เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 502 การปรากฏของบุตรศักดิ์สิทธิ์

ตอนที่ 502 การปรากฏของบุตรศักดิ์สิทธิ์

 

“องค์ชายหกแห่งรัฐสือ สือซิ่ง!”

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้น ทอดวงตาเป็นประกายลึกล้ำ เขากลับคิดไม่ถึงว่า จะต้องมาพบเจอกับสือซิ่งอีกครั้งได้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ อีกทั้งขณะนี้ยังถึงกับเข้าร่วมการต่อสู้อีกด้วย ประดุจกำลังอยู่ในท่วงท่าที่ห้าวหาญ <.

 

“ที่ลงมืออยู่กับเขานั้นคือใครกัน? ข้าราวกับมิเคยพบเห็นมาก่อนเลย ” เยี่ยจงหลังจากที่ครุ่นคิด ก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา

 

“ เจ้าน่าจะยังไม่เคยพบเจอมาก่อน นั่นก็เพราะว่ากลุ่มคนก่อนหน้านี้ที่เจ้าเคยพบเจอ ถึงแม้ว่าจะถูกเรียกขานว่าเหล่าอัจฉริยะ แต่ว่ากลับมิใช่กลุ่มตัวแทนชั้นแนวหน้าของแดนลับแลต่างๆ ที่ประมือกับสือซิ่งอยู่ในขณะนี้ ก็คือราชานกยูงแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ กล่าวกันว่ามันก็คือสุดยอดอันดับหนึ่งแห่งรุ่นของหุบเขาหมื่นปีศาจ ถูกเรียกขานว่าเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ” ไต๋ซือหวู่โหวตบไปที่ท้องน้อย กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงชิชิชะชะ “น่าเสียดาย หากว่าเกิดช้ากว่านี้อีกสักหน่อย คงจะได้เข้าสู่การแย่งชิงกับบุคคลเช่นนี้ ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ ในรุ่นของพวกเจ้าถือได้ว่ามีการปรากฏของบุคคลที่สุดยอดอยู่อีกหลายคน มิต้องเอ่ยถึงเด็กน้อยอย่างเจ้า หรืออย่างสือซิ่ง ราชานกยูงน้อย จื่อจุนเทียนเป็นต้น ต่างก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งยุคที่แท้จริง การที่ได้เกิดมาในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง จึงทำให้เป็นสิ่งที่ยากจะคาดคิดเอาไว้ได้ ว่าดินแดนแห่งนี้กว้างใหญ่ไพศาลได้ถึงเพียงใด ”

 

“บุตรศักดิ์สิทธิ์ ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นน้อยๆ บนใบหน้าก็ได้ทอสีหน้าถือได้ว่าดีอยู่ไม่น้อย เขาย่อมเข้าใจได้เป็นอย่างดี บุตรศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์、เทพหญิงที่ถูกเรียนขานเหล่านี้เป็นต้น ต่างก็มีสถานะที่พิเศษจำเพาะอยู่ภายในดินแดนลับแลอันยิ่งใหญ่ โดยส่วนมากแล้วต่างก็เรียกได้ว่าเป็นที่ยอมรับของบุคคลทุกระดับอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีฐานะที่ประดุจดั่งองค์ชายก็มิปาน เขาก่อนหน้านี้ถึงแม้ว่าจะพบเจอกับศัตรูอยู่มากมาย แต่ว่านอกเสียจากองค์ชายหกรัฐสือแล้ว ก็ยังไม่เคยที่จะประมือกับบุคคลระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์มาก่อน คิดไม่ถึงว่าในสถานที่แห่งนี้ถึงกับมีการปรากฏขึ้นมาถึงสองคนแล้ว

 

“กลัวงั้นหรือ?” หวู่โหวกวาดสายตามองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา

 

“กับยุคเดียวกันกับเยี่ยจงข้า ถือได้ว่าเป็นความพินาศของพวกเขาแล้ว ” เยี่ยจงเอ่ยขึ้นมาอย่างราบเรียบ มิได้มีควันเพลิงแค้นแม้แต่น้อย

 

“เจ้าตัวบัดซบน้อยผู้นี้ เหตุใดยิ่งดูไปแล้วก็ยิ่งเหมือนกับข้าในสมัยหนุ่มๆ เลยกันนะ? หากว่าเติบใหญ่ขึ้นมาจริงแล้วละก็ วันข้างหน้าคงจะต้องเป็นวีรบุรุษที่กระจ่างแจ้งในวิทยายุทธ์เช่นเดียวกับข้าอย่างไม่ต้องสงสัย?” ไต๋ซือหวู่โหวลูบไปที่ท้องน้อยไปมา ทอสีหน้ามัวหมองแล้วกล่าวขึ้นมา

 

เยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำ เหม่อมองไปที่ท้องน้อยของไต๋ซือหวู่โหวแล้วกล่าว : “ท่านผู้อาวุโส อย่าได้เอาแต่ล้อเล่นแล้ว มิใช่ว่าทุกผู้คนจะไม่ระมัดระวังที่เมื่อเติบใหญ่แล้วจะผิดแผกกันเสียทุกคนเสียหน่อย!”

 

“เจ้า! เจ้าลูกเต่าน้อยเจ้าหมายความว่ายังไงกัน?” ไต๋ซือหวู่โหวโกรธจนปัดไปที่จมูกไปมา ดวงตามิคล้ายกับดวงตา

 

“ไต๋ซือ ข้ายังต้องทำงานให้กับท่านอยู่อีกนะ ใช่แล้ว นับจากตอนนี้เป็นต้นไป ข้าสมควรที่จะเปลี่ยนคำเรียกขานเป็นใช้หวูสักครู่แล้วกระมั่ง ” เยี่ยจงหัวเราะฮิฮะออกมา

 

ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าดำคล้ำ หลังจากที่จ้องมองเข้าไปที่เยี่ยจงอย่างดุร้าย ก็ได้ทอดสายตากระทบมองเข้าไปยังท่ามกลางอากาศอีกครั้ง เขาที่อยู่ในระดับชนชั้นมหาราชัน แต่ว่ากลับมีความแตกต่างจากมหาราชันคนอื่นๆ มิได้ถือทิฐิมากมายนัก

 

“จะว่าไป เด็กน้อยทั้งสองนี้ต่างก็ถือได้ว่าเป็นระดับราชันที่แท้จริงแล้ว、โดยเฉพาะบุคคลอย่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ เหตุใดถึงยังไม่เข้าไปยังภายในของพื้นที่สุสานเซียนกัน กลับมาทุบตีกันอยู่ในที่แห่งนี้?” เยี่ยจงขมวดคิ้วแล้วเหม่อมองไปยังการปะทะท่ามกลางอากาศ หลังจากนั้นสักพักเขาจึงค่อยถอนหายใจออกมาเบาๆ แฝงเอาไว้ด้วยความมัวหมอง หากมองจากสภาวะในระดับนี้แล้ว ขณะนี้พลังฝีมือของทั้งสองถอได้ว่ายังอยู่ห่างจากเขาอยู่มาก ถึงแม้ว่าเยี่ยจงจะมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก แต่ว่าก็ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับว่า ตนเองนั้นเรียกได้ว่ายังมิใช่คู่ต่อสู้ของทั้งสองคนอย่างแน่นอน

 

“ทั้งสองคนนี้ถือได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งแห่งดินแดนซีฮวงได้อย่างแท้จริง ช้าเร็วจะต้องเข้าสู้กันสักวัน วันข้างหน้าผู้ใดที่เท้าเหยียบย่างเข้าสู่ความเป็นหนึ่ง จะต้องกล่าวเป็นผู้ยิ่งใหญ่แห่งดินแดนซีฮวงอย่างแน่นอน อย่างน้อยก็ยังพอที่จะสามารถที่จะจากผลการต่อสู้ในวันนี้ได้อยู่บ้าง ” ไต๋ซือหวู่โหวกล่าวออกมาอย่างเย็นชา “คนหนุ่มถึงแม้จะหุนหันพลันแล่นอยู่บ้าง การต่อสู้ของพวกเขาจะช้าจะเร็วก็ต้องเกิดขึ้นมาอยู่แล้ว ผลสุดท้ายก็แล้วแต่บุญวาสนาแล้ว ที่ตลอดมายังไม่เคยได้ปะทะกัน ดังนั้นย่อมมิได้มีการปะทะกันก็เท่านั้น ทว่าเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องดีใจไป หากว่าเด็กน้อยทั้งสองคนจดจำเจ้าขึ้นมา สือซิ่งจะเป็นอย่างไรนั้นข้าย่อมกล่าวมิได้ แต่เจ้าราชานกยูงน้อยนั้นย่อมไม่ปล่อยเจ้าไปอย่างแน่นอน ”

 

“พวกเขาสองคนในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการพบกันครั้งแรกมีหรือที่จะเข้าไปยังสุสานเซียนได้อย่างสะดวกสบายแล้วค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่น ” เยี่ยจงยิ้มขึ้นมา มิได้กล่าวอันใดมากมาย สุสานเซียนในครั้งนี้ถือได้ว่าอันตรายอย่างถึงที่สุด แน่นอนว่าย่อมอยู่เหนือความคาดหมายของพวกเขาไปอย่างอย่างมาก แม้แต่ตัวเยี่ยจงเองก็ยังไม่อาจที่จะรับรองในชัยชนะได้ ดังนั้นขณะนี้เขาจึงไม่กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมายนัก

 

“เจ้าตัดสินใจได้แล้วสินะ!” ไต๋ซือหวู่โหวมองไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้ส่ายหน้าไปมาแล้วกล่าว “ขอให้เจ้าระวังตัวเอาไว้ให้ดี อาจารย์ปู่อย่างข้าแม้จะไม่อาจที่จะอยู่กับเจ้ามาได้ตลอดอีกแล้ว ข้ายังต้องไปดูกับเจ้าเฒ่าตายยากทั้งหลายว่าจะมาไม้ไหนกันอีก เสี่ยวเยี่ยจื่อ จงจำเรื่องที่อาจารย์ปู่บอกเอาไว้ให้ดี อาจารย์ปู่ย่อมไม่ลืมเลือนเรื่องที่ดีของเจ้าอย่างแน่นอน ”

 

ระหว่างที่กล่าว ร่างกายไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ขยับคราหนึ่ง จากนั้นก็ได้หายสาบสูญไปจากท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ไป

 

“ไต๋ซือหวู่โหวผู้นี้ มีฐานะเป็นถึงชนชั้นมหาราชัน แต่ก็ถือได้ว่าเป็นน่ามหัศจรรย์อยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว ” เยี่ยจงเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ ครุ่นคิดอยู่สักพักจึงค่อยกล่าวออกมา คนผู้นี้ก็ช่างไม่มีกลิ่นอายของความเป็นมหาราชันเอาเสียเลย

 

“เขาถือได้ว่าน่ามหัศจรรย์อย่างแน่นอน หากว่าข้าคาดเดาได้ไม่ผิดแล้วละก็ เขาน่าจะสำเร็จระดับนี้คาดว่าไม่น้อยกว่าหนึ่งเจื่อจื่อ (หกสิบปี) การที่มีเผ่ามนุษย์สำเร็จสู่ขั้นมหาราชันภายในหนึ่งเจื่อจื่อ บุคคลเฉกเช่นนี้ มีหรือที่จะไม่มหัศจรรย์ได้กัน?” เสี่ยวหลุนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มเบา เมื่อครู่ที่ไต๋ซือหวู่โหวอยู่ในที่แห่งนี้ มันย่อมทราบได้เป็นอย่างดี มาจนถึงบัดนี้จึงค่อยได้เอ่ยขึ้นมา

 

“เข้าสู่ระดับมหาราชันในหนึ่งเจื่อจื่องั้นหรือ?” เยี่ยจงหายใจเข้าออกไปมา ทอสีหน้าเรียบเฉยขึ้นมา

 

หนึ่งเจื่อจื่อก็คือหกสิบปี เพียงแค่หกสิบปีเท่านั้น

 

ควรทราบว่า วิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตเทวะราช ในทุกๆ การก้าวเดินถือได้ว่ายากเย็นอย่างไร้ที่เปรียบ มีอัจฉริยะวีรบุรุษมากมายนับไม่ถ้วน ต่างก็ในที่สุดคิดอยู่ในระดับราชัน ไม่อาจที่จะมีความก้าวหน้าต่อไปได้ ติดอยู่อย่างนั้นทั้งชีวิต แต่ว่าไต๋ซือหวู่โหวนี้กลับเข้าสู่ระดับมหาราชันเพียงแค่หกสิบปี ไม่อาจที่จะไม่ยอมรับได้ ว่าบุคคลเช่นนี้นั้นมีความน่าหวาดกลัวถึงเพียงใด มีความเป็นไปได้อย่างมากที่เขาอาจจะเข้าสู่ระดับมหาราชันเพียงแค่ไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้เท่านั้น เขาจะต้องเป็นผู้นำของดินแดนใดแห่งหนึ่งในดินแดนซีฮวงอย่างไม่ต้องสงสัย

 

“บุคคลเฉกเช่นนี้ แน่นอนว่าย่อมต้องพบเจอกับวาสนาอันใหญ่หลวง เขาในเมื่อกล่าวกล่าวออกมาเช่นนี้ถือความลี้ลับของสุสานเซียนแล้วละก็ เช่นนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีการปรากฏขึ้นมาอย่างแท้จริง ในครั้งนี้พวกเราไม่แน่ว่าอาจจะได้รับประโยชน์อย่างมากก็เป็นได้!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังเชอะขึ้นมา จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาอย่างรวดเร็ว “มามามา หลายเดือนมานี้ปู่หลุนอย่างข้าได้สูญเสียพลังไปเป็นอย่างมากแล้ว เจ้าก็นำสมบัติเซียนที่พึ่งจะรับได้มาหลายชิ้นออกมา ปู่หลุนจะเริ่มทำการฟื้นฟูสภาวะร่างกายให้ดี รอคอยหลังจากที่ได้เข้าไปยังสุสานเซียนแล้ว ปู่หลุนจะให้ความร่วมมือกับเจ้าเป็นอย่างดีเลยทีเดียว ”

 

เยี่ยจงกรอกตาขาวขึ้นมา กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “เสี่ยวหลุน หากว่าข้านำสิ่งของที่พึ่งจะได้รับมาให้แก่เจ้า ปล่อยให้เจ้ากลืนกินแล้วละก็ เจ้าคิดว่าไต๋ซือหวู่โหวจะปรากฏขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว เพื่อที่จะมาดูว่าเกิดอะไรกันขึ้น? ว่าสิ่งของเหล่านั้นข้ากลับยังมิได้ทำอันใดเสียด้วยซ้ำ ”

 

เสี่ยวหลุนผ่อนลมหายใจออกมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นจึงได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงชิชะ : “ได้ รอคอยจนปู่หลุนอย่างข้าฟื้นคืนพลังกลับคืนมา จะไปบีบเค้นจมูกของเจ้าวัวเหม็นเน่านั้นเอง ดูสิว่าเขานั้นจะเหิมเกริมไปได้อีกแค่ไหนกัน ”

 

เยี่ยจงไม่ทราบจะกล่าวอันใดออกมาได้อีก หากมองจากสภาวะเช่นนี้แล้วละก็ เสี่ยวหลุนและหวู่โหวต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความมหัศจรรย์อย่างแท้จริงทั้งคู่ หากมิใช่ว่าเสี่ยวหลุนขณะนี้เป็นเพียงแค่สมบัติเซียนของตนเองแล้วละก็ เยี่ยจงก็คิดที่จะส่งมอบมันให้แก่หวู่โหวอย่างแน่นอน คาดว่าเมื่อทั้งสองคนนั้นที่มีลักษณะนิสัยเช่นเดียวกันได้อยู่ร่วมกันแล้ว แน่นอนว่าจะต้องเห็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวขึ้นมาอย่างแน่นอน ไม่แน่ว่าเหล่ามหาราชันทั้งหลายอาจจะถูกพวกเขาล่อลวงจนแทบตายเลยก็เป็นได้

 

“เป็นความคิดที่ดีเลย ในครั้งนี้หลังจากที่มายังสุสานเซียนแห่งนี้ ก็คงจะต้องดูสิ่งอื่นด้วยเช่นเดียวกัน ” เยี่ยจงหยักไหล่ไปมา ภายในจิตใจก็ได้ครุ่นคิดถึงความคิดต่างๆ ขึ้นมาอยู่ไม่น้อย

 

ขณะนี้ ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ ก็ได้มีบุคคลไม่น้อยที่น่าตกใจปรากฏตัวขึ้นมา ท่ามกลางอากาศ สือซิ่งและราชานกยูงน้อยนั้นก็ได้เข้าต่อสู่กันอย่างวุ่นวายอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งสองฝ่ายก็ได้ปะทะกันจนลงมาถึงพื้นดินในเวลาเดียวกัน แล้วจึงมิได้ลงมือกันอีก

 

“เด็กน้อยทั้งสองคนนี้เสแสร้งเล่นอะไรกัน นับตั้งแต่เริ่มก็ไม่ตัดสินให้รู้ผลแพ้ชนะกันไปเลย แต่ยังกับจะมีทุบตีกันอีก ไม่ขายหน้าเลยหรืออย่างไรกัน?” เยี่ยจงส่งเสียงดังชิออกมา แล้วก็ได้เข้าไปใกล้ยังกลุ่มผู้คน

 

“ฮาฮา เณรน้อยท่านนี้ คำพูดของท่านพี่ชายอย่างข้าชมชอบที่จะฟังยิ่งนัก มามามา เข้ามาสนทนาด้วยกันเถอะ ดูว่าเด็กน้อยทั้งสองคนนี้ยังมีลูกไม้อะไรกันอีก ” แล้วก็ได้มีเสียงหัวเราะฮาฮาดังขึ้นมาเสียงหนึ่ง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยความเย้ยหยัน เยี่ยจงทอดตามองเข้าไป เห็นได้ชัดว่าก็คือศิษย์ของสำนักของมหาราชันอันดับหนึ่งแห่งเผ่ามนุษย์จงหลี่นั้นเอง ขณะนี้เขาก็ได้ยืนอยู่บริเวณด้านหน้าที่ไม่ห่างออกไปจากเยี่ยจงมากนัก ยืนกอดอกเอาไว้อยู่ “เรื่องอื่นอย่าได้กล่าวถึงก่อนเลย มาว่ากันถึงเรื่องของสือซิ่งนั้นก่อน ที่สามเดือนก่อนหน้านี้พึ่งจะถูกพี่น้องของข้าเยี่ยจงไล่ตะเพิดไปแล้วรอบหนึ่ง หลังจากที่ถูกทุบตีไปยังต้องใช้เวลาพักฟื้นเดือนครึ่งกว่าจะรักษาตัวจนหายดี นี้มิใช่ พึ่งจะออกมาก็หาเรื่องอีกแล้วหรือยังไงกัน!”

 

เยี่ยจงในเวลานี้ไม่ทราบว่าสมควรร่ำไห้หรือหัวเราะออกมาดี ทว่าเขาก็เข้าใจเป็นอย่างดี ขณะนี้จงหลี่สมควรที่จะจดจำตนเองไม่ออก หลังจากที่เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ถึงแม้จะมิได้ทำการเปิดเผยตัวตน แต่ก็ยังกล่าวออกมาด้วยความสงสัยออกมาแล้วกล่าว : “การต่อสู้ของสือซิ่งและเยี่ยจง?”

 

“เณรน้อยเจ้าน่าจะเก็บตัวอยู่นาน คงจะไม่ทราบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเหล่านี้ เมื่อสามเดือนก่อน เรื่องนี้ถือได้ว่าเป็นที่เล่าลือกันเป็นอย่างมาก การต่อสู้กันระหว่างขอบเขตเดียวกัน สือซิ่งย่อมมิใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยจงอยู่แล้ว ” จงหลี่ก็ได้ส่งเสียงดังเชอะออกมา “ทว่าเด็กน้อยสือซิ่งผู้นี้ปรากฏตัวกลับทำเป็นลืมเลือนบัญชีเก่า ยังบอกอีกว่าจะรอคอยวันที่เยี่ยจงสำเร็จระดับราชัน เขาจะต้องลงมืออีกครั้งอย่างแน่นอน ”

 

“เขาสามารถที่จะผ่านด่านในวันนี้ไปได้ค่อยว่ากันถึงเรื่องอื่นเถอะ ” เยี่ยจงหัวเราะออกมา อีกทั้งยังมิได้วิจารณ์อะไรมากมายเกี่ยวกับหัวข้อสนทนาเหล่านี้

 

“จะว่าไปแล้วก็ใช่ นั้นก็เพราะว่าภายในดินแดนต้องห้ามเสี่ยวหนานนี้เป็นพี่เยี่ยจงข้าบุกเบิกมาเอง ผู้คนไม่น้อยย่อมต้องยินดี อีกทั้งครั้งนี้ยังมีมหาราชันคอยคุมเชิงให้ เขาอย่างน้อยคงไม่อาจที่จะเข้าร่วมได้ เพื่อที่จะช่วงชิงวาสนาภายในสุสานเซียน ทว่าพี่น้องของข้านั้นเป็นคนเช่นไร ข้าว่านะยังไงเสียในครั้งนี้ก็คงจะต้องมีคนไม่น้อยถูกเขาจัดการจนแทบตายไม่น้อยเลยทีเดียว ” จงหลี่กล่าวออกมาอย่างมากมาย มิได้มีท่าทีที่อยู่ต่อหน้าเยี่ยจงเช่นเมื่อวันก่อนเลยแม้แต่น้อย

 

“ทว่า สุสานเซียนนี้ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็คงจะถูกเปิดขึ้นมาแล้วกระมั่ง?” สายตาของเยี่ยจงก็ได้มองลึกเข้าไปยังภายในเพลิงกาฬลำดับที่แปด บริเวณนี้ ก็ได้มีอารามขนาดใหญ่ที่ปกคลุมไปด้วยโลหิตเอาไว้อยู่ ขณะนี้ก็ได้ฉายประดุจแสงสาดทอออกมาจนคล้ายกับหมอกจนไม่อาจที่จะมองเห็นภายในได้

 

“หากเป็นตามคำทำนายของท่านผู้อาวุโสบัญชาสวรรค์ หลังจากนี้อีกซักหลายวัน สุสานเซียนก็คงจะถูกทำให้เปิดขึ้นมาได้ สุสานเซียนจะเปิดขึ้นมาด้วยตัวเอง เณรน้อยอย่างเจ้าไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อน รอคอยกันไปก่อนก็พอแล้ว เพียงแต่ว่าสถานที่แห่งนี้นั้นอันตรายอย่างไร้ที่เปรียบ หากมิใช่เป็นเพราะว่าจัดการกับชั้นเหล่านี้แล้วละก็ คงจะกล่าวได้ว่ามาหาที่ตายเองยังจะง่ายเสียกว่า ” จงหลี่กล่าวเตือนขึ้นมาด้วยความหวังดี

 

“เอ๊ะ? คิดไม่ถึงว่าคนของหุบเขาเทพชิงหวินผู้นั้นก็มาแล้ว!” จงหลี่ทันใดนั้นก็ได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป จ้องมองไปยังสถานที่เบื้องบนที่เป็นผืนฟ้า แล้วก็ได้พบกับแท่นบูชาขนาดใหญ่กำลังลอยลงมา ด้านบนของแท่นบูชานั้นก็ได้มีขุมกำลังยอดฝีมืออันน่าหวาดกลัวอยู่ และบริเวณทางด้านบนสุดของแท่นบูชา ก็ได้มีเงาร่างที่ทอเป็นประกายอย่างไร้ที่เปรียบขึ้นมาอยู่

 

“ผู้ใด?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เขาถือได้ว่าไม่เคยพบเจอกับบุคคลที่อยู่ชั้นแนวหน้าแห่งยุคของดินแดนซีฮวงเหล่านี้มาก่อน นั้นก็เพราะว่าคนที่เขาพบเจอก่อนหน้านี้ต่างก็ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับกลางก็ว่าได้ ชนชั้นระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ กลับน้อยนักที่จะพบเห็นได้

 

“บุตรแห่งเซียนชิงหวิน เขาก็มาแล้ว!” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด เห็นได้ชัดว่าเกิดความหวาดกลัวต่อบุคคลผู้นี้ขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงเองก็ได้แต่เพียงมองเข้าไปยังทางด้านนั้น กับบุคคลระดับนี้ปรากฏตัวขึ้นมา สามารถที่จะเรียกได้ว่าศัตรูที่แท้จริงของเขานั้นได้ปรากฏขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้เขาก็ได้ทำความเข้าใจต่อยอดฝีมือของขุมกำลังแต่ละฝ่ายมา ดีเสียกว่าที่จะเกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดจากเรื่องเล็กน้อยขึ้นมา แต่ว่าวันนี้กลับปรากฏตัวขั้นมาเป็นกลุ่มใหญ่ เรียกได้ว่ายากนักที่จะพบเห็นบุคคลเช่นนี้ที่ซ่อนเร้นมานาน อีกทั้งยังถือได้ว่าแต่ละคนนั้นไม่ง่ายที่จะต่อกรได้เลย

.

.

.

.

กลุ่มละ 80ตอน/กลุ่ม/100บาทครับ

โปรโมชั่น กลุ่ม 6-12 ราคา 550

VIP5 https://goo.gl/ekcF7V

VIP6 https://goo.gl/4rqw89

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA

VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x

VIP9 https://goo.gl/1jPZtn

VIP10 https://goo.gl/L8awva

VIP11 https://goo.gl/rojEiG

VIP12 https://1th.me/o9CD

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81

สอบถามเพิ่มเติมได้ที่

INBOX m.me/ZuiQiangWuShen

#####Fanpage#####

https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset