เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 517 ความลับของคำสอนแห่งเซียน

ตอนที่ 517 ความลับของคำสอนแห่งเซียน

 

 

“เยี่ยจง……”

 

“ราชานกยูงน้อย” ขณะนี้บนใบหน้าก็ได้ปรากฏทั้งความโกรธและความมีเสน่ห์ปรากฏบนใบหน้าพร้อมกัน ในครั้งนี้นางได้ทำการซ่อนเร้นสถานะเอาไว้ แต่เพียงถูกเยี่ยจงทราบถึงสถานะที่แท้จริงก็ยังแล้วไป แต่ยังกลับถูกเขาประกาศออกมาต่อผู้คนมากมายเอาไว้ อีกทั้งยังกระทำออกมาอย่างไม่เกรงกลัวเช่นนี้ นี้ทำให้นางเกือบที่จะบ้าคลั่งขึ้นมา

 

“เยี่ยจง! เจ้ากำลังหาที่ตายอยู่รู้หรือว่า!” ราชันปีศาจแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจที่อยู่บริเวณทางด้านหลังขณะนี้ต่างก็ได้ก้าวออกมา “เจ้าหากว่ากล้าที่จะแตะต้องสตรีศักดิ์สิทธิ์ของหุบเขาเราแม้ครึ่งคราแล้วละก็ ต่อให้พวกจ้าตายลง ก็ต้องลากเจ้าลงไปด้วย!”

 

“พวกเจ้าหากยังจะกล่าววาจาไร้สาระต่อไปอีกแล้วละก็ ข้าก็จะไม่เห็นแก่หน้าของสตรีศักดิ์สิทธิ์หรือบุตรศักดิ์สิทธิ์ของพวกเจ้าอีกแม้แต่น้อยเช่นเดียวกัน ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา จากนั้นเขาก็ได้เชยคางมองติดต่อกันเข้าไปอีกครา หลังจากนั้นจึงได้ค่อยๆ ที่จะหัวเราะออกมาแล้วกล่าว: “ยังไม่ทันจะขอคำชี้แนะเลย เจ้าที่แท้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ หรือว่าเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์กันแน่?”

 

“เจ้าคิดว่ายังไงละ?” สตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจในที่สุดก็ได้อยู่ในความเงียบสงบ นางเพียงแต่หันออกไปทางด้านข้าง มองเข้าไปที่เยี่ยจงคราหนึ่ง

 

“คิดไม่ถึงว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์ราชานกยูงน้อยในครั้งนี้จะมิได้มา แต่กลับเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์มาแทน ยังไงก็ต้องขอคำชี้แนะด้วย ” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา ยังคงเชยไปที่คางของนาง ที่กำลังทอสีหน้าขมขื่น

 

“เจ้าเมื่อทราบว่าข้านั้นเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งหุบเขาหมื่นปีศาจแล้วจะอย่างไร อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระอีกเลย?” สตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจก็ได้กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

 

“แน่นอน ขอเพียงเจ้าเป็นคนของหุบเขาหมื่นปีศาจก็เพียงพอแล้ว ไม่ว่าเจ้าจะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์หรือว่าจะเป็นสตรีศักดิ์สิทธิ์ ในสายตาของข้า ก็มิได้มีความแตกต่างอันใดมากนัก ” เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ ทอสีหน้าสงบ

 

สตรีศักดิ์สิทธิ์ก็ได้สาดประกายดวงตาขึ้นมา จากนั้นก็ได้พยายามสะบัดตัวออกมา จนหลุดออกมาจากมือขวาที่กำลังซุกซนอยู่ของเยี่ยจง จากนั้นจึงค่อยได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา: “ท่านเยี่ยจงคงมิได้คิดที่จะโยนข้าเข้าไปภายในเตาหลอมนั้นหรอกนะ?”

 

“เจ้าคิดว่ายังไงละ? บุตรเทพชิงหวิน สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าซือ บุตรอัสนีศักดิ์สิทธิ์ต่างก็เข้าไปกันแล้ว หากเจ้าไม่คิดที่จะเข้าไปอยู่เป็นเพื่อนแล้วละก็ หากว่าทั้งหลายคนนั้นเกิดอาการคลุ้มคลั่งขึ้นมา เกิดทำอันใดต่อสตรีเผ่าซือแล้วจะทำอย่างไร? มิสู้เจ้าช่วยข้าลงไปสอดส่องดูหน่อยพวกเขาหน่อย อย่างน้อยก่อนที่ข้าจะหาวิธีในการหล่อหลอมพวกเจ้า ก็จงอย่าได้ก่อเรื่องออกมาก็แล้วกัน ” เยี่ยจงยิ้มน้อยขึ้นมา มิได้เกิดความลุ่มหลงที่มีอยู่ในสตรีศักดิ์สิทธิ์แม้แต่น้อย เพียงแต่โบกมืออยู่คราหนึ่ง ก็ได้ยินเสียงดัง “ผัวะ” ดังขึ้นมา ร่างกายของสตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจก็ได้ลอยกระเด็นออกมา จากนั้นเตาหลอมโบราณก็ได้สาดเป็นประกายขึ้นอยู่ทางด้านหลัง จนรับนางเข้าไปอยู่ภายใน

 

“เยี่ยจง! เจ้าหาที่ตายแล้ว!”

 

ท่ามกลางเตาหลอมโบราณ ร่างกายบุตรเทพชิงหวินก็ได้ทะยานออกมา ขณะนี้เขาก็ได้ตะโกนออกมา ตลอดทั่วทั้งร่างกายก็ได้กลายเป็นสีดำ ประดุจเปลี่ยนจนกลายเป็นคนละคนก็มิปาน มิได้มีสภาวะดั่งเช่นเมื่อครู่นี้ไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

“มีวาจาไร้สาระมากมายจากไหนกัน!” เยี่ยจงก็ได้หัวเราะออกมาเสียงเย็นชา แล้วก็ได้ฟาดออกไปอีกหนึ่งฝ่ามือ จนทำให้บุตรเทพชิงหวินกระเด็นเข้าไปใกล้ยังใจกลางของเตาหลอมโบราณอีกครั้ง

 

“ซวบซวบซวบ——”

 

ไม่นานนัก ภายในเตาหลอมโบราณก็ได้ปรากฏสมบัติเซียนขึ้นมาอย่างถี่ยิบขึ้นมา จากนั้นก็ได้ถูกเสี่ยวหลุนกวาดแสงสีขาวออกมา จนทำให้กลายเป็นเพียงความว่างเปล่า

 

“เจ้า——”

 

ยอดฝีมือชนชั้นราชันแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ตำหนักอัสนีลี้ลับ หุบเขาเทพชิงหวิน เผ่าซือ รัฐสือต่างก็อยู่ในอาการเนื้อตัวสั่นเทาขึ้นมา ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมา

 

“เจ้าดูหมิ่นสตรีศักดิ์สิทธิ์ มุ่งร้ายบุตรศักดิ์สิทธิ์ คิดที่จะเตรียมตัวจะไร้ผู้ต้านในแดนดินอย่างงั้นหรือ?” ทางด้านหลังก็ได้มีคนกระโดดออกมา ตะโกนออกมาเสียงดังง

 

“คำพูดที่พวกเจ้าได้กล่าวออกมา คล้ายกับว่าข้าอยากที่จะเป็นศัตรูกับใต้หล้ายังไงอย่างนั้นละ ไม่ทราบว่าผู้ใดที่เมื่อเร็วๆ นี้ได้ไล่ล่าสังหารข้ากัน ถึงกับกล้าที่จะบอกว่าเป็นศัตรูกับใต้หล้าอย่างงั้นหรือ? ที่แท้ พวกเจ้าสามารถที่จะไล่ล่าข้า ข้าจะไม่อาจที่จะเอาคืนได้อย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงถามกลับ ทอสีหน้าเมินเฉยอย่างยิ่ง

 

“หุบเขาหมื่นปีศาจข้าถึงแม้ว่าจะเป็นศัตรูกับเจ้า มีแต่เพียงเรื่องเกี่ยวกับเชื่อสายของท่านมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ แล้วมีความเกี่ยวข้องใดกันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์พวกข้ากัน!” ยอดฝีมือชนชั้นราชันแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจก็ได้เอ่ยปากกล่าวออกมา

 

“น่าขำนัก เรื่องที่เกิดขึ้นกับข้าที่สมรภูมิฮวงกู่ มีความเกี่ยวข้องใดกันกับลัทธิแห่งดวงดาวข้ากัน? เจ้าหากว่าสามารถที่จะเข้าใจได้อย่างกระจ่างแจ้ง ข้าสามารถที่จะปล่อยนางได้ หากว่าอธิบายได้ไม่ชัดเจน ก็รอให้ข้าไปฆ่าล้างหุบเขาหมื่นปีศาจของเจ้าในวันข้างหน้าได้เลย!” เยี่ยจงทอสีหน้าเมินเฉยออกมา เอ่ยปากกล่าวพร้อมทั้งกวาดสายตามองไปยังทางด้านยอดฝีมือชนชั้นราชัน ทอสีหน้าเย็นเยียบออกมา

 

หลังจากที่เงียบงัน ท่ามกลางสถานที่แห่งนั้นก็ได้มีขุมกำลังไม่น้อยที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตกใจขึ้นมา ประดุจยอดฝีมือชนชั้นราชันแห่งหุบเขาเทพชิงหวิน หุบเขาหมื่นปีศาจ ตำหนักอัสนีลี้ลับแต่ละคนต่างก็มีสีหน้าดำมืดไปในทันที การล้อมโจมตีลัทธิแห่งดวงดาวเมื่อครั้งก่อนพวกเขาก็ถือได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอยู่ การล่มสลายของลัทธิแห่งดวงดาวและพวกเราถือได้ว่ามีความเกี่ยวข้องกันอย่างที่ไม่อาจสลัดให้หลุดไปได้ และภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เห็นได้ชัดอย่างยิ่งว่า เยี่ยจงย่อมต้องไม่ลงมือไว้ไมตรีต่อบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอย่างแน่นอน นั้นก็เพราะว่าความแค้นของทั้งสองฝ่ายนั้นถือได้ว่าลึกล้ำอย่างถึงที่สุด

 

“พี่เยี่ยจง จัดการแค่พอดีก็พอแล้ว รีบหลบหนีไปเถอะ เจ้าหากว่ายังไม่รีบหลบหนีไปอีก ข้าเกรงว่าเจ้าจะไม่อาจที่จะหนีพ้นไปได้จริงๆ ! ใช่แล้ว ก่อนที่จะออกไปภายนอก พวกเราก็มีร่วมมือกันจัดการกับเผ่าซือสตรีศักดิ์สิทธิ์และสตรีศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจให้อยู่ในสภาพที่ผู้คนไม่อาจที่จะจดจำได้กันเถอะ ” จงหลี่ส่งเสียงออกมา แต่เพียงยังคงเรียกได้ว่าไม่อาจที่จะพึ่งพาได้อย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงมิได้สนใจเขา เพียงแต่มองไปโดยรอบอยู่รอบหนึ่ง ในครั้งนี้สายตาก็ได้ทอดมองเข้าไปยังบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักร้อยยุทธ์และบนร่างของบุตรศักดิ์สิทธิ์แห่งหมู่ตึกไร้คำนึง จนทำให้สีหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองคนแปรเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน ดำคล้ำขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

“เจ้าหนู ปู่หลุนไม่ไหวแล้ว บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ปู่หลุนจัดการได้ห้าคนก็เรียกได้ว่าเกินทนแล้ว หากเพิ่มขึ้นมาอีกคนอีก ข้าก็คงแย่เอานะ!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังขึ้นมาภายใต้จิตสำนึก เพื่อยับยั่งการกระทำของเยี่ยจง

 

“ช่างเป็นเรื่องที่น่าเสียดายนัก ” เยี่ยจงถอนหายใจออกมา เดิมทีแล้วเขาตระเตรียมที่จะจัดการกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์อีกซักหลายคน เพื่อที่จะจัดการให้เรียบร้อยในคราเดียว แต่เพียงขณะนี้เสี่ยวหลุนกลับมิอาจที่จะทำได้ ด้วยฝีมือของเขาเอง คิดที่จะต้องการจัดการกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ที่เหลืออีกหลายคน ในเวลาเช่นนี้คงจะเป็นไปไม่ได้เสียแล้ว

 

เพราะขณะนี้ หลังจากนั้นก็ครุ่นคิดขึ้น เยี่ยจงกลับมิได้ลงมือต่อแต่อย่างไร

 

เมื่อได้เหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้ สีหน้าของบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้จึงดีขึ้นมาได้เล็กน้อย พวกเขาต่างก็หวาดเกรงว่าเยี่ยจงจะเป็นบ้าขึ้นมา จนกักพวกเขาเอาไว้ภายในเตาหลอมโบราณทั้งหมด

 

จะเป็นหรือจะตายนั้นยากที่จะบอกได้ เพียงแต่ เมื่อได้มองไปยังฉากเบื้องหน้าก็พอที่จะทราบขึ้นมาได้ ถ้าหากถูกเยี่ยจงจัดการแล้วละก็ ถึงแม้จะสามารถใช้เครื่องมือต้องห้ามรักษาชีวิตเอาไว้ เพียงแต่ว่ากลับไม่อาจที่จะใช้สมบัติเซียนในการคุ้มครองได้ตลอดไปอยู่แล้ว นี้จัดได้ว่าเป็นความสูญเสียที่ยากจะทานรับเอาไว้ได้ ไม่มีผู้ใดที่ยินยอมที่จะเป็นศัตรูกับใต้หล้าที่ประดั่งความสูญเสียเช่นนี้อย่างแน่นอน

 

หลังจากที่ได้จ้องมองเข้าไปยังผู้คนเหล่านี้อย่างเย็นชาแล้ว เยี่ยจงก็ได้ถอยร่างไป กลับเข้าไปจนถึงบริเวณทางด้านบนของแท่นสีทอง

 

“เจ้าให้เวลาข้าสักครู่ ข้าจะทดลองว่าจะสามารถที่จะหล่อหลอมเด็กน้อยทั้งห้านี้ได้หรือไม่ก่อน ในเมื่อสถานการณ์ภายนอกยังไม่ถูกต้องอยู่บ้าง จึงยังมิจำเป็นที่จะต้องหลบหนีออกไปอย่างเร่งร้อนไป ” เสี่ยวหลุนก็ได้ส่งเสียงออกมา ทางด้านหลังก็พบว่ามีเปลวเพลิงปะทุเดือดขึ้นมาท่ามกลางภายในเตาหลอมโบราณ เผาผลาญได้หนักยิ่งกว่าเดิมขึ้นมา

 

การตัดสินใจนี้มิได้เกิดขึ้นเพียงแค่ชั่วครั้งคราว แต่เพียงเยี่ยจงเองก็มิได้รีบร้อน เพราะว่าภายนอกของตำหนักสวรรค์มีการปรากฏขึ้นมาของโลงศพหยกที่แท้จริงแล้วยังไม่ทราบว่ามีเป้าหมายอันใด เพียงแต่ว่าขณะนี้ทั้งหมดทั้งมวลเมื่อยังไม่แน่ชัดได้ เขาก็ไม่อาจที่จะรีบร้อนออกไปจากสถานที่แห่งนี้ได้ แน่นอนว่า ถ้าหากสถานการณ์ไม่ถูกต้องแล้วละก็ เขาเองก็คงจะต้องใช้แผ่นป้ายที่ใต๋ซือหวู่โหวมอบให้เพื่อที่จะออกไป จากนั้นก็ค่อยๆ ใช้ค่ายกลยันต์ทลายเส้นทางหลบหนี

 

หลังจากที่ได้ครุ่นคิด ยอดฝีมือมากมายในตอนนี้ก็ได้ทอดสายตามองไปด้วยความอิจฉาริษยา เยี่ยจงในที่สุดก็ได้ครอบครองแผ่นสลักหยกนั้นมาออกมาได้อีกแล้ว จากนั้นคงจะต้องลงมืออย่างจริงจังขึ้นมาแล้ว

 

เพียงแค่มองออกไปเพียงคราเดียว ภายในจิตใจของเยี่ยจงก็ได้เกิดอาการตกใจขึ้นมา เพราะว่าแผ่นสลักหยกนี้กลับปรากฏอักขระโบราณมากมายรับร้อยขึ้นมา อีกทั้งยังเป็นสิ่งที่ผู้คนไม่อาจที่จะเข้าใจได้ อีกทั้งทุกๆ ตัวอักขระนั้นราวกับว่าซ่อนเร้นเอาไว้ด้วยความเปลี่ยนแปลงนับไม่ถ้วนก็มิปาน เยี่ยจงเพียงมองไปคราหนึ่ง ก็ได้มีอาการปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมา

 

เมื่อได้ฝืนเรียกสติของตนเองกลับมา ที่น่าตกใจก็คือเยี่ยจงนั้นกลับเหมือนเคยพบเห็นตัวอักขระโบราณเหล่านี้มาก่อน ในที่สุดก็ได้รับแผ่นสลักหยกชิ้นสุดท้ายมาไว้ในครอบครองได้

 

และตัวอักษรสุดท้ายของแผ่นสลักหยกนี้ ยิ่งทำให้เยี่ยจงตกใจขึ้นมามากกว่าเดิม

 

เดิมทีเยี่ยจงคิดเอาไว้ว่า สถานที่แห่งนี้ย่อมต้องมิใช่สุสานเซียนอย่างแน่นอน เพียงแต่เมื่อได้จดจำแผ่นสลักหยกสุดได้จนขึ้นใจแล้ว ราวกับว่าเหมือนทำให้เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นมาอีกหลายส่วน

 

ผู้ที่เป็นเจ้าของโลงศพขนาดใหญ่หลังนี้ ในสมัยเยาว์วัยกลับค้นพบกับวาสนาส่วนหนึ่งขึ้นมา จึงได้มุ่งหน้าตามการชี้นำมายังสุสานเซียน หลังจากนั้นเขาก็ได้ล่วงรู้ความลับของการสำเร็จเป็นเซียนขึ้นมาส่วนหนึ่ง จนทำให้พลังฝีมือของเขานั้นปะทุขึ้นมา เพียงแต่ว่า เขาถึงแม้ว่าจะมีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัวเหลือคนา สำเร็จสู่การเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ แต่เพียงในที่สุดพลังของมนุษย์ก็ยังมีขีดจำกัดอยู่ กลับมิอาจที่จะสำเร็จสู่การเป็นเซียนได้อย่างแท้จริง

 

ตามการชี้นำของเขา เหตุผลที่ตนเองมิอาจที่จะสำเร็จเป็นเซียนได้ กลับมิใช่ได้รับชิ้นส่วนของการเป็นเซียน เพียงแต่เพราะว่า ตนเองนั้นไม่อาจที่จะทำความเข้าใจต่อคุณลักษณะของการเป็นเซียนเหล่านี้ได้อย่างแท้จริง ในเวลาเดียวกัน เพราะว่าในสมัยโบราณนั้นได้มีศึกใหญ่เกิดขึ้น เขานั้นไม่อาจที่จะดำรงทนดูได้ ในที่สุดก็ได้เข้าร่วมศึกครั้งใหญ่และได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ไม่อาจที่จะตายตกไปได้

 

ในเวลาเดียวกันเขาก็ได้ชี้นำว่า สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่อริคู่ต่อสู้ตัวเขาเองนั้นได้ตระเตรียมไว้สำหรับการสังหารขึ้นมา ถึงแม้ว่าภายนอกนั้นจะดูเหมือนกับเป็นสุสานเซียน แต่เพียง กลับมีการคงอยู่ของบันทึกเซียนที่นำทางสู่หนทางแห่งการเป็นมาร ชนรุ่นหลังหากว่าสามารถที่จะมีวาสนาเพียงพอที่จะเข้ามายังภายในตำหนักสวรรค์ชั้นที่เก้าได้แล้วละก็ เช่นนั้นก็จำต้องจดจำเรื่องนี้เอาไว้ให้ดี ทางที่ดีจงปล่อยเขาให้หลับไหลอยู่ในสถานที่แห่งนี้ อย่าได้ฝืนที่จะค้นหาคัมภีร์แห่งการเป็นเซียน

 

เพราะว่า สภาวะการสังหารนี้เป็นคู่อริของเขาตระเตรียมเอาไว้เพื่อเขาโดยเฉพาะ แต่เพียงหากว่าสูญเสียคุณลักษณ์แห่งการเป็นเซียนไปแล้วละก็ เกรงว่าจะเป็นการเปิดเข้าสู่สภาวะสังหารนี้ขึ้นมาอย่างช้าๆ

 

“ในส่วนของคำสอนแห่งเซียนชุดนี้ ก็คือตัวการสำคัญอันน่าสะพลึงกลัวของสภาวะสังหารนี้ หรือจะกล่าวได้ว่า หลักคำสอนนี้ไม่อาจที่จะนำออกไปได้?” เยี่ยจงขมวดคิ้ว หลังจากนั้นก็ได้ท่องคำกล่าวนี้ขึ้นมาในจิตใจ “เสี่ยวหลุน เจ้าอย่าพึ่งยุ่งเรื่องของเจ้าก่อนก็แล้วกัน มาดูสิ่งนี้ก่อน ”

 

เสี่ยวหลุนก็ได้หายวับเข้ามา เข้ามาจนถึงทางด้านบนของแผ่นสลักหยก หลังจากนั้นจึงได้กล่าวออกมาด้วยอาการสงสัยและตกใจขึ้น: “ถึงกับเป็นส่วนหนึ่งของคำสอนโบราณ ให้ตายเถอะ ผู้ใดบอกว่าสิ่งนี้เป็นคำสอนแห่งเซียนกัน? นับจากโบราณกาลจวบจนบัดนี้ ผู้ที่ได้รับหลักคำสอนนี้ ยังไม่เคยมีผู้ใดแม้แต่คนเดียวที่พอจะทานรับเอาไว้ได้มาก่อนเลย!”

 

“นี้มันเรื่องอะไรกัน?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา เดิมทีแล้วเขานั้นก็คิดว่าเป็นคำสอนของเซียนเช่นกัน คิดไม่ถึงว่าผลสุดท้ายแล้วสิ่งนี้กลับกลายเป็นเพียงแค่คำกล่าวชุดหนึ่งเท่านั้น

 

“เจ้าหนู พวกเราก็อยู่ร่วมกันมานานอยู่ไม่น้อย ข้าไม่หลอกลวงเจ้าไปหรอก วัตถุเช่นนี้ถึงแม้ว่าจะมีลักษณะที่คล้ายกับคำสอนเซียน แต่เพียงกลับเป็นถึงคำสอนแห่งมารได้อย่างแท้จริง อีกทั้งยังมิได้เป็นตัวสมบูรณ์ หากว่าตกเข้าไปในคำล่อลวงแล้ว ท้ายที่สุดแล้วต่อให้ไม่เดินเข้าสู่หนทางสู่การเป็นมาร ก็คงจะต้องกลายเป็นบ้าไปแล้ว เจ้าคิดที่จะทำร้ายผู้ใด ก็นำวัตถุเช่นนี้ให้กับคนผู้นั้น แต่อย่าได้พึงนำมาฝึกปรือเองโดยเด็ดขาด ” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังกล่าวออกมาด้วยความหนักแน่น อีกทั้งยังเห็นได้ชัดว่าเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาอีกหลายส่วน

 

“แต่ถ้าหากเป็นคำสอนแห่งเซียนจริงแล้วจะเป็นอย่างไรกัน?” เยี่ยจงเกิดความลังเลขึ้นมา

 

“ให้ตายเถอะ ถ้าเกิดเป็นหลักคำสอนของเซียนอย่างแท้จริง ปู่หลุนข้าเองก็ย่อมไม่ต้องปล่อยมันเอาไว้เช่นกันอย่างแน่นอน!” เสี่ยวหลุนส่งเสียงดังชิชิชะชะออกมา “เจ้าหนู ปู่หลุนช่วยเจ้าจนได้รับชิ้นส่วนสมบัติแก่นสวรรค์ไปแล้ว ก็ถือได้ว่าเป็นวาสนาของเจ้าแล้ว อีกทั้งปู่หลุนยังเคยให้สัญญาต่อเจ้าอยู่ หลังจากผ่านเรื่องนี้ไปแล้ว ข้าจะนำพาเจ้าไปหาคัมภีร์โบราณอีกม้วน แน่นอนว่าย่อมไม่ด้อยไปกว่าคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันอย่างแน่นอน อีกทั้งอยู่ในระดับตำนานที่เทียบเท่ากับจักรพรรดิฟ้า ที่รวมสิ่งนี้ยังเป็นเหมือนกับความหนักแน่นประดุจขุนเขาอยู่ในมือ ยังคงรีบทิ้งไปโดยเร็วเถอะ ปู่หลุนและอยู่กับเจ้าแล้วสุขสบายอย่างยิ่ง ย่อมไม่คิดที่จะให้เจ้าถูกครอบงำไปอย่างกะทันหันอย่างแน่นอน!”

 

เยี่ยจงเกิดความหวั่นไหวภายในจิตใจขึ้นมา เสี่ยวหลุนยากนักที่จะพึ่งพาได้ แต่ถ้าหากมองจากความข้อนี้ หากกล่าวออกมาเช่นนี้แล้วละก็ แผ่นสลักหยกนี้ย่อมมิใช่ของดีอันใดอย่างแน่นอน คาดว่าหลังจากนี้ เยี่ยจงคงจะตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ในทันที อย่าว่าแต่ตนเองยังดูไม่ออกถึงแผ่นสลักหยกนี้ เพียงแค่แผ่นสลักหยกเพียงอย่างเดียวก็ถึงกับมีความเกี่ยวข้องกับสภาวะสังหารของสถานที่แห่งนี้แล้ว ตนเองย่อมไม่อาจที่จะนำพามันออกไปได้ เพราะว่าเช่นนี้ก็ไม่ต่างอันใดจากการฆ่าตัวตายทางอ้อม อีกทั้งจากคำกล่าวของเสี่ยวหลุน อย่างน้อยก็คงจะต้องเป็นจริง กล่าวอย่างง่ายดายแล้ว หากคิดที่คิดร้ายผู้ใด ก็สมควรที่จะปล่อยวัตถุเช่นนี้ให้แก่คนผู้นั้น!

 

“ข้าเข้าใจแล้ว ปู่หลุน อีกเดียวปล่อยเด็กน้อยทั้งห้านั้นออกมา แต่จำเอาไว้ ต้องทำให้พวกเขาคิดว่าข้านั้นถูกกักพลังเอาไว้ก็พอ!” เยี่ยจงหัวเราะออกมาเสียงเย็นชา แล้วก็ได้มีการตัดสินใจขั้นเด็ดขาด

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset