ตอนที่ 446 กระบวนท่าของจักรพรรดินี
“นี้ เป็นไปได้อย่างไรกัน ! ? ”
มีพระยาปีศาจยากที่จะเชื่อได้ลง ฉากเบื้องหน้านี้แทบจะอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปแทบทั้งสิ้น ยังจะมีคนที่อยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ยังจะสามารถที่จะสังหารราชาปีศาจลงไปได้อีกงั้นหรือ
“เหว่ย——”
ฮวาเพ่ยหยี่ที่ได้จ้องมองไปยังการต่อสู้ก็ได้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ คราหนึ่ง แต่ว่าทันทีที่พบเห็นนางถอนหายใจออกมา ภายในจิตใจเยี่ยจงก็ได้ครุ่นคิดขึ้น ความรู้สึกขนลุกจนเข้าไปถึงภายในกระดูกก็ได้ปรากฏขึ้นมา
เขาเข้าใจได้เป็นอย่างดี บริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ที่ยากต่อกรด้วยที่สุดกลับมิใช่พระยาปีศาจที่ยุ่งยากเหล่านั้น แล้วก็มิได้ราชาปีศาจเหล่านั้น แต่เป็นจักรพรรดินีฟ้าตะวันตกผู้นี้ หากว่ามิใช่เพราะถูกนางกดดันเอาไว้แล้วละก็ ผลลัพธ์ตอนนี้คงจะจบลงไปตั้งแต่แรกแล้ว
และตอนนี้ หากนางลงมือแล้วละก็……
ในขณะที่ครุ่นคิด เยี่ยจงก็มิได้สนใจสิ่งอื่นอีก ก็ได้เข้าใจขึ้นมา ตนเองจำเป็นที่จะต้องฝ่าวงล้อมนี้ไปโดยเร็ว ไม่เช่นนั้นแล้วก็คงจะต้องตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของนางแล้ว อย่างน้อยก็คงจะหมายถึงการตายของตนเองอย่างไม่ต้องสงสัย
ตอนนี้เยี่ยจงได้ต้านทานราชาปีศาจและพระยาปีศาจเหล่านี้ก็ถือได้ว่าใช้ออกมาด้วยความสามารถทั้งหมดไปแล้ว หากว่าต้องมาเพิ่มเติมด้วย จักรพรรดินีฟ้าตะวันตกที่มีความลึกล้ำยากต่อกรได้อีกคน ต่อให้เขายังแข็งแกร่งยิ่งกว่านี้ เกรงว่าก็คงจะไม่น่ารอดไปได้
“เสี่ยวหลุน ! ลงมือ ช่วยเหลือให้ข้าถอยออกไปก่อน ! บัญชีนี้หลังจากนี้ค่อยกลับมาว่ากันทีหลัง ! ”
เยี่ยจงกล่าวออกมาภายในจิตใจ ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ใช้ออกมาด้วยสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงแห่งพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ พร้อมทั้งฟาดออกมาด้วยตราผนึกนภาในเวลาเดียวกัน พลังความน่าหวาดกลัวทั้งสองสายก็ได้รวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นพลังสายเดียวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ มุ่งหน้ากดดันแผ่กระจายออกไปทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านออกไป
บริเวณรอบด้านนี้ วินาทีนี้ก็ได้มีเสียงกรีดร้องดังออกมา พระยาปีศาจหลายตนที่อยู่ใกล้เคียงก็ได้แหลกเหลวจนกลายเป็นฝุ่นผงในเวลาเดียวกัน ตายตกลงไปเช่นนี้
ตอนนี้ก็ได้มีประกายแสงสีขาวกลุ่มหนึ่งปกคลุมอยู่ด้านบนตัวของเยี่ยจง เสี่ยวหลุนในขณะนี้ในที่สุดก็ได้ลงมือ นำพาเยี่ยจงฝ่าวงล้อมไปอย่างรวดเร็ว คิดหมายที่จะออกไปจากสนามรบแห่งนี้
“ตูม——”
ในขณะนี้ จักรพรรดินีฟ้าตะวันตกฮวาเพ่ยหยี่ในที่สุดก็ได้ลงมือ นางกรีดนิ้วมุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้าคราหนึ่ง วินาทีนั้นก็ได้พบว่ามีพลังปราณฟ้าดินรอบข้างเคลื่อนไหวไปมาในตอนนี้ เดิมทีที่ต้องใช้ราชาปีศาจ พระยาปีศิาจมากมายในการลงมือสลายพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ ในตอนนี้ก็ได้สลายไปในทันที แม้แต่ตราผนึกนภาก็ด้วย ก่อเกิดสภาวะการสลายหายไปครั้งใหญ่
“อา——”
แล้วก็ได้มีพระยาปีศาจหลายคนถูกดึงเข้าไปท่ามกลางวังวน วินาทีนั้นที่มีพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะประหลาดแผ่ขึ้นมาก็ได้สลายหายไป จนกลายเป็นเพียงก้อนโลหิต ลอยขึ้นไปยังท่ามกลางอากาศ
“ชิ——”
เยี่ยจงสูดลมหายใจเข้าออกอย่างตระหนกตกใจ พริบตานั้นก็ได้ฟาดออกมาด้วยตราแห่งราชาแดนมนุษย์ ประกายแสงสีทองก็ได้ปรากฏขึ้นมาเหนือศีรษะ พร้อมกับการฆ่าสังหารออกไปอย่างบ้าคลั่งของเขา ควรทราบว่า สมบัติเซียนในมือเยี่ยจงโดยส่วนมากแล้วต่างก็ได้ถูกเสี่ยวหลุนผู้หิวกระหายกลืนกินเข้าไปจนหมดจด นอกเสียจากกระบี่ทั้งสองเล่มที่อยู่ในระดับสมบัติเซียนแล้ว เขาก็แทบจะไม่มีสมบติเซียนที่ใช้ไว้เพื่อป้องกันตนเองเลยแม้สักอย่างเดียว ตอนนี้ก็ได้แต่ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันเพิ่มพลังพึ่งพาตราแห่งราชาแดนมนุษย์ จากไปอย่างรวดเร็ว
“ฆ่าเขาซะ ! เขาไม่ไหวแล้ว ! ”
“จักรพรรดินีลงมือ เขาต้องตายอย่างแน่นอน ! ”
พระยาปีศาจกลุ่มหนึ่งตอนนี้ก็ฝืนใจฆ่าสังหารออกมา ไม่ยินยอมปล่อยเยี่ยจงไป เยี่ยจงหันกายเล็กน้อย ตราแห่งราชาแดนมนุษย์ก็ได้ปรากฏขึ้นมาเหนือศีรษะสั่นไหวไปมาคราหนึ่ง จนทำให้ พระยาปีศาจที่อยู่ใกล้ที่สุดสองตนถูกสังหารไปในทันที
“ตูม——”
ในเวลาเดียวกัน เสี่ยวหลุนก็ได้ปรากฏขึ้นมาบริเวณหว่างคิ้วของเยี่ยจง หนุนเสริมพลังของเทพเซียนลงไปปกคลุมยังร่างกายของเขา จนทำให้ร่างกายของเขาสั่นเทาน้อยๆ ไปมา จากนั้นก็ได้เพิ่มระดับความเร็วขึ้นมาจนถึงระดับสูงสุดอย่างบ้าคลั่ง ในเวลาเดียวกัน สภาวะไร้สภาพที่อยู่ท่ามกลางอากาศก็ได้ถูกเสี่ยวหลุนหยุดยั้งเอาไว้ แต่ว่าทันใดนั้นมันก็ตะโกนออกมาด้วยความตกใจ เสียงที่ดังออกมาได้กล่าวเอาไว้ว่าขาดทุนย่อยยับแล้ว
เยี่ยจงทอสีหน้าดำมืดไปทั้งใบหน้า มิได้ใส่ใจกับคำพูดแดกดันของเสี่ยวหลุน เพียงแต่จากไปอย่างรวดเร็ว
ในที่สุด ในขณะที่เสี่ยวหลุนลงมือ และใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ เยี่ยจงก็ได้ทะยานออกไปตลอดทางจนไกลลิบ หลุดรอดออกไปจากวงล้อมแห่งความวุ่นวาย
ราชาปีศาจและพระยาปีศาจมากมายต่างก็เหม่อมองไปที่แผ่นหลังของเขา ในเวลาเดียวกันก็ได้หยุดเท้าลงไปในทันที คนเหล่านี้ตอนนี้ราวกับได้สติกลับมาก็มิปาน พวกมันเหม่อมองไปยังทางด้านนั้น ด้วยสีหน้าที่เย็นเยียบ
อัจฉริยะจากภายนอกเหล่านั้นตอนนี้ต่างเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้าด้วยอาการอ้าปากตาค้าง ทอสีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุด การต่อสู้เช่นนี้ เรียกได้ว่าสั่นสะท้านไปทั้งฟ้าดิน เกิดความเคลื่อนไหวไปทั่วทั้งสี่ดินแดน นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่น่าตกใจที่สุดแห่งดินแดนหนึ่ง พลังเพียงหนึ่ง ต่อกรกับห้าราชาปีศาจและพระยาปีศาจอีกนับร้อย จนทั้งหมดถอย หากเรื่องราวเช่นนี้ถูกแพร่ออกไป เกรงว่านามของเยี่ยจงสองตัวนี้ จะกลายเป็นที่ดึงดูดสายตาของทั้งมวล
แน่นอนว่า สิ่งที่ยิ่งกลายเป็นที่ดึงดูดของผู้คนทั้งหมด เกรงว่าคงจะเป็นทั้งสี่ตัวอักษรของสิ่งที่เรียกว่า——ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่
หากกล่าวถึงก่อนหน้านี้ ขุมกำลังใหญ่แห่งดินแดนซีฮวงระหว่างนั้นต่างก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวจับตาดูอยู่แล้ว พร้อมที่จะเกิดความวุ่นวายขึ้นทั้งฟ้าดินได้ทุกเวลา การปรากฏขึ้นมาของสี่ตัวอักษรนี้ ไม่ทราบว่าจะทำให้เกิดมรสุมตามมาเช่นไร
ฮวาเพ่ยหยี่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของศิลา นางมิได้ไล่ตามต่อไป เพียงแต่ต้องมองทางด้านที่เยี่ยจงจากไปไกลออกไป ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
“จักรพรรดินี จะไล่ตามไปหรือไม่ ? ” ราชาเก้าหงสาหันกลับมา เหม่อมองไปที่ฮวาเพ่ยหยี่ กล่าวออกมาเสียงเบา
“ไม่จำเป็น ในเมื่อเขาก็สามารถที่จะจากไปได้ เช่นนั้นก็ถือได้ว่าเป็นโชคของตัวเขาเอง พวกเจ้าไม่ต้องติดตามไป มีแต่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บล้มตายเท่านั้น” ฮวาเพ่ยหยี่ส่ายหน้า จากนั้นร่างกายก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง แล้วก็หายลับไปจากท่ามกลางอากาศ
อัจฉริยะจากภายนอกในเวลาเดียวกันเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ต่างก็สูดลมหายใจออกมาด้วยความตกใจ นั้นก็เพราะว่า ด้วยพลังฝีมือของพวกเขา ยังถึงกับไม่อาจที่จะรับรู้ได้อย่างชัดเจน ว่าฮวาเพ่ยหยี่นั้นที่แท้หายไปได้อย่างไร
ราชาปีศาจและพระยาปีศาจมากมายหันกลับมา มองไปยังกลุ่มอัจฉริยะนั้น แต่ว่าพวกเขาก็ยังมิได้ทำอะไร เพียงแต่หันกายหมายจากไป
อัจฉริยะกลุ่มนี้ต่างก็สบตามองกัน แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าซับซ้อนอย่างถึงที่สุด
“ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่ของเผ่ามนุษย์ เมื่อครู่ตามที่จักรพรรดินีฟ้าตะวันตกกล่าวออกมา ใช่เรื่องจริงงั้นหรือ ? ”
“จักรพรรดินีฟ้าตะวันตกฮวาเพ่ยหยี่ นางเป็นผู้สืบทอดของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกจริงอย่างงั้นหรือ ? สายโลหิตเช่นนี้ บุคคลเช่นนี้ เหตุใดถึงได้ยินยอมที่จะปิดกั้นอยู่แต่เพียงภายในดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้กัน ? ”
“นางเป็นตัวแทนของตนเอง หรือว่าเป็นตัวแทนแห่งสายโลหิตแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันตกเพื่อออกสู่ดินแดนกัน ? ”
“เรื่องราวเหล่านี้ถือได้ว่าห่างไกลจนเกินไป มหาราชันทุกท่านจะยิ่งปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมากกว่าเดิม ที่พวกเราต้องเป็นห่วงก็คือ……เยี่ยจงผูนั้น ถึงกับร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ ? ด้วยกำลังพลราชาปีศาจพระยาปีศาจที่มากมายถึงเพียงนี้ลงมือพร้อมกัน เขาที่พึ่งพาพลังของตนเอง ถึงกับสามารถทำได้จนถึงขั้นนี้ บวกกับในมือของเขาครอบครองเอาไว้ด้วยร่างมหัศจรรย์หมื่นโบราณนั้นอยู่ หากว่าปล่อยให้เขาพบพานกับวาสนาจะสามารถที่จะเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณเทวราช สำเร็จสู่ชนชั้นราชันแล้วละก็ เช่นนั้นไม่ต้องพูดถึงเลย แม้แต่ชนชั้นระดับมหาราชันลงมือเอง ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะจัดการกับเข้าได้อย่างงั้นหรือ ? ”
“ตอนนี้ยังไม่จำเป็นที่จะต้องเป็นห่วงเรื่องที่ยาวไกลออกไปเช่นนั้น จากที่ข้าดูพลังฝีมือของเขา ก็ยังอยู่เพียงแค่ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณความสำเร็จเล็กเท่านั้น คิดที่จะไปถึงขั้นระดับราชัน หนทางนั้นยังอีกยาวไกล”
“เจ้าไม่คิดว่าเช่นนี้น่ากลัวกว่าอย่างงั้นหรือ ? เผ่ามนุษย์ผู้หนึ่งที่พึ่งจะเข้าสู่ขอบเขตพลังปราณความสำเร็จเล็กได้ไม่นาน ถึงกับสามารถที่จะกระทำเรื่องเช่นนี้ได้ ? ”
“เรื่องเช่นนี้ ? คำว่าเยี่ยจงทั้งสองตัวอักษรได้มีจุดเริ่มต้นปรากฏขึ้นที่สมรภูมิฮวงกู่ ที่เขาทำนั้นก็ถือได้ว่าเป็นการกระทำที่สั่นสะเทือนไปทั่วทั้งฟ้าดินแล้วมิใช่หรือ ? ”
“ยังคงรีบจากไปกันเถอะ ตอนนี้จำเป็นที่จะต้องรีบออกไปแจ้งเบื้องบน ว่ามีการพบเห็นการกลับมาของสุดยอดรุ่นเยาว์แล้ว อีกทั้งพลังฝีมือยังไปจนถึงขอบเขตพลังปราณความสำเร็จเล็ก อีกทั้งยังสามารถเข้าไปจนถึงระดับตำนานของร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่ อีกทั้งยังมีความเป็นไปได้ที่จะได้ครอบครองส่วนหนึ่งของตำนานจักรพรรดิฟ้าตะวันตก ! เรื่องราวเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องแจ้งออกไป ไม่เช่นนั้น หากปล่อยให้เขาออกไปจากดินแดนขนาดเล็กแห่งนี้ คิดที่จะเสาะหาเขาออกมา เกรงว่าคงจะยากขึ้นกว่าเดิม ! ”
“มิผิด อีกทั้งเขาตอนนี้ยังได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอเพียงรอคอยอยู่ที่ประตูทางเข้าออก ย่อมต้องสามารถที่จะพบเขาได้ ! ”
“ทว่าเขาจะสามารถที่จะออกไปได้หรือไม่นั้น ถือได้ว่าไม่อาจที่จะทราบได้ พวกเจ้าไม่เห็นหรือ จักรพรรดินีฟ้าตะวันตกนั้นได้ไล่ต้อนเขาถึงขนาดไหนกัน ? ”
เมื่อเอ่ยขึ้นมาเช่นนี้ อัจฉริยะที่มาจากภายนอกทั้งหมดก็ได้มีสีหน้าประหลาดขึ้นมา ไม่นานนัก ผู้คนโดยส่วนมากก็ได้ถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ออกไปจากบริเวณนี้ เพื่อที่จะเสาะหาสถานที่เหมาะแก่การออกไป นั้นก็เพราะว่าในช่วงเวลานี้ถือได้ว่าอยู่ในช่วงสถานการณ์ขับคับแล้ว
……
ท่ามกลางดินแดนขนาดเล็ก ก่อนหน้าที่เยี่ยจงจะอยู่ในสภาวะเก็บตัว ตอนนี้นั่งสมาธิลงบนพื้น สูดลมหายใจเข้าคำโต ทอสีหน้าดุร้ายขึ้นมาหลายส่วน จนในช่วงสุดท้ายที่ไม่คิดว่าฮวาเพ่ยหยี่นั้นจะไล่ตามมาอีก หากมิใช่ว่าเสี่ยวหลุนนั้นมีฝีมือที่พิเศษเฉพาะ เกรงว่าตอนนี้เยี่ยจงคงไม่อาจที่จะหลบหนีได้พ้น
“เหนื่อยจนปู่หลุนแทบจะตายแล้ว ครั้งนี้ขาดทุนครั้งใหญ่แล้ว ก่อนหน้านี้ที่ได้กลืนกินพลังเทวะจากเจดีย์เฮ่าเทียนโดยส่วนมากก็ได้ถูกใช้ออกไปจนวุ่นวายไปหมดแล้ว ! ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงแดกดันออกมาบนพื้น ทำการรบกวนไม่หยุด
“จะร้องอะไรมากมายกัน รอจนข้าพักรักษาตัวจนหายดี พวกเราก็ค่อยออกไปฆ่าสังหารด้วยกัน แล้วจับแม่หนูฮวาเพ่ยหยี่นั้นมาถลกหนัง นางถือเป็นจักรพรรดินีที่สืบเชื้อสายจักรพรรดิฟ้าตะวันตกอยู่ แน่นอนว่าย่อมต้องมีสิ่งของที่ทางจักรพรรดิฟ้าตะวันตกหลงเหลือเอาไว้อยู่บนร่างกายอยู่ไม่น้อย” เยี่ยจงขบเคี้ยวเขี้ยวฟัน ตอนนี้ก็ได้ใช้ออกมาด้วยเคล็ดวิชาอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำการรักษาอาการบาดเจ็บ
“อะไรกัน ? สิ่งของที่จักรพรรดิฟ้าตะวันตกเหลือทิ้งเอาไว้ ? ” หลังจากที่เงียบงัน เสี่ยวหลุนก็ถึงกับราวกับว่ามีน้ำลายหยดไหลลงสู่พื้น พริบตานั้นเอง มันก็ได้กระโดดขึ้นมาจากพื้นดินอย่างรุนแรง กล่าวออกมาอย่างผ่าเผย “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เจ้าก็ช่างทะเยอทะยานไปแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คงจะเป็น……รอคอยจนเจ้าหลังจากที่ฟื้นคืนหายดีแล้ว พวกเราก็ค่อยไปจัดการถลกหนังของแม่หนูนั้นกัน……เพียงแต่ว่าพลังฝีมือของนางสมควรที่จะเรียกได้ว่าอยู่ในขั้นระดับราชาปีศาจที่แท้จริงได้แล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะได้ฝึกปรือวิชาสามตำหนักเทวะ (三神宫) ไปแล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่ง่ายที่จะต่อกร……แต่ว่าก็ใช่ว่าจะไม่มีหนทาง หากว่าเจ้าสามารถที่จะเข้าสู่กายาทองไม่สูญสลายได้ พึ่งพาพลังกายเนื้อก็เพียงพอที่จะสามารถจัดการกับนางได้ มิผิด ตอนนี้ในมือของพวกเราประจวบมีดอกศิลาดวงตะวันอยู่ นี้เดิมทีก็เป็นวัตถุที่ใช้หลอมรวมกับร่างอยู่แล้ว ใช้เคล็ดวิชากระบี่หกสุสานของเจ้า จะยิ่งเพิ่มโอกาสในความสำเร็จได้มากยิ่งขึ้น ! ”
“ความสำเร็จมากมายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว ความจริงตัวเขาเองก็ได้คิดถึงวิธีเช่นนี้ การนองเลือดในครั้งนี้ ได้ทำให้เขาทราบได้อย่างกระจ่าง ว่ากายเนื้อของตนเองนั้นถือได้ว่ายังไปไม่ถึงขั้นที่เป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ นอกเสียจากว่าจะมีโชคสามารถที่จะเข้าสู่พลังกายาทองไม่สูญสลายได้ มิเช่นนั้นเกรงว่าคงยากที่จะมีกายเนื้อที่ไร้ผู้ต้านได้
“ตำนานจักรพรรดิฟ้าตะวันตก สมบัติวัตถุจักรพรรดิฟ้าตะวันตก……” เสี่ยวหลุนร้องชิชิชะชะออกมา หลังจากนั้นสักพักก็ได้ขบเคี้ยวเขี้ยวฟันขึ้นมา “ช่างเถอะ สิ่งของเช่นนี้ให้เจ้าคงจะดีเสียกว่า เมื่อมีมันแล้วละก็ เจ้าก็จะมีโอกาสที่จะสำเร็จอย่างน้อยก็เก้าส่วนแล้ว ”
ระหว่างที่กล่าว เสี่ยวหลุนก็ได้คายประกายของเหลวสีขาวปรากฏขึ้นมากลุ่มหนึ่ง ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ท่ามกลางของเหลวกลุ่มนี้ ก็ได้มีการไหลเวียนของกลิ่นอายของธรรมมะชนิดหนึ่งแผ่ออกมา ดูไปแล้วน่าประหลาดอย่างยิ่ง
“นี้คืออะไร ? ” เยี่ยจงขมวดคิ้ว บนตัวของเด็กน้อยผู้นี้มีสิ่งของมากมายถึงเพียงนี้เชียวงั้นหรือ
“หินย้อยสัจธรรม หนึ่งในสิ่งประหลาดในแผ่นดิน เอาให้เจ้าใช้ฝึกปรือร่างถึงแม้ว่าจะน่าเสียดายอยู่หน่อย แต่ว่าตอนนี้ก็ใช่ไม่ได้ละนะ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยรสชาติที่กัดฟันกล่าวออกมา “ไอ้หนู เจ้าจับเอาไว้เลยนะ ถ้าหากว่าเจ้าล้มเหลว สิ้นเปลืองสมบัติของปู่หลุนแล้วละก็ ปู่หลุนไม่เอาเจ้าไว้แน่ ! ”
เยี่ยจงเหม่อมงไปที่เสี่ยวหลุน เงียบเชียบไม่ทราบจะกล่าวอะไรออกมาดี ตอนนี้เขาถือได้ว่าเข้าใจขึ้นมาแล้ว หินย้อยสัจธรรมนี้สมควรที่จะเป็นเจ้าตัวหลอกลวงหยิบฉวยมาจากแท่นศิลาจักรพรรดิฟ้าตะวันตกอย่างแน่นอน แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังก็ยังไม่อาจทราบได้ว่า ในช่วงเวลานั้นเองได้มีของดีถึงเพียงนี้อยู่ด้วย คิดไม่ถึงว่าถึงกับได้มาเช่นนี้ ถ้าหากมิใช่ว่าตอนนี้อยู่ในสถานการณ์คับขันแล้วละก็ สิ่งของเช่นนี้อย่างน้อยก็คงจะต้องถูกเจ้าตัวหลอกลวงอมไปแล้วอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงเช่นนี้ เยี่ยจงใช้มือตบลงไปที่เด็กน้อยผู้นี้ด้วยอารมณ์คึกคัก นี้มันก็ช่างหลอกลวงกันเกินไปแล้ว !
“อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระเลย ตอนนี้เริ่มต้นหลอมร่างเถอะ ฟื้นฟูจากอาการบาดเจ็บ เข้าสู่สภาวะพลังกายเนื้อไม่สูญสลาย จากนั้นก็ออกไป คิดบัญชีตบจักรพรรดินีฟ้าตะวันตกนั้นให้ตาย สิ่งของก็จะเป็นของข้า คนก็จะเป็นของเจ้า ! ” เสี่ยวหลุนร้องชิชิชะชะออกมา ค่อยบ่งการเยี่ยจง
.
.
.
.