ตอนที่ 436 สถานการณ์วุ่นวาย
“ตูม——”
ในขณะนั้นเอง ก็ได้ก่อเกิดพลังอันน่าหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบกลุ่มหนึ่งเคลื่อนไหวแผ่กระจายออกมาจากบริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง สมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่มในตอนนี้ก็ได้รวมเป็นหนึ่ง อักษรที่กระจัดกระจายวุ่นวายราวกับว่าในเวลานี้ได้เกิดประกายแสงขึ้นมาในเวลาเดียวกันไหลเวียนเข้าไปยังบริเวณหว่างคิ้วของเยี่ยจง
ฉากที่เกิดขึ้นเช่นนี้ แทบจะเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนไปแทบทั้งสิ้น มีผู้คนมากมายต่างก็หมายจะลงมือออกมา คิดที่จะเข้าไปช่วงชิง แต่ก็คิดไม่ถึงว่าภายในสถานการณ์เช่นนี้สมุดทองสัมฤทธิ์นี้ยังถึงกับถูกเปิดผนึกขึ้นมาได้ในทันทีเช่นนี้
“ตอนนี้จะทำยังไงกันดี?พวกเรายังจะลงมือกันต่อหรือเปล่า?” กลุ่มอัจฉริยะก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัด ในขณะนั้นเองเยี่ยจงถือได้ว่าได้รับโอกาสวาสนาครั้งใหญ่ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว นี้จึงทำให้อัจฉริยะทั้งหมดในเวลานี้ยากที่จะทั้งเข้ายากที่จะทั้งถอยได้
“นี้มัน……” พลังจิตวิญญาณของเยี่ยจงในตอนนี้ก็ได้เกิดความเจ็บปวดขึ้นมา ถึงแม้ว่าอักขระดั่งเดิมเหล่านี้ในตอนนี้ก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางห้วงความคิดของเขา แต่ว่าอักขระดั่งเดิมนี้ กลับถูกแฝงเอาไว้ด้วยความลี้ลับอย่างละเอียดอ่อนอย่างวุ่นวายรวมเข้าด้วยกัน ท่ามกลางพลังแห่งอักษรนี้ ก็ได้รวมเอาไว้ด้วยสิ่งที่พอจะทำให้ผู้คนยากที่จะเข้าใจได้อยู่ชนิดหนึ่ง แทบจะมิใช่เวลาเพียงครู่เดียวก็จะสามารถทำความเข้าใจได้ในทันที
“นี้มัน……สายทางแห่งดวงตะวัน!?”
ทันใดนั้น เยี่ยจงก็ได้สั่นเทาไปทั่วทั้งร่าง สัมผัสได้ถึงพลังดั่งเดิมของอักษรชุดนี้ที่รวมเข้ากันจนกลายเป็นบรรยากาศชนิดหนึ่ง สายทางแห่งดวงตะวัน เล่าขานกันว่าถือได้ว่าเป็นวิชาของจักรพรรดิฟ้าตะวันตก อีกทั้งยังเป็นตำนานคำเล่าขานของตัวกำเนิดของบริเวณสถานที่แห่งนี้ แม้แต่เยี่ยจงในเวลานี้เองก็ยังคิดไม่ถึง จุดเริ่มต้นของวิชาชนิดนี้ ถึงกับสามารถตกมาอยู่ในมือของตนเองได้อย่างไม่มีที่มาที่ไปเช่นนี้
น่าเสียดาย สถานการณ์ตอนนี้พิเศษเป็นอย่างยิ่ง เขาแทบจะไม่อาจที่จะทำความเข้าใจและรวมพลังแห่งอักษรเหล่านี้เข้าด้วยกันได้ในตอนนี้ เพียงแต่ว่าการเข้าสู่สัจธรรมได้อย่างง่ายดาย มีแต่เพียงแค่ตัวอักษรเหล่านี้ เยี่ยจงก็พอที่จะเข้าไปภายในได้ รวมไปจนถึงความหมายของมันที่แสดงออกมา เกรงว่าคงจะต้องเป็นวาสนาขั้นสูงอย่างแท้จริงแล้ว
“แย่แล้ว!อย่าได้ให้เจ้าหนูนั้นเข้าไปถึงตำนานได้!”
ราชาปีศาจทั้งหมดต่างก็ได้เกิดอาการหวาดระแวงไม่หยุด พวกมันราวกับลงมือออกไปในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้น ก็ได้เกิดพลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวพวยพุ่งออกมา ประดุจดั่งธาราดวงดาวที่แตกระเบิดก็มิปาน หมายจะเข้าปกคลุมเข้าไปยังทางด้านของเยี่ยจง
เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกนี้เปรียบเสมือนดั่งจุดเริ่มต้นแห่งการกำเนิดของเหล่าราชาปีศาจมากมาย หากว่าไม่มีวัตถุสิ่งนี้แล้วละก็ เช่นนั้นพวกเขาก็เปรียบเสมือนเกิดขึ้นมาจากดั่งไม้ท่อนหนึ่ง ที่ไร้การเลี้ยงดูจากสายน้ำ ต่อให้กำเนิดเกิดมาก็ไม่อาจที่จะพัฒนาต่อไปขึ้นไป ดังนั้นในขณะนั้นเอง ราชาปีศาจทั้งหมดต่างก็คลุ้มคลั่งขึ้น พวกเขาไม่อาจที่จะเอาแต่มองดูตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกนี้ตกไปอยู่ในมือของเยี่ยจงได้
เยี่ยจงละความสนใจกลับมา พริบตานั้นก็ได้เข้าใจขึ้นได้ในทันทีว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์วิกฤติ ในขณะนั้นเอง เขาก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ในเวลาเดียวกันก็ได้ปะทุร่างทอประกายแสงสีทองขึ้นมาบนร่างกาย มุ่งหน้าถอยออกไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว หลบเลี่ยงการโจมตีทั้งหมดไป
“เจ้าหนู ข้าก็อย่างจะดูหน่อยว่า ในครั้งนี้เจ้าจะหลบรอดกับสถานการณ์เช่นนี้อย่างไร ช่วงชิงตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตก ก็ถือได้ว่าเป็นดั่งศัตรูของพวกข้าทั้งหมด ดังนั้นเจ้าจะต้องตายแน่นอน!” ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่พลิกมือคราหนึ่ง บริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้มีการปรากฏเงาของหุบเขาที่สูงใหญ่ขึ้นมาอีกครั้ง ถูกเขาซัดเข้ามา มุ่งหน้าเข้ามายังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง
“เจ้าหนู ส่งมอบตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกออกมา จะให้เจ้าได้ตายอย่างร่างครบถ้วน!” ราชาพยัคฆ์ขาวกล่าวขึ้นมา แล้วก็ได้มีกระบี่กระดูกลอยออกมาจากปากอีกด้ามหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็ได้พวยพุ่งออกมา มุ่งหน้าเข้าสังหารบริเวณทางด้านที่เยี่ยจงถอยออกมา
ราชาฮูเจรียวคำรามออกมา เสียงอันน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่กระจายออกมา พลังทำลายถือได้ว่ายากที่จะมีผู้ต้านทานได้
ราชาเก้าหงสาก็ได้ปรากฏศีรษะทั้งเก้าขึ้น บนศีรษะของแต่ละศีรษะก็ได้ใช้พลังโจมตีอันน่าหวาดกลัวออกมาในแต่ละชนิด พลังการโจมตีทั้งเก้าสายก็ได้รวมตัวกันขึ้นมา กลายเป็นดั่งค่ายกลสังหารอันน่ากลัวขึ้นมาชนิดหนึ่ง มุ่งหน้าหมุนวนเข้าไปยังบริเวณตรงกลาง
ราชาปีศาจอื่นๆ ในตอนนี้ก็ได้ต่างฝ่ายต่างลงมือ เห็นได้ชัด เยี่ยจงได้ครอบครองสมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองมาไว้ในมือ ทำให้เกิดการข้ามเส้นความอดกลั้นของราชาปีศาจทั้งหมด ถึงแม้ว่าตามปกติแล้วพวกมันเองต่างฝ่ายต่างก็มีความแค้นส่วนตัวกันอยู่ แต่ว่าในขณะนั้นเองก็ได้ร่วมมือด้วยกัน จนเกิดพลังอันน่าหวาดกลัวขึ้น
นับตั้งแต่เริ่มต้นที่ได้เข้ามายังดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ ก็ได้ผ่านสถานการณ์ที่อันตรายปรากฏขึ้นมาหลายครั้งหลายครา แต่ว่าในพริบตานั้นเอง ในหัวของเยี่ยจงก็ได้เกิดความสงบเงียบขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ เขาถอยกายไปบริเวณทางด้านหลัง พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะก็ได้ปรากฏรูปร่างขึ้นมาอีกครั้ง ประกายแสงจันทราอันคมกล้าก็ได้ปกคลุมลงมา เขาได้ย่างก้าวเข้าสู่สภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสง ประดุจดั่งเทพเซียนแห่งดินแดนพลิ้วถอยกายไปก็มิปาน หลบเลี่ยงจากการโจมตีในสถานการณ์ต่างๆ อย่างเฉียดฉิว
“พวกเจ้าต้องการสมุดทองสัมฤทธิ์นี้มากนักอย่างงั้นหรือ?ยอดมาก เอ้า!” เยี่ยจงยิ้มอย่างเย็นชาขึ้นมา จากนั้นก็ได้วาดนิ้วออกไปคราหนึ่ง ความหนักประดุจขุนเขาของสมุดทองสัมฤทธิ์นี้ ก็ได้ถูกพลิกมือกลับพุ่งเข้าไปยังบริเวณทางด้านของราชาเก้าหงสา
“ฉับ——”
หนึ่งในศีรษะของราชาเก้าหงสาก็ได้ลอยออกมา คว้าจับไปยังสมุดทองสัมฤทธิ์ ทันใดนั้นสีหน้าก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นประหลาดใจขึ้นมาอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดก็คิดไม่ถึงว่า ว่าเหตุใดกันมันถึงสามารถที่จะครอบครองสมุดทองสัมฤทธิ์นี้ได้อย่างง่ายดายกัน
“อะไรกัน!?”
ราชาปีศาจมากมายต่างก็ตกใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน มีปฏิกิริยากลับมาไม่ทันในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“เจ้ามิใช่ว่าก็ต้องการเช่นเดียวกันงั้นหรือ ที่เหลือก็ให้เจ้าก็แล้วกัน!” เยี่ยจงพลิกมาโยนไป โยนสมุดทองสัมฤทธิ์ที่มีเบาดุจขนนกมุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณทางด้านของราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ จากนั้นก็ได้ยืนมือไพล่หลังอยู่ท่ามกลางสนาม ทอสีหน้าและรอยยิ้มที่เยียบเย็นออกมา
บันทึกที่อยู่ภายในสมุดทองสัมฤทธิ์ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด สายทางแห่งดวงตะวันเมื่อได้เข้ามายังห้วงความคิดของเขาแล้ว ดังนั้น ในช่วงเวลาที่คับขันเช่นนี้ เยี่ยจงก็ไม่ควรที่จะทิ้งชีวิตเอาไว้กับสมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่มในสถานที่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกัน เยี่ยจงยังมีความรู้สึกอีกอย่างหนึ่ง นั้นก็คือ สมุดทองสัมฤทธิ์ทั้งสองเล่มมีแต่จะสร้างแรงดึงดูดเท่านั้น ยังมีสิ่งของที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอยู่ท่ามกลางภายในตำหนักแห่งนี้
ราชาเก้าหงสาสาดประกายดวงตาขึ้นมา มันจ้องมองไปยังเยี่ยจงด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ ไม่ทราบว่าอีกฝ่ายนั้นได้ครอบครองสิ่งที่สำคัญที่สุดภายในสมุดทองสัมฤทธิ์ไปแล้วหรือยังไง แต่ว่าหลังจากที่ครุ่นคิดแล้ว มันก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง มุ่งหน้าถอยออกไปบริเวณทางด้านหลัง หมายจะหลบหนีไปจากตำหนัก
“ตูม——”
ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็ได้ก้าวถอยออกไปเช่นกัน สมุดทองสัมฤทธิ์ได้มาอยู่ในมือ เขาจึงไม่คิดที่จะอยู่ต่อไป
“ตูม——”
ราชาปีศาจที่หลงเหลือเพียงแต่ว่าพริบตานั้นก็ได้เกิดอาการลังเลขึ้นมา ในเวลาเดียวกันก็ได้ลงมือออกไป วินาทีนั้น พลังการโจมตีอันน่าหวาดกลัวก็ได้พวยพุ่งออกมา
“ทั้งสองท่าน จักรพรรดิฟ้าตะวันตกเป็นดั่งบรรพบุรุษของเผ่าพันธุ์เราทั้งปวง ตามตำนานนี้ มิใช่เป็นแต่เพียงของพวกเจ้า!” ราชากระเรียนเพลิงโกรธขึ้นมา ในเวลาเดียวกันมันก็ได้ร่ายระบำเส้นขนทั่วทั้งร่างกายออกมา วินาทีนั้น ก็ได้ทำให้ทั่วทั้งอารามก่อเกิดพลังเพลิงไฟเดือดพล่านขึ้นมา ประดุจดั่งถูกไฟคลอกก็มิปาน
“ทิ้งตำนานเอาไว้ ไม่เช่นนั้นก็อย่าได้คิดจากไป!” ราชาพยัคฆ์ขาวก็ได้ปล่อยวางจากการสังหารเยี่ยจง พุ่งเข้าสังหารออกไป
“พวกเราก็ลงมือกัน” อัจฉริยะมากมายต่างก็ทอสีหน้าเดียวกันเคลื่อนไหวออกไปในเวลาเดียวกัน ในเวลาเดียวกันลงมือออกไป
ชิงหญิงยื่นมือประดุจหยกออกมาเบาๆ บริเวณใจกลางฝ่ามือก็ได้ปรากฏกระบี่หยกอำพันขึ้นด้ามหนึ่ง จากนั้นนางก็ได้ฟาดฟันออกไปเข้าต่อสู้ ประดุจประกายดวงดาวที่ทอแสงขึ้นมาจนก่อเกิดรังสีกระบี่พวยพุ่งออกมาก็มิปาน ยับยั้งผู้ที่อยู่บริเวณตรงทางออก
โหยวเหลียนเท้าก็ได้เหยียบลงบนดอกบัวทมิฬ ทุกๆ ก้าวก็ได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศออกไป แล้วก็ได้เห็นดอกบัวสาดเป็นประกายสีดำออกมาเป็นสาย ปกคลุมอยู่ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเก้าหงสา
ร่างกายของเยว่จิ่งก็ได้ปรากฏเงาจันทราขึ้นมา สาดประกายแสงแห่งจันทราลงมา รวบรวมพลังทั้งหมดเพื่อที่จะหยุดยั้งราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่เอาไว้
นอกเสียจากบริเวณนี้ อัจฉริยะคนอื่นๆ ก็ได้ต่างฝ่ายต่างก็ใช้พลังฝีมือของตนเองฆ่าสังหารออกไป หมายมั่นที่จะแย่งชิงตำนานแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตก
ในระหว่างนั้น ตอนนี้ทางด้านของเยี่ยจงก็ได้กลับกลายเป็นว่าไม่มีผู้ใดอยู่ก็มิปาน ผู้คนทั้งหมดต่างก็ออกไปจากทางด้านของเขา มุ่งหน้าสังหารไปทางด้านบริเวณอีกครั้งด้านหนึ่ง
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับการลงมือของราชาปีศาจและอัจฉริยะในเวลาเดียวกันเช่นนี้ ต่อให้ราชาเก้าหงสามีความแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ มันก็ยังต้องร่ำร้องขึ้นมา ในเวลานี้เองก็ไม่หลงเหลือหนทางถอยอีก
“ซูมซูมซูม——”
ทางด้านของแท่นศิลาก็ไม่ทราบว่ามีบางอย่างลอยพุ่งออกมา กระทบเข้าไปยังบนร่างกายของราชาเก้าหงสา มันส่งเสียงกรีดร้องออกมา กระอักโลหิตออกมาคำโต จึงได้โยนสมุดทองสัมฤทธิ์ออกไปอย่างไม่สนใจ
ราชากระเรียนเพลิงหัวเราะฮาฮาออกมายกใหญ่ คิดที่จะพึ่งพาสภาวะที่โยนสมุดทองสัมฤทธิ์ออกไปหมายจะถอยหนี แต่ว่าในช่วงเวลานั้นเอง มนุษย์ผิวสีเขียวก็ได้ลงมืออย่างกะทันหัน จนเกิดเงาของอสรพิษสายหนึ่งพุ่งฆ่าสังหารออกมา จนทำให้ราชากระเรียนเพลิงกระอักโลหิตออกมาคำโตในทันที
เพียงแต่ว่าเกิดขึ้นเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น สมุดทองสัมฤทธิ์เล่มนี้ที่มีน้ำหนักที่มากอย่างไร้ที่เปรียบก็ได้ถูกผลัดเปลี่ยนกันครอบครองขึ้นหลายครา จนปะทุศึกการต่อสู้ของความวุ่นวายขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
และในบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ราชาเผ่าพันธุ์ควาฟู่ก็ได้ถูกอัจฉริยะหลายคนขวางรั้งเอาไว้ ใช้ออกมาด้วยพลังการโจมตีอันน่ากลัวหมุนวนออกมาในเวลาเดียวกัน จนทำให้มันกระอักโลหิตออกมาคำโต ในเวลาเดียวกันบริเวณทางด้านหลัง ก็ได้มีราชาปีศาจหลายตนคอยจับตามองเอาไว้อยู่ เตรียมพร้อมที่จะลงมือออกไปในทุกเวลา เพื่อที่จะแย่งชิงสมุดทองสัมฤทธิ์ที่มีน้ำหนักเบาประดุจขนนกมาไว้ในครอบครอง
ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงเป็นเสมือนดั่งบุคคลภายนอกภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็มิปาน เขามิได้มองอยู่นานนัก เพียงแต่หันกาย มุ่งหน้าย่างกรายเข้าไปยังบริเวณทางด้านของแท่นบูชาเข้าไป เขาสัมผัสได้ถึงความรู้สึกชนิดหนึ่ง คิดที่จะขึ้นไปนั่งยังด้านบนของเบาะไม้สานเพื่อทำสมาธิ เข้าไปรับฟังเสียงสวดแห่งสัจธรรม
เมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง เหล่าอัจฉริยะและราชาปีศาจส่วนหนึ่งที่มิได้ลงมือก็ได้มองเข้ามาในเวลาเดียวกัน ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
นั้นก็เพราะว่าความเคลื่อนไหวของเยี่ยจงเรียกได้ว่ามีความพิเศษเฉพาะอย่างยิ่ง เขาไม่เพียงแต่ปล่อยวางจาก สมุดทองสัมฤทธิ์ อีกทั้งตอนนี้ยังมิได้จากไป ในทางกลับกันกลับเข้าไปใกล้ยังแท่นบูชาต่อไปเรื่อยๆ เห็นได้ชัดว่าเหมือนกับกำลังต้องการอะไรทำอะไรบางอย่างอยู่
ไม่นานนัก ชิงยี่ จินเฉิง จินยี่อัจฉริยะทั้งสามก็ได้ค่อยๆ ขมวดคิ้วขึ้นมา ติดตามอยู่บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง พวกเขามีสีหน้าที่นิ่งเฉยอย่างยิ่ง ไม่ได้กลับวันใดออกมามากมาย
และราชาฮูเจรียวกับราชาปีศาจอีกหลายตนตอนนี้ก็ได้ค่อยๆ เข้าไปใกล้ พวกมันทอประกายดวงตาแปลกใจขึ้นมา ราวกับกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง
ทางด้านหน้าของแท่นบูชา นั้นมีเบาะไม้สานทั้งหมดสามชิ้นวางไว้เป็นอย่างดี เบาะไม้สานอื่นๆ ต่างก็เสื่อมสภาพไปตามอายุไขไร้ซึ่งพลัง เพียงแต่ว่า ทางด้านเบาะไม้สานที่อยู่ทางซ้ายสุด คนสุดท้องก็ยังคงนั่งสมาธิอยู่ และด้านบนเบาะไม้สานที่สองตอนนี้ก็ได้แผ่กระจายอักษรออกมา จนทำให้ผู้คนเกิดความสงสัย มีแต่เพียงเยี่ยจงที่ทราบอย่างกระจ่าง อย่างน้อยเสี่ยวหลุนคงจะได้ประโยชน์อะไรบางอย่างแล้ว
ตอนนี้สีหน้าของเขาก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวขึ้น มุ่งหน้าเข้าไปยังเบาะไม้สานชิ้นหนึ่งที่อยู่ทางด้านหลัง คิดที่จะลงสมาธิลง
“ตูม——”
ทันใดนั้น ชิงยี่ออกตัวทีหลังแต่ถึงก่อน แล้วก็ได้แทงหอกยาวสีเขียวในมือออกไป ตลอดทั่วทั้งคนก็ได้พวยพุ่งออกไปตามแรง หยุดยั้งลงอยู่ท่ามกลางอากาศ คิดหมายมั่นที่จะนั่งลงอยู่บนเบาะไม้สานนี้เป็นคนแรก เห็นได้ชัดเขาย่อมเข้าใจได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเยี่ยจงคิดที่จะทำอะไร
“ตูม——”
ราชาฮูเจรียวในตอนนี้ก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชา มันอ้าปากออกมาคราหนึ่ง ก็ได้มีลำแสงน้ำแข็งพวยพุ่งออกมา มุ่งหน้าเข้าสังหารในบริเวณที่ชิงยี่อยู่
ชิงยี่สีหน้าเปลี่ยนไป ต่อให้เป็นถึงราชาตนหนึ่งก็ตาม ภายใต้การลงมือโดยใช้พลังทั้งหมด พลังทำลายก็ยังถือได้ว่ามีความน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด เขาก็ได้พลิกหอกยาวในมือฟาดออกไป ร่างกายก็ได้ถอยออกไปหลายก้าวภายในพริบตา มีโลหิตไหลออกมาจากมุมปาก ต่อให้เขาที่เป็นถึงอัจฉริยะแห่งสำนักก็ตามที แต่ว่า ในเวลานี้ก็ยังไม่อาจที่จะควบคุมพลังอันแปรปรวนได้
“ตูม——”
จินยี่ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา ปีกคู่สีทองทางด้านหลังก็ได้ปรากฏขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้พลิกมือทั้งสองขึ้นมาจนมีกระบี่สั่นทั้งสองเล่มปรากฏขึ้นมา แผ่กระจายประกายความคมกล้าออกมาสายหนึ่ง
จินเฉิงก้าวออกไปก้าวหนึ่ง ประกายแห่งดวงตะวันสีทองทางด้านหลังก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นมาอย่างรุนแรงอย่างถึงที่สุด ตอนนี้เขาเป็นดั่งบุตรเทพแห่งดวงตะวันก็มิปาน เสมือนดั่งปกคลุมทั่วทุกสิ่ง
“ตูม——”
ในขณะนั้นเอง จินยี่และจินเฉิงก็ได้ลงมือออกไปในเวลาเดียวกัน อัจฉริยะเผ่าปีกแห่งดินแดนตงฮวงและอัจฉริยะแห่งตำหนักดวงตะวันก็ได้ร่วมมือกันผสานการโจมตีออกมา คิดหมายจะสังหารราชาฮูเจรียวลง
.
.
.
.