เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 470 กลิ่นอายแห่งอ๋อง

ตอนที่ 470 กลิ่นอายแห่งอ๋อง

 

“ต้องการที่จะหยิบยืมสิ่งของสามารถที่จะเอ่ยขึ้นมาได้ แต่มาเมื่อถึงกลับลงมือ เจ้าคิดว่าสถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ใดกัน ? ” จงหลี่ขมวดคิ้วเข้าชนกันปรากฏขึ้นมา สือซิ่งเปรียบเสมือนได้ตบไปที่หน้าของเขา ถึงแม้ว่าสือซิ่งจะมีสถานะที่สูงส่ง ที่เป็นถึงองค์ชายหกอยู่องค์ฮ่องเต้รัฐสือ แต่ว่าจงหลี่นั้นเป็นคนของชนชั้นระดับมหาราชันเผ่ามนุษย์อย่างซือคงจา กลับมิอายที่จะสร้างความหวาดกลัวได้เลยแม้แต่น้อย

 

“เจ้าคิดที่จะหยิบยืมอันใด ? ” เยี่ยจงเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้าสงบนิ่งขึ้นมา

 

“คิดที่จะหยิบยืมคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์เจ้ามาซักห้าสิบปี อีกทั้งยังคิดที่จะหยิบยืมสายทางแห่งดวงตะวันของเจ้าดูสักครา เจ้าวางไว้เถอะ ข้าที่เป็นถึงองค์ชายหกแห่งรัฐสือ หลังจากนี้ห้าสิบปี แน่นอนว่าย่อมเก็บเกี่ยวจนหมดสิ้นแน่นอน ” สือซิ่งมือไพล่หลังไว้ เหลือบตามองไปยังเยี่ยจง บนใบหน้าแฝงเอาไว้ด้วยอาการกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้มขึ้นมา ภายในคำพูดถือได้ว่าตรงประเด็นเป็นอย่างยิ่ง ไม่มีการอ้อมค้อมแม้แต่น้อย

 

“หากว่าข้าบอกไม่เล่า ? ” เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาเสียงเย็นชา ถึงแม้ว่าจะทอสีหน้าเยือกเย็น แต่ทว่าภายในดวงตากลับปรากฏความเยียบเย็นเสียยิ่งกว่าปรากฏขึ้นมา แม้แต่เขาเองก็คิดไม่ถึงว่า พึ่งจะออกมาจากสถานที่ฝึกปรือ ก็มีคนคิดที่จะต้องการคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันจากเขาแล้ว ควรทราบว่า สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นพื้นที่ดินแดนขนาดเล็กของชนชั้นระดับมหาราชันเผ่ามนุษยชนชั้นระดับมหาราชันเผ่ามนุษย์ซือคงจา กลับมิใช่ดินแดนภายนอก

 

“เจ้าสามารถที่จะบอกว่าไม่ แต่ว่าข้าก็จะไปเอามาด้วยตนเอง ทว่าเมื่อถึงเวลาที่ไปเอามาเอง คงจะมิใช่แค่หยิบยืมแล้ว ” สือซิ่งกล่าวออกมาอย่างเย็นชา มิได้เห็นเยี่ยจงอยู่ในสายตา เห็นได้ชัดว่า ภายในสายตาของเขา เยี่ยจงก็เรียกได้ว่าไม่อาจที่จะกระทำอะไรได้อย่างสิ้นเชิง

 

“พี่สือ ท่านก็กล่าวเกินไปแล้ว จะกล่าวไปสถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นดินแดนขนาดเล็กของสำนักข้า หรือต่อให้มิใช่ พี่เยี่ยนั้นถือได้ว่าเป็นแขกผู้มีเกียรติของสำนักข้า ” จงหลี่ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาในทันที ขมวดคิ้วเข้าหากันน้อยๆ จ้องเขม็งไปยังสือซิ่งซึ่งในขณะนี้ไร้ซึ่งความหวาดกลัว

 

“แขกผู้มีเกียรติ ? เจ้าหนูที่ไม่ทราบว่าผุดขึ้นมาจากสถานที่ใดผู้นี้ กลับยังถือได้เป็นแขกผู้มีเกียรติอย่างงั้นหรือ ? ต่อให้ถูกเรียกขานกันว่าเป็นวีรบุรุษผู้กอบกู้ที่ยังไม่เกิดของเผ่ามนุษย์ ? ช่างเป็นเรื่องที่น่าขบขันสิ้นดี ! ” สือซิ่งมองไปที่เยี่ยจงประดุจดั่งคนที่ตายไปแล้วก็มิปาน ภายในดวงตาก็ได้เกิดรังสีสังหารขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ

 

“พี่สือ เจ้าที่แท้หมายความว่าอย่างไรกัน ? ” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ภายในดวงตาก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยโทสะ นี้ถือได้ว่าเหมือนดั่งสือซิ่งตบเข้าไปที่ใบหน้าของเขาคราหนึ่ง เรียกได้ว่าไม่เห็นแก่หน้าเขาแทบทั้งสิ้น

 

“มิได้มีความหมายอะไร ” สือซิ่งมองไปที่เยี่ยจงอย่างเยียบเย็น ทอสีหน้าสงสัยขึ้นมา “ก็เป็นเพียงแค่เจ้าหนูที่ไม่ทราบว่าผุดมาจากสถานที่ใดเท่านั้นเอง ช่างไม่รู้ถึงความตื้นลึกหนาบางเอาเสียเลย ช่างไม่รู้จักเจียมตัวเอาเสียเลย เป็นแค่เพียงเผ่ามนุษย์ ถึงกับไม่เคารพนับถือคนของรัฐกู่กว่อผู้สูงศักดิ์ จะมีชีวิตอยู่ไปทำไมกัน ? มิสู้สังหารทิ้งไปซะ ”

 

“เจ้า ! ” จงหลี่เกือบที่จะโกรธเคืองขึ้นมา ขนคิ้วก็ได้ลุกชันติดกันขึ้นมา

 

“หากเป็นไปตามความหมายขององค์ชายหกอย่างเจ้า ตอนนี้ข้าก็คงจะส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันอย่างว่าง่ายออกไปแล้ว มอบให้แก่องค์ชายหกเจ้า ก็คงจะทราบถึงเบื้องสูงเบื้องต่ำ、ทราบหน้าเบา、ทราบความยิ่งใหญ่ ให้ความเคารพรัฐกู่กว่ออย่างงั้นหรือ ? ” เยี่ยจงทอดวงตาเย็นเยียบขึ้นมา เอ่ยปากกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

 

“ผิดแล้ว มิใช่ให้แก่ข้า เพียงแต่มอบให้แก่รัฐซือข้า ” สือซิ่งกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “เป็นไรไป เจ้าจะส่งมอบมาหรือไม่ ? ”

 

“ไม่ ” เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชาอย่างถึงที่สุด “อย่าว่าแต่เจ้าเองเลย แม้แต่อ๋องแห่งรัฐซือเจ้า ก็เป็นตัวแทนของเผ่ามนุษย์ไม่ได้หรอก อีกทั้งยังไม่อาจที่จะเป็นตัวแทนของมวลมนุษย์แห่งเก้ารัฐใหญ่แห่งรัฐกู่กว่อ นอกเสียจากว่าจะเป็นเผ่ามนุษย์โบราณสูงสุด เป็นผู้ที่แบกรับเก้ารัฐใหญ่โบราณ เมื่อถึงเวลานั้นขอเพียงแค่เจ้าเป็นตัวแทนของคนผู้นั้นมานำไป เช่นนั้นอย่าว่าแต่รอให้องค์ชายหกอย่างเจ้าเอ่ยปาก ข้าเยี่ยจงก็คงจะส่งมอบสิ่งของทั้งสองสิ่งออกไปอย่างว่าง่ายเอง แต่ว่าน่าเสียดายอย่างยิ่ง ที่เจ้ายังไม่เหมาะสม ! ”

 

“แต่ว่าข้ากลับรู้สึกเสียดายเป็นอย่างยิ่ง ” สือซิ่งมิได้ถูกกระตุ้นโทสะแม้แต่น้อย “สิ่งของทั้งสองสิ่ง ข้าเป็นตัวแทนของรัฐซือก็เพียงพอแล้ว ! ”

 

“พี่สือ เจ้าเห็นสำนักข้าเป็นวัตถุไม่มีตัวตนอย่างงั้นหรือ ? ” จงหลี่เดินขึ้นหน้ามาคราหนึ่ง จ้องเขม็งไปที่สือซิ่ง ทอสีหน้าเคร่งเครียด

 

“เหอะ——” สือซิ่งใช้หางตามองไปที่จงหลี่คราหนึ่ง กล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ “จงหลี่ เจ้านั้นยังไม่คู่ควรพอที่จะมายุ่งเรื่องของข้า ถ้าเป็นบิดาของเจ้าก็ยังว่าไป แต่เจ้านั้นกลับไม่มีคุณสมบัติที่เพียงพอ ”

 

“จะให้ทางเลือกสองทางแก่เจ้า ” สือซิ่งหันกลับไปจ้องเยี่ยจงอีกครั้ง ทอสีหน้าเยียบเย็นอย่างไร้ที่เปรียบ ราวกับไม่เห็นแก่ความสัมพันธ์ใดๆ เลยก็มิปาน “อย่างแรก ส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวันมาอย่างว่าง่าย ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า อย่างที่สอง หากให้ข้าไปชิงมาเอง เพียงแต่ว่าเมื่อถึงเวลานั้น สุดยอดรุ่นเยาว์เผ่ามนุษย์อะไร、ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์อะไรกัน、วีรบุรุษผู้กอบกู้แห่งเผ่ามนุษย์อะไรกัน เกรงว่าคงจะเป็นเพียงอากาศธาตุเท่านั้น ! ”

 

พริบตานั้นจงหลี่ก็เกิดโทสะขึ้นมา ถึงแม้ว่าแม้แต่เขาเองก็มิได้จะมีความรู้สึกที่ดีต่อองค์ชายหกแห่งรัฐซือผู้นี้แม้แต่น้อยก็ตามที แต่ว่าขณะนี้เรียกได้ว่าเขาเกลียดชังจนอยากจะฟาดให้ตายคามือทันที

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง บนร่างกายก็ได้เริ่มต้นที่จะทอประกายแสงสีทองอันคมกล้าไหลเวียนออกมา เขาอยู่ในสภาวะที่จริงจังอย่างไร้ที่เปรียบ เกี่ยวกับองค์ชายหกแห่งรัฐซือผู้นี้แทบจะเรียกได้ว่าไม่อยู่ภายในสายตาแม้แต่น้อย

 

นั้นก็เพราะว่า เขาย่อมทราบพลังในการต่อสู้ของตนเองดี หลังจากที่เปิดเผยสถานะของตนเองออกไปแล้ว อีกฝ่ายยังถึงกับกระทำการออกมาอย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวถึงเพียงนี้ เช่นนั้นเพียงแค่บอกเล่าได้เพียงแค่ว่า เขาซึ่งมีความมั่นใจในมั่นใจต่อพลังฝีมือของตนเอง การเผชิญหน้ากับบุคคลเช่นนี้ หากว่าเกิดความประมาทแม้แต่ครั้งเดียว มีความเป็นไปได้ที่จะพลาดครั้งใหญ่ได้เลยทีเดียว

 

“เหอะเหอะ ทว่าข้าขอเตือนเจ้าไว้คำหนึ่ง ทางที่ดีอย่าได้มาลงมือกับข้า ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ร่างศักดิ์สิทธิ์ไท่กู่แห่งเผ่ามนุษย์แล้วจะอย่างไร ? ” ภายในดวงตาของสือซิ่งก็ได้ทอแววตาลึกล้ำขึ้นมา มุมปากก็ได้แสยะยิ้มขึ้นมาเต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เขาก็ได้จ้องมองเยี่ยจงประดุจดั่งผู้ที่อยู่เหนือกว่ามองลงมา ทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา

 

“พี่สือ เจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะไม่กล้าที่จะลงมือต่อเจ้าภายในสถานที่แห่งนี้งั้นหรือ ? ” จงหลี่ก้าวออกไปก้าวหนึ่ง กั้นขวางระหว่างกลางของคนทั้งสองคน

 

สือซิ่งมีรังสีสังหารประดุจคมดาบ กล่าวคำพูดเย็นเยือก : “เจ้ามิใช่คู่ต่อสู้ของข้า อย่าได้มาหาที่ตายเองเลย รวมทั้งเขา ข้าจะให้โอกาสแก่เขา หากเขาสามารถที่จะทิ้งสิ่งของเอาไว้ ก็มีชีวิตจากไปได้ ไม่เช่นนั้นหากข้าเข้าไปนำออกมาเอง จะส่งเขาไปสู่ปรภพเอง ! ”

 

“ดูเหมือนว่า ความหมายของสือซิ่งเจ้าคงคิดที่จะไม่ต้องการที่จะไปกันไม่ได้กับข้าอย่างงั้นหรือ ? ” จงหลี่ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง ฝ่ามือก็ได้เกิดพลังลมปราณไหลเวียนไปมา

 

“ข้าทำเกินไปแล้วจะอย่างไร ? เผ่ามนุษย์อันทรงเกียรติแห่งเก้ารัฐใหญ่โบราณ ต่อให้บรรพจารย์ของเจ้าเป็นชนชั้นมหาราชัน แต่ว่าเจ้านั้นกลับมิใช่ ! หากว่าข้าสังหารเจ้า สังหารไปก็เท่านั้น แต่หากว่าเจ้าสังหารข้า ก็เหมือนกับการเปิดศึกกับรัฐซือ จงหลี่ พวกเราจะช้าจะเร็วก็จะเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว เจ้าอย่าได้เข้าใจผิดไป ! ” สือซิ่งหัวเราะอย่างเย็นชาออกมาติดต่อกัน ทอแววตาประดุจคมดาบ เดิมทียังไงซะก็มิได้เห็นจงหลี่อยู่ในสายตาอยู่แล้ว

 

บุคคลเช่นนี้ ถือได้ว่ามีจิตใจแห่งอ๋องอยู่แล้วหลายส่วน แทบจะไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย มีแต่เพียงยกตัวเองเป็นที่ตั้ง ราวกับว่ามีกลิ่นอายของอ๋องแผ่ออกมาจากร่างกายอยู่หลายส่วน ขณะนี้บนร่างกายของเขาก็ได้แผ่รังสีสังหารออกมาปกคลุมเข้าไปยังทางด้านของจงหลี่ เต็มเปี่ยมไปด้วยความโอหังอย่างถึงที่สุด

 

จงหลี่ทอสีหน้าปั้นยากอย่างถึงที่สุดขึ้นมาในขณะนี้เอง ถึงแม้ว่าเขาจะทราบดีอยู่แล้วว่าองค์ชายหกเบื้องหน้าสายตาผู้นี้ ซึ่งถูกเรียกขานว่าเป็นผู้แข็งแกร่งในรุ่นของรัฐซือ แต่ว่า หากว่าอีกฝ่ายต้องการที่จะลงมือในสถานที่แห่งนี้ เพียงแค่การสะบัดมือออกมาเพียงครั้งเดียว เขาก็ไม่อาจที่จะเอาแต่นั่งมองได้แล้ว

 

ท่ามกลางห้องโถงโบราณ ก็ได้เกิดรังสีสังหารไร้สภาพขึ้นมาในขณะนี้แผ่กระจายออกมา ปกคลุมไปทั่วทั้งบริเวณสี่ทิศแปดด้าน สือซิ่งยืนกอดอกอยู่ ประดุจดั่งแรงกดดันที่มาจากชนชั้นมหาราชันก็มิปาน ทอสีหน้าเย็นเยียบออกมา เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีแห่งอ๋อง

 

เยี่ยจงก็คร้านที่กล่าววาจาไร้สาระอีกต่อไป กับบุคคลเฉกเช่นนี้ ย่อมไม่อาจที่จะถูกผู้อื่นทำให้เปลี่ยนใจความคิดได้อย่างแน่นอน หากว่าในขณะนี้ตนเองเกิดประมาทขึ้นมา เช่นนั้นตนเองคงจะไม่พ้นจากการตายตกลงไปอย่างแน่นอน ในขณะนี้เอง เยี่ยจงเกิดการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด สภาวะภายในร่างกายก็ได้ไหลเวียนเคลื่อนไหวไปมา เลือดลมสีทองก็ได้เคลื่อนไหวไปมา อยู่บริเวณภายในร่างกาย จนเกิดประกายแสงสีทองอันคมกล้าก็ได้แผ่กระจายออกมา กายาทองไม่สูญสลายในขณะนี้ก็ได้ถูกเขาใช้ออกมา

 

เบื้องล่างสายตา พลังฝีมือของคนผู้หนึ่งทั้งหมดนี้ กลับกลายเป็นสิ่งที่ไม่อาจที่จะใช้เพียงเหตุผลในการอธิบายออกมาได้ หรือจะกล่าวได้ว่า หมัดของผู้ใดจะใหญ่กว่ากัน ก็คือเหตุผลของคนผู้นั้น

 

“กายาทองไม่สูญสลาย ! ? ”

 

ตามประกายแสงสีทองที่แผ่กระจายออกมาจากภายในร่างกายของเยี่ยจง ยอดฝีมือไม่น้อยทางด้านข้างก็ได้ทอประกายแววตาสว่างเจิดจ้าขึ้นมาคราหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้เกิดอารมณ์ตื่นเต้นขึ้นมา ควรทราบว่า กายเนื้อไม่สูญสลายนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือการคาดเดาไปแล้ว เรียกได้ว่าถือเป็นรากฐานของการกายาทองไม่สูญสลายในตำนานก็มิปาน ถึงแม้ว่าพวกเขาจะทราบอยู่แล้วว่าเยี่ยจงนั้นได้ฝึกพลังกายาทองไม่สูญสลาย แต่ว่าขณะนี้เมื่อพบเห็นกับตา ก็ยังอดที่จะรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมามิได้

 

“ไม่เลวเลยทีเดียว คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์และสายทางแห่งดวงตะวัน ถึงกับสามารถที่จะทำให้เจ้าสามารถที่จะได้รับวาสนาเช่นนี้ได้ เจ้าคงจำต้องอุทิศตนแล้วละ เพื่อความยั่งยืนและความรุ่งโรจน์นับพันปีของเผ่ามนุษย์เรา ! ”

 

สือซิ่งพยักหน้าเห็นด้วย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง พริบตานั้นเองแล้วก็ได้ยื่นมือออกไปอย่างรุนแรง วินาทีนั้นก็ได้พบเห็นฝ่ามือยอดศิลาขนาดใหญ่ข้างหนึ่งลอยมาตามสภาวะของอากาศ ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งของห้องโถงใหญ่ มุ่งหน้าเข้ากดดันเข้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

 

สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นความมั่นใจในตัวเองอย่างถึงที่สุดชนิดหนึ่ง ในขณะนี้เอง สือซิ่งซึ่งมิได้มีความกังวลแต่ใดๆ เพียงคิดที่จะฆ่าสังหารเยี่ยจง เพื่อแย่งชิงวาสนา

 

“เปรี้ยง——”

 

พริบตานั้นจงหลี่ก็ได้ลงมือ แผ่พุ่งสภาวะรังสีสีเขียวออกมาท่ามกลางอากาศ ต้านทานพลังฝ่ามือของสือซิ่งเอาไว้

 

จงหลี่ยังไงเสียก็ถือได้ว่าเป็นคนหนึ่งในสำนักของซือคงจา อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อยู่ในชั้นแนวหน้าผู้หนึ่ง ย่อมไม่ธรรมดาอย่างถึงที่สุด ขณะนี้เขาก็ได้ใช้กระบวนท่าออกมา พริบตานั้นก็ได้ต้านทานกระบวนท่าของสือซิ่งเอาไว้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็ถือได้ว่าเป็นชนชั้นผู้โดดเด่นของเผ่ามนุษย์ การจู่โจมเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะมิได้ถึงขั้นเอาชีวิต แต่ว่ายังคงน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด เพียงพอที่จะทำลายห้องโถงทั้งห้องให้สลายหายไปได้

 

ทว่าเห็นได้ชัดอย่างยิ่ง สือซิ่งถึงแม้ว่าจะไม่เห็นจงหลี่อยู่ในสายตา แต่ว่าก็ยังไม่กล้าพอที่จะใช้พลังฝีมือที่สามารถทำลายแม้กระทั่งห้องโถงนี้ออกมา และจงหลี่เองก็ย่อมไม่อาจที่ตายตกอยู่ในสถานที่แห่งนี้ได้ ดังนั้น ทั้งสองฝ่ายในขณะนี้ต่างก็ต่างก็มีข้อจำกัดอยู่ มิอาจที่จะปะทุพลังในการต่อสู้ออกมาทั้งหมดได้

 

“จงหลี่ เจ้าหยุดยั้งข้าไม่ได้หรอก กับเจ้านั้นข้ายังถือได้ว่ายังไม่คิดที่จะฆ่าฟันต่อเจ้าด้วยแต่อย่างไร เจ้าควรที่จะทราบข้อนี้เอาไว้ ! ” สือซิ่งทอประกายดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหรณ์ออกมาอย่างไม่เสื่อมคลาย พลังปราณอันน่าหวาดกลัวแต่ละสายก็ได้พวยพุ่งออกมาจากบริเวณทางด้านหลัง

 

“กร๊อบ——”

 

สือซิ่งลงมืออีกครา พลังฝ่ามือยังคงมุ่งหน้าฟาดปะทะเข้ามาบริเวณทางด้านของเยี่ยจง พลังในการทำลายในครั้งนี้ถือได้ว่าสูงล้ำกว่าครั้งแรกเป็นอย่างมาก

 

จงหลี่ก็ได้ลงมือออกไปอีกครั้ง ประกายแสงสีเขียวสายหนึ่งก็ได้พวยพุ่งออกมา แต่ว่าในครั้งนี้ เขาไม่นึกเลยว่าจะไม่อาจที่จะต้านทานการลงมือของสือซิ่งเอาไว้ได้

 

และเยี่ยจงก็ได้ขมวดคิ้วไปมา กลับมิได้กล่าววาจาไร้สาระออกมาแต่อย่างไร เพียงแต่ก้าวออกไปทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง พุ่งหมัดกระแทกออกไปทางด้านหน้า

 

สือซิ่งถือได้ว่ามีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัว แม้จะดูเหมือนกับว่ามีความลึกล้ำ แต่ว่าก็ยังถือได้ว่ามีความมั่นใจในตัวเองอย่างสูง มิเช่นนั้นแล้วละก็ เขาก็คงจะไม่อาจที่จะลงมือออกมาเช่นนี้ได้ ขณะนี้เมื่อพบเห็นคมหมัดของเยี่ยจงพุ่งออกมา เขาไม่เพียงแต่ไม่หลบเลี่ยง กลับใช้ฝ่ามือขึ้นมากดดันเอาไว้

 

“ติ้ง——”

 

การโจมตีของทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าปะทะกัน หมัดของสือซิ่งนี้ ประดุจดั่งขุนเขาที่หนักนับหมื่นช่างก็มิปาน เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังกดดันอย่างน่าหวาดกลัว ต่อให้เยี่ยจงตอนนี้จะใช้ออกมาด้วยพลังกายาทองไม่สูญสลาย ยังคงถือได้ว่าทำให้ถอยหลังออกไปได้อยู่หลายก้าว จนร่างกายเกือบที่จะลอยกระเด็นออกไป

 

เยี่ยจงเกิดอาการตกใจขึ้นมาภายในจิตใจ ไม่แปลกใจเลยที่คนผู้นี้ถึงกับมีความมั่นใจในตัวเองถึงเพียงนี้ ตนเองที่ฝึกปรือกายาทองไม่สูญสลาย ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงระดับความสำเร็จเล็ก แต่ว่าความแข็งแกร่งของกายเนื้อ เรียกได้ว่าอยู่ในระดับที่ไร้ผู้ต้านทานได้เลย แต่ว่าความแข็งแกร่งของสือซิ่งผู้นี้ถึงกับมีความแข็งแกร่งได้จนถึงระดับนี้ ไม่นึกเลยว่าจะสามารถใช้เพียงฝ่ามือเดียวทำให้ตนเองถอยออกไปได้ ! ?

 

ฉากนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายเอาไว้

 

“เจ้าทำเกินไปแล้ว ! ”

 

จงหลี่เพิ่มระดับการลงมือขึ้นไปอีกระดับ ในครั้งนี้เขาก็มิได้ยั้งมือแม้แต่น้อยอีกต่อไป รังสีคมกระบี่สีเขียวก็ได้วาดออกมา มุ่งหน้ากวาดเข้าไปยังบริเวณทางด้านหลังของสือซิ่ง จนทำให้เขาไม่อาจที่จะไม่ขมวดคิ้วขึ้นมาได้ หลังจากที่เก็บกระบวนท่าลง ก็ได้ต้านทานกระบวนท่าของจงหลี่เอาไว้

 

“อ็อก——”

 

พริบตานั้นเอง ร่างของจงหลี่ก็ได้สั่นไหวขึ้นมา กระอักโลหิตออกมาคำหนึ่ง ร่างกายก็ได้กระเด็นถอยออกไปภายในทันที ภายใต้การลงมือของสือซิ่ง เขายังถึงกับพ่ายแพ้ภายใต้กระบวนท่าเดียวอย่างงั้นหรือ ? สือซิ่งผู้นี้ ถึงกับมีความร้ายกาจถึงเพียงนี้เชียว !

 

“เจ้า ช่างไม่ไหวเลยนะ ! ” สือซิ่งทอสีหน้าเย็นชาขึ้นมา ประดุจดั่งราชาเยาว์ผู้หนึ่ง ไร้ซึ่งผู้ที่จะเทียบเคียงได้

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset