เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 490 พื้นที่ราบหนานฮวง

ตอนที่ 490 พื้นที่ราบหนานฮวง

 

“เจ้าสุนัขเยี่ย ในเวลานี้หากว่าเจ้ายอมมอบชีวิตมาแล้วละก็ ข้าก็ยังพอที่จะให้ความรวบรัดกับเจ้าได้ ไม่เช่นนั้น ข้ากลัวว่าเจ้าเมื่อถึงเวลาแล้วมาอ้อนวอนขอร้องว่าจะตายก็ยังทำไม่ได้เลย! ควรทราบว่า ยังมีเรื่องบางเรื่องที่ยังถือได้ว่าน่ากลัวกว่าความตายอีก ! ..” ราชันวานรก็ได้หัวเราะขึ้นมาอย่างชั่วร้ายไปทั่วทั้งใบหน้า กระบอกเหล็กในมือของมันก็ได้กระทุ้งลงกับพื้นดิน จนเกิดการสั่นไหวเล็กๆ ขึ้นมา ทุกๆ กระบวนท่าที่ทอดลง ต่างก็พอที่จะทำให้เกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาตามพื้นดินขึ้นมาเป็นสาย มันในขณะนี้ราวกับไม่จำเป็นที่จะต้องรีบเร่งเพื่อที่จะลงมือ จากนั้นก็ได้จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเรียบเฉย

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา นี้เป็นแผนที่ที่จงหลี่มอบให้อธิบายอย่างละเอียดถึงสถานที่ที่เป็นจุดที่อันตรายอย่าพื้นที่ราบเสี่ยวหนาน ทำให้เขาเข้าใจได้อย่างกระจ่าง หากว่าเข้าไปยังภายในพื้นที่ราบเสี่ยวหนานแล้ว ตนเองที่เป็นเหมือนดั่งกับการหาที่ตาย และเขาในขณะนี้ก็เป็นเหมือนไม่อาจที่จะทั้งเข้าหรือถอยหนี ในเวลาเช่นนี้ก็เริ่มที่จะเกิดอาการบ้าคลั่งขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

ทว่าหลังจากที่สภาวะจิตใจได้เปลี่ยนแปลงไป เยี่ยจงกลับมิได้แสดงอารมณ์ออกมาให้เห็น เพียงแต่จ้องมองไปทางด้านของราชันวานรตนนี้อย่างไม่แยแส กล่าวออกมาอย่างเย็นชา: “เจ้าวานรที่น่าตาย วันนี้หลังจากที่เจ้าตายไป เจ้าลิงหลายตัวของพวกเจ้าก็จะไม่หลงเหลืออยู่ภายในหุบเขาหมื่นปีศาจอีกต่อไปแล้ว รอคอยจนวันที่ข้าได้สังหารมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อไปแล้ว สายโลหิตของพวกเจ้านี้ก็คงจะต้องจบสิ้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย!”

 

“ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ!” ราชันวานรหัวเราะเยาะขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ ในขณะนี้ มันก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาออกมา “เจ้าคงจะไม่คิดหรอกนะว่า วันนี้เมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้วยังจะสามารถหนีรอดไปได้อีกอย่างงั้นหรือ? ข้าคิดว่า ต่อให้เจ้าคิดที่จะหลบหนีเข้าไปยังภายในพื้นที่ราบหนานฮวงก็จะรอดไปได้หรืออย่างไรกัน?”

 

“ช่างไม่รู้จักสัมมาคารวะเอาเสียเลย ช่างไม่ทราบฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ ช่างเป็นกบในกะลาเสียจริง แม้แต่พื้นที่ราบหนานฮวงนี้ก็ยังเป็นสถานที่ใดกันเจ้าก็ยังไม่ทราบอย่างงั้นหรือ ดูเหมือนว่าวันนี้เจ้าคงจะต้องตายอย่างไม่ทราบสาเหตุแล้วละ!” ชิงยี่ก็ได้ครุ่นคิดแล้วกล่าวออกมา ทอสีหน้าเมินเฉย ขณะนี้เขาก็ได้จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเย็นเยียบ ราวกับว่าพบเห็นคนที่จะต้องตายอย่างแน่นอนก็มิปาน

 

นอกเสียจากสองคนก่อนหน้านี้ ยอดฝีมือคนอื่นๆ ต่างก็ได้หันมามองทางด้านของเยี่ยจงด้วยสีหน้าที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอนาถ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาค่างก็คาดคิดแล้วว่า เยี่ยจงขณะนี้ไร้ซึ่งหนทางในการหลบหนีไปได้แล้ว ไม่ว่าจะมองอย่างไรก็จำเป็นที่จะต้องตายลงอย่างแน่นอน

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา ภายในจิตใจก็ได้เริ่มที่จะเข้าใจขึ้นมา พื้นที่ราบหนานฮวงผืนนี้เกรงว่าคงจะเป็นอย่างที่ตนเองคาดคิดเอาไว้ อีกทั้งยังอันตรายเสียยิ่งกว่าที่จงหลี่ได้กล่าวเอาไว้ หากว่าพลาดพลั้งไปแล้วละก็ สภาพต่อไปคงจะต้องอเนจอนาถอย่างถึงที่สุด

 

“ท่านเยี่ยจง พื้นที่เสียวหนานเป็นหนึ่งในสถานที่ต้องห้ามของดินแดนซีฮวง ส่วนคนที่ได้เข้ายังส่วนลึกแล้ว โดยส่วนมากต่างก็แทบจะไม่หลงเหลือแม้แต่กระดูก ท่านยังคงติดตามข้าจากไปเถอะ แดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์ข้าย่อมไม่เอาเปรียบกับคัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ของท่านแน่นอน รวมไปจนถึงมิได้มีความสนใจต่อสายทางแห่งดวงตะวันของท่านด้วยซ้ำ ขอเพียงท่านปกปักอยู่ที่ลัทธิของเรา เช่นนั้นแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์จะต้องให้ตัวเลือกที่ดีที่สุดแก่ท่านอย่างแน่นอน วันข้างหน้าไม่ต้องกล่าวถึงว่าท่านจะสามารถที่จะสำเร็จสู่ระดับมหาราชันแห่งแดนปราชญ์ศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่ต้องสงสัย นับจากวันนี้ก็เป็นที่สะท้านฟ้าไปใต้หล้า จะมีผู้ใดสามารถที่ขัดขวางได้กัน?” นางเซียนชิงหญิงก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง เพื่อที่จะได้ยื่นข้อเสนอของตนเองออกมา ในเมื่อไม่ทราบที่มาที่ไปของเยี่ยจง เห็นได้ชัด สิ่งที่เยี่ยจงได้กระทำก่อนหน้านี้ ได้ทำให้นางยิ่งให้ความสำคัญแก่เยี่ยจงเพื่อให้ได้ตัวมากขึ้น

 

“น้องชาย เจ้าไม่คิดที่จะใคร่ครวญเรื่องที่จะกลับไปยังหุบเขาจิ้งจอกจริงอย่างงั้นหรือ? เจ้าควรที่จะทราบว่า ขอเพียงตอบข้าเพียงคำเดียว ต่อให้ราชันวานรผู้ยิ่งใหญ่ไม่ยินยอม มันก็จำเป็นที่จะต้องให้เจ้าจากไป ” ซูม่อหยงอมยิ้มขึ้นมา ประกายแสงจันทราก็ได้ปกคลุมไปยังบนร่างกาย นางก็ได้ค่อยๆ เข้ามาใกล้ เข้าใกล้ยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

 

“แม่นางซู รอคอยให้ข้าจัดการเขาได้ก่อนค่อยกล่าวถึงเรื่องอื่นเถอะ ” ราชันวานรก้าวขึ้นมาด้านหน้าด้วยตนเอง แล้วก็ได้เข้าไปใกล้ยังทางด้านที่เยี่ยจงอยู่อย่างช้าๆ ถึงแม้ว่าขณะนี้เยี่ยจงจะถูกปิดเส้นทางเอาไว้ แต่ว่ามันก็ยังคงระมัดระวังเป็นอย่างมาก นั้นก็เพราะว่ามีปีศาจจากหุบเขาหมื่นปีศาจพลาดท่าภายใต้น้ำมือของเยี่ยจงอยู่มากมายจนเกินไป นอกเสียจากเขาแล้ว ยอดฝีมือจากหุบเขาหมื่นปีศาจหลายตนอีกทางด้านหนึ่งก็ได้ค่อยๆ เข้าใกล้เข้ามาอย่างช้าๆ มาจนถึงขั้นนี้แล้ว พวกเขาย่อมไม่ให้โอกาสแก่เยี่ยจงอีกอย่างแน่นอน

 

เยี่ยจงสูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ อีกคำหนึ่ง พริบตานั้นเอง ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้ทอเป็นประกายแสงสีทองอันคมกล้าขึ้นมาไม่ขาดสาย กายาทองไม่สูญสลายก็ได้ถูกเขาใช้ขึ้นมา ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้หันกลับมามองไปบริเวณทางด้านหลัง จากนั้นก็ได้เริ่มที่จะเดินเข้าไป

 

ขณะนี้ หากว่าเขาเสี่ยงชีวิตแล้วละก็ ด้วยพลังฝีมือของเขา อย่างน้อยก็ยังพอที่จะสามารถที่จะจัดการลงไปได้อย่างน้อยก็สามคน แต่ว่าหลังจากสามคนนี้แล้ว เขาจะต้องตายลงอย่างไม่ต้องสงสัย ในข้อนี้เยี่ยจงไม่ว่าจะคำนวณเช่นไรก็เป็นที่กระจ่างอย่างยิ่ง ดังนั้นในขณะนี้เขาจึงมิได้ลงมือออกไปอย่างแข็งขืน เพียงแต่ตระเตรียมทั้งหมดมุ่งหน้าออกไป เพื่อที่จะลดทอนความเสียหายได้มากที่สุด จากนั้นได้เข้าไปภายในพื้นที่ราบหนานฮวง

 

ขอเพียงสามารถที่จะผ่านพ้นความยากลำบากในวันนี้ได้ วันข้างหน้าหากว่าอยู่ในสถานการณ์ที่มีการเตรียมพร้อม ไม่ว่าจะอย่างไรก็คงไม่จำเป็นที่จะต้องถูกทำให้เคลื่อนไหวดั่งเช่นวันนี้อย่างแน่นอน

 

“น้องชาย เจ้าจำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้งั้นหรือ มาที่เผ่าซือข้า มาเป็นผู้ที่เคียงคู่เคียงบ่าเคียงไหล่พี่สาวเช่นข้า มิใช่เป็นเรื่องที่ดียิ่งกว่าหรอกหรือ? ไยต้องเข้าสู่หนทางกังหยาง (ธาตุหยางอันรุนแรง) เช่นนี้กัน?” หลิงม๋งอมยิ้มขึ้นมา แล้วก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวไปทางเบื้องหน้า แต่ว่านางเองก็ถือได้ว่าเคร่งเครียดขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ ถึงแม้ว่าจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า แต่ว่ากลับมิได้คลายความระมัดระวังลงเลยแม้แต่น้อย

 

“ซวบ——”

 

ชิงยี่ยิ่งตรงไปตรงมายิ่งกว่า เขาในขณะนี้ก็ได้ชักหอกยาวสีเขียวออกมาด้ามหนึ่ง ทอสีหน้าเมินเฉยออกมา ปลายหอกก็ได้พวยพุ่งสาดประกายคมกล้าสีเขียวออกมา ปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างกายของเยี่ยจง ตระเตรียมที่จะลงมือออกกระบวนท่าประดุจสายฟ้า เขาและคนอื่นๆ นั้นไม่เหมือนกัน มิได้ตระเตรียมที่จะเก็บเยี่ยจงเอาไว้ เพียงแต่มุ่งหมายตระเตรียมที่จะฆ่าสังหารเขา ไม่ให้โอกาสใดๆ แก่เขา

 

“ทุกท่านที่ได้มารวมกันในวันนี้ เยี่ยจงจะจดจำเอาไว้ วันหน้าจะตอบแทนให้เป็นอย่างดีแน่นอน ” ส่วนลึกภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้ทอดตามองออกไปบริเวณทางด้านหลัง จากนั้นเขาก็ได้หันกายจากไป ควบคุมกายาทองไม่สูญสลายขึ้นมา ร่างกายก็ได้เข้าไปสู่ภายในของพื้นที่ราบหนานฮวง

 

“ตูม——”

 

ทันทีที่ร่างกายของเขาได้เข้าไปยังภายใน ตลอดทั่วทั้งร่างกายของเขาก็ได้ลุกโชนไปด้วยควันไฟขึ้นมา ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้เริ่มที่จะปกคลุมเต็มไปด้วยเพลิงกาฬขึ้นมาภายในพริบตา ประดุจดั่งมีอสรพิษเพลิงไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายของเขา

 

เยี่ยจงมิได้กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมาย ทนรับความเจ็บปวดจากพลังเพลิงที่ไหลเวียนเข้ามานับหมื่นสาย เพิ่มระดับความเร็วเข้าไปยังภายใน หมายมั่นที่จะออกไปจากสถานที่แห่งนี้อีกทางด้านหนึ่ง

 

“ช่างเป็นชีวิตที่ไร้ค่ายิ่งนัก ถึงกับหาที่ตายด้วยตัวเอง ยังไม่เคยมีมาก่อนเลยด้วยซ้ำนับตั้งแต่โบราณมาในการเข้าไปยังพื้นที่ราบหนานฮวงโดยต่อให้มีการเตรียมการเป็นอย่างดี ต่างก็เป็นการจากไปอย่างไม่อาจที่จะหวนคืนกลับมา ทว่า เจ้าคงไม่คิดจริงหรอกนะว่า ข้าจะไม่มีการเตรียมการมาเป็นอย่างดีในการไล่ล่าเจ้างั้นหรือ?” ราชันวานรหัวเราะขึ้นมาอย่างเย็นชา จากนั้นก็ได้พบว่ามันได้พลิกมืออกอมาคราหนึ่ง แล้วก็ได้นำเอาโอสถปีศาจสีแดงเพลิงออกมาเม็ดหนึ่ง เมื่อโอสถปีศาจเม็ดนี้ได้ปรากฏขึ้นมาภายในพริบตานั้น เพลิงกาฬที่อยู่ในระยะของร่างกายของมันภายในสามเมตรก็ได้ถอยรนออกไป

 

“ไข่มุกเลี่ยงเพลิง!” แล้วก็ได้มีคนที่เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไป

 

ราชันวานรกลับมิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแค่โบกมือขึ้นคราหนึ่ง ไข่มุกเลี่ยงเพลิงที่ได้ถือครองเอาไว้ ก็ได้นำพาเหล่ายอดฝีมือจากหุบเขาหมื่นปีศาจเข้าไปยังพื้นที่ราบหนานฮวงอยู่หลายตน

 

เมื่อพบเห็นฉากเบื้องหน้านี้ ผู้คนมากมายที่หลงเหลือก็ได้แต่เพียงมองดูอยู่ทางด้านหลัง ทุกผู้คนต่างก็พยายามที่จะใช้พลังฝีมือเฉพาะตัวขึ้นมา มีคนที่ได้กลืนกินโอสถเข้าไป บางคนนั้นก็ได้ชักออกมาด้วยสมบัติเซียน อีกทั้งยังมิได้มีเพียงการใช้พลังฝีมือเช่นนี้เท่านั้น หลังจากที่ได้มีการตระเตรียมเสร็จสิ้น คนเหล่านี้ก็ได้เข้าไปยังพื้นที่ภายในของพื้นที่ราบหนานฮวง แล้วก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปใกล้ยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจง

 

เห็นได้ชัด คนกลุ่มนี้เพื่อที่จะทำการต่อกรเยี่ยจง ก็ได้มีผู้คนมากมายได้ตระเตรียมพลังฝีมือออกมามากมาย ขณะนี้ ผู้คนทั้งหมดก็ได้ลงมือออกมาพร้อมกัน เข้าไปใกล้ยังเยี่ยจงที่พยายามที่จะเข้าไปยังส่วนลึกของพื้นที่ราบหนานฮวงด้วยความรวดเร็ว

 

บริเวณทางด้านหน้าสุด เยี่ยจงก็ได้หันหน้ากลับมา จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะกัดฟันไปมา เด็กน้อยเหล่านี้ไม่ว่าจะต้องการอันใดก็ต้องเอามาให้ได้ ดูเหมือนว่าอันตรายทั้งหมดภายใต้หุบเขาทั้งหมดก็ได้ถูกพวกเขาคาดคำนวณเอาไว้เป็นอย่างดีแล้วมาก่อน จนทำให้มีการเตรียมการสิ่งของทั้งหมดเอาไว้ ขอเพียงที่จะสามารถที่จะสังหารตนเองลงไปได้

 

เดิมทีเยี่ยจงคิดเอาไว้ว่า เมื่อได้เข้ามาภายในส่วนลึกของพื้นที่ราบหนานฮวง คนเหล่านี้อย่างน้อยก็คงจะต้องปล่อยวางลง แต่ว่าตอนนี้เขากลับเข้าใจได้ขึ้นมาว่า คนเหล่านี้คงจะไม่อาจที่จะปล่อยตนเองไปอย่างง่ายดายได้อย่างแน่นอน

 

ต่อมาเขาก็มิได้กล่าววาจาไร้สาระมากมายอีก เพียงแต่กัดฟันเพิ่มระดับความเร็วมากยิ่งขึ้น มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกของบริเวณพื้นที่ราบหนานฮวง

 

ยังดีที่เขาได้ฝึกปรือพลังกายาทองไม่สูญสลายมา กายเนื้อจึงมีความแข็งแกร่งจนน่ากลัวยิ่งกว่าระดับราชัน ดังนั้น ขณะนี้ถึงแม้จะมีเพลิงไฟนับหมื่นสายตามร่างกาย แต่ว่าในเวลาเช่นนี้เพลิงกาฬเหล่านี้กลับยังไม่อาจที่จะสร้างบาดแผลให้กับเขาได้เลยแต่อย่างไร ในการที่เขาได้มุ่งมานะในการฝึกฝนพลังกายเนื้อเอาไว้ ก็ถือได้ว่าทำให้เขาได้รับข้อดีอยู่ไม่น้อย

 

หลังจากที่ได้เดินจากไปอีกนับหลายสิบลี้ ทางด้านข้างของร่างกายที่มีเพลิงกาฬสีแดงเพลิงก็ได้ค่อยๆ ที่จะเปลี่ยนจนกลายเป็นสีฟ้าคราม อุณหภูมิของเพลิงไฟก็ยิ่งทวีความร้อนแรงมากยิ่งขึ้น ต่อให้เป็นเยี่ยจงก็ยังรู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดบนกล้ามเนื้อขึ้นมาอยู่หลายส่วน

 

“ข้าว่าทุกท่าน พวกเจ้าคิดที่จะกลายเป็นเนื้อย่างพร้อมกันหรือยังไง? ข้ากลับรู้สึกออกมาได้ว่า เพลิงกาฬเหล่านี้สามารถที่จะผลาญไปจนถึงพลังปราณได้ ข้าที่มีพลังกายาทองไม่สูญสลายคุ้มครองร่างเอาไว้ ย่อมต้องไม่เกรงกลัว แต่ว่าพวกเจ้า เพียงแค่พวกเจ้าตระเตรียมใช้ออกมาด้วยไพ่ตายออกมาจนหมดสิ้นแล้ว เกรงว่าคงจะไม่อาจที่จะหนีจบสิ้นไปจนหมด!” ทันใดนั้นเยี่ยจงก็ได้หันหน้ากลับมา ตะโกนออกมาจากทางด้านหลัง

 

“สุนัขน้อย เจ้าคงอาจจะไม่ทราบถึงไพ่ตายทั้งหมดของพวกเราได้ ต่อให้ไล่ล่าเจ้าทั้งหมดเจ็ดวันเจ็ดคืน ก็ย่อมไม่เป็นปัญหาอันใดอยู่แล้ว!” ราชันวานรหัวเราะเสียงดังออกมา พร้อมทั้งส่งเสียงอันเย็นเยียบออกมา

 

“งั้นหรือ?” เยี่ยจงส่งเสียงออกมาอย่างเย็นชา “หากว่าข้าลงมือด้วยพลังทั้งหมดในขณะนี้ ทำลายไพ่ตายส่วนหนึ่งของผู้คนส่วนหนึ่งลงไปแล้วละก็ ข้าคิดว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้นแล้วละก็ ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นคงจะน่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว!”

 

เยี่ยจงส่งเสียงดังออกมา จนทำให้ยอดฝีมือมากมายที่ติดตามอยู่ทางด้านหลังขมวดคิ้วขึ้นมาน้อยๆ จากนั้นก็ได้ไล่ตามช้าลงไปอยู่หลายส่วน พวกมันถึงแม้จะได้มีการเตรียมการพลังฝีมือเหล่านี้เอาไว้ แต่ว่าก็เป็นอย่างที่เยี่ยจงกล่าวออกมาก็มิปาน พลังฝีมือเหล่านี้ใช้เพื่อคุ้มครองร่างกายย่อมต้องไม่เป็นปัญหาอันใดมากมายอยู่แล้ว แต่ว่าถ้าหากถูกคนแย่งชิงไปแล้วละก็ พวกเขาย่อมไม่อาจที่จะยืนหยัดต่อไปได้

 

เยี่ยจงจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าอย่างเย็นเยียบ แล้วก็พอที่จะทราบได้ถึงข้อที่ตนเองที่จะใช้มาเป็นข้อได้เปรียบได้เล็กน้อย เพียงแต่ว่าเพลิงกาฬในขณะนี้ยังถือได้ว่าเป็นปกติธรรมดาอยู่ ดังนั้นเยี่ยจงย่อมต้องไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมาย เพียงแต่เพิ่มระดับความเร็วขึ้น มุ่งหน้าเข้าไปต่อไป

 

“น้องชาย พี่สาวมีจิตใจที่ดีต่อเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าจะมาตายลงเช่นนี้มันก็น่าเสียดายจนเกินไป ข้าเพียงแต่ต้องการที่จะดื่มด่ำอยู่ภายใต้แสงจันทร์กับเจ้า ข้าอยากที่จะทราบว่า ช่วงเวลาที่ศิษย์น้องเยว่จิ่งที่น่ารักของข้าตายลงนั้น ได้แสดงสีหน้าออกมาได้น่ารักถึงเพียงใดกัน ดังนั้นข้าย่อมไม่ฆ่าเจ้าอย่างแน่นอน เจ้ารีบถอยกลับมาเถอะ!” หลิงม๋งก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมา โน้มน้าวเยี่ยจงไม่หยุด

 

เยี่ยจงแทบเดินเซไปในทันที หันหน้ากลับไปมองยังทางด้านหลิงม๋งด้วยสีหน้าประหลาด หลิงม๋งผู้นี้ดูไปแล้วก็เหมือนมีพลังปราณกระจ่างแห่งดวงจันทราก็มิปาน แต่ว่าเห็นได้ชัดมีความรักชอบที่พิเศษอย่างยิ่ง ตนเองหากว่าต้องตกไปอยู่ในมือของนางแล้วละก็ แม้ว่าจะไม่ถึงกับตายลง แต่ว่าจากสภาพการณ์ต่อไปอย่างน้อยก็คงจะไม่แตกต่างจากตายทั้งเป็น!

 

“ช่างเป็นความวิปริตในระดับตำนานเลยอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงขนลุกซู่ขึ้นมา กลับมิใช่เกิดความเกรงกลัวต่อพลังฝีมือของนาง เพียงแต่เมื่อตนเองได้เข้าเผชิญหน้ากับหลิงม๋งผู้นี้ กลับยิ่งทำให้เขายิ่งต้องเร่งความเร็วมากยิ่งขึ้น ไม่ต้องการที่จะเข้าใกล้เลยแม้แต่น้อย

 

แล้วก็ได้มุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้าอยู่หลายลี้ พลังเพลิงกาฬสีฟ้าครามก็ได้กลายเป็นสีม่วงขึ้นมา เพียงแต่ว่าระดับอุณหภูมิของเพลิงกาฬสีม่วงเหล่านี้กลับสูงยิ่งขึ้น ตลอดทั่วทั้งสี่ทิศก็จะสามารถที่จะพบเห็นได้ถึงเหล่าก้อนศิลาเกิดการเผาไหม้อยู่ ประดุจดั่งได้ถูกราดเอาไว้ด้วยน้ำมันเอาไว้อยู่ จนทำให้เกิดฉากที่ทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“ท่านเยี่ยจง อย่าได้ไปทางด้านหน้าอีกเลย ถึงแม้ว่าพลังกายาทองไม่สูญสลายของเจ้าจะแข็งแกร่งอย่างยิ่ง แต่ว่าเพลิงกาฬเหล่านี้นั้นสามารถที่จะเผาผลาญไปจนถึงจิตวิญญาณของผู้คน หากเจ้ายังถลำลึกเข้าไป เกรงว่าแม้แต่เนื้อบนร่างกายก็คงจะไม่หลงเหลือ จะกลายเป็นเพียงก้อนเนื้อซากศพที่ยังเดินได้เท่านั้น ติดตามข้าไปเถอะ มาเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของลัทธิข้า ยังดีเสียกว่าต้องมาตายลงอย่างไร้ความหมายเช่นนี้ อย่างน้อยวันข้างหน้าเจ้าก็ยังสามารถที่จะมีโอกาสในการแก้แค้นได้ ” เหนือศีรษะของชิงหญิงก็ได้มีเตาขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา สาดทอเป็นประกายแสงคมกล้าสีอ่อนปกคลุมอยู่ทั่วทั้งร่างของนาง ขณะนี้เพลิงนับหมื่นไม่อาจที่จะเข้าใกล้นางได้ นางก็ได้ส่งเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง ภายในดวงตาประดุจดั่งกำลังขอร้องอ้อนวอนอยู่

 

เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาเสียงหนึ่ง มิได้ให้ความสนใจไปที่เด็กน้อยเหล่านี้ เพียงแต่มุ่งหน้าเดินออกไปบริเวณทางด้านหน้า ไม่นานนัก ก็ได้เข้ามายังใจกลางของเพลิงกาฬลำดับที่สี่

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset