เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 430 บทถ่ายทอด

ตอนที่ 430 บทถ่ายทอด

 

ได้ยินคนผู้นี้กล่าวออกมาเช่นนี้ อัจฉริยะไม่น้อยก็ได้ทอดสายตากวาดเข้าไปในเวลาเดียวกัน มองเข้าไปยังบนร่างกายของเยี่ยจง ดวงตาของพวกเขาต่างก็ทอเป็นประกายขึ้นมา เห็นได้ชัดตอนนี้ต่างก็มีความคิดขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“นี้ถือได้ว่าเป็นครั้งสุดท้าย หากว่าเจ้ายังจะท้าทายอีก ข้าจะสังหารเจ้าเป็นคนแรก ” เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่ง ส่วนลึกในดวงตาของเขาได้มันเข้าไปอย่างลึกซึ้งไปยังคนผู้นี้ เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ บุรุษหน้าสีเงินผู้นี้นับตั้งแต่เริ่มต้นที่ได้พบหน้ากัน คอยที่จะลงมือท้าทายเข้าอยู่หลายครั้งหลายครา เพียงแต่เพราะว่าตัวเขาเองนั้นมิได้ลงมือออกมาโดยตรง หลายครั้งที่เยี่ยจงต้องอดทนที่จะไม่ฟาดฝ่ามือข้างนี้ลงไปที่เข้าให้ตายคามืออย่างวู่วาม แต่ว่าตอนนี้เมื่อได้มาถึงยังสถานที่แห่งนี้ กลับไม่จำเป็นที่จะต้องมีความเกรงใจกับเขาอีกต่อไป

 

“ฮาฮาฮา ท่านซิง พวกข้าเพียงแต่ว่าคิดที่จะมอบวาสนาอันยิ่งใหญ่นี้ให้แก่ท่าน อยากที่จะดูหน่อยว่าท่าน ที่มีกายเนื้ออันแข็งแกร่งจะสามารถทานรับสภาวะแรงกดดันของจักรพรรดิฟ้าได้หรือไม่ก็เท่านั้นเอง……พวกเราเมื่อมอบหอกนี้ให้ท่านแล้ว ถือได้ว่าเป็นวาสนาที่บุคคลภายนอกจะคาดเดาได้ ท่านจะปฏิเสธพวกข้าไปทำไมกัน ? ” บุรุษหน้าสีเงินฮาฮาออกมา เขาส่งสายตามองไปทางด้านของคนอื่นๆ คราหนึ่ง คิดที่จะแข็งขืนบังคับเยี่ยจงต่อไป

 

“ดูเหมือนว่า เจ้าต้องการที่จะตายให้ได้จริงๆ สินะ ? ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ภายในรอยยิ้มมิได้หลงเหลือความอบอุ่นแม้แต่น้อย

 

“ท่านซิง ท่านยังคงไปลองดูก่อนสักคราเถอะ พวกเราหวังดีต่อท่านนะ ” บุรุษหน้าสีเงินหัวเราะขึ้นมาเสียงเบา และบุตรมารอัสนี หยินหลิงจื่อทั้งสองก็ได้ก้าวออกมาในเวลาเดียวกัน บนร่างกายก็ได้แผ่กระจายพลังอันน่ากลัวออกมา ทั้งสามคนต่างก็เป็นยอดฝีมือในอีกครึ่งก้าวถึงขั้นระดับราชัน ตอนนี้ได้ร่วมมือกัน เพื่อที่จะต่อกรกับศึกนี้

 

“เจ้าเด็กน้อยผู้นี้เผยหางออกมาแล้ว ยังคงลงมือเถอะ ข้าจะสังหารเจ้า ดูว่าเจ้าที่แท้เป็นผู้ใดกัน เจ้าวางใจได้เลย หลังจากที่สังหารเจ้าไปแล้ว ขุมกำลังที่อยู่เบื้องหลังของเจ้าข้าก็ไม่ปล่อยเอาไว้เช่นเดียวกันอย่างแน่นอน ” เยี่ยจงกล่าวออกมาอย่างเย็นชา คนผู้นี้คอยปกปิดสถานะมาโดยตลอด เห็นได้ชัดย่อมต้องมีความแค้นกับตนเองอย่างแน่นอน แต่ว่าเขาก็ได้คอยเข้ามารุมเร้าความอดกลั้นของเยี่ยจงครั้งแล้วครั้งเล่า เยี่ยจงได้ตัดสินใจไปแล้วว่า จัดการสังหารเขาก่อนแล้วค่อยว่ากล่าวกันถึงเรื่องอื่นกันอีกที

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง พลังความน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้แผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกายของเยี่ยจง พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะเขาถึงแม้ว่าจะยังมิได้ใช้ออกมา แต่ว่าก็ยังคงสามารถที่จะเพิ่มพลังในการต่อสู้ขึ้นมาได้อีกหลายส่วน

 

หลังจากนั้น พลังจูเชวียนสายหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นบริเวณใจกลางฝ่ามือ จากนั้นเยี่ยจงก็ได้โบกมือคราหนึ่ง ฟาดฟันสังหารลงไปอย่างรุนแรงออกไปบริเวณทางด้านหน้าออกไป

 

บุรุษหน้าสีเงินส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา ก้าวเดินออกไปหนึ่งก้าว กำลังเตรียมความพร้อมที่จะลงมือ แต่ว่าวินาทีนั้นเอง สีหน้าของเขาก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นดุร้ายขึ้นมา ตอนนี้พลังฝีมือของ” ซิง” เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ก็ได้เพิ่มระดับสูงยิ่งขึ้น ดวงตาทอประกายเย็นเยียบ ราวกับสามารถแปรเปลี่ยนจนแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างไรขีดจำกัดก็มิปาน ความรู้สึกเช่นนี้ได้ทำให้ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาสั่นเทาขึ้นมา ราวกับกำลังตัดสินใจคิดที่จะถอยออกไป

 

“ในเมื่อลงมือแล้ว ก็อย่าได้ถอยอีกเลย ” เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชา พลังจูเชวียนใจกลางฝ่ามือก็ได้ประทับลงไปเช่นนี้ลงไปในทันที แล้วก็ได้ยินเสียง “ผัวะ” ดังขึ้นมา บุรุษหน้าสีเงินผู้นี้แทบจะไม่มีปฏิกิริยาต้านทานกลับมาได้ทัน ครึ่งท่อนร่างก็ได้แหลกเหลวจนกลายเป็นปุ๋ยผง หลงเหลือแต่เพียงแค่ส่วนหัวที่ปรากฏขึ้นอยู่ท่ามกลางอากาศ บนใบหน้าก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความยากที่จะเชื่อขึ้นมา

 

ตอนนี้ บนใบหน้าประดุจหน้ากากของบุรุษหน้าสีเงินผู้นี้ก็ได้แตกร้าวออกมา เผยออกมาให้เห็นใบหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความกล้าหาญ เขาอ้าปากกล่าวพึมพำออกมา คิดที่จะกล่าวอันใดออกมา แต่ว่ากลับไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแห่งชีวิตไปทีละน้อย ไม่มีเสียงอันให้หลุดออกมาได้

 

“เป็นเจ้า ! ”

 

เยี่ยจงเหม่อมองไปยังเหนือศีรษะของเขา ภายในดวงตาก็ได้สาดประกายแตกตื่นออกมา คนผู้นี้ถึงกับเป็นซือสูแห่งตระกูลถัง เป็นลูกน้องหมายเลขหนึ่งขององค์ชายสิบสามแห่งตระกูลถัง เพียงแต่ว่า ไม่ทราบว่าแท้จริงแล้วเขาได้รับวาสนาอันใดมากันแน่ ถึงกับแข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างมากมายถึงเพียงนี้

 

และสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็น อย่างน้อยคนผู้นี้ก็คงพอที่จะคาดเดาปะติดปะต่อเรื่องราวต่างๆ จนจากตนเองออกมา ก็คงพอที่จะคาดเดาสถานะที่แท้จริงของตนเองออกมาได้ เพียงแต่เคยกดดันเขาติดต่อกันเรื่อยมา เพื่อที่อย่างน้อยคงคิดที่จะบีบให้ตนเองเปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกมาด้วยตัวเอง

 

แต่ว่าแม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึง ตนเองจะถึงกับถูกฆ่าตายลงเช่นนี้

 

“ตระกูลถัง ข้าจะจดจำเอาไว้ วันข้างหน้าข้าจะต้องไปขอรับคำชี้แนะด้วยตนเองอย่างแน่นอน ” เยี่ยจงทอสีหน้าเรียบเฉยอย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นเพียงแต่การคาดเดาของอีกฝ่ายทั้งหมดก็ตาม แต่ว่าตอนนี้เขาก็ถือได้ว่าหมดสิ้นโอกาสทั้งหมดไปแล้ว เช่นนั้นการจะปล่อยให้เขาคาดคิดไปแล้วจะเป็นอะไรได้ ?

 

“ฝุบ——” เสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นมาเบาๆ เยี่ยจงกรีดนิ้วออกมาคราหนึ่ง ก็ได้ตัดรอนทำลายพลังชีวิตที่หลงเหลืออยู่ทั้งหมดของซือสูลงไป หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงศีรษะที่ยังคงลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ

 

เยี่ยจงหลังจากที่จัดการซือสูไปแล้ว ตอนนี้เขาก็ได้ทอสีหน้าสงบอย่างถึงที่สุด เพียงแต่เงยหน้าขึ้นมามองออกไปอย่างเย็นชา ทอดสายตาในตอนนี้ที่เปี่ยมไปด้วยสีหน้าเปลี่ยนไปน้อยๆ มองเข้าไปยังร่างของบุตรมารอัสนีและหยินหลิงจื่อ เผยรอยยิ้มขึ้นมาตามปกติขึ้นมา

 

“เจ้า……” บุตรมารอัสนีทอสีหน้าแตกตื่นขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าคิดไม่ถึง” ซิง” บุคคลเบื้องหน้าสายตาผู้นี้เมื่อได้ลงมือจะถึงกับเผ็ดร้อนได้ถึงเพียงนี้ ทำให้แม้แต่เขาที่คิดจะลงมือเข้าช่วยเหลือก็ยังไม่ทันท่วงที

 

และสีหน้าของหยินหลิงจื่อก็ได้เปลี่ยนไปนับครั้งไม่ถ้วน หลังจากนั้นก็เกิดอาการลังเล จนกระทั่งเขามิได้เดินขึ้นไปทางด้านหน้าต่อ เห็นได้ชัด ตอนนี้เขาไม่มีความเชื่อมั่นในจิตใจที่จะสามารถสังหารเยี่ยจงลงไปได้

 

เมื่อได้พบเห็นฉากเบื้องหน้านี้ เยี่ยจงกลับเดินขึ้นไปอีกก้าวหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏรังสีแห่งการสังหารออกมาเป็นสาย หยินหลิงจื่อความจริงแล้วก็มีเรื่องบาดหมางกับเขาไม่น้อย ยังไงซะจะช้าจะเร็วก็ต้องสู้กันสักครา และบุตรมารอัสนีที่มีจิตใจที่คับแคบ ก็ใช่ว่าจะถือเป็นบุคคลที่ต่อกรได้ง่าย เด็กน้อยทั้งสองคนนี้ หากว่าตอนนี้สามารถสังหารลงได้แล้วละก็ เช่นนั้นเยี่ยจงแน่นอนว่าย่อมไม่ผิดพลาดแน่นอน ที่จะจัดการสังหารพวกเขาทั้งสองคนลงในสถานที่แห่งนี้

 

และในเวลาเดียวกันนี้ อัจฉริยะคนอื่นๆ ก็ได้มีสีหน้าประหลาดในเวลาเดียวกัน ความแข็งแกร่งของ” ซิง” เรียกได้ว่าอยู่ห่างไกลจากการคาดเดาของเขาไปมากแล้ว คิดไม่ถึง แม้แต่บุรุษหน้าสีเงินที่มาจากตระกูลถังผู้นั้นที่ถูกเขากล่าวว่าจะฆ่าก็ฆ่าลงไปได้ในทันที อีกทั้งยังไร้ซึ่งความกลัว

 

“ทั้งสามท่าน ตอนนี้พวกเรายังอยู่ในสถาการณ์วิกฤต ราชาปีศาจมากมายคาดว่าคงจะเข้ามาฆ่าสังหารอีกไม่นานแล้ว หากว่ายังมีปัญหาภายในไม่จบไม่สิ้น ไม่คิดที่จะหากวิธีจัดการกับสภาวะที่อยู่เบื้องหน้าสายตาแล้วละก็ เกรงว่าท้ายที่สุดพวกเราก็คงกลายเป็นได้เพียงแค่เครื่องสังเวยไปแล้ว ” ชายหนุ่มชุดเขียวที่ตลอดทางมามิได้กล่าวอันใดออกมาโดยตลอดก็ได้กวาดสายตาเข้ามาอย่างเย็นชา ราวกับพยายามที่จะไกล่เกลี่ย

 

“ท่านซิง ในเวลานี้ตอนนี้ ยังคงปล่อยวางความอัดอั้นที่อยู่ภายในใจเถอะ ร่วมมือกันต่อกรกับศัตรูจึงถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่า หากว่าในเวลาเช่นนี้ยังมามัวแต่เสียเวลาอยู่ ลงมือสู้กันครั้งใหญ่ มิสู้ทดลองไปฟังเสียงวดของเสียงสวดแห่งสัจธรรมดูสักหน่อยละ วาสนาเช่นนี้หากว่าปล่อยให้พลาดไป ไม่แน่ว่าอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต ” ซูม่อหยงอมยิ้มแล้วกล่าวออกมา รอยยิ้มนั้นดูมีพันเสน่ห์ร้อยเล่มเกวียน ประดุจดั่งบุปผาสีขาวกำลังเบ่งบาน

 

เยี่ยจงลังเลขึ้นมา หลังจากนั้นก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาขึ้นมาเสียงหนึ่ง มิได้ลงมือต่อ เขาทราบว่าท่ามกลางคนอื่นๆ ก็คงจะมีความหวาดเกรงต่อตนเองอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว หากว่าตนเองยังแข็งขืนลงมือออกไปต่อแล้วละก็ คนกลุ่มนี้ไม่แน่ว่าอาจจะลงมือด้วยอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนี้แล้วละก็ สถานการณ์ในตอนนี้คงไม่มีความราบรื่นต่อตนเองอย่างถึงที่สุดแน่นอน

 

ในขณะที่กำลังครุ่นคิด เยี่ยจงก็มิได้ลงมือต่อ เพียงแต่หันกาย จ้องมองไปยังแท่นด้วยความเรียบเฉยทางด้านหลัง

 

เมื่อพบเห็น” ซิง” ผู้นี้หยุดมือ หยินหลิงจื่อและบุตรมารอัสนีทั้งสองก็ได้สบตามองกัน ต่างฝ่ายต่างก็ได้ถอยออกไปคนละก้าว ภายในดวงตาของพวกเขาก็ได้ทอประกายความหวาดกลัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดต่างก็กระจ่างชัดว่า ” ซิง” ย่อมไม่อาจที่จะต่อกรได้อย่างง่ายดายแน่นอน หากว่าในช่วงเวลานี้เปลี่ยนใจกลับกลายแล้วละก็ มีความเป็นได้ว่าท้ายที่สุดคงจะเป็นการจับปลาสองมือ ไม่หลงเหลือสิ่งใด

 

เยี่ยจงมิได้สนใจคนเหล่านี้อีก เขาทอดสายตามองไปเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเสี่ยวหลุนที่อยู่บนเบาะไม้สานชิ้นหนึ่ง แล้วก็ได้มองไปด้วยบุคคลชุดทองลี้ลับผู้นั้นคราหนึ่ง

 

ตอนนี้ บุคคลชุดทองผู้นั้นยังคงอยู่ในท่านั่งสมาธิ ราวกับสิ่งที่เกิดขึ้นทางด้านหลัง หาได้มีความข้องเกี่ยวกับเขาก็มิปาน

 

เมื่อจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้า หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปก้าวหนึ่งอย่างช้าๆ มุ่งหน้าไปยังทางด้านของแท่นนั้นเข้าไป หมายมั่นที่จะต้องการทดลองดู ว่าจะสามารถเข้าไปใกล้ได้หรือไม่ เพื่อฟังเสียงสวดแห่งสัจธรรม

 

ในขณะนี้เอง ราวกับสายตาของอัจฉริยะทั้งหมดต่างก็ได้มองเข้าไปยังบนร่างของเขา เพราะว่ามากมายต่างก็เคยพบเห็นการลงมือของเขามาก่อน ทราบว่ามีร่างกายที่แข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ มีพลังอันแข็งแกร่งที่เรียกได้ว่าเข้าใกล้ขอบเขตกายาทองไม่สูญสลาย ดังนั้นคิดที่จะดูว่าเขาจะสามารถที่จะเข้าไปใกล้ได้หรือไม่

 

ในเวลาเดียวกัน ภายในดวงตาของคนเหล่านี้ต่างก็ทอเย็นเยียบออกมาอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดทำเหมือนเยี่ยจงเป็นดั่งหินทดลองก้อนหนึ่ง หากว่าเขาสามารถที่จะเข้าไปใกล้ได้ เช่นนั้นคนอื่นๆ ย่อมต้องลงมืออย่างสุดกำลังแน่นอน เพื่อที่จะแลกชีวิตเพื่อที่จะเข้าไปนั่งยังเบาะไม้สานเหล่านั้น

 

มีแต่เพียงจินยี่ตอนนี้ที่มิได้มองไปที่เยี่ยจง โลหิตสีทองที่มุมปากของเขายังคงไหลรินออกมาอยู่ แต่ว่าเขากลับมิได้ใส่ใจมากนัก เพียงแต่ทอดสายตามองออกไปยังทั่วทั้งห้องโถงทั้งหมดอย่างไม่หยุดนิ่ง เห็นได้ชัดคิดที่จะหาสิ่งของบางอย่างให้พบ

 

ระดับความเร็วของเยี่ยจงถือได้ว่าเชื่องช้าอย่างยิ่ง ในทุกๆ การย่างก้าว เขาก็ได้ผนึกพลังเอาไว้อย่างถึงที่สุด แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ในทันทีที่ได้เข้าไปใกล้ยังแท่นในรัศมีร้อยจัง เขาก็ถึงกับสัมผัสพลังบางอย่างได้อย่างชัดเจน ในขณะนี้เอง ราวกับมีขุนเขาสูงใหญ่นับร้อยลูกปรากฏขึ้นมากดทับลงมาในเวลาเดียวกันก็มิปาน

 

ความรู้สึกเช่นนี้ ประดุจดังแมลงเม่าเผชิญหน้ากับวังวนมังกรอยู่ ความแตกต่างในด้านระดับพลังของพลังทั้งสองขุม ถือได้ว่าอยู่ในระดับที่ยากจะคาดคิดอย่างมาก จนยากที่จะก้าวออกไปอย่างต่อเนื่องได้ หากมองในระดับเดิมทีแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะต้านทานได้

 

เยี่ยจงสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ คำหนึ่ง ทั่วทั้งร่างกายก็ได้ปะทุทอประกายแสงสีทอออกมา หลังจากพริบตานั้น เขาก็ได้ก้าวออกไปอีกก้าวหนึ่ง ! ในก้าวนี้เดินออกไปได้อย่างยากเย็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งบนบ่าไหล่กำลังแบกเอาไว้ด้วยภูเขาสูงใหญ่นับหมื่นชั่งก็มิปาน ความกดดันเช่นนี้ เกรงว่าคงอยู่ในระดับที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้

 

“นี้ก็คือแรงกดดันของจักรพรรดิฟ้างั้นหรือ ? ” เยี่ยจงฝืนยิ้มขึ้นมา เขาถึงแม้ว่าจะมิได้เป็นดั่งเช่นจินยี่ก็ตาม ในช่วงเวลาที่ได้ก้าวออกไปก็ได้ถูกซัดกระเด็นออกมา แต่ว่าตอนนี้เขากลับสัมผัสได้ถึงขีดจำกัดของตนเองได้อย่างชัดเจน จึงได้ก้าวเดินออกไปอีกก้าวอีกครั้ง ตนเองมิได้เกิดเรื่องใดๆ ขึ้นมา แต่ว่าถ้าหากตอนนี้คิดที่จะก้าวออกไปทั้งหมดสี่ก้าวแล้วละก็ เช่นนั้นหากมองจากสภาวะต่อให้เป็นกายเนื้อของตนเองก็ตาม อย่างน้อยก็คงจะต้องกระอักโลหิตถอยออกไป

 

นี้ก็คือขีดจำกัดของตนเองตอนนี้แล้ว ไม่อาจที่จะเข้าไปใกล้ต่อไปได้อีก

 

“หรือว่ายังจะมีวิธีอื่นอีกกัน นอกเสียจากว่าจะมีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวแล้ว อย่างน้อยยังราวกับพอที่จะสามารถใช้วิธีอื่นในการเข้าไปใกล้แท่นได้กัน ไม่เช่นนั้นเสี่ยวหลุนและบุคคลชุดทองผู้นั้นก็คงจะไม่อาจที่จะเข้าไปใกล้ได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น ” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ยังคงทนรับแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวเอาไว้ แต่ว่าเขาก็ยังคงครุ่นคิด คิดที่จะทำความเข้าใจกระจ่างแจ้งต่อสิ่งที่อยู่ในฉากเบื้องหน้าสายตา

 

อัจฉริยะจำนวนมากต่างก็เหม่อมองไปยังจุดที่เยี่ยจงยืนอยู่อย่างนิ่งเฉยไม่ขยับในตอนนี้ สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ทอประกายประหลาดอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัด พวกเขาก็พอที่จะเข้าใจในพลังขอบเขตทางด้านของเยี่ยจงตอนนี้ได้ ในขณะนี้เอง ผู้คนทั้งหมดต่างก็ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา ไม่มีผู้ใดเอ่ยขึ้นมา

 

“บรึม——”

 

ทันใดนั้นเอง บริเวณทางด้านหลัง ก็ได้เกิดเสียงดังดังลอดออกมาสายหนึ่ง จากนั้นก็ได้พบเห็นว่าในที่สุดราชาปีศาจกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามายาวๆ ในบริเวณสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ และในช่วงเวลาที่ได้พบเห็นฉากเบื้องหน้าสายตา ราชาปีศาจทั้งหมดต่างก็แตกตื่นขึ้นมาในเวลาเดียวกัน

 

“ยอดเยี่ยมเลย เป็นดั่งเช่นตำนานคำเล่าขานก็มิปาน ท่ามกลางตำหนักบนยอดต้นไม้มรกต จะเป็นที่ตั้งของสุสานจักรพรรดิฟ้าตะวันตก หากว่าสามารถที่จะเข้าไปนั่งยังทางด้านบนของเบาะไม้สานของต้นไม้มรกตนี้ ก็จะสามารถที่จะฟังเสียงสวดแห่งสัจธรรมได้ ! เสียงสวดแห่งสัจธรรมนี้ก็คือสิ่งที่หลงเหลือเอาไว้ของจักรพรรดิฟ้าตะวันตก แน่นอนว่านี้ก็คือทั้งหมดทั้งมวลของการถ่ายทอดของจักรพรรดิฟ้าตะวันตก ! ” ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ในตอนนี้ฮาฮาออกมายกใหญ่ บนใบหน้าก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อมั่นอันแรงกล้า

 

บุรุษผิวหนังสีเขียวก็ได้ทอดวงตาเย็นซ่าน เขาทอดสายตามองเข้าไปยังบนร่างของเยี่ยจงที่กำลังยืนอยู่ในสภาวะการพร้อมสู้ หัวเราะออกมาอย่างเย็นเยียบ : “เจ้าหนูที่ไม่รู้จักเจียมตัว ด้วยพลังเพียงแค่นี้คิดที่จะเข้าไปใกล้ยังแท่นบูชาของจักรพรรดิฟ้างั้นหรือ คงจะเป็นแค่ความเพ้อฝันของมนุษย์แล้วละ ! ไสหัวไป สถานที่แห่งนี้ใช่สถานที่ที่กลุ่มผู้ที่มาจากทางด้านนอกสมควรจะเข้ามาได้อย่างงั้นหรือ ! ? ”

 

“อย่าไปกล่าววาจาไร้สาระมากมายกับพวกเขาเลย ตามตำนานคำเล่าขาน ขอเพียงสังหารพวกเขาลง เพื่อเซ่นสังเวย ก็จะสามารถที่จะเปิดผนึกได้แล้ว ! ” ราชานกกระจอกจูโรยิ่งกล่าวออกมาตรงยิ่งกว่า จ้องมองไปทางเยี่ยจง

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
#####Fanpage#####
Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset