ตอนที่ 429 เสียงสวดแห่งสัจธรรม
ท่ามกลางตำหนักโบราณ ก็ได้มีบรรยากาศแห่งไฟคุกรุ่น ทันใดนั้น ราชาปีศาจทั้งหมดในขณะนี้เองต่างก็ได้หัวเราะหึหึอย่างเย็นชาขึ้นมา
“เห็นด้วย ตลอดมานี้เป็นดั่งคำบอกเล่าในตำนานก็มิปาน ดูเหมือนว่า อีกทั้งยังจำเป็นที่จะฆ่าสังหารเด็กน้อยรุ่นเยาว์เหล่านี้เพื่อมาเซ่นสังเวย แล้วพวกข้าจะพิจารณาดูอีกที ว่าสิ่งของเหล่านั้นจะปรากฏขึ้นมาหรือไม่ ” มนุษย์ผิวสีเขียวหัวเราะหึหึอย่างเย็นชา ทอสีหน้าแปลกประหลาดอย่างถึงที่สุด
“ไม่เลว ต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน เป็นประดุจดั่งตำนานที่เล่าขาน ” ราชามดทองคำก็ได้พยักหน้าเห็นด้วยเช่นเดียวกัน
ในขณะนี้เอง ราชาปีศาจกลุ่มนี้ก็แบ่งกันกระจายออกไป มุ่งหน้าไปบังบริเวณจุดรวมตัวที่อัจฉริยะอยู่เข้าไปทางด้านหน้า เห็นได้ชัด ราชาปีศาจเหล่านี้ก็ได้เข้าสู่ในระดับการปรึกษาหารือได้เป็นจนเป็นที่สำเร็จในทันที เพื่อที่จะสังหารอัจฉริยะที่มาจากทางด้านนอกเหล่านี้ให้หมดจด จากนั้นค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่นกันอีกที
“ทุกท่าน เกรงว่าพวกเราคงจะต้องร่วมมือกันแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าคงจะไม่มีผู้ได้ที่จะสามารถออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างมีชีวิตได้ ” ซูม่อหยงกล่าวขึ้นมากะทันหัน ทักออกมาถึงสถานการณ์ในขณะนี้
อัจฉริยะท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ สามารถกล่าวได้ว่าทุกผู้คนต่างก็มีความคิดเป็นของตนเอง แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับสภาวะเช่นนี้ จากนั้นจึงได้ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา ก็ได้ทะยานออกไปพร้อมกันอย่างรวดเร็ว
เยี่ยจงทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาอย่างมาก เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว นั้นก็เพราะว่าอัจฉริยะเหล่านี้เมื่อครู่ยังได้ลงมือต่อเขาอยู่ เพื่อที่จะแย่งชิงน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ ขณะนี้หากว่ามีร่วมมือด้วยกันชั่วคราวแล้วละก็ เขาก็คงเกรงว่าตนเองจะถูกคนกลุ่มนี้แทงเข้ามาทางด้านหลังดาบหนึ่ง
“ท่านซิง เจ้าก็เข้ามาร่วมมือกันเถอะ ” ซูม่อหยงมองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เยี่ยจงทอสีหน้ากึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มออกมา มิได้กล่าวอันใดมากมาย
“ในขณะนี้ พวกเราสมควรที่จะจับมือกัน เรื่องที่แล้วก็แล้วกันไป ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ เกรงว่าคนไม่มีผู้ใดที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ ” ซูม่อหยงทอสีหน้าจริงจังอย่างมาก เห็นได้ชัดนางย่อมต้องมีความเข้าใจต่อขุมกำลังก่อนหน้านี้อย่างถึงที่สุด
ชิงหญิงก็ได้มองเข้ามา กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “ท่านซิงโปรดวางใจ ในเวลาเช่นนี้ หากว่ามีคนคิดที่จะลงมือแทงข้างหลังแล้วละก็ ข้าจะรับผิดชอบในการสังหารพวกเขาเอง ”
ชิงหญิงเป็นผู้ที่มาจากแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ มีศักดิ์สถานะสูงส่งอย่างยิ่ง ขณะนี้นางก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมาเช่นนี้ ผู้คนไม่น้อยก็ได้มีคนที่ได้ทอสีหน้าประหลาดอยู่หลายส่วนต่างก็ได้ค่อยๆ เห็นด้วย เห็นได้ชัดยอมรับคำพูดที่นางกล่าว ไม่ว่าอัจฉริยะมากมายจะอยู่เคยแก่งแย่งชิงดีอันใดกันอย่างไร แต่ว่าเมื่อกล่าวออกมาถึงสถานการณ์ในระดับนี้ ขณะนี้ผู้คนมากมายก็จำเป็นที่จะต้องร่วมมือกัน และพลังการต่อสู้ของ” ซิง” ก็แข็งแกร่งน่าหวาดกลัว ผู้คนมากมายต่างก็มองไปด้วยสายตาเช่นนี้ ขณะนี้เมื่อเพิ่มเขาเข้ามาด้วยแล้วละก็ ทางด้านของผู้คนมากมาย ก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ดี
เยี่ยจงกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มมองไปที่อัจฉริยะกลุ่มนี้ แต่ว่าหลังจากนั้น เขาก็มิได้กล่าวอะไรออกมามากมาย เพียงแต่ค่อยๆ ที่จะเดินเข้าไป
“เหลือไว้สักหลายคนรั้งท้ายไว้ คนอื่นๆ หลบไปก่อน เมื่อได้เข้าไปยังส่วนลึกบริเวณตำหนัก ก็จะได้พบเจอกับวาสนาอันมากมายแล้ว ” ชายใบหน้าสีเงินกล่าวขึ้นมาอย่างกะทันหัน เป็นคนแรกที่ทะยานร่างออกไปทางด้านหลัง
“พวกเจ้าต้องการที่จะไปในขณะนี้แล้วละก็ เกรงว่าจะสายเกินไปแล้วกระมั่ง ? ” ราชาปีศาจทั้งหมดก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชาในเวลาเดียวกัน แต่ละคนก็ได้ใช้ออกมาด้วยทักษะยุทธ์ โจมตีสังหารออกมา
“สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะที่จะลงมือเป็นอย่างยิ่ง เข้าไปกันก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที ” องค์หญิงจื่อหวินเดินขึ้นไปทางด้านหน้าอย่างกะทันหัน ภายในมือของนางก็ได้ปรากฏยันต์หยกขึ้นมาแผ่นหนึ่ง ขณะนี้ก็ได้ถูกนางบีบใช้ขึ้นมาในทันที
“ชิ——”
พลังยันต์หยกสายหนึ่งก็ได้เคลื่อนไหวอยู่ท่ามกลางอากาศผืนนี้ ทันใดนั้นก็ได้ห่อหุ้มไปที่ร่างกายของอัจฉริยะทั้งหมด จากนั้นก็ได้ทอประกายแสงขึ้นมา ส่งผู้คนมากมายเข้าไปยังภายในของตำหนัก
ฉากเบื้องหน้าราวกับเป็นอย่างอัจฉริยะทั้งหมดคาดเอาเอาไว้ แต่คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจื่อหวินเพียงแค่ใช้ออกมาด้วยยันต์ปราณเพียงแผ่นเดียว ก็ถึงกับสามารถที่จะส่งผู้คนทั้งหมดเข้าไปได้ในทันที
ขณะนี้ ราชาปีศาจกลุ่มนั้นก็ได้ถูกรั้งท้ายอยู่ทางด้านหลังในที่ห่างไกลออกไป ในเวลาเดียวกันก็ได้บรรยากาศของหมอกควันแห่งความแค้นก็ได้เลือนหายไป และดวงตาของผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้ทอเป็นประกายประหลาดขึ้นมา ราวกับมีความคิดขึ้นมา ผู้คนต่างต่างฝ่ายต่างก็ได้ถอยออกไปทางด้านหลังอยู่หลายก้าว หายออกไปจากทั้งสี่ด้าน
“ท่านซิง ในเมื่อพวกเราขณะนี้ได้ร่วมมือด้วยกันแล้ว เช่นนั้นก็สมควรถือได้ว่าเป็นพรรคพวกเดียวกัน ท่านก่อนหน้านี้ได้ครอบครองน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ไปทั้งหมดห้าหยด สิ่งนี้ถือได้ว่าวัตถุที่ใช้ไว้หล่อหลอมกายเทวะ ย่อมต้องมีประโยชน์อย่างมากต่อทุกผู้คน ไม่ทราบว่าท่านพอที่จะนำอีกทั้งสี่หยดออกมาได้หรือไม่ เพื่อเป็นการแบ่งปันต่อทุกคน ? ” ชายใบหน้าสีเงินกล่าวขึ้นมากะทันหัน เห็นได้ชัด เขามีความต้องการต่อน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ในมือของเยี่ยจงอย่างไม่อาจที่จะยอมแพ้ได้ ขณะนี้ภายในดวงตาก็ได้สาดประกายความสงสัยขึ้นมา
คนอื่นๆ ต่างก็เงียบงัน มีคนอยู่ไม่น้อยต่างก็ได้ทอสีหน้าแปลกใจขึ้น จากนั้นก็ได้ค่อยๆ พยักหน้าติดต่อกันอย่างช้าๆ น้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ ความล้ำค่าของวัตถุสิ่งนี้ สามารถที่จะทำให้ผู้คนกลับไปฝึกปรือใหม่ก็ว่าไปแล้ว โดยเฉพาะส่งผลต่อผู้ที่ไม่มีพลังในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายแล้ว ก็เหมือนกับเป็นโอกาสที่สำคัญครั้งหนึ่ง ดังนั้นจึงไม่มีผู้ใดยินยอมที่จะผิดพลาดไปได้
ขณะนี้เมื่อมีคนนำทัพเพื่อบีบบังคับ” ซิง” วินาทีนั้นคนกลุ่มนี้ก็ได้พยักหน้าเล็กน้อย เห็นเดียวกับคำพูดเช่นนี้
“พวกเจ้าต้องการครอบครองน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์นั้นย่อมได้ งั้นก็นำวัตถุสิ่งที่พอจะมีค่าพอมาแลกเปลี่ยน คำขอของข้านั้นไม่สูงนัก สมบัติเซียนระดับสูงหรือไม่ก็มนต์ตราเทพก็เพียงพอแล้ว แน่นอนว่า หากเป็นทักษะเซียนที่มีความพิเศษเฉพาะ ข้าก็อาจพอที่จะฝืนใจยอมแลกเปลี่ยนด้วยก็เป็นได้ ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ทอสีหน้าและกล่าวคำพูดเย้ยหยันออกมาเป็นสาย
“ท่านซิง ทุกคนในสถานที่แห่งนี้ต่างก็ถือได้ว่าลงเรือลำเดียวกันแล้ว กล่าวสิ่งเหล่านี้ออกมามิใช่ว่าเกินไปหรอกหรือ……หรือไม่ก็ ท่านนำเอาน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ออกมาก่อน ทุกๆ คนหลังจากนี้จึงค่อยชดเชยให้ท่านภายหลัง ยกตัวอย่างเช่นการเก็บเกี่ยวสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ภายในท่ามกลางตำหนักแห่งนี้แล้วละก็ จะให้ท่านเป็นคนได้เลือกก่อน ” หยินหลิงจื่อหัวเราะกล่าวออกมาเสียงเบา เสียงหัวเราะน่าเปี่ยมไปด้วยความมีเสน่ห์ หางสีเงินของเขาก็ได้สะบัดไปมาค่อยๆ เบาๆ ทอแววตาเย็นชาจ้องเขม็งไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเย็นเยียบขึ้นมา
“ไม่เลว อย่างงั้นเมื่อพูดได้ก็ย่อมทำได้ อีกเดียวได้รับประโยชน์อันใดแล้วละก็ ท่านซิงก็เอาไปก่อนเลย พวกเราย่อมไม่แย่งชิงอย่างแน่นอน ” บุตรมารอัสนีขณะนี้ก็ได้หัวเราะฮิฮะกล่าวออกมา เขาและหยินหลิงจื่อก็ได้เดินขึ้นหน้าไปพร้อมกัน ต้องการที่จะบีบบังคับเยี่ยจง
“พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าจะสามารถเอาข้าลงได้งั้นหรือ ? ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นน้อยๆ ทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง
“ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ ท่านซิงท่านมีพลังฝีมือที่เหนือธรรมดา หากว่าเป็นการต่อสู้เพียงอย่างเดียว พวกข้าคงจะไม่มีปัญญาที่จะทำอย่างไรต่อท่านได้ แต่ว่าการอยากอาหารของท่านก็ช่างไม่เลือกเสียจริง ถึงกับกินสิ่งมีชีวิตอื่นเป็นอาหารรอย่างไม่สนใจ……” หยินหลิงจื่อส่ายหน้า ร่างกายก็ได้แผ่บรรยากาศเย็นเยียบขึ้นมา เขาและ” ซิง” ถือได้ว่ามีความแค้นกันมาตั้งแต่แรก เพียงแต่ว่าตลอดมานี้ได้แต่ข่มกลั้นเอาไว้ มิได้ลงมือออกไปเท่านั้น แต่ว่าขณะนี้เขาก็ไม่อาจที่จะข่มกลั้นต่อไปไว้ได้อีก
บุตรมารอัสนีก็ได้หัวเราะอย่างเย็นชา เขามองไปที่น้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ในมือของเยี่ยจงด้วยดวงตาร้อนแรงอย่างถึงที่สุด ไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องครอบครองมาให้ได้
ชายใบหน้าสีเงินขณะนี้ก็ได้ค่อยๆ เดินออกมา ภายในดวงตาก็ได้ทอสีหน้าประหลาดอย่างยิ่งขึ้นมา
ชิงหญิงและพวกทางด้านข้างในขณะนี้แต่ละคนก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา ทราบว่าอย่างน้อยก็ไม่อาจที่จะต้านทานฉากเบื้องหน้าสายตาได้
“พวกเจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าจะต่อมากับข้าในเวลาเช่นนี้ ? ” เยี่ยจงหัวเราะอย่างเย็นชา ทอดสายตามองเข้าไปบริเวณทางด้านหลัง
บริเวณทางด้านหลังของทุกคน ก็เพียงพอที่จะสามารถพบเห็นได้กับพื้นที่ว่างเปล่าของตำหนักขนาดใหญ่ บริเวณส่วนลึกของตำหนักใหญ่ ก็ได้ตั้งเอาไว้ด้วยแท่นบูชาแห่งหนึ่ง ที่บนแท่นนั้นก็จะสามารถพบเห็นได้ถึงทิวทัศน์อันงดงามสายหนึ่ง ทอประกายอักขระสีทองขึ้นมาไม่ขาดสาย อักขระเหล่านี้ปกคลุมกระจัดกระจายไปทั่ว ไม่นานนักก็ได้หายวับไปท่ามกลางอากาศ
และทางด้านหน้าแท่น ก็ได้มีเบาะไม้สานโบราณตั้งเอาไว้อยู่หลายชิ้น และขณะนี้เงาร่างของคนชุดทองสายนั้นก็ได้นั่งลงอยู่ด้านบนของเบาะไม้สานใบหนึ่ง ราวกับกำลังนั่งฟังอะไรบางอย่างอย่างละเอียดอยู่
นอกเสียจากบริเวณแห่งนี้แล้ว ท่ามกลางตำหนักใหญ่แห่งนี้ก็ไม่อาจที่จะพบเจอกับสิ่งอื่นใดอีก เพียงแค่นี้ก็สามารถมองออกว่า ภายในตัวของตำหนักใหญ่นี้มีคุณลักษณะของความเก่าแก่เอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม ไม่มีอันใดที่จะมาทำลายความบริสุทธิ์เหล่านี้ได้ ราวกับกลายเป็นดั่งสวรรค์ผืนหนึ่งก็มิปาน
“นั้นมัน……เสียงสวดแห่งสัจธรรมในตำนานอย่างงั้นหรือ ? ” มีคนเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา เหม่อมองเข้าไปยังฉากเบื้องหน้า ทอสีหน้างงงันขึ้นมา
ในขณะนี้เอง ต่อให้เป็นหยินหลิงจื่อและบุตรมารอัสนีต่างก็ยังต้องลืมเลือนการแย่งชิงน้ำตาเทวะแห่งดวงอาทิตย์ในมือของเยี่ยจงไปได้ นั้นก็เพราะว่าทุกผู้คนต่างก็เข้าใจ ว่าวาสนาที่แท้จริงได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว ในเวลาเช่นนี้การลงมือต่อเยี่ยจง เรียกได้ว่าไม่คุ้มค่าแต่อย่างไร
“หากว่าสามารถที่จะนั่งลงทำสมาธิอยู่บนเบาะไม้สานเพื่อฟังคำสวดนี้แล้วละก็ แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นวาสนาครั้งใหญ่อย่างแน่นอน มีความเป็นไปได้ว่า เสียงสวดแห่งสัจธรรมนี้เป็นสิ่งที่เป็นตำนานของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกเหลือทิ้งเอาไว้ ที่ไม่เป็นสองรองใคร ! ” จินยี่กล่าวขึ้นมากะทันหัน ปีกสีทองทางด้านหลังก็ได้ค่อยๆ ขยับเคลื่อนไหวขึ้นมา เขาทอสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง หลังจากนั้นเอง ก็ได้ก้าวออกไปบริเวณทางด้านหน้าออกไปทีละก้าวเข้าไป
อัจฉริยะมากมายนี้ต่างก็เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า สีหน้าของแต่ละคนต่างก็แปลกประหลาดอย่างยิ่ง แต่ว่าก็ยังไม่มีผู้ใดลงมือออกมา เพียงแต่แยกออกจากกันเช่นนี้ไป แต่ว่าในเวลาเดียวกันก็ได้จ้องมองไปยังบนร่างกายของจินยี่ผู้นั้น ต้องการที่จะทราบว่าเขาจะสามารถที่จะทำได้สำเร็จได้หรือไม่
ปีกทองขยับเคลื่อนไหวด้วยระดับที่เร็วอย่างมาก ไม่นานนักก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณไม่ห่างไกลจากแท่นนั้นไม่ถึงร้อยจัง แต่ว่าพริบตานั้นเอง บนร่างกายของเขาราวกับถูกพลังขนาดใหญ่ดุจขุนเขาหมื่นชั่งกดทับลงก็มิปาน ทั่วทั้งร่างกายก็ได้เกิดเสียงดัง “เปรี้ยง” ขึ้นมา ถูกกดทับติดอยู่บนพื้น แต่ว่าคืบคลานอย่างดื้อดึงขึ้นมา ก้าวเดินออกไปทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง
“กร๊อบ——”
ยิ่งบวกกับพลังขนาดใหญ่ที่กดดันเข้ามาปกคลุมอยู่บนร่างกายและปีกทองในขณะนี้ ทำให้ทั่วทั้งร่างกายของเขาปรากฏโลหิตไหลรินออกมาเป็นสาย ในขณะนี้เขาก็ได้ทอสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายอย่างไร้ที่เปรียบ ปีกคู่สีทองทางด้านหลังก็ได้แยกขึ้นมา จนใช้ออกมาด้วยพลังทั้งหมดเพื่อเข้าต้านทานแรงกดดันชนิดนี้เอาไว้
ยอดฝีมือทั้งหมดในขณะนี้เองต่างก็ใบหน้าไร้สีเลือด หากกล่าวจากพลังฝีมือของทุกผู้คน ก็ถือได้ว่ามิได้มีความแตกต่างกันมากนัก แต่ว่า ขณะนี้ด้วยพลังฝีมือของจินยี่ ก็ยังเข้าไปได้ใกล้แท่นแค่เพียงร้อยจังเท่านั้น ถึงกับไม่อาจที่จะเข้าไปใกล้ต่อไปได้อีก เรื่องราวเช่นนี้ ได้ทำให้ผู้คนมากมายทอสีหน้าแปรเปลี่ยนไปอย่างมากมาย
“ครืน——”
พริบตานั้นเอง ปีกทองบนร่างกายก็ได้สั่นไหวคราหนึ่ง ถูกซักจนกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง เขากระอักโลหิตออกมาคำโต ทั่วทั้งร่างกายก็ได้พุ่งเข้าชนไปยังด้านบนของพื้นดิน รุนแรงอย่างไร้ที่เปรียบ
“พี่จินยี่ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกัน ? ” มีคนกล่าวออกมา ทอสีหน้าว่าง่ายจนถึงที่สุด
“นี้ถือได้ว่าเป็นพลังกดดันของยอดฝีมือ แน่นอนว่าต้องอยู่สูงไปกว่าระดับมหาราชัน หากว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสุสานจักรพรรดิฟ้าตะวันตกในตำนานจริงแล้วละก็ เช่นนั้นพลังกดดันสายนี้ ก็คงเป็นสิ่งที่จักรพรรดิฟ้าเหลือทิ้งเอาไว้ ” จินยี่ลุกขึ้นมา ปาดเช็ดไปที่เลือดตรงมุมปากออกมา กล่าวออกมาอย่างคลุมเครือ
อัจฉริยะมากมายมีสีหน้าเปลี่ยนไป แต่ว่าเพียงแค่การหลงเหลืออยู่ของพลังกดดันเท่านั้น ก็ถึงกับทำให้อัจฉริยะเผ่าปีกเข้าไปใกล้ได้เพียงแค่ร้อยจังก็ต้องกระอักโลหิตถอยออกมา ตามตำนานเล่าขานของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกแท้จริงแล้วอยู่ในระดับใดกัน ? และเงาร่างของคนชุดทองนั้น ว่าที่แท้เป็นคนอะไรกัน เขาถึงกับสามารถที่จะเข้าไปใกล้เพื่อที่จะฟังคำสวดจากเสียงสวดแห่งสัจธรรมได้ใกล้ถึงเพียงนี้ ? ฉากเบื้องหน้านี้เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างมาก
“คำสวด ” เสียงของเสี่ยวหลุนในขณะนี้ก็ได้เปลี่ยนจนประหลาดขึ้นมา จากนั้นมันก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “สถานที่แห่งนี้มีลักษณะพิเศษ ให้ข้าเข้าไปดูหน่อย ”
หลังจากที่สิ้นเสียง มันก็ได้ส่งพลังไหลผ่านร่างกายของเยี่ยจงอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำให้มุ่งหน้าสู่ทางด้านของแท่นได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่ว่าขณะนี้ผู้คนทั้งหมดต่างก็ถูกกดทับเอาไว้อยู่ ถึงกับไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นความเคลื่อนไหวของเสี่ยวหลุนได้
“เด็กน้อยผู้นี้ ” เยี่ยจงทอสีหน้าสีหน้าทอสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นประหลาดอย่างยิ่ง นั้นก็เพราะว่าเขาได้พบเห็นเด็กน้อยเสี่ยวหลุนนี้ไม่มีความลังเลที่จะเข้าไปใกล้ยังแท่นแม้แต่น้อย จนเข้าไปยังทางด้านของเบาะไม้สานนี้ลงไป
“เด็กน้อยนี้ จะต้องฟังเสียงสวดแห่งสัจธรรมให้ได้อย่างงั้นหรือ ? ” ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ปล่อยวางจิตใจลงไปอยู่หลายส่วน เมื่อมีเสี่ยวหลุนลงมือ วาสนาครั้งใหญ่ในขณะนี้ อย่างน้อยก็คงไม่อาจที่จะหลบรอดไปพ้น ตอนนี้ปัญหาใหญ่ที่สุดเกรงว่าก็คงจะเป็น เด็กน้อยผู้นี้ก็เกินไปแล้ว คิดที่จะได้รับผลประโยชน์จากมัน อย่างน้อยคงจะยากเย็นอย่างถึงที่สุด
“พลังกดดันของยอดฝีมือ ? เกรงว่ายังจำเป็นที่จะต้องมีพลังกายเนื้อที่แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุดจึงจะสามารถต้านทานเอาไว้ได้แล้วกระมั่ง ? ” ชายใบหน้าสีเงินกล่าวขึ้นมากะทันหัน มองไปที่เยี่ยจง “ท่านซิง ไม่มีความสนใจที่จะไปลองดูหน่อยงั้นหรือ ? ”
.
.
.
.