เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 448 สายทางแห่งดวงตะวัน

ตอนที่ 448 สายทางแห่งดวงตะวัน

“ขอบเขตขั้นแข็งแกร่งที่สุดของพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้างั้นหรือ ? ถึงกับแข็งแกร่งยิ่งกว่าเคล็ดดั้งเดิมอีกงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงเอ่ยปากกล่าวเสียงเบาด้วยความสงสัย ระหว่างนั้นก็ได้ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมาหลายส่วน

“กลับมิใช่ใช้การวิธีการเช่นนี้มาเพื่อเปรียบเทียบหรอก สายทางแห่งดวงตะวัน สิ่งนี้ถือได้เป็นวิธีการฝึกปรือได้อย่างแท้จริง ถือได้ว่ามิได้มีราคาที่ไม่ว่าจะเป็นทักษะเซียน、มนต์ตราเทพหรือพลังเทวะจะสามารถเทียบได้ มันและเคล็ดวิชาแรกเริ่ม ทั้งสองสิ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในระดับเดียวกัน เคล็ดวิชาแรกเริ่ม ถึงแม้ว่าจะสามารถใช้เพื่อฝึกปรือ แต่ว่ากลับมิใช่วิชาที่แท้จริงของตัวมัน มันที่แท้ไว้ใช้ทำอะไร เกรงว่าคงจะมีแต่เพียงเหล่าอัจฉริยะในระดับจักรพรรดิฟ้าในตำนานเหล่านี้จึงจะสามารถที่จะเข้าใจได้ นั้นก็เพราะว่า สิ่งเหล่านี้มีต้นกำเนิดมาจากสัจธรรมแห่งฟ้าดิน และสายทางแห่งดวงตะวัน ยิ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่แท้จริงยิ่งกว่า เขาก็คือสิ่งที่จักรพรรดิฟ้าตะวันตกเหลือทิ้งเอาไว้ มีราคาที่สูงล้ำ ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงออกมา เห็นได้ชัดว่ามันก็ทราบเพียงผิวเผินเท่านั้นเอง

เยี่ยจงครุ่นคิดอยู่นาน พลิกมือนำคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ออกมา หลังจากที่มองดูแล้ว จึงได้ค่อยๆ ที่จะเริ่มทำการจับตามองสายทางแห่งดวงตะวันท่ามกลางภายในห้วงสมอง

ผ่านไปอย่างเนิ่นนาน ก็ได้นั่งลงอยู่เฉกเช่นนี้อยู่ถึงสามวันสามคืน เยี่ยจงจึงค่อยลืมตาขึ้นมา สีหน้าในตอนนี้ก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นเคร่งเครียดขึ้นมาหลายส่วน

“ฝึกเคล็ดวิชาแรกเริ่ม สามารถที่จะทำให้ตนเองเข้าสู่หนทางของตนเองอีกหนทางหนึ่งได้ และสายทางแห่งดวงตะวัน อีกทางหนึ่งก็ยังสามารถที่จะทำให้ข้าเข้าสู่พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าสู่ขอบเขตอันยิ่งใหญ่ที่ไร้ผู้ต้านได้ ทั้งอ่อนทั้งแข็ง ยากที่จะเลือกได้ แต่ว่า ข้าจำเป็นที่จะต้องเลือกด้วยอย่างงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ตอนนี้ เขาก็ได้เลือกหนทางของตนเองแล้ว เคล็ดวิชาแรกเริ่มคือพื้นฐาน ทางด้านสายทางแห่งดวงตะวันก็คือปัจจัยหลักในพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าของขอบเขตนี้ เมื่อทั้งสองอย่างได้ผสานรวมเข้าด้วยกัน มีอันใดที่ทำไม่ได้กัน

เมื่อคิดได้เช่นนี้ เยี่ยจงก็ได้หวนกลับไปดูสายทางแห่งดวงตะวันภายในห้วงความคิด วินาทีนั้น ก็ได้มีดวงตะวันขึ้นมายังภายในจุดตันเถียนที่มีสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงอยู่ ปรากฏขึ้นมาอยู่บริเวณทางด้านหลังของเขา

แสงแห่งดวงตะวัน เป็นประกายสีทองสาดส่องปกคลุมออกมาทั่วทั้งถ้ำ ตอนนี้ภายในใจกลางร่างกายของเยี่ยจงก็ได้มีดวงตะวันเกิดขึ้น เขามิได้ขยับเคลื่อนไหว ยังคงอยู่ในความสงบที่ยิ่งกว่าสงบ ตัดขาดจากวัตถุภายนอก

เขาในตอนนี้ ก็เป็นเหมือนดั่งเข้าสู่การฝึกปรือพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าใหม่ เพื่อที่จะได้ใช้ออกมาด้วยพลังจากสายทางอีกสายทางหนึ่งของตนเอง แต่กลับมิใช่การยึดติดกับวิธีโบราณ

เคล็ดวิชาแรกเริ่ม ก็คือเคล็ดการฝึกปรือรากฐานของเยี่ยจง เพื่อที่เขาจะได้ใช้ออกมาด้วยพลังแห่งรากฐาน และตอนนี้ สายทางแห่งดวงตะวันก็ได้ชักนำเขาเข้าสู่หนทางสู่พลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า

ในขณะนี้ เยี่ยจงมีสติที่แจ่มใส ประดุจดั่งแช่กายอยู่ท่ามกลางเพลิงกาฬ พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังลมปราณ ในตอนนี้ก็ได้ถูกฝึกใหม่อีกครั้ง เพียงแต่ว่า ภายในร่างกายที่เดิมทีเปี่ยมไปด้วยพลังปราณในตอนนี้ก็ได้มีบรรยากาศจากพลังหยางแห่งดวงอาทิตย์เพิ่มขึ้นมา ประดุจดั่งอาบร่างอยู่ในดวงอาทิตย์ก็มิปาน ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศใด ต่างก็ถือได้ว่างดงามที่สุด และเป็นประกายขึ้นมาสายหนึ่ง

ความบริสุทธิ์ก่อฟ้าก็ได้หวนกลับมา ก็ได้เกิดพลังแห่งจุดกำเนิดในภายหน้า เกิดพลังปราณสีแดงเพลิงขึ้นมา ในตอนนี้ภายในร่างเยี่ยจงก็เต็มไปด้วยสิ่งนี้อยู่ทุกอนุ จนทั่วร่างของเขาแดงซ่านขึ้นมา ท่ามกลางความแดงซ่านนี้ยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังอันเข้มข้นเป็นประกายสีทองอยู่ ท้ายที่สุด ร่างกายของเขาก็ได้ค่อยๆ เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน ลมปราณภายในร่าง ในตอนนี้ก็ได้กำจัดสิ่งที่ไม่สมควรจะมีไปทั้งหมดแล้ว ร่างกายที่เดิมที่ซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยโรคภัยที่เหล่านั้น ในตอนนี้ก็ได้ถูกกำจัดไปนับไม่ถ้วน ร่างกายของเขาในตอนนี้ ราวกับดูกระจ่างขึ้นมาอีกขั้นก็มิปาน

นี่ก็คือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งหมดอีกอย่างหนึ่ง พลังลมปราณของเยี่ยจงก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้น หากรวมเข้ากับพลังการฟื้นฟูที่ไหลเวียนอยู่ภายในร่างกายของเขาอยู่แล้วนั้น กลับยิ่งทำให้เขายิ่งทวีคูณบรรยากาศอันแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

เยี่ยจงไม่ขยับเคลื่อนไหว ฉันไปสัมผัสกับการเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ รากฐานของตนเองถึงแม้จะยังคงอยู่ในเคล็ดวิชาแรกเริ่ม แต่ว่าสายทางแห่งดวงตะวันก็ยังคงถือได้ว่าเป็นสิ่งที่จักรพรรดิฟ้าตะวันตกเหลือเอาไว้ ก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยพลังแห่งจักรพรรดิฟ้าอยู่ชนิดหนึ่ง พลังทั้งสองชนิดในตอนนี้ก็ได้ผนึกเข้าด้วยกัน ในทางกลับกันกลับเพิ่มขึ้นมาด้วยกลิ่นอายของพลังอันประหลาดมากขึ้นอีกอย่างหนึ่ง กลิ่นอายเช่นนี้ถือได้ว่าเป็นบรรยากาศแห่งสัจธรรมอีกชนิดหนึ่ง แต่ว่าก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความอันตราย

“เจ้าก็โลภเกินไปแล้ว เคล็ดวิชาแรกเริ่มเป็นเคล็ดการเริ่มต้นงั้นหรือ ? ช่างอวดดีเกินไปแล้ว สายทางแห่งดวงตะวันยังเป็นแกนพลังชักนำอีก นั้นมาจากจักรพรรดิฟ้าตะวันตกเลยนะ กับกายเนื้อของเจ้าตอนนี้、คุณสมบัติ、ความเข้าใจ คิดที่จะผนึกผสานพลังทั้งสองสายเข้าด้วยกัน จะเป็นไปได้อย่างไรกัน ? เมื่อมีพลังเพิ่มขึ้นมา ก็จำเป็นที่จะต้องยอมรับที่จะปล่อยวาง ปล่อยวาง ปล่อยวาง เมื่อมีปล่อยวางก็จะมีได้รับเอง……เหตุใดจึงต้องโลภไปด้วย มิจำเป็นต้องมองไกลออกไปเลย พลังขั้นก่อเกิด เจ้าก็ได้เดินเข้าไปถึงจุดสูงสุดแล้ว เหตุใดไม่ก้าวสู่พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าไปจนถึงจุดสูงสุดก่อนเล่า แล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่น ? หรือไม่ก็ เจ้าก็ปล่อยวางขอบเขตพลังสูงสุด (境界最强) เอาไว้ ก้าวเข้าไปสู่สัจธรรมของคนในสมัยโบราณก่อนเป็นอย่างไร ? ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังขึ้นมาภายในห้วงสมองของเยี่ยจงพร้อมทั้งถอนหายใจ ประดุจถูกสายฟ้าฟาดก็มิปาน มันที่คอยจับตามองดูมาโดยตลอด ย่อมเข้าใจในความคิดของเยี่ยจงตอนนี้ เมื่อพบว่าเยี่ยจงเกือบที่จะเข้าสู่ขอบเขตที่ยากเย็นทั้งสองสาย เขาก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือนขึ้นมา

“ปล่อยวาง ปล่อยวาง เมื่อมีปล่อยวางก็จะมีได้รับเอง ! ”

พริบตานั้นเยี่ยจงก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นในใจ ราวกับค้นพบบางอย่างที่เป็นโอกาสหนึ่งในหมื่น เมื่อเขาทำการปล่อยวางลง หากกล่าวในมุมมองของเขา ตอนนี้ที่สำคัญที่สุดก็คือ มิใช่การเดินออกมาจากสายทางของตนเอง แต่เป็นการมีชีวิตอยู่ต่อไป ! สิ่งที่รอคอยเขาอยู่ทั้งหมด มีแต่เพียงต้องการให้เขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

การปล่อยวางในตอนนี้ก็ได้เกิดขึ้น พลังลมปราณภายในร่างกายของเยี่ยจงก็ได้ไหลเวียนไปมา ระหว่างวินาทีนั้น การฝึกปรือพลังลมปราณจากเคล็ดวิชาแรกเริ่มทั้งหมดก็ได้ถูกทำให้สลายหายไปนับไม่ถ้วน จนกลายเป็นพลังลมปราณพลังอาทิตย์อันบริสุทธิ์ขึ้นมา

พลังลมปราณพระอาทิตย์ก็ได้รวมเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว ท้ายที่สุดก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณจุดตันเถียนของเยี่ยจงที่เป็นสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงเข้าไป ผสานรวมเข้าอยู่ภายในพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะของเยี่ยจง

“ตูม——”

ในขณะนี้ เพลิงไฟหมื่นสายได้พุ่งออกมา จนก่อเกิดทะเลเพลิงปรากฏขึ้นมาท่ามกลางสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงของเยี่ยจง พลังที่เดิมทีมีสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงของพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะอยู่ก็ได้หายไปในพริบตา แล้วก็ได้กลายเป็นเพียงประกายทะเลเพลิงผืนหนึ่ง ด้านบนของทะเลเพลิง ก็ได้มีประกายแสงสีทองที่ส่องมาจากดวงตะวันใหญ่ ท่ามกลางดวงตะวันใหญ่ ราวกับพบเห็นรอยตราแห่งวิหคสีทองสามตัว แฝงเอาไว้ด้วยพลังเทวะอย่างไร้ที่เปรียบ

“พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ มหาสมุทรตะวันผลาญ ” เสี่ยวหลุนที่คอยจับตามองเยี่ยจงมาโดยตลอด ตอนนี้มันก็อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมา ด้วยสีหน้าแปลกใจ “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่า หลังจากที่เข้าสู่สภาวะพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะแล้ว ยังสามารถที่จะเปลี่ยนแปลงเทวะได้อีกครั้ง เด็กน้อยผู้นี้……”

เยี่ยจงยังคงนั่งอยู่ไม่ขยับเคลื่อนไหว เพลิงไฟภายในร่างกายร่างของเขาตอนนี้ก็ได้เพิ่มสูงขึ้น หลังจากนั้นสักพัก จึงค่อยได้ค่อยๆ ที่จะลืมตาทั้งคู่ขึ้นมา ในขณะนี้ ภายในดวงตาทั้งคู่ก็ประดุจดั่งแสงอาทิตย์ก็มิปาน สาดทอเป็นประกายเจิดจ้าไม่เสื่อมคลาย หลังจากพริบตานั้นผ่านไป

ในช่วงคับขันที่สุดในตอนสุดได้ เยี่ยจงก็ได้ปล่อยวางเคล็ดวิชาแรกเริ่ม กลับเป็นการฝึกวิชาสายทางแห่งดวงตะวัน ตอนนี้เขาก็ได้ฝึกฝนพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตลมปราณได้เป็นที่สำเร็จ และแตกต่างจากก่อนหน้านี้อย่างมาก และการฝึกปรือของพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังลมปราณ ก็มีส่วนที่แตกต่างออกไป พลังลมปราณภายในร่างกายของเขานั้นก็ได้เกิดการไหลเวียนที่ยิ่งกว่าเดิมด้วยตัวของมันเอง เกิดเสียงดังกระจ่างชัดทั่วทั้งร่างกาย พลังฝีมือยากที่จะวัดได้ ราวกับเพิ่มสูงขึ้นมาอยู่หลายส่วน

ถึงแม้ว่าตอนนี้เยี่ยจงจะนั่งสมาธิอยู่ แต่ว่าเขาก็ยังอยู่ในสภาวะทำให้อาภรณ์ลอยพลิ้วเคลื่อนไหวอย่างไร้สภาวะของลมได้ ผิวหนังประดุจดั่งหยก ถึงแม้ว่าจะยังคงร่างของเด็กหนุ่ม แต่ว่าเขาในตอนนี้ กลับประดุจดั่งบุตรแห่งเทพสุริยะก็มิปาน มีท่วงท่าที่สง่างามอย่างชัดเจน

“เอ๊ะ ราวกับว่า——”

ทันใดนั้นเยี่ยจงก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ควบคุมพลังของสายทางแห่งดวงตะวันขึ้นมาอีกครั้ง ในขณะนี้ พลังลมปราณภายในร่างกายก็ได้ค่อยๆ สั่นไหว พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะของมหาสมุทรตะวันผลาญ ก็ได้กลับกลายเป็นสภาวะดั่งดวงจันทร์ทอแสงอีกครั้ง จากนั้น ก็ได้กลับกลายเป็นมหาสมุทรตะวันผลาญอีก

พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะทั้งสองชนิดได้บรรจบเข้าหากัน มีกระทบกระทั่งกันบ้าง เห็นได้ชัดว่าแฝงเอาไว้ด้วยพลังเทวะอย่างไร้ที่เปรียบ แต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยกลิ่นอายที่ประหลาดอีกชนิดหนึ่ง

“นี้ที่แท้ก็คือ……” เยี่ยจงตอนนี้ก็ไม่ทราบถึงที่มาที่ไป พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะของตนเองถึงกับมีคุณลักษณ์ถึงสองชนิด อีกทั้ง ยังถึงกับเปลี่ยนแปลงไปมาได้

“เป็นไปได้อย่างไร ? ” เยี่ยจงเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสี่ยวหลุนคราหนึ่ง เด็กน้อยผู้นี้ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวเลวร้าย แต่ว่าในช่วงเวลานี้กลับเหมือนกับพึ่งพาได้อยู่บ้าง

“พลังฝีมือของเจ้าในตอนนี้ ใช่ได้ขึ้นสูงไปอีกหนึ่งระดับแล้วใช่หรือไม่ ? ” น้ำเสียงของเสี่ยวหลุนประหลาดอย่างยิ่ง ราวกับมีการคาดเดาอยู่ชนิดหนึ่ง

เยี่ยจงเงียบงันตรวจสอบพลังในขณะนี้ กลับยิ่งทวีอาการจนกล่าวอะไรไม่ออก ได้แต่เพียงพยักหน้าไปมา ตัวเองถึงกับสามารถที่จะเข้าสู่พลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณความสำเร็จใหญ่อย่างไม่ทราบที่มาที่ไป ตอนนี้เมื่อลองย้อนนึกกลับมา อย่างน้อยในพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะก็มีการเปลี่ยนแปลงขึ้นมาในขณะนี้ ตนเองถึงกับทะลวงผ่านไปได้เช่นนี้

“ดูเหมือนว่า เจ้าถึงกับเป็นร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่ในตำนานแล้ว ! ” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาอย่างไม่ชัดเจนนัก “ท่ามกลางตำนานของร่างศักดิ์สิทธิ์ในแดนเทพ ถึงแม้จะมีพลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะ แต่ว่าในที่สุดร่างกายก็มิได้เปลี่ยนแปลง แต่ว่าร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่กลับไม่เหมือนกัน กล่าวกันว่าระดับขอบเขตได้เพิ่มสูงขึ้น พลังลมปราณเปลี่ยนแปลงเทวะย่อมต้องมีการเปลี่ยนแปลง แฝงไว้ด้วยพลังเทวะอย่างไร้ที่เปรียบ ทว่า นี่ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี วันข้างหน้าเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องทำอะไรบางอย่างที่ควรค่าอย่างยิ่งกลับคืน เพียงแต่ว่ายังมิใช่ตอนนี้ก็เท่านั้นเอง……”

หลังจากที่สิ้นเสียง พริบตานั้นน้ำเสียงของเสี่ยวหลุนก็ได้เปลี่ยนไป กล่าวออกมาด้วยความดุร้าย : “เอาละ ตอนนี้ไม่พูดเรื่องนี้ก่อน ยังไม่ใช่เวลาที่ควรเป็นห่วง พวกเราออกไปจัดการถลกหนังแม่หนูน้อยจักรพรรดินีฟ้าตะวันตกผู้นั้นก่อน แล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่น”

เยี่ยจงไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมาเป็นสาย หลังจากนั้นก็ได้แต่เพียงส่ายหน้าไปมา ประจวบกับเป็นอย่างที่เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาทั้งหมด เช่นนี้การเปลี่ยนแปลงภายในร่างตอนนี้ วินาทีนี้ถึงแม้ว่าจะไม่อาจมองออกว่ามีอันตรายอันใดเกิดขึ้นมา ก็อย่าพึ่งไปคิดถึงมันก่อน

“ไป ! ตอนนี้เจ้าได้สำเร็จกายาทองไม่สูญสลายขั้นน้อยแล้ว การหมุนวนของสายทางแห่งดวงตะวัน จึงทำให้พลังฝีมือเพิ่มสูงขึ้นอีกกว่าเท่าตัว พวกเราออกไปกันเถอะ จัดการตบแม่หนูนั้นให้ตายคามือ จัดการกดดันนาง ! ” เสี่ยวหลุนลอยเข้าไปติดอยู่บริเวณใจกลางหน้าอกของเยี่ยจงอย่างรวดเร็ว กล่าวออกมาด้วยความดุร้าย “สิ่งของบนร่างของนางต่างก็เป็นของข้าทั้งหมด ในครั้งนี้ปู่หลุนได้รับความสูญเสียไปอย่างใหญ่หลวง แน่นอนว่าจะต้องเอาทั้งหมดกลับคืนมา ”

เยี่ยจงพยักหน้าเห็นด้วย กลับมิได้กล่าวอะไรออกมามากมาย ถึงแม้ว่าเขาตอนนี้จะสำเร็จพลังกายาทองไม่สูญสลายขั้นน้อยแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ได้ฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวันไปแล้ว แต่ว่าเขาก็ยังคงเต็มเปี่ยมไปด้วยความหวาดกลัวต่อจักรพรรดินีฟ้าตะวันตกฮวาเพ่ยหยี่ผู้นั้น ควรทราบว่า ม้วนคัมภีร์ของจักรพรรดิฟ้าตะวันตกต่างก็ถือได้ว่าแฝงเอาไว้ด้วยความลี้ลับแห่งเทวะ ถูกเรียกขานกันว่าเป็นอันดับหนึ่งแห่งพลังยุทธ์ขั้นก่อฟ้า ยากจะคาดคิดได้ว่า บุคคลเช่นนี้จะยังคงหลงเหลือสิ่งใดสิ่งหนึ่งเอาไว้ให้แก่ผู้สืบทอดของเขา

“ทว่ายังไงก็จำเป็นที่จะต้องตรวจสอบให้ลึกขึ้นไปอีก ไม่เช่นนั้นจักรพรรดินีฟ้าตะวันตกผู้นี้ ช้าเร็วจะต้องเป็นความยุ่งยากอันใหญ่หลวง ” เยี่ยจงพยักหน้าอย่างเห็นด้วย จากนั้นเขาก็ได้ขยับกายคราหนึ่ง ออกไปจากภายในถ้ำ ปรากฏขึ้นมายังบริเวณยอดเขาสูงชัน

บริเวณที่แห่งนี้หลังจากที่เขาได้เข้ามายังภายในดินแดนขนาดเล็กนี้แล้ว ก็คือถ้ำที่ขุดขึ้นมานั้นเอง เรียกได้ว่าเร้นลับอย่างถึงที่สุด แต่ว่าพริบตาที่ปรากฏขึ้นมานั้นเอง ทันใดนั้นร่างกายของเยี่ยจงสัมผัสได้ถึงบางอย่าง จ้องมองไปอย่างรุนแรงไอยังบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง ทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา

“เป็นผู้ใด ? ” เสียงอันเย็นเยียบก็ได้ดังขึ้นมา สีหน้าของเยี่ยจงก็ได้ปั้นยากขึ้นมาอยู่หลายส่วน เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ว่าฝ่ายตรงข้ามได้รอคอยตนเองในที่แห่งนี้มาโดยตลอด

เสียงหัวเราะประดุจกระดิ่งดังขึ้นมา เสียงนั้นทรงเสน่ห์อย่างไร้ที่เปรียบ จนทำให้ผู้คนที่ได้ยินเกิดความหวั่นไหวขึ้นได้ จากนั้น ก็ได้มีหญิงสาวสวมชุดกระโปรงยาวผมสีม่วงผู้หนึ่ง ประดุจดั่งนางไม้ท่ามกลางพงไพรก็มิปาน เดินออกมาจากท่ามกลางกลุ่มหมอกควัน นางหัวเราะอย่างหยาดเยิ้มไปทางด้านของเยี่ยจง กล่าวออกมาเสียงเบา : “ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์ มีนามเลื่องลือไปทั่วแดนซีฮวงสุดยอดรุ่นเยาว์เยี่ยจง ที่แท้ก็ไม่ธรรมดา……ใช้เวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ไม่เพียงแต่หยิบยืมพลังสภาวะเข้าสู่กายาทองไม่สูญสลาย จนกายเนื้ออยู่ในขั้นสำเร็จครั้งใหญ่ อีกทั้ง ยังจะสามารถฝึกปรือสายทางแห่งดวงตะวันได้จนสำเร็จอีก……เดิมทีข้าคิดว่าเจ้าอย่างน้อยก็คงต้องใช้เวลาอีกครึ่งปีเป็นอย่างน้อย คิดไม่ถึงว่าใช้ระยะเวลาเพียงแค่ครึ่งเดือน ดูเหมือนว่าข้าจะดูแคลนเจ้าไปหน่อยแล้ว ”

เยี่ยจงหันกายไปอย่างรุนแรง จ้องมองไปยังหญิงสาวผู้ที่กำลังยิ้มยังหยาดเยิ้มตอนนี้ ภายในใจก็ได้ปรากฏอาการตกใจขึ้นมา เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง หญิงสาวผู้นี้ได้ซ่อนเร้นจับตามองตนเองมาโดยตลอด อีกทั้งเขาถึงกลับทราบว่า ตนเองได้ครอบครองสายทางแห่งดวงตะวันอย่างนั้นหรือ ?

“จักรพรรดินีฟ้าตะวันตก ฮวาเพ่ยหยี่ ! ” เยี่ยจงค่อยๆ เอ่ยขึ้นมา เกี่ยวกับเด็กสาวผู้นี้ ถือได้ว่ามีความหวาดกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ
โปรโมชั่น กลุ่ม 5-12 ราคา 600
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
#####Fanpage#####

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset