เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 462 น่าเสียดาย

ตอนที่ 462 น่าเสียดาย

“ตูม——”

ตราผนึกนภาพวยพุ่งออกมา และยอดฝีมือระดับราชันหลายสิบคนของขุมกำลังอันแข็งแกร่งก็ได้เข้าปะทะเข้าด้วยกันขึ้นมา วินาทีนั้น ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ก็ได้แข็งหยุดลงทั้งหมด แต่ว่าก็เป็นเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เพียงแต่ว่า ถึงแม้ว่าจะเป็นการหยุดนิ่งเพียงพริบตาเดียว หากมองจากมุมมองของผู้คนมากมาย การที่ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้เพียงแค่แวบเดียว ในเวลานี้ขณะนี้ แน่นอนว่าย่อมมีความสำคัญมากถึงขีดสุด พริบตานี้เอง ก็เพียงพอที่จะทำให้เยี่ยจงนำไปก่อนแล้วครึ่งก้าว

“อ๊าก——”

แม้ว่าจะเป็นการใช้ตราผนึกนภาในขณะนี้ แต่ก็เรียกได้ว่าช่วงชิงความสำเร็จมาได้ในระยะเวลาหนึ่ง แต่ว่าทันใดนั้นเอง ตราผนึกนภาเมื่อได้แตกออก ร่างกายของเยี่ยจงก็ได้กระเด็นลอยออกไปกว่าร้อยลี้ มุมปากมีโลหิตไหลออกมาสายหนึ่ง

นี้ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พลังฝีมือของทั้งสองฝ่ายถือได้ว่าแตกต่างกันอย่างมากมาย ต่อให้เป็นช่วงเวลาที่ใช้ออกมาด้วยกายาทองไม่สูญสลาย กายเนื้อของเยี่ยจงก็สามารถที่จะทานรับยอดฝีมือระดับราชันได้แล้ว แต่ว่าขณะนี้กลับมีชนชั้นราชันกว่าสิบคนลงมือพร้อมกัน พลังแห่งการทำลายที่โจมตีเข้ามานั้นเรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ยากจะทานเอาไว้ได้ พริบตาที่ต้านทาน เขาได้แต่เพียงช่วงชิงโอกาสในการมีชีวิตเพียงแค่พริบตาเดียวเท่านั้น เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น เพียงแค่นี้ก็สามารถที่จะบ่งบอกถึงความแข็งแกร่งของเขาได้แล้ว

“เยี่ยจงถึงกับได้รับบาดเจ็บอยู่บนร่างกายงั้นหรือ ? กายาทองไม่สูญสลายแล้วจะอย่างไร ? เขาก็จะสามารถหยุดยั้งการล้อมโจมตีของผู้คนมากมายเช่นนี้ได้อย่างงั้นหรือ ? ฆ่า ! ”

มีคนตะโกนออกมา แฝงเอาไว้ด้วยเค้าความยินดีอยู่ชนิดหนึ่ง ถึงแม้ว่าจะเป็นการเปิดศึกเพียงชั่วหนึ่งถ้วยน้ำชาเดือดเท่านั้น แต่ว่าก็ยังมีการตายตกลงยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงไปอย่างมากมาย ความแข็งแกร่งของเยี่ยจงราวกับว่าทำให้ผู้คนเกิดความเย็นเยียบภายในจิตใจ

และขณะนี้เยี่ยจงเมื่อได้รับบาดเจ็บหากมองในมุมมองของผู้คนมากมาย ไม่ต้องสงสัยเลยว่าย่อมต้องเป็นข่าวดี ในพริบตานั้นเอง สุดยอดฝีมือมากมาย ผู้ฝึกยุทธ์นับไม่ถ้วนราวกับพุ่งเข้ามาสังหารทางด้านหน้าพร้อมกัน หมายมั่นที่จะสังหารเยี่ยจงเพื่อช่วงชิงโอกาสวาสนา

เยี่ยจงย่างกรายใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ถอยไปบริเวณทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว แต่ว่าขณะนี้วิชาดำดินรุกคืบผลลัพธ์กลับมิได้ปรากฏอะไรออกมามากมายนัก นั้นก็เพราะว่าทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านต่างก็มีแต่เงาของผู้คน แทบจะไม่มีที่ให้หลบเลี่ยงไปได้เลย

“อ๊าก——”

ในขณะที่ไร้สุ่มเสียง พริบตานั้นก็ได้มีดาบจันทร์เสี้ยวสีเงินด้ามหนึ่งแหวกเข้ามา หมายมั่นที่จะหั่นร่างของเยี่ยจงลง ทันใดนั้นก็ได้ทอดลงมายังไหล่ข้างหนึ่งของเยี่ยจงจนเกิดบาดแผลขนาดใหญ่ขึ้นมาแห่งหนึ่ง ทันใดนั้นก็ได้มีหยาดโลหิตสีทองหยดลงสู่พื้น

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา กวาดสายตามองเข้าไป ทันใดนั้นก็ทราบว่าบุคคลที่ลงมือนั้นคือผู้ใด แท้ที่จริงแล้วก็คือเยว่จิ่ง ! เขาคิดไม่ถึงว่าด้วยลักษณะนิสัยอย่างเยว่จิ่งยังถึงกับลงมือออกมาเช่นนี้ได้ ขณะนี้นางถึงแม้ว่าจะปิดบังใบหน้าเอาไว้อยู่ แต่ว่าบรรยากาศบนร่างกาย เยี่ยจงย่อมแน่ใจได้ว่าจดจำผู้คนได้ไม่ผิด

ราวกับว่าสัมผัสได้ถึงแววตาที่สาดเป็นประกายของเยี่ยจงได้ก็มิปาน ภายในดวงตาของเยว่จิ่งก็ได้แปรเปลี่ยนเป็นซ่อนเร้นขึ้นมา ดาบจันทร์เสี้ยวในมือของนางก็ได้ชักขึ้นมาเริ่มต้นแผ่กระจายประกายโลหิตสีดำปรากฏขึ้นมา ตลอดทั่วทั้งร่างกายของนางก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยไอของสำนึกแห่งมารขึ้นมา ดาบนี้ก็ได้มุ่งหน้าฟาดฟันออกมาจากบริเวณทางด้านหน้า

ประสาทรับรู้ได้ถึงพลังอันตรายขุมหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาภายในจิตใจ เยี่ยจงเกิดอาการตกใจขึ้นมาในทันที ราวกับตัดสินใจใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบในทันที เพื่อที่จะหลบเลี่ยงจากพลังอันตรายจากดาบนี้

“อ๊าก——”

ประกายดาบสีโลหิตก็ได้สาดออกมา ยอดฝีมือไม่น้อยที่อยู่ในระยะใกล้เคียงที่ไม่อาจหลบเลี่ยง วินาทีนั้นก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องจนตายตกลงกองอยู่บนพื้น แหลกเหลวจนพื้นไหลนองไปด้วยโลหิต

“ดาบโลหิตปีศาจจันทร์เต็มดวง ! ? ” มีผู้คนมากมายเกิดอาการแตกตื่นขึ้นมา เอ่ยขึ้นมาด้วยความตกใจ

เยี่ยจงกลอกตาไปมาอย่างเงียบงัน ดาบนี้เขาเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในปีศาจบรรพกาลแห่งเผ่าปีศาจโลหิตตนหนึ่งใช้โลหิตบริสุทธิ์ของตนเองหล่อหลอมจนในที่สุดกลายเป็นสมบัติเซียนเพื่อให้ผู้สืบทอด นี้จึงถือได้ว่าเป็นสมบัติเซียนระดับสูงได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมีพลังทำลายแข็งแกร่งอย่างไร้ที่เปรียบ อีกทั้งยังรวมเอาไว้ด้วยพลังบริสุทธิ์แห่งปีศาจบรรพกาลตนนั้นเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นกระบวนระดับกลางหรือสูง นอกเสียจากชนชั้นมหาราชัน ไม่เช่นนั้นก็คงจะต้องตายตกลงจนน่าอเนจอนาถอย่างยิ่ง

เมื่อครู่หากมิใช่เขามีปฏิกิริยาที่รวดเร็วแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้มีกายาทองไม่สูญสลาย ขณะนี้อย่างน้อยก็คงจะได้รับบาดเจ็บหนักแล้ว

“เป็นนางมารที่มีจิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก ถึงกับไม่เลวเลยทีเดียว ! ”

เยี่ยจงกัดฟันไปมาอย่างช้าๆ ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา อัจฉริยะหญิงแห่งเผ่าซือ ที่มีตัวตนประดุจเทพเซียน ผู้ใดจะคาดคิดได้กันว่าในมือของนางถึงกับครอบครองเอาไว้ด้วยดาบโลหิตปีศาจจันทร์เต็มดวงเล่มนี้ ที่มีความโหดเหี้ยมอย่างไร้ที่เปรียบเช่นนี้ ?

“ตูม——”

และในเวลาเดียวกันนี้ ก็ได้มีหอกกระดูกด้ามหนึ่งทิ่มแทงออกมาอย่างเยียบเย็นมา ฆ่าสังหารออกมาจากบริเวณอีกทางด้านหนึ่ง มุ่งหน้าหมายมั่นที่จะทิ่มแทงให้เยี่ยจงทอดร่างลง เห็นได้ชัดว่าที่แท้ก็คืออัจฉริยะแห่งหุบเขาเทพชิงหวินชิงยี่นั้นเอง ขณะนี้เขาก็ได้ฆ่าสังหารเข้ามาอีกครั้ง ทอสีหน้าหวั่นไหวขึ้นมา

หอกกระดูกด้ามนี้เห็นได้ชัดว่ามิได้อ่อนโทรมไปกว่าหอกเงินยาวด้ามที่ชิงยี่ใช้ก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย อีกทั้งในด้านพลังทำลายยังถือได้ว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่า จนทำให้เยี่ยจงในขณะนี้เกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอยู่หลายส่วน

เยว่จิ่งและชิงยี่ เห็นได้ชัดว่าสถานะของทั้งสองคนนั้นย่อมที่จะเปิดที่เปิดเผยออกมาได้อย่างแน่นอน แต่ว่าในขณะนี้เอง ด้วยการผสานกันโจมตีจนไร้ช่องว่าง ผนึกจนเป็นพลังสังหารติดต่อกันออกมา ถือได้ว่าคิดที่จะฟันฟาดสังหารเยี่ยจงให้ตายตกไปในนับตั้งแต่วินาทีแรก

นั้นก็เพราะว่านอกเสียจากจะมีความสนใจต่อคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเผ่าซือหรือว่าหุบเขาเทพชิงหวิน ต่างก็คาดหวังเอาไว้ว่าไม่ต้องการที่จะให้เยี่ยจงมีการเติบโตขึ้นมาอย่างแน่นอน พวกเขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องรับรองได้ว่าเยี่ยจงนั้นตายจนไม่อาจที่จะตายลงไปได้อีก

“ตูม——”

ทันใดนั้น พลังแรงกดดันอันน่าหวาดกลัวอย่างมหาศาลไร้ที่เปรียบก็ได้ปกคลุมไปทั่วทั้งผืนฟ้า จนทำให้อากาศทั่วทั้งผืนฟ้านั้นก่อเกิดเสียงโหยหวนขึ้นมาอย่างน่าประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง

ชนชั้นราชันพลังเทวะระดับสามผู้หนึ่งได้ลงมือแล้ว !

หากกล่าวถึงชนชั้นราชัน ความแตกต่างระหว่างเทวะระดับที่หนึ่ง ต่างก็ถือได้ว่าแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน ขณะนี้ เมื่อชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามลงมือ วินาทีนั้น ก็ได้ทำให้ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้มีบรรยากาศที่เปลี่ยนแปลงไป ในท่ามกลางสายตาของผู้คนทั้งหมด เยี่ยจงคงจะต้องตายตกลงไปอย่างไม่ต้องสงสัย

“ตูมตูมตูม——”

บริเวณนอกเหนืออีกทางด้านหนึ่ง ในเวลาเดียวกันก็ได้มีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามหลายคนลงมือออกมา หากว่านับอย่างละเอียดแล้วละก็ เรียกได้ว่ามีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามทั้งหมดห้าคนลงมือออกมา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต่างก็ถือได้ว่ามิใช่คนในสายเดียวกัน แต่ว่าขณะนี้กลับลงมือออกมาอย่างพร้อมเพรียงกัน คิดที่จะสังหารเยี่ยจงลงไปก่อนแล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่น

ชนชั้นราชันทุกผู้คนต่างก็คิดที่จะช่วงชิงโอกาสก่อน ขอเพียงเยี่ยจงถูกฆ่าไป ช่วงชิงดวงจิตวิญญาณ เช่นนั้นพลังฝีมือที่ตนเองที่อยู่ภายในความคิดก็จะตกไปอยู่ในมือของพวกเขาทั้งหมดในทันที

และในเวลาเดียวกันนี้ ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งสิบกว่าคนนั้นก็ได้ผสานพลังฆ่าสังหารกันออกไป ไม่ยินยอมที่จะให้เยี่ยจงมีหนทางรอดออกไปได้แม้แต่น้อย

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็เพียงแต่มีความรู้สึกขนลุกขนพองขึ้นมา เป็นความรู้สึกที่แม้แต่เส้นทางสู่สวรรค์ก็ยังไร้หนทาง แม้เว้นแม้แต่มุดลงก็ยังไร้ซึ่งประตูในการเข้าไป อย่าว่าแต่เป็นเยี่ยจง เกรงว่าต่อให้เป็นชนชั้นราชันพลังเทวะระดับที่ห้าในขณะนี้ ต่างก็ไม่อาจที่จะไม่ยินยอมถอยออกไปอย่างน้อยสามส่วนอย่างน่าเสียดาย นั้นก็เพราะว่าหากไม่ระวังก็คงจะต้องตกอยู่ภายใต้ความคับแค้นใจสถานที่แห่งนี้ตลอดไป

เพียงแต่น่าเสียดายที่ในขณะนี้เอง เยี่ยจงมิได้มีโอกาสเพื่อถอยไปได้อีกแล้ว หรือสมควรที่จะบอกว่า ด้วยพลังฝีมือของเขา แทบจะไม่อาจที่จะถอยหนีไปได้เลย

“เมื่อครู่ให้โอกาสแก่เจ้า เจ้าถือว่าไม่เลวเลย ตอนนี้ทั้งหมดทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าก็เป็นของราชาข้าแล้ว ! ”

“สุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์แล้วจะเป็นอย่างไร ? หากไม่อาจเติบโตขึ้นมา เจ้าก็เป็นได้เพียงแค่เท่านี้แหลาะ ! ”

“ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่เผ่ามนุษย์แล้วยังไง ? กายาทองไม่สูญสลายแล้วจะอย่างไร ? เมื่ออยู่เบื้องหน้าของพลังเทวะระดับสามชนชั้นราชัน เจ้าก็เป็นได้เพียงแค่มดแมลงเท่านั้น ! ”

“……”

พลังการโจมตีสังหารได้ออกมาในเวลาเดียวกัน เกิดเสียงเย้ยหยันดังขึ้นพร้อมกับสายลมขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เพื่อที่จะทำให้จิตใจของเยี่ยจงเกิดความวุ่นวาย จนต้องแบ่งสภาวะจิตใจของเยี่ยจงไป

ในขณะนี้ ทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้าน ใต้ฟ้าบนดิน ต่างก็เกิดศัตรูที่ยิ่งใหญ่ขึ้น คิดถอยก็ไม่อาจที่จะถอยไปได้

“น่าเสียดาย ! ”

พริบตานั้นร่างกายเยี่ยจงก็ได้ลอยขึ้นไปยังท่ามกลางอากาศ ในขณะที่ผู้คนทั้งหมดยังไม่ทันที่จะละสายตากลับไปมองได้ทัน เขาก็ถึงกับปล่อยวางพลังการทานรับลงไปในทันที ในทางกลับกันนั้นกลับเหม่อมองเข้าไปยังแสงจันทราท่ามกลางฟากฟ้า ถอดถอนใจออกมาเบาๆ

ถึงแม้ว่าเขาจะทราบดีอยู่แก่ใจ ว่าขณะนี้ยังคงมีคนอยู่อีกส่วนหนึ่งที่ยังมิได้เข้ามาในสถานที่แห่งนี้ แต่ว่า เขาก็ไม่อาจที่จะรั้งรอได้อีกต่อไป หากว่ายังรั้งรอต่อไปแล้วละก็ เขาก็คงจะต้องตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าย่อมต้องตายอย่างไร้ที่กลบฝัง !

“ตูม——”

ทันใดนั้นเอง ระหว่างนั้นเยี่ยจงก็ได้พลิกมือทั้งคู่แปรเปลี่ยนก่อรวมจนกลายเป็นรอยตราประหลาดอย่างหนึ่งขึ้นมา ในระหว่างวินาทีนั้นเอง ตลอดทั่วทั้งหุบเขาท่ามกลางผืนฟ้าก็ได้ไร้ซึ่งสีสันไปในทันที สายลมหมอกควันก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลง บริเวณส่วนล่างของทั่วทั้งหุบเขา ราวกับว่าได้กลายเป็นภูเขาไฟปะทุออกมาก็มิปาน ก่อเกิดยันต์ปราณพวยพุ่งขึ้นมาจากพื้นดินออกมาอย่างถี่ยิบ จนปกคลุมไปทั่วทั้งหุบเขาจนกลายเป็นค่ายกลใหญ่อันน่าหวาดกลัว ตลอดผู้คนทั้งหมดที่มีอยู่นับไปถ้วนที่ปกคลุมอยู่ท่ามกลางทั่วทั้งหุบเขา ในขณะนี้ก็ได้เกิดรังสีฆ่าฟันอันน่าหวาดกลัวแผ่กระจายออกมาจากบริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ จนทำให้ตลอดทั่วทั้งผืนฟ้านั้นเกิดการสั่นคลอนขึ้นมา

เสี่ยวหลุนลำบากลำบนเพื่อที่จะจัดตั้งเอาไว้ อีกทั้งยังใช้ยันต์ปราณของเยี่ยจงนับแสนใบเพื่อที่จะสร้างค่ายกลสังหารไร้อนันต์ให้สำเร็จ ในขณะนี้เองก็ได้เริ่มเปิดวิถีขึ้นมา ค่ายกลสังหารไร้อนันต์ชุดนี้ก็คือสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ของมหาราชันแห่งรัฐต้าโจวเหลือทิ้งเอาไว้ทั้งหมด ซึ่งแม้แต่เยี่ยจงขณะนี้เองก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้อย่างชัดเจนได้ว่ามันนั้นแท้จริงแล้วจัดได้ว่าเป็นค่ายกลยันต์ปราณในระดับใดกันแน่ แต่ว่า ในขณะนี้เมื่อได้ดูจากการบรรยากาศที่แผ่ขยายไปทั่วทั้งฟ้าดิน ค่ายกลยันต์ปราณนี้ ถึงกับเปิดเผยออกมาของสุ่มเสียงของพลังทำลายของค่ายกลยันต์ปราณระดับสี่ขึ้นมา

ค่ายกลยันต์ปราณระดับสาม สามารถที่จะยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน ค่ายกลยันต์ปราณระดับสี่ ย่อมแน่นอนว่าสามารถที่จะสังหารชนชั้นราชันได้ !

นับแต่ที่ใช้ค่ายกลสังหารไร้อนันต์ออกมา พลังการสังหารอันน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่ขยายไปตลอดทั่วทั้งหุบเขา ราวกับว่าสิ่งมีชีวิตท่ามกลางหุบเขาทั้งหมดนั้นจะต้องสูญสลายไปก็มิปาน

เพียงแต่ว่าในช่วงเวลาเพียงหนึ่งลมหายใจ ต้นไม้ใบหญ้าท่ามกลางหุบเขาทั้งหมด、ก้อนหินใหญ่เล็กต่างก็แหลกสลายจนกลายเป็นฝุ่นผง ค่อยๆ ไหลเวียนกลับคืนสู่พื้นดิน

ผู้คนทั้งหมดในขณะนี้ต่างก็หยุดนิ่งลง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สาม หรือว่าจะเป็นยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันผู้ที่พึ่งจะมีพลังเข้าสู่ขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังปราณความสำเร็จเล็กก็ตาม ทุกผู้คนต่างก็อ้าปากตาค้าง ทอสีหน้าหวาดหวั่นขึ้นมา

“พวกเจ้าคิดที่จะฆ่าข้า แย่งชิงโอกาสวาสนาข้า ” เยี่ยจงกวาดสายตาอันเย็นเยียบมองไปที่คนมากมาย “นี้เดิมที่ก็ไม่ถือว่าผิด จะผิดก็เพียงแค่พวกเจ้านั้นดูแคลนข้าไป……วาจาไร้สาขาก็สิ้นสุดแต่เพียงเท่านี้ หรือว่า จะให้ข้าช่วยส่งพวกเจ้าทั้งหมดสู่ประตูนรกกันละ ”

ในระหว่างที่สุ่มเสียงของเยี่ยจงได้ทอดลงมา ความคิดฆ่าฟันไร้สภาพในขณะนี้ก็ได้เชี่ยวกรากขึ้นมา ไหลรินไปทั่วทั้งหุบเขาในขณะนี้ประดุจดั่งแดนมรณะโบราณอันไกลโพ้นสายหนึ่งก็มิปาน รังสีการฆ่าสังหารอันน่าหวาดกลัวก็ได้แผ่กระจายไปทั่ว หมายจะฆ่าสังหารทุกสรรพสิ่ง

“นี้ ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกัน ? ” ยอดฝีมือมากมายต่างก็หวาดกลัวขึ้นมา แทบจะไม่มีปฏิกิริยากลับมาได้ทัน พริบตานั้นพวกเขาที่ก่อนหน้านี้ตระเตรียมที่จะสังหารเยี่ยจงอยู่ แต่ว่าก็คิดไม่ถึงว่าเพียงแค่ช่วงลมหายใจ ทุกสิ่งทุกอย่างกลับต้องตาลปัตรไปจนสิ้น คนที่มีพลังฝีมืออ่อนโทรมไม่น้อยต่างก็สัมผัสได้อย่างชัดเจน ขณะนี้กระดูกทุกข้อต่อของตนเองก็ได้เกิดการสั่นสะเทือนขึ้นมา ผิวหนังแทบจะระเบิดออกมาเป็นจุณ ก่อเกิดพลังสภาวะไร้รูปร่างชนิดหนึ่งได้เข้ามาภายในร่างกายของตนเอง จนทำให้ตลอดทั้งร่างกายสั่นเทาขึ้นมา

ไม่ว่าจะเป็นผู้ที่แข็งแกร่งอย่างชนชั้นราชันพลังเทวะระดับสาม หรือว่าจะอ่อนโทรมดั่งยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน ขณะนี้ภายในดวงตาต่างก็ปรากฏแววตาเหม่อลอยออกมา ให้ความรู้สึกผิดที่ไม่อาจที่จะเห็นเดือนเห็นตะวันชนิดหนึ่ง

ค่ายกลสังหารไร้อนันต์นับตั้งแต่ใช้ออก สภาพการณ์ที่ได้ปรากฏขึ้นมาในขณะนี้ สามารถที่จะทำให้ผู้คนทั้งหมดนับไม่ถ้วนท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ตายตกลงได้

“ค่ายกลยันต์ปราณระดับสี่ ! ? ถึงกับเป็นค่ายกลยันต์ปราณระดับสี่ ? ” ไม่ทราบว่าเป็นผู้ใดที่ส่งเสียงดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “เจ้าหนูเยี่ยจง เจ้าคิดว่าเพียงแค่ค่ายกลยันต์ปราณระดับสี่ก็จะสามารถกักขังพวกข้าได้อย่างงั้นหรือ ? ช่างเพ้อฝันเกินไปแล้ว ! ”

หลังจากที่สิ้นเสียง ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งผู้หนึ่งก็ได้หันกายไปอย่างกะทันหัน มุ่งหน้าทะยานออกไปจากภายนอกวงล้อมไปในทันที

“อ๊าก——”

พลังเพลิงกาฬดำทมิฬอันน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้ทอดลงมาจากบนท้องฟ้า ครอกร่างกายทั้งหมดของเขาเอาไว้ ร่างกายของชนชั้นราชันผู้นี้ก็ได้ค่อยๆ กระเด็นดับสูญไปบนพื้นดินอย่างรวดเร็วเช่นนี้ แตกกระจายไปในทันที

ในทันใดนั้นเอง ชนชั้นราชันผู้หนึ่งก็ได้ตายตกลง

“นี้มัน ! ? ” ยอดฝีมือมากมายต่างก็แตกตื่นขึ้นมา นี้ถือได้ว่าเป็นชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งอย่างแท้จริงผู้หนึ่งได้เลยทีเดียว ในขณะนี้เอง ถึงกับตายลงได้อย่างสะอาดหมดจดเช่นนี้เลยอย่างงั้นหรือ ? ฉากเบื้องหน้านี้ก็เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของผู้คนทั้งหมดไปแล้ว จนทำให้พวกเขาทั้งหมดต่างก็ขนลุกขนพองขึ้นมา แทบจะไม่มีปฏิกิริยากลับคืนมาได้

เยี่ยจงปรากฏขึ้นกลางอากาศยามค่ำคืน มุมปากแขวนเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอย่างเย็นเยียบขึ้นมา เขายืนกอดอกอยู่กับที่ จ้องมองอย่างเย็นเยียบไปที่ผู้คนมากมาย

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset