เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 488 คู่ต่อสู้ปรากฏขึ้นมาทีละคน

ตอนที่ 488 คู่ต่อสู้ปรากฏขึ้นมาทีละคน

 

“ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของมหาราชันแห่งเผ่ามนุษย์ซือคงจามาเนิ่นนานแล้ว อีกทั้งยังถือได้ว่าแข็งแกร่งกว่าเหล่าองค์ฮ่องเต้ของทั้งเก้ารัฐโบราณแห่งเผ่ามนุษย์อีกด้วย วันนี้ตัวข้านั้นก็ต้องการที่จะขอลองทดสอบดูสักครา บุคคลอันดับหนึ่งแห่งเผ่ามนุษย์ ที่แท้มีอันใดที่พอจะสามารถต่อกรกับหุบเขาหมื่นปีศาจของข้าได้ ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อทันใดนั้นก็ได้หัวเราะออกมาเสียงเย็นชา สุ้มเสียงนั้นก็ได้ดังขึ้นมาจากบริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ เขาก้าวออกมาไปด้านหน้า ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“โครม——”

 

ระหว่างนั้นมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้เดินเข้ามาเรื่อยๆ ฝ่ามือสีทองข้างหนึ่งของเขากวาดออกมาประดุจดั่งเมฆาจากท้องนภาก็มิปาน มุ่งหน้าฟาดเข้าไปยังบริเวณทางด้านของซือคงจา กระบวนท่านี้ ถือได้ว่าเป็นที่น่าตกใจอย่างมาก

 

และในช่วงเวลาเดียวกัน มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้หัวเราะขึ้นมา ทอสีหน้าเรียบเฉยจ้องมองไปยังทางด้านของหวู่โหว แล้วกล่าว: “ได้ยินมาว่าท่านเจ้าอาวาสหวู่โหวเป็นหนึ่งในมนุษย์ที่ยากจะคาดเดาเอาไว้ได้ผู้หนึ่ง ต่างก็กล่าวกันว่าเป็นฆารวาสที่เสพสมทุกอย่างรวมไปถึงความตาย จึงได้มีฉายานามว่าหวู่โหว วันนี้ไม่แน่ว่าอาจจะต้องขอคำชี้แนะให้ดีสักคราแล้ว ”

 

หวู่โหวตบเข้าไปยังพุงที่กลมกลิ้ง แล้วก็ขยับปากกล่าวขึ้นมาอย่างเกียจคร้าน: “เจ้านกน้อย อย่าได้มีวาจาไร้สาระมากมายเช่นนี้อีกเลย อาจารย์ปู่อย่างข้าวันนี้จะฟาดเจ้าให้ตาย แล้วจะได้กินนกผัดเห็ดหอม!”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เนื้อที่เปี่ยมไปด้วยไขมันเขาก็ได้เริ่มเกิดความเคลื่อนไหว เดินออกมาทางด้านหน้าก้าวหนึ่ง ผนึกสวรรค์มนุษย์เป็นหนึ่งเดียว ก้อนเนื้อพุ่งออกไปท่ามกลางอากาศ ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็เป็นที่น่าแปลกประหลาดอย่างมาก

 

“ซูมซูมซูม——”

 

ในบริเวณทางด้านหลังของมหาราชันทั้งสอง ยอดฝีมือเผ่าปีศาจก็ได้แตกกระจายกลายเป็นเพียงหมอกเลือดไม่หยุด ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะเนื้อไขมันของหวู่โหวกดทับลงไป

 

เพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว เขาก็ได้ใช้ไขมันกดทับไปไม่รู้กี่รอบ จนทำให้ยอดฝีมือเผ่าปีศาจร่างแหลกลาญไปกว่าร้อยตน กลายเป็นเพียงหมอกโลหิตลอยกระจายไปมาโดยที่ไม่อาจที่จะรู้สึกตัวได้

 

มหาราชันเผ่ามนุษย์ เพียงแต่ว่าการก้าวเดินเท่านั้น ก็สามารถที่จะหยุดยั้งยอดฝีมือเผ่าปีศาจลงได้

 

“เจ้า——”

 

มหาราชันปีศาจทุนเทียนขมวดคิ้ว ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา เขาทราบได้อย่างชัดเจนแล้วว่าคนผู้นี้มีความแข็งแกร่งถึงระดับใดกันแน่ อีกทั้งเขายังจงใจกระทำเช่นนี้ เพื่อที่จะบอกว่าเขามิได้สนใจที่ตนเองอยู่ในสถานะยอดฝีมือระดับมหาราชันเลยแม้แต่น้อย จึงได้ลงมือเข่นฆ่าสังหารยอดฝีมือเผ่าปีศาจไปกว่าร้อย โดยที่ไม่มีความหวาดกลัวใดๆ

 

“หวู่โหว เจ้าเกินไปแล้ว! เจ้าไม่กลัวว่าวันข้างหน้าข้าจะเสาะหาสำนักและเหล่าลูกศิษย์ของเขาอย่างงั้นหรือ?” มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้ก้าวออกไปหนึ่งก้าว ต้านทานสภาวะการสังหารของหวู่โหวเอาไว้ กล่าวออกมาอย่างเย็นเยียบ

 

“เจ้านกน้อยเจ้าเพี้ยนไปแล้วหรือ? อาจารย์ปู่อย่างข้ายังเรียกว่าเป็นหวู่โหว (ว่างเปล่าโดดเดี่ยว) เลย นับตั้งแต่กำเนิดเกิดมา เจ้าจะหาผู้สืบทอดของข้าให้เจอได้สักคน เจ้าก็คุกเข่าแล้วเรียกข้าว่าท่านปู่สักคำ!” หวู่โหวจดจ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียน ทอสีหน้าเย้ยหยันออกมา

 

“เจ้า——”

 

มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอสีหน้าเปลี่ยนไปอีกครา แล้วก็พึ่งจะนึกขึ้นมาได้ถึงเกี่ยวกับคำเล่าขานของบุคคลผู้นี้ ต่อมาเขาก็มิได้กล่าวอันใดออกมาอีก เพียงแต่โบกมือขวาออกไปคราหนึ่ง แล้วก็ได้มีห้วงมิติสีดำปรากฏขึ้นมาบริเวณเหนือศีรษะของหวู่โหว ครอบคลุมลงไป

 

“เปรี้ยง——”

 

ก้อนเนื้อไขมันตลอดทั่วทั้งร่างของหวู่โหวก็ได้สั่นไหวไปมา ประดุจดั่งเกิดเหล็กชิ้นใหญ่ขึ้นมาก็มิปาน วินาทีนั้น ก็ได้มีเสียงสั่นสะเทือนดังขึ้นมาอย่างแปลกประหลาด แล้วทั้งสองฝ่ายก็ได้เข้าปะทะเข้าหากัน

 

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง ซือคงจาก็ได้กรีดนิ้วออกไป จนมีพลังประกายกระบี่สีรุ้งสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา เข้าต้านทานพลังฝ่ามือขนาดใหญ่ของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเอาไว้ เพียงแต่ว่าวินาทีที่ได้เข้าปะทะกัน ก็จะสามารถที่จะพบเห็นสภาวะความว่างเปล่าเคลื่อนไหวไม่หยุดนิ่งขึ้น จนราวกับจะทลายดินแดนขนาดเล็กนี้ลงไป

 

“ตายซะ——”

 

ยอดฝีมือเผ่าปีศาจเหล่านั้นหลังจากในขณะที่ถอยหลังออกไป ภายใต้การชักนำของราชันปีศาจหลายตนที่ได้ฆ่าสังหารออกไป มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปยังบริเวณทางด้านของยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ที่อยู่บนพื้นมากมาย

 

ไม่มีแม้แต่คำถามอันใด นี้ถือได้ว่าเป็นศึกแห่งการต่อสู้ที่โหดร้ายอย่างมากอย่างหนึ่ง นับตั้งแต่เหล่าสายโลหิตจากหุบเขาหมื่นปีศาจได้เริ่มที่จะเข้ามายังดินแดนขนาดเล็กสายนี้ ทั้งสองฝ่ายต่างก็เรียกได้ว่าไม่มีเวลาพักแม้แต่น้อย! หากมองจากมุมมองนี้ยกขึ้นมากล่าว นี้ถือได้ว่ามิใช่แต่เพียงแค่การแย่งชิงตัวเยี่ยจงเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่เป็นการเปิดศึกระหว่างทั้งสองฝ่าย ถ้ามองจากมุมมองนี้แล้วละก็ ถือได้ว่าเป็นการเปิดศึกแห่งโชคชะตาของทั้งสองเผ่าพันธุ์เลยก็ว่าได้!

 

หากมองในมุมมองของเผ่าปีศาจ บุคคลเฉกเช่นเยี่ยจงย่อมต้องเป็นบุคคลที่ไม่อาจปล่อยให้มีการเติบใหญ่ขึ้นมาได้ และหากมองจากเผ่ามนุษย์ เยี่ยจงหากว่าสามารถเติบโตขึ้นมาได้ ไม่แน่ว่าอาจจะกลายเป็นผู้นำพาเผ่ามนุษย์ให้เจิดจรัสได้อย่างถึงที่สุดก็ว่าได้

 

ร่างของเยี่ยจงก็ได้ลอยอยู่ท่ามกลางอากาศ เป็นครั้งแรกที่กลุ่มราชันปีศาจพระยาปีศาจกลุ่มใหญ่ ยังดีที่ขณะนี้มหาราชันทั้งสองยังทำเป็นเหมือนไม่พบเจอเขาก็มิปาน จึงมิได้ลงมือออกมา ไม่เช่นนั้นเขาต่อให้มีพลังฝีมือที่มากมายกว่านี้ เขาก็จะต้องตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ซวบ——”

 

พริบตานั้นเอง เยี่ยจงก็ได้หันกายลอยทะยานออกไป เขาย่อมเข้าใจในพลังฝีมือของตนเองเป็นอย่างดี ต่อให้ตนเองใช้ออกมาด้วยไพ่ตายทั้งหมด ก็ใช่ว่าจะสามารถต่อกรกับยอดฝีมือเผ่าปีศาจมากมายเช่นนี้ได้ ยังคงเข้าสู่เส้นทางของการหลบหนีจึงจะดีที่สุด

 

“เจ้าเด็กน้อยแซ่เยี่ย ถ้าแน่จริงก็หยุดให้กับข้า!” บริเวณทางด้านหลัง พริบตานั้นก็ได้มีราชันปีศาจกว่าสิบตน、พระยาปีศาจกว่าร้อยตนไล่ล่าสังหารเข้ามา ต่างก็ถือได้ว่าเป็นยอดฝีมือสายโลหิตแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ

 

กระนั้น การศึกก่อนหน้านี้หุบเขาหมื่นปีศาจได้พลาดท่าภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงไปเป็นอย่างมาก ถึงกับมีราชันปีศาจห้าตนตายตกภายใต้น้ำมือของเขาไป หากเรื่องเช่นนี้ถูกแพร่สะพัดออกไป คงจะทำให้หุบเขาหมื่นปีศาจเกิดเสียหายอย่างหนัก ยอดฝีมือมากมายจากหุบเขาหมื่นปีศาจในสายตาของเยี่ยจง แทบจะไม่แตกต่างอันใดจากหนูตามตลาด

 

“เจ้ากลุ่มสัตว์สิ่งมีชีวิตประหลาดและวานร ถ้าแน่จริงพวกเจ้าก็เข้ามาทีละคน!” เยี่ยจงส่งเสียงพร้อมทั้งหันกลับมา ระดับความเร็วนั้นถือได้ว่ารวดเร็วอย่างยิ่ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้แน่นอนว่าย่อมไม่อาจที่จะใจอ่อนได้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีความเชื่อมั่นในการต่อสู้หนึ่งต่อหนึ่ง ในขณะนี้ต่อให้เป็นราชันปีศาจพลังเทวะขั้นที่หนึ่งเขาก็ยังพอที่จะจัดการได้หนึ่งถึงสองตน แต่ว่าเมื่อมีราชันปีศาจมากมายถึงเพียงนี้、และพระยาปีศาจลงมือพร้อมกันมากมายถึงเพียงนี้ จะให้ฆ่ายังไงไปก็ฆ่าไม่หมด!

 

“เจ้าเด็กบัดซบแซ่เยี่ย ปู่เล็กอย่างข้าจะไปด้วยตนเอง เจ้าหยุดอยู่กับที่ให้แก่ข้า!”

 

“ได้! เจ้าให้พวกเขาทั้งไสหัวไป ข้าจะดวลตัวต่อตัวกับเจ้า!” เยี่ยจงมิได้ทอใบหน้าแดงก่ำจิตใจมิได้เต้นระรัว ก็ได้ตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

 

“น้องชาย อย่าได้หนีไปเร็วถึงเพียงนี้ เจ้าทำเช่นนี้จะทำให้พี่สาวปวดใจได้นะ!” แล้วก็ได้มีปีศาจสาวหัวเราะคิกคักกล่าวออกมา

 

“ช่างมันเถอะ เจ้าน่าเกลียดน่าชังเกินไป ข้าเกรงว่าข้าจะทำให้เจ้าขายหน้าได้!” เยี่ยจงตะโกนตอบออกมา ไม่เห็นแก่หน้าหญิงสาวเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย

 

เหล่าปีศาจสาวกลุ่มนี้ที่อยู่ทางด้านหลังแทบจะกระอักโลหิตออกมา พวกนางถือได้ว่าแปลงกายจนมีรูปลักษณะที่งดงาม อีกทั้งยังมีพลังฝีมือในระดับพระยาปีศาจ แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นตนใดก็ไม่อาจที่จะเรียกได้ว่างดงามอย่างหมดจด ตอนนี้กลับถูกเยี่ยจงกล่าวออกมาเช่นนี้ ทำให้พวกนางแต่ละคนขบเคี้ยวเขี้ยวฟันไปมา เกลียดชังเยี่ยจงจนแทบจะกลืนกินลงไปทั้งตัว

 

เพียงแต่ว่า ราชาปีศาจ พระยาปีศาจเหล่านี้ถึงแม้ว่าจะรวดเร็ว กระนั้นเยี่ยจงที่มีวิชาประจำเผ่ามนุษย์อย่างดำดินรุกคืบอยู่ ขณะนี้เขาเมื่อคิดที่จะหนี ต่อให้เป็นราชันปีศาจเองก็ไม่อาจที่จะไล่ตามได้ทัน แทบจะไม่อาจทำอะไรเขาได้เลยด้วยซ้ำ

 

“สหายน้อยเยี่ย จำเป็นที่จะต้องวิ่งหนีเร็วถึงเพียงนี้เชียวหรือ พี่น้องทั้งหลายคนของข้าเมื่อหลายวันมานี้ก็ได้เข้าฝันของข้า บอกว่าพวกมันนั้นคิดถึงเจ้าเป็นอย่างมาก!” แล้วก็ได้มีวานรตนหนึ่งแปลงกายเป็นวิหคเมฆาขนาดใหญ่ตนหนึ่งไล่ตามมาถึง ที่ดูเหมือนว่าเพียงพอที่จะไล่ตามเยี่ยจงได้

 

“พวกเราราชันปีศาจเชื้อสายหุบเขาหมื่นปีศาจที่หลงเหลือเอาอยู่อีกเพียงสองตนของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ หากว่าข้าเป็นเจ้าแล้วละก็ ขณะนี้คงจะยอมว่าง่ายกลับบ้านไปนอนดูดนมแล้วละ ดีเสียกว่าทำให้สายโลหิตของพวกเจ้าขาดผู้สืบทอดไป!” เยี่ยจงหันหน้ากลับมา ภายในดวงตาก็มองออกว่าราชันปีศาจตนนี้ก็คือสายโลหิตของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อนั้นเอง ขณะนี้ก็ได้เพิ่มระดับความเร็วสูงขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังกล่าววาจาเย้ยหยันออกมาคำหนึ่ง

 

ราชันปีศาจตนนี้ก็ได้มีสีหน้าดำมืดขึ้นมา ไม่กล่าววาจาออกมา ไล่ล่าติดตามขึ้นไป พี่น้องทั้งหกของมันนั้นต่างก็ได้ตายตกไปเพราะเยี่ยจง ขณะนี้จะปล่อยเยี่ยจงไปได้อย่างไรกัน

 

แล้วก็ได้มีเสียงหัวเราะเบาๆ ดังลอดออกมา ประดุจดั่งกระดิ่งเงินก็มิปาน น้ำเสียงนั้นฟังแล้วเป็นที่เสนาะหูยิ่งนัก: “ท่านเยี่ยจง อย่าได้หนีเลย ขอเพียงเจ้าส่งมอบคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์มา ผู้น้องจะขอรับรองความปลอดภัยของท่านให้ไร้เรื่องราว ”

 

เยี่ยจงหันหน้ากลับไป มองไปเห็นหญิงสาวทรงเสน่ห์ผู้หนึ่ง นางนั้นมีขนคิ้วประดุจภาพวาด ดวงตาประดุจดวงดาราส่องสว่าง รูปร่างอ้อนแอ้นได้รูป ทรวงทรงองเอวคดโค้ง อกไหล่ขาวเนียนประดุจหยก、หัวไหล่สูง บนร่างกายก็ได้ส่งกลิ่นหอมหวนออกมา จนทำให้ผู้คนที่เพียงแค่มองเข้าไป รู้สึกได้ถึงประดุจอยู่กลางทุ่งดอกไม้สวรรค์、ดวงตาพร่ามัวงมงาย

 

นางในขณะนี้ก็ได้ก้าวเดินมาประดุจเหยียบอยู่บนเมฆา ทั้งไม่รีบทั้งไม่ช้าติดตามอยู่บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

“ซูม่อหยง หุบเขาจิ้งจอกพวกเจ้ายังจะเข้ามาสอดมืออีก ข้าจำได้ว่าข้าไม่เคยตอแยเจ้ามาก่อนเลยนะ?” เยี่ยจงทอสีหน้าดำมืดไปหมด คิดไม่ถึงว่าเด็กน้อยผู้นี้ก็มาแล้วเช่นกัน

 

“ท่านเยี่ยจงก็ความจำแย่เสียจริงนะ ทำอันใดเอาไว้กับผู้น้องเอาไว้ ทำไมถึงได้ลืมเลือนไปได้เร็วถึงเพียงนี้กัน?” ซูม่อหยงอมยิ้มขึ้นมา “มหาราชันปีศาจทุนเทียนและอาจารย์ของผู้น้องนั้นมีความสัมพันธ์กันอยู่หลายส่วน หากว่าท่านเยี่ยจงตอนนี้ยอมรับชะตาชีวิต ผู้น้องขอรับรองความปลอดภัยของท่าน เป็นอย่างไร?”

 

“ยังคงช่างมันเถอะ ข้าไม่คิดที่จะเด็ดดอกไม้บุปผาให้ตายลง กลายเป็นผีสางลอยอยู่ตามสายลม พวกเขาเมื่อพบเจอกันอีกทั้งไม่มีความแค้นต่อกัน ทางที่ดีก็อย่าได้พบเจอกันอีกเลย!” เยี่ยจงโบกมือ เพิ่มความเร็วมากยิ่งขึ้น

 

ในเวลาเดียวกันที่ได้ปรากฏขึ้นมา ก็ได้มีเงาร่างสีเขียวสายหนึ่งย่างเท้าคู่ยาวเดินแทรกเข้ามา เขานั้นก็ได้หยุดอยู่บริเวณทางด้านหลังของเยี่ยจง ทอดวงตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยรังสีสังหารออกมา

 

“ให้ตายเถอะ เจ้ามิใช่ตายไปแล้วหรอกหรือ? เหตุใดถึงออกมาได้กัน?” ผู้ที่มาเห็นได้ชัดว่าย่อมต้องเป็นสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งหุบเขาเทพชิงหวินชิงยี่ เยี่ยจงมองไปคราหนึ่ง ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา

 

“ครั้งที่แล้วสิ่งที่ท่านเยี่ยจงได้ประทานมาให้ ผู้น้อยยากที่จะลืมเลือนลงไปได้ หากว่ามิใช่เป็นเพราะมีการเตรียมความพร้อมเอาไว้ตั้งแต่แรก เช่นนั้นข้าคงจะต้องตายลงไปจริงแล้ว ทว่าคงจะไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว!” ชิงยี่หัวเราะออกมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเยียบเย็นออกมา เห็นได้ชัดว่า เขาได้มีการเตรียมการเอาไว้ตั้งแต่แรก ไม่เช่นนั้นแล้วในขณะนี้คงจะต้องกลายเป็นเพียงดวงวิญญาณที่ล่องลอยไปมาแล้ว!

 

“เจ้าอย่าได้บอกต่อข้านะว่า เด็กน้อยผู้นั้นก็คือเยว่จิ่ง นางก็มิได้ตายไปอย่างงั้นหรือ!” เยี่ยจงมองไปยังอีกทางด้านหนึ่ง ทางด้านนั้นก็ได้มีเงาร่างที่ปกคลุมไปด้วยประกายแสงจันทราเอาไว้ บนตัวให้ความรู้สึกที่คุ้นเคยอยู่

 

ทว่าไม่นานนัก เงาร่างสายนั้นก็ได้ไล่ล่าเข้ามา หญิงสาวนางนี้มีใบหน้าอบอุ่นขาวเนียนดั่งหยก นางประดุจดอกบัวที่บานสะพรั่ง ผิวพรรณขาวผุดผ่อง ตลอดทั่วทั้งร่างกายประดุจดั่งหยก เหมือนดั่งบุษบาที่บานอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์ อาภรของนางในขณะนี้ก็ได้พลิ้วไหวไปมา ประดุจนางเซียนที่ลอยล่องลงมาจากอารามที่อยู่บนดวงจันทราก็มิปาน มุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“เจ้ามิใช่เยว่จิ่ง เจ้าเป็นผู้ใด!?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว

 

ผู้ที่มาหัวเราะเสียงแผ่วเบา กลอกตาไปมา หัวเราะอย่างมีเสน่ห์ แม้แต่บุปผานับร้อยก็ต้องมัวหมองลง นางหัวเราะดังคิกคิกแล้วกล่าว: “น้องชาย เจ้าไม่เลวเลย ถึงกับสามารถที่จะสังหารศิษย์น้องหญิงข้าลงได้ หรือไม่เจ้ากลับไปยังเผ่าซือข้าเถอะ ข้าจะได้ขอบคุณเจ้าให้ดีเสียหน่อย ยังไงซะเจ้าก็ได้สังหารคู่อริที่ยิ่งใหญ่ของข้าลงไปได้ หากว่าเจ้าติดตามข้ากลับไป ย่อมไม่มีผู้ใดสามารถที่จะทำอันใดเจ้าได้อย่างแน่นอน ”

 

“นางเซียนหลิงม๋ง วาจาล้อเล่นกล่าวถึงแค่นี้ก็พอแล้ว อย่าได้ลืมเลือนสิ่งที่พวกเราได้นัดแนะกันเอาไว้!” ชิงยี่ก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา พลิกทั้งสองมือฟาดออกไปตระเตรียมพร้อมที่จะลงมือออกไป

 

หญิงสาวที่ถูกเรียกขานว่าหลิงม๋งก็ได้หัวเราะขึ้นมา นางก็ได้เพิ่มพลังสภาวะความเร็วของร่างกายให้เร็วขึ้น มุ่งหน้าไล่ตามเข้าไปทางด้านของเยี่ยจง

 

“ให้ตายเถอะ ก่อนหน้านี้สังหารเยว่จิ่งไปแล้วคนหนึ่ง ตอนนี้ยังจะมีหลิงม๋งโผล่ขึ้นมาอีกคน เผ่าซือคิดที่เล่นตลกกับข้าหรือยังไงกัน!” เยี่ยจงหันกายหลบหนี นั้นก็เพราะว่าเขานั้นพบเห็นร่องรอยของเงาร่างอีกหลายสาย ถึงแม้ว่าในหมู่คนเหล่านี้จะมิได้อยู่ในระดับราชัน แต่ว่าต่างก็อยู่ในระดับสูงของยอดฝีมือระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชัน อีกทั้งยังมีอยู่อีกหลายคนที่ถือได้ว่าเป็นอัจฉริยะแห่งเผ่าพันธุ์ หากว่าเป็นช่วงเวลาตามปกติดวลกันหนึ่งต่อหนึ่งกับเยี่ยจงเขาย่อมต้องไม่เกรงกลัว แต่ว่าภายใต้สถานการณ์ที่ถูกกดดันเช่นนี้แล้วละก็ ต่อให้เป็นเยี่ยจงเองก็คงจะมีแต่หนทางของความตายเพียงสายเดียว

 

เรื่องราวเมื่อถูกดำเนินมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เยี่ยจงย่อมต้องเข้าใจอย่างกระจ่าง ว่าขุมกำลังเหล่านี้เรียกได้ทุ่มเทกำลังออกมาอย่างเปิดเผยแล้ว แต่ว่าเบื้องหลังนั้นพวกเขาก็ยังถือได้ว่าได้ร่วมมือกันกับทางด้านของหุบเขาหมื่นปีศาจ ขณะนี้จึงได้ปรากฏตัวขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงจะมิใช่เรื่องบังเอิญอย่างแน่นอน

 

“พี่เยี่ยยังคงติดตามข้าไปเถอะ แดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะได้ผู้มีพรสวรรค์เช่นท่านเข้าร่วมด้วย หากว่าท่านเข้าร่วมกับแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ข้า ก็ถือได้ว่าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์อันดับที่สี่ สถานะเป็นรองเพียงแค่ข้า ” อีกทางด้านหนึ่ง ชิงหญิงก็ได้ปรากฏขึ้นมา นางนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ทอสีหน้าสงบ ประดุจดั่งนางเซียน

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset