เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 435 ตำนานแห่งสมุดทองสัมฤทธิ์

ตอนที่ 435 ตำนานแห่งสมุดทองสัมฤทธิ์

เยี่ยจงทอสีหน้าเรียบเฉยอย่างยิ่ง มองไปที่หยินหลิงจื่อที่โยนสมุดทองสัมฤทธิ์เข้ามา จากนั้นก็ได้กวาดมือออกไปเพื่อคว้าเอาไว้

“ติง——”

สมุดทองสัมฤทธิ์เข้ามาในมือ แต่ว่าในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ได้เดินเข้าไปอีกก้าว ในตอนนี้วิชาดำดินรุกคืบก็ได้ถูกเขาใช้ออกมา ราวกับว่าในเวลาเดียวกันนี้ ร่างกายของเขาก็ได้เข้ามาจนถึงบริเวณด้านหน้าของหยินหลิงจื่อ

“พรึบ——”

สมุดทองสัมฤทธิ์เก่าแก่ก็ได้ถูกเยี่ยจงสะบัดออกไปในตอนนี้ กระเด็นเข้าไปบริเวณหว่างคิ้วของหยินหลิงจื่อ ในขณะนั้นเอง สมุดทองสัมฤทธิ์เล่มนี้ก็ได้กลายเป็นเครื่องมือในการสังหารไป หยินหลิงจื่อทอสีหน้ายากที่จะเชื่อปรากฏขึ้นมาอยู่บนใบหน้า ฉากเบื้องหน้าแทบจะเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขาแทบทั้งสิ้น แทบจะคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้เกิดอาการเจ็บปวดไปทั่วทั้งร่างกาย ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นในทันที หมดสิ้นลมหายใจในการมีชีวิต

เพียงครั้งเดียวก็ได้สังหารศัตรูอันแข็งแกร่งลงได้ ฉากเบื้องหน้าเรียกได้ว่าน่าตกใจจนเกินไป ท่าทีของเยี่ยจงตอนนี้ที่ได้แสดงออกมา ถึงกับสามารถสังหารอัจฉริยะแห่งดินแดนหนานฮวงผู้หนึ่งไปได้ในทันที แต่ว่าสีหน้าของเขากลับมิได้เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก ราวกับว่าสิ่งที่ตนเองได้ฆ่าไปนั้น แทบจะไม่มีสิ่งใดที่แตกต่างไปจากสุนัขหรือแมวก็มิปาน

ฉากเบื้องหน้าเกิดขึ้นได้รวดเร็วอย่างยิ่ง จนทำให้อัจฉริยะทั้งหมดในตำหนักต่างก็เกิดอาการตกใจขึ้นมายกใหญ่ ทว่าราชาปีศาจเหล่านั้นฆ่าสังหารเข้ามาในตอนนี้ต่างก็ละสายตากลับมามอง นั่นก็เพราะว่าพลังฝีมือของเด็กหนุ่มเผ่ามนุษย์เบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ถึงแม้ว่ามีความร้ายกาจอย่างมากรวมไปจนถึงเด็ดขาดอย่างยิ่ง ให้ความรู้สึกของท่าทีของจอมมารเยาว์วัยชนิดหนึ่ง

“ซวบซวบซวบ——”

เยี่ยจงทอดกายลงสู่พื้น เหม่อมองไปยังสมุดทองสัมฤทธิ์อีกเล่มที่อยู่ด้านบนของแท่นบูชา แต่ว่าและในเวลาเดียวกันนี้ อัจฉริยะและราชาปีศาจทั่วสี่ทิศก็ได้ลงมาสู่พื้นในเวลาเดียวกัน พวกเขาแต่ละคนต่างก็มีใบหน้าที่เคร่งเครียดและร้อนรุ่มจ้องมองไปที่เยี่ยจง รวมไปจนถึงสมุดทองสัมฤทธิ์ที่อยู่ในมือของเขา

บรรยากาศท่ามกลางตำหนัก ในขณะนั้นเองก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็นหนักแน่นขึ้นมาอย่างยิ่ง ในขณะนั้นเอง ทุกผู้คนต่างก็ถอนหายใจออกมาอย่างแรง แต่ว่ากลับไม่มีผู้ใดกล่าววาจาออกมา เพียงแต่จ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตาย

เยี่ยจงมิได้สนใจราชาปีศาจและอัจฉริยะเหล่านี้ เพียงแต่จ้องมองไปยังทางด้านของแท่นบูชาที่ตั้งไว้ด้วยสมุดทองสัมฤทธิ์อีกเล่มเท่านั้น หลังจากนั้นเอง ก็ไม่ได้รีบร้อนที่จะลงมือ เพียงแต่ยกมือข้างที่ถือเอาไว้ด้วยสมุดทองสัมฤทธิ์ขึ้นมาดูคราหนึ่ง

สมุดทองสัมฤทธิ์มีขนาดใหญ่เล็กเพียงแค่หนึ่งฝ่ามือ ทางด้านบนยังสลับเอาไว้ด้วยดอกไม้สีเขียว ราวกับว่าไม่มีความพิเศษที่มากมายบริเวณในใด แต่ว่า สมุดทองสัมฤทธิ์เล่มเล็กๆ นี้ กลับมีน้ำหนักที่หนักอยู่หลายหมื่นช่างก็มิปาน หากมิใช่ว่าเยี่ยจงฝึกปรือพลังในขอบเขตกายเนื้อไม่สูญสลายตั้งแต่แรก อย่างน้อยก็คงไม่อาจที่จะถือมันเอาไว้ในมือยกไปมาได้อย่างง่ายดายเช่นนี้

ตอนนี้ จ้องมองไปยังเหล่าอักขระเหล่านั้นที่ไหลเวียนไปมาอย่างเรียบเฉย เยี่ยจงก็ได้ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาอย่างยิ่ง นั้นก็เพราะว่าตัวอักขระเหล่านั้นกลับดูแล้วให้ความรู้สึกที่เก่าแก่อย่างถึงที่สุด ราวกับว่ามิใช่ตัวอักษรที่ถูกใช้ในดินแดนนี้ และเมื่อคิดที่จะเปิดผนึกอักขระเหล่านี้ เพื่อที่จะทราบว่าแท้จริงแล้ววัตถุชิ้นได้บันทึกสิ่งใดเอาไว้แล้วละก็ อย่างน้อยออกจากต้องสิ้นเปลืองเวลาไปไม่น้อย

หลังจากที่มองไปยังวัตถุชิ้นนี้ เยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วไปมา ก้าวออกไปหนึ่งก้าว มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านของแท่นบูชา เขาต้องการอะไรนั้น หากว่าได้ครอบครองสมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่มแล้วละก็ จะมีความแตกต่างกันในจุดใดก็ยังไม่แน่

เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ร่างกายของราชาปีศาจและอัจฉริยะทั้งหมดก็ได้ขยับเคลื่อนไหวในเวลาเดียวกัน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะไร้ซึ่งความหวาดกลัวถึงขนาดนี้ ถึงกับยอมตกเข้ามาอยู่ท่ามกลางวงล้อม ในเมื่อไม่คิดที่จะถอยกลับไปเช่นนี้ ยังคิดที่จะลงมือต่อสมุดทองสัมฤทธิ์อีกชิ้นอีก

นอกเสียจากเยี่ยจงแล้ว ทางด้านบนของแท่นบูชา ตอนนี้ก็ได้มีร่างของคนชุดทองที่กำลังถูกประกายแสงสีทองนับไม่ถ้วนไหลเวียนไปมาด้วยอักขระมากมาย ตอนนี้เขาหรือว่านาง ก็เหมือนกับมีร่างกายที่ทอแสงเป็นประกายขึ้นมาก็มิปาน

เพียงแต่ ต่อให้เขาหรือว่านางนั้นมิได้เคลื่อนไหวอะไร แต่ว่า ตอนนี้อัจฉริยะ ราชาปีศาจท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ต่างก็ได้ตัดสินใจที่จะหลบไปทางด้านข้าง นั้นก็เพราะว่าไม่ทราบความตื้นลึกหนาบางของคนผู้นั้น ตอนนี้เขาหรือว่านางถึงแม้ว่าจะไม่มีความเคลื่อนไหวอันใด แต่ว่าไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจที่จะยืนยันได้ว่า เขาหรือว่านางจะไม่ขยับเคลื่อนไหวแน่นอนอย่างงั้นหรือ?

เกี่ยวกับคนชุดทองนี้ อัจฉริยะและราชาปีศาจมากมายถึงแม้จะหวาดกลัว แต่ว่ากลับก็มิได้เอามาใส่ใจมากมายนัก ตอนนี้ภายในจิตใจของพวกเขาก็ต่างก็ถูกเยี่ยจงดึงดูดเอาไว้แทบทั้งสิ้น

“เจ้าหนู อย่าได้กระทำจนเกินเลยไป เมื่อได้สมุดทองสัมฤทธิ์ไปเล่มหนึ่งแล้ว ถึงกับยังคิดที่จะเอาไปอีกเล่มหนึ่งอีกอย่างงั้นหรือ?เจ้าคิดที่พวกข้าเป็นตัวอะไรกัน?” ราชากระเรียนเพลิงกล่าวออกมาอย่างสงสัย มันคิดถึงฉากสุดท้ายของราชานกกระจอกจูโรและราชาไก่ฟ้าโบราณกาล แล้วก็เกิดความหวาดกลัวต่อเยี่ยจงอย่างถึงที่สุด แต่ว่าถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น ตำนานที่ถูกเล่าขานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกมันไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องครอบครองมาให้ได้ ตอนนี้ก็ได้จ้องมองเยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตาย แล้วก็ทอพลังอัสนีขึ้นมาพร้อมโจมตีทุกเมื่อ

“ส่งมอบสมุดทองสัมฤทธิ์มา ข้าจะให้หนทางรอดแก่เจ้าเอง” วิหคขนาดใหญ่ที่มีเศียรทั้งหมดเก้าเศียรก็ได้กล่าวออกมา มันนั้นมีโลหิตโบราณไหลเวียนอยู่ ถือได้ว่าหนึ่งในชนชั้นราชาของเก้าหงส์สาก็ว่าได้ ตอนนี้ภายในดวงตาของมันก็ได้ทอประกายโหดเหี้ยมขึ้นมา ดวงตาสิบแปดดวงจากทั้งเก้าเศียรก็ได้ทอเป็นประกายโหดเหี้ยมเยียบเย็นขึ้นมา

ราชาฮูเจรียวลำตัวไหลไปตามพื้นทั้งตัวตอนนี้ก็ได้ลุกขึ้นมาพร้อมกัน มันก็ได้ทอดวงตาสีแดงฉานขึ้น เตรียมพร้อมที่จะใช้พลังสายฟ้าโจมตีเข้าไปทุกเมื่อ

ยังมีราชาพยัคฆ์ขาว ตอนนี้ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏรังสีฆ่าฟันออกมา มันที่มีร่างกายขนาดใหญ่โตก็ได้จ้องมองเข้าไปทางด้านของเยี่ยจง หางขนาดใหญ่ก็ได้ค่อยๆ ที่จะขยับไปมา ก่อเกิดการปะทุของสายฟ้าขึ้นมาไม่หยุด

บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง นางเซียนที่มีพลังอันน่าหวาดกลัวทั้งสองอย่างชิงหญิง โหยวเหลียนในตอนนี้ก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวออกมา เตรียมพร้อมที่จะลงมือ ถึงแม้ว่าพวกนางคิดที่จะขัดขวางเยี่ยจงเอาไว้ แต่ว่าสิ่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่บันทึกตำนานเล่าขานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกของสมุดทองสัมฤทธิ์ แน่นอนว่าย่อมไม่อาจจะผิดพลาดไปได้ อย่าว่าแต่เยี่ยจง ต่อให้มีการปรากฏตัวของยอดฝีมือระดับมหาราชัน พวกนางก็คงจะไม่อาจที่จะถอยไปอย่างง่ายดายเช่นเดียวกัน

จักรพรรดิฟ้าตะวันตกเซ่าเฮ่า เล่าขานกันว่าเป็นหนึ่งในห้าจักรพรรดิฟ้าแห่งดินแดนทั้งสี่ กล่าวกันว่าจักรพรรดิฟ้าเหล่านี้ต่างก็เป็นผู้ก่อตั้งดินแดนซีฮวงขึ้นมา กล่าวกันว่าภายในก็ได้สำเร็จจนเข้าไปสู่ดินแดนเทพ (ซานเชียนเซินเจี่ย) ในระดับจักรพรรดิหมื่นโบราณได้ ท้ายที่สุดก็ได้หวนกลับสู่ดินแดนซีฮวง หลงเหลือไว้เพียงตำนานที่ไม่สูญสลาย

คำว่าจักรพรรดิฟ้าทั้งสองตัวอักษรนี้ เปรียบเสมือนกับการบ่งบอกพลังอันมหาศาลชนิดหนึ่งที่ทำให้ผู้คนต่างก็คาดหวังเอาไว้ ไม่มีคนใดที่จะยินยอมที่จะพลาดโอกาสวาสนาเช่นนี้ไปอย่างแน่นอน ทุกๆ คนต่างก็ต้องการที่จะครอบครองด้วยตนเอง

เพียงแต่ว่า การแสดงออกก่อนหน้านี้ของเยี่ยจงก็ถือได้ว่าเป็นที่น่าตกใจจนเกินไป พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ ร่างเทวะในตำนาน ต่างก็ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่พอจะทำให้เกิดความหวาดหวั่นภายในจิตใจขึ้นมาได้ ทำให้ราชาปีศาจและอัจฉริยะเหล่านี้ก็ไม่หาญกล้าพอที่จะลงมือออกมาในเวลานี้

บริเวณทางด้านหลัง เหยียนหลิงหลง องค์หญิงจื่อหวินทั้งสองหลังจากได้ที่ได้เกิดอาการลังเลแล้ว ก็ได้ค่อยๆ ก้าวเดินออกมา และเยว่จิ่ง ชิงยี่เป็นต้นต่างก็ไม่จำเป็นต้องกล่าวอันใด สีหน้าของแต่ละคนทอเป็นประกายขึ้นมา ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรกันอยู่

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คนที่เป็นผู้ที่มีความแค้นระหว่างสำนักอย่างถึงที่สุด ต่างก็ได้กลายเป็นเรื่องที่ไม่มีความสำคัญ ขอเพียงครอบครองสมุดทองสัมฤทธิ์ได้ จึงถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่า

เยี่ยจงถูสมุดทองสัมฤทธิ์ในมือเบาๆ แต่ก็ยังคงมองเข้าไปยังเล่มที่อยู่ด้านบนของแท่นบูชาเล่มนั้น หากมองจากความหมายข้างต้นเหล่านี้ เขาย่อมเข้าใจอย่างถ่องแท้ นอกเสียจากว่าจะสามารถครอบครองสมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่ม ไม่เช่นนั้นแล้วเราก็ สิ่งของชิ้นนี้มีความเป็นไปได้ว่าที่จะไม่สามารถเอามาใช้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นในตัวของมันยังมีตัวอักษรโบราณอยู่ภายในสมุดแทบทั้งสิ้น เต็มเปี่ยมไปด้วยสีสันอันกระจ่างชัดอย่างแปลกประหลาด

หลังจากนั้น เยี่ยจงก็ได้ละสายตากลับมาในที่สุด จ้องมองไปยังเหล่าราชาปีศาจและอัจฉริยะทั่วทั้งสี่ทิศด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไป เขาทอนัยน์ตาประหลาดใจขึ้นมาเล็กน้อย

ภายใต้สภาพการณ์ตอนนี้ ถึงแม้ว่าร่างเทวะของเยี่ยจงจะน่าแตกตื่นยิ่ง แต่ว่าเขาก็ย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี ต่อให้ตนเองใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ แต่ว่าตนเองกระนั้นก็ยังไม่อาจที่จะฝึกฝนจนสามารถที่จะเข้าสู่ระดับที่จะเข้าออกดินแดนเทพ ดังนั้น ในสถานการณ์ที่คิดนะนำเอาสมุดทองสัมฤทธิ์หลบหนีออกไปจากวงล้อม คงจะมีความยากลำบากเล็กน้อยแล้ว

ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงก็ไม่คิดที่จะถอยออกไปเช่นนี้ อย่างแรกคือสมุดอีกเล่มหนึ่งนั้นหากว่ามิได้อยู่ด้วยกันแล้วละก็ โดยส่วนมากแล้วก็คงจะไม่มีประโยชน์ อย่างที่สองก็คือเขาคิดที่จะลองดูว่า การที่จะหยิบยืมพลังของวัตถุสิ่งนี้จำเป็นที่จะต้องมีตัวชักนำ ก็คือสมควรที่จะฆ่าสังหารผู้คนเป็นจำนวนมาก

กระนั้น เรื่องที่ตนเองมีพลังแห่งร่างเทวะหากปล่อยให้เปิดเผยออกไปได้แล้วละก็ ก็พอที่จะทำให้ตนเองตกอยู่ในสถาการณ์ที่อันตรายยิ่งกว่าเดิม ถึงแม้ว่า ก่อนหน้านี้ก็มิได้มีความปลอดภัยกว่ากันเสียเพียงไหน

หลังจากนั้น ในที่สุดเยี่ยจงก็ได้มีการตัดสินใจอยู่หลากหลายแบบ เขาก้าวออกไปหนึ่งก้าว ร่างกายก็ได้เข้าไปยังบริเวณทางด้านของแท่นบูชา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณที่ตั้งของสมุดทองสัมฤทธิ์เล่มที่สองเพื่อคว้าเข้าไป

“ฮูม——”

ในขณะนั้นเอง ระหว่างสมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่มราวกับมีเสียงสะท้อนไปมาชนิดหนึ่งต่อกันก็มิปาน ก่อให้เกิดบทสวดของเสียงสวดแห่งสัจธรรมลอดออกมาในตอนนี้ ดังระงมออกไปทั่วทั้งตำหนักแห่งนี้

นี้ถือได้ว่าเป็นพลังอำนาจระดับที่สูงล้ำชนิดหนึ่ง เพียงแค่ภายในสุ่มเสียง ก็ได้รวมเอาไว้ด้วยบรรยากาศแห่งสัจธรรมเอาไว้ชนิดหนึ่ง ทำให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิงเวียนขึ้นมา

ในขณะนั้นเอง ยอดฝีมือทั้งหมดก็มิได้ยับยั้งความโลภภายในจิตใจเอาไว้ได้อีกต่อไป

ทั่วทั้งร่างกายของราชากระเรียนเพลิงก็ได้ปะทุประกายเพลิงไฟขึ้นมา มันทอสีหน้าตื่นเต้นอย่างถึงที่สุด ดวงตาทอประกายร้อนรุ่มขึ้นมาเป็นสาย อดไม่ได้ที่จะร่ำร้องขึ้นมา: “ตำนานนั้นเป็นเรื่องจริง นี้จะต้องเป็นสิ่งที่หลงเหลือเอาไว้ของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นตำนานที่เป็นดั่งตัวแทนของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกที่สูงส่งอย่างยิ่ง!”

“หยุดเขาเอาไว้ วัตถุชิ้นนี้เป็นเหมือนการยืนยันของพวกพวกเรา เพื่อความสำเร็จสู่ระดับมหาราชัน ย่อมไม่อาจที่จะตกไปอยู่ในมือของบุคคลภายนอกได้!” ราชาพยัคฆ์ขาวตะโกนออกมา เกรงว่าผู้เยาว์เบื้องหน้าสายตาอันน่าหวาดกลัวผู้นี้หลังจากที่ได้ครอบครองสมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่ม จะสามารถที่จะเข้าถึงระดับความน่าหวาดกลัวที่แม้แต่พวกเขาก็ไม่อาจที่จะเอื้อมถึง

ราชาเก้าหงสาไม่กล่าววาจาไร้สาระ มันที่มีโลหิตโบราณไหลเวียนเอาไว้อยู่ ก็ได้มีความเชื่อมั่นอยู่ชนิดหนึ่ง ตอนนี้อ้าปากขึ้นมากว้างๆ พวยพุ่งพลังเพลิงกาฬแห่งการทำลายออกมาจากทั้งเก้าเศียรในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังทางด้านที่เยี่ยจงอยู่

ราชาฮูเจรียวตอนนี้ก็ได้อ้าปากขึ้นมา นำเอากระดิ่งทองเหลืองออกมาชิ้นหนึ่ง ภายในนั้นแฝงเอาไว้ด้วยพลังการโจมตีแห่งการฆ่าฟันออกมา จนไม่อาจที่จะคาดเดาได้

“ตูม——”

ทันใดนั้นก็ได้มีการโจมตีอื่นเข้ามาอีก จนทำให้เยี่ยจงที่แต่เดิมก้าวออกไปหนึ่งก้าวก็ได้หันกายกลับมาในทันที ในตอนนี้เขาก็ได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ หากว่ายังจะตนเองเข้าสู่แท่นบูชาต่อไปแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องทานรับการโจมตีจากราชาปีศาจทั้งสี่ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ หากว่ายังจะโจมตีต่อไปแล้วละก็ เกรงว่าต่อให้เป็นระดับร่างกายที่มีความแข็งแกร่งเฉกเช่นเยี่ยจงเอง ก็ยังค้องพลาดท่าครั้งใหญ่อย่างแน่นอน

ราวกับในเวลาเดียวกันนี้เอง เยี่ยจงก็ได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลานั้นหากว่าจะแข็งขืนต่อไปแล้วละก็ คงจะเป็นเรื่องที่โง่เขลาไม่น้อย มิสู้ถอยเสียออกมา แล้วค่อยหาโอกาสช่วงชิงอีกครั้ง

“ตูม——”

การโจมตีจากราชาปีศาจมากมายที่พุ่งออกมา กระทบเข้าไปยังบริเวณทางด้านของแท่นบูชา วินาทีนั้น ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกมา ถึงกับมีราชาปีศาจเกือบสิบตนที่ลงมือออกมา ถึงแม้ว่าต่างก็ยังเป็นแค่ระดับราชา แต่ว่าพวกมันก็ยังถือได้ว่ามีพลังฝีมือที่น่ากลัวอยู่ ในตอนนี้ยังถึงกับใช้ออกมาด้วยพลังทำลายแห่งเซียนไม่สูญสลายออกไปได้อีก

“ตายซะ——”

การโจมตีได้เข้ามายังท่ามกลางอากาศ ราชาเก้าหงสาเป็นตนแรกที่ได้เข้าสังหารเข้ามาอีกครั้ง ตลอดทั้งร่างกายของมันประดุจมีเส้นขนที่ไร้ประโยชน์ แต่ว่าทันใดนั้นก็ได้ทอประกายจนกลายเป็นประดุจกระบี่พวยพุ่งห้ำหั่นออกมา หมายมั่นที่จะสังหารเยี่ยจงลง

“ผัวะ——”

เยี่ยจงนั้นถือได้ว่ามีร่างเนื้อที่ไม่เป็นรองใคร ใจกลางฝ่ามือก็ได้ปะทุพลังประกายสีทองขึ้นมา ฟาดออกไปหนึ่งฝ่ามือ จนฟาดพลังกระบี่ที่ประกายลอยออกไป จากนั้นก็ได้ถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง

“ตาย!”

ราชาพยัคฆ์ขาวร่ำร้องขึ้นมา ชักกระบี่กระดูกออกมาจากภายในปาก มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณหว่างคิ้วของเยี่ยจง

เยี่ยจงส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ทว่าเขาในตอนนี้กลับมิได้ต่อต้านแต่อย่าวไร แล้วก็ได้ขยับร่างกายคราหนึ่งพริบตานั้นก็ได้ถอยออกไปจนถึงบริเวณทางด้านหลัง ในเวลาเดียวกันทางด้านข้างของร่างกาย ก็ได้ขึ้นมายังแท่นบูชาอีกครั้ง

ในระหว่างนั้นเองก็ได้ก่อเกิดประกายสายฟ้าแลบไปมา เยี่ยจงก็ได้เพิ่มระดับความเร็วมากยิ่งขึ้น ราวกับมีบางอย่างโชยขึ้นมาจากทางด้านบนแท่น เขายกมือซ้ายขึ้นมาคราหนึ่ง สมุดทองสัมฤทธิ์เล่มที่สองก็ได้ถูกเขาคว้าเข้ามาอยู่ภายในมือ และเมื่อนำมาเทียบกับสมุดทองสัมฤทธิ์เล่มแรก สมุดทองสัมฤทธิ์เล่มที่สองนั้นกับเบาประดุจขนนก ทั้งสองเล่มนั้นให้ความรู้สึกที่ขัดแย้งต่อกันอยู่ชนิดหนึ่ง ทำให้เยี่ยจงเกิดเลือดลมพวยพุ่งขึ้นมาในระยะเวลาหนึ่ง จนยากที่จะทานรับเอาไว้ได้

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
#####Fanpage#####
Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset