้ว แต่ว่าครั้งหน้าหากว่าได้รับศพของเผ่าเก้าเปลี่ยนแปลงจักจั่นทองแล้วละก็ ท่านก็อย่าลืมเหลือไว้ให้ข้าด้วยละ ข้าจะจ่ายค่าตอบแทนให้อย่างงามแน่นอน ”โหยวเหลียนมิได้บีบคั้น เพียงแค่กล่าวออกมาพร้อมรอยยิ้ม

 

“แน่นอน ”เยี่ยจงยิ้มขึ้นเล็กน้อย จนทำให้ผู้คนมองไม่ออกว่าแท้จริงแล้วกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

 

“อย่าได้กล่าวอะไรมากมายเช่นนี้เลย สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ถูกต้อง ”เหยียนเย่ที่อยู่อีกทางด้านหนึ่งที่ให้ความสนใจต่อสิ่งที่อยู่ภายนอกอยู่ตลอดมาก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างกะทันหัน สีหน้าของเขาปั้นยากขึ้นมาเล็กน้อย จ้องมองออกไปบริเวณทางด้านหน้าอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

กลุ่มผู้คนต่างก็กวาดสายตามองเข้าไป ในเวลาเดียวกันสีหน้าก็ได้เปลี่ยนไป เพราะว่าในบริเวณทางด้านหน้า ตอนนี้ในเวลาเดียวกันก็ได้มีเรือไม้ที่เข้าไปใกล้แล้วทั้งหมดสามลำ เรือเหล่านี้เรียกได้ว่ามีความเก่าแก่และโบราณอย่างถึงที่สุด ในแต่ละบริเวณต่างก็ได้มีความเสื่อมโทรมที่มาจากกาลเวลา แต่ว่าก็ยังคงพอที่จะใช้มาเพื่อล่องอยู่ท่ามกลางของทะเลลาวา ในข้อนี้แต่เดิมทีตัวของมันเองก็ถือได้ว่ามีความประหลาดอย่างถึงที่สุดอยู่แล้ว

 

“หลบเร็ว เรือไม้เหล่านี้ดูไม่ถูกต้องอย่างถึงที่สุด หากว่าเข้าไปใกล้สุ่มสี่สุ่มห้า เกรงว่าคงจะต้องพบกับควาพินาศอย่างแน่นอน ”นางเซียนชิงหญิงที่มีผิวพรรณดุจหยกกระดูกอันเย็นเยียบ ในตอนนี้นางก็ได้ขมวดคิ้วอันดกดำขึ้นมาหลังจากที่คาดคำนวณเอาไว้ จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“เรือไม้ที่ปรากฏขึ้นมาในทะเลลาวา ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็ไม่ปกติอย่างยิ่ง อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นเรือผีสิงที่เล่าขานกันแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่สมควรที่จะเข้าไปใกล้อย่างสุ่มสี่สุ่มห้า พวกเราถอย ”เหยียนเย่พยักหน้าตอบรับ จากนั้นเขาก็ได้ควบคุมเรือ เปลี่ยนแปลงทิศทางให้เดินไปอีกทางด้านหนึ่ง

 

“ซูม——”

 

จากนั้น ในระหว่างพริบตานั้นเอง เรือไม้เหล่านี้ก็ได้เพิ่มระดับความเร็วขึ้นมาอย่างกะทันหัน พุ่งเข้ามาอย่างดุดันไปทางด้านของเรือที่ปกคลุมไปด้วยประกายแสงอยู่ภายนอก ในขณะนี้เอง ทุกผู้คนต่างก็มองดูอย่างชัดเจน ทางด้านบนของเรือทั้งสามลำ ได้มีซากศพกองเอาไว้อยู่ มีทั้งเผ่าพันธุ์ต่างๆนาๆที่ไร้ซึ่งลมหายใจ ศพเหล่านี้มีความมีความสดใหม่อย่างถึงมาก ราวกับว่าพึ่งจะตายตกลงไปก็มิปาน อีกทั้งยังแผ่ไอร้อนขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้ปกคลุมเอาไว้ด้วยกลิ่นโลหิตสีแดงสดหลั่งไหลออกมา เป็นที่น่าแปลกใจอย่างมาก

 

“นี้คือ……”โหยวเหลียนขมวดคิ้ว ทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย

 

“ศพเหล่านี้เกรงว่าคงจะต้องตายลงไปแล้วอย่างน้อยก็หมื่นปีขึ้นไปแล้ว หากมองในจำนวนเวลานับหมื่อนปีที่ล่วงเลยมา จะยังคงความสดใหม่ของศพเหล่านี้ได้อย่างไรกัน อีกทั้งยังมีหยาดโลหิตอันสดใหม่นี้อีก ”หยางเทียนเอ่ยขึ้นมา สีหน้าทอแววปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ยังมีอีกเยอะ ! ”เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมากะทันหัน มองออกไปในที่ไกลออกไป แล้วก็เบว่าไม่ทราบนับตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้มีเรือไม้ปรากฏขึ้นมาอีกเป็นกลุ่ม ด้วยพลังสายตาที่สามารถส่องมองไปทั่วทุกสิ่งที่อยู่บนทะเลผืนนี้ ท่ามกลางเรือไม้ทุกๆลำ ต่างก็มีศพและหยาดโลหิตอันสดใหม่อยู่

 

“ราวกับ ยังมีสิ่งอื่นๆอยู่อีกนะ ”ซ่งถี่เปลี่ยนสีหน้าไปอย่างกะทันหัน นำกระจกเงินอ่อนออกมาส่องไปทั่วทั้งสี่ทิศ วินาทีนั้นก็ได้เกิดประกายแสงแวววับขึ้นมาเป็นสาย ปรากฏม้วนคัมภีร์ขึ้นมาส่วนหนึ่ง、ทั้งทักษะซัยน、โอสถปราณเป็นต้น อีกทั้งยังไม่เพียงแค่นั้นอีกด้วย

 

เห็นได้ชัด เรือไม้เหล่านี้นอกเสียจากจะมีซากศพและหยาดโลหิตแล้ว ยังถือได้ว่ามีสมบัติอยู่อีกไม่น้อย หากมองในความหมายอีกมุมหนึ่งแล้ว เรือไม้เหล่านี้ก็เปรียบเสมือนดั่งคลังสมบัติขนาดใหญ่สายหนึ่งเลยก็ว่าได้

 

หลังจากที่ได้มีการปรากฏของเรือไม้กลุ่มหนึ่งขึ้นมาแล้ว พวกมันก็มิได้ขยับเคลื่อนไหวอันใดอีก เพียงแค่ลอยอย่างเงียบเชียบปรากฏขึ้นมาอยู่บนผืนทะเลลาวาแห่งนี้ มิได้มีความเปลี่ยนแปลงอื่นใดอีก แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ฉากเบื้องหน้านี้ก็เพียงพอที่จะทำให้ผู้คนเกิดความตกใจขึ้นมาได้ ทุกผู้คนต่างก็เกิดความสงสัยขึ้นมาเหม่อมองไปทั่วทั้งสี่ด้านอย่างไม่หยุดนิ่ง ในเวลาเดียวกันก็ได้เกิดความคิดขึ้นมาไม่หยุด

 

“หากว่าสามารถที่จะขึ้นไปยังเรือไม้เหล่านี้ได้แล้วละก็ เกรงว่าคงจะได้รับสิ่งตอบแทนมาไม่น้อยเลยทีเดียว ”ซ่งถี่ครุ่นคิดขึ้นมาในขณะนั้น กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา สมบัติเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นที่ดึงดูดความสนใจได้ไม่น้อย ในขณะนี้เอง เขาก็ได้เกิดความคิดที่จะลงมือออกไปแล้วหลายส่วน

 

“ไม่ได้นะ ”ชิงหญิงส่ายหน้า “สถานที่แห่งนี้มีความน่าสงสัยมากจนเกินไป หากว่าลงมืออย่างไม่ระวัง ได้รับผลกระทบอันใดไปแล้วละก็ เกรงว่าท่ามกลางพวกเราทั้งหมดต่างก็ไม่อาจที่จะจากไปได้ ”

 

ผู้คนอื่นๆหลังจากที่เงียบงัน ก็ได้ทอสีหน้าเป็นประกายขึ้นมาเล็กน้อย เห็นได้ชัด ในขณะนี้เอง ย่อมไม่มีความคิดที่จะถอยออกไปอย่างแน่นอน

 

เยี่ยจงเดินออกไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว จนมาถึงบริเวณส่วนปลายของเรือ จ้องมองไปที่เรือไม้อยู่นาน จึงได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ:“มีพลังฝีมือในระดับราชันขึ้นไปเท่านั้น จึงยังพอที่จะสามารถรักษาชีวิตเอาไว้ได้ หากว่ามีระดับฝีมือที่ต่ำกว่านี้แล้ว อย่างน้อยก็คงจะไปหาที่ตายเท่านั้น ผู้ที่ไม่เชื่อ เช่นนั้นตนเองก็มองเข้าไปเองซะสิ ”

 

ผู้คนมากมายท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ต่างก็ถือได้ว่าพึ่งจะเข้าสู่ระดับพลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณหมุนรอบแทบทั้งสิ้น หลังจากที่เงียบงัน ผู้คนทั้งหมดต่างก็ไม่กล่าวอันใดออกมา

 

“ที่เจ้ากล่าวออกมาเช่นนี้มีสาเหตุมาจากสิ่งใดกัน ? คงจะมิใช่ว่าคิดที่จะให้พวกเราทั้งหมดต่างก็ถูกเจ้าหลอกให้จากไป แล้วตนเองกลับไปแทนหรอกนะ ? ”ซ่งถี่หัวเราะออกมาเสียงเย็นชา ภายในความพูดแฝงเอาไว้ความเย็นเยียบอยู่หลายส่วน

 

“เชิญ ”เยี่ยจงแสดงท่าทางบางอย่างออกมา ถอยออกไปหนึ่งก้าว คร้านที่จะกล่าววาจาไร้สาระกับผู้คนกลุ่มนี้

 

เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ผู้คนทั้งหมดต่างก็เกิดอาการหวาดหวั่นขึ้นมาไม่หยุดนิ่ง

 

“ทุกท่าน หากว่าสิ่งของเหล่านี้สามารถนำออกมาได้อย่างง่ายดายแล้วละก็ ราชาปีศาจเหล่านั้นเมื่อครู่นี้ก็คงจะไม่ปล่อยไปหรอก ยังคงหลบไปจะดีกว่า ”เหยียนเย่ที่ครุ่นคิดอยู่นาน ในที่สุดก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอีกครั้ง

 

เมื่อได้ยินเขากล่าวออกมา หลังจากที่ซ่งถี่และพวกต่างก็ซบตามองกันคราหนึ่ง จึงได้มีความคิดไม่ยินยอมถอยออกไป

 

จากนั้น ในขณะที่มีการควบคุมของเหยียนเย่ เรือก็ได้ล่องออกไปอย่างระมัดระวังหลบเลี่ยงเรือไม้ที่ปรากฏข้นมาเหล่านี้ไป เข้าไปยังบริเวณส่วนที่เป็นส่วนลึกต่อไป

 

แต่ว่าตลอดรายทางมานี้ ก็ยิ่งพบเจอกับสมบัติที่อยู่บนเรือไม้เหล่านี้ปรากฏขึ้นมายิ่งมายิ่งมาขึ้นเรื่อยๆ จนท้ายที่สุด ถึงขั้นมีการปรากฏขึ้นมายังวัตถุสมบัติที่อยู่ในระดับตำนานที่ถูกเล่าขานกันปรากฏขึ้นมา ซ่งถี่และพวกต่างก็ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนไม่หยุดนิ่ง กระนั้นก็ยังคงมิได้ลงมือ

 

เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปทางด้านของพวกเขาอย่างเย็นเยียบ เรือไม้เหล่านี้ก็น่าสงสัยอย่างยิ่ง เต็มเปี่ยมไปด้วยความเป็นไปได้หลายๆอย่าง หากว่าคนเหล่านี้ไม่ยินยอมที่จะฟัง การที่จะเดินหน้าต่อไปแล้วละก็ เช่นนั้นเขาก็ย่อมไม่เกิดความลังเลที่จะลงมือสังหารแม้แต่น้อย ดีเสียกว่าทำให้ตนเองตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่

 

หลังจากที่ผ่านพ้นไปแล้วสามวัน ในที่สุดทั้งคณะก็ได้ออกมาจากเขตที่เต็มไปด้วยการปรากฏขึ้นมาของเรือไม้ ภายใต้การห้ามปรามของชิงหญิงและโหยวเหลียน ในที่สุดก็มิได้มีคนลงมือ มีแต่เพียงทอใบหน้าเสียดายออกมาออกมาจากผืนทะเลแห่งนั้น จากนั้น เรือก็ได้ล่องเข้าไปยังส่วนลึกที่ลึกเข้าไปเรื่อยๆ แล้วก็ได้ผ่านไปอีกสามวัน จนในที่สุดก็ได้มาจนถึงสถานที่หมาย

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
#####Fanpage#####
Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset