ตอนที่ 524 เมืองมาร
ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าทั้งหมดสิบกว่าคนต่างก็ได้รับบาดเจ็บ มาจนถึงเบื้องหน้าของมหาราชัน และพวกเขาก็ได้ปรากฏตัวขึ้นมาจนทำให้เกิดคลื่นหมอกควันขึ้นมาทั่วทิศ ขณะนี้ก็ได้มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนจ้องมองเข้าไปยังพื้นที่ว่างเปล่า คิดไม่ถึงว่าผลลัพธ์จะปรากฏขึ้นมาเช่นนี้ได้ หรือไม่ก็เหมือนกับมิได้ปรากฏเรื่องอันใดขึ้นมา
เยี่ยจงกับคนมากมายต่างก็ได้จ้องมองไปยังทางด้านนั้นอยู่นาน ทว่าในที่สุดก็ยังไม่อาจที่จะทราบอันใดได้
หลังจากผ่านไปหลายวัน เยี่ยจงก็ตรวจพบว่า ก็ได้ออกจากกลุ่มผู้คน เข้ามาจนถึงบริเวณจุดที่มองเห็นโดยรอบของหุบเขาชิวเซรี่ย ยืนกอดอกรอคอย
“เจ้าหนูเจ้าใช้ได้เลยนิ ถึงกับทราบว่าหลวงปู่อย่างข้าต้องการที่จะหาตัวเจ้าอยู่!” แล้วก็ได้มีไต๋ซือตัวอ้วนฉุเด่งหน้าท้องไปมาปรากฏตัวขึ้นมาอย่างกะทันหัน ขณะนี้ร่างกายของเขาก็ได้ส่งกลิ่นเหม็นคาวออกมา มองเพียงครู่เดียวก็สามารถที่จะคิดได้ว่าไม่ทราบหลุดออกมาจากขยะกองไหนกันแน่ก็มิปาน แต่ว่าขณะนี้กลับพบเห็นเพียงแต่รอยยิ้มของเยี่ยจง
“ไต๋ซือ เจ้าถูกสุนัขตัวใดกัดมาหรือ?” เยี่ยจงจ้องมองไปที่ไต๋ซือหวู่โหวทั้งบนทั้งล่างอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยความตกใจ เพราะว่าขณะนี้กลิ่นตัวและอาภรบนร่างไต๋ซือหวู่โหวนั้นเหมือนกับถูกบางสิ่งบางอย่างกัดมาก็มิปาน
“เพ่ยเพ่ยเพ่ย อาตมาเป็นคนเยี่ยงไรกัน ยังถึงกับถูกสุนัขกัดได้? เจ้าหนูเจ้าพูดจาเป็นหรือไม่?” ไต๋ซือหวู่โหวต่อว่าติดต่อกัน มิคล้ายกับผู้ที่มีลักษณะของชนชั้นมหาราชันแม้แต่น้อย “ทว่าเจ้าหนูอย่างเจ้าก็มิใช่คนนอก จะบอกต่อเจ้า มันก็เป็นเรื่องที่เจ้าก่อขึ้น วันก่อนหลังจากที่เจ้าหลบหนีไปแล้ว ท่ามกลางสุสานชั้นที่หนึ่งก็ไม่ทราบว่ามีปีศาจร้ายตนหนึ่งโผล่มาจากที่ใด จากนั้นก็ได้เดินออกมาจากตำหนักใต้ดิน จ้องมาที่อาตมาอย่างไม่ปล่อยวาง อาตมาข้าก็ได้ใช้พลังอันมหาศาลที่ยิ่งใหญ่จัดการมันไปเสีย ทว่าก็ได้พบว่ายังมีความลับบางอย่างอยู่อีกส่วนหนึ่ง เอาละ ไม่กล่าวเรื่องพวกนี้แล้ว เสี่ยวเยี่ยจือ มามามา ตามที่นัดแนะกันไว้ว่าจะส่งมอบแผ่นภาพให้แก่อาตมาข้า ”
“ท่ามกลางสุสานชั้นที่หนึ่ง ถึงกับมาการปรากฏตัวของปีศาจร้ายในตำนานงั้นหรือ? หรือจะกล่าวว่า ภายในสุสานเซียนมีสุสานมารที่เล่าขานกันอยู่จริง?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้น ข่าวนี้ถือได้ว่ามีความสำคัญอย่างมาก
“ดูเหมือนเจ้าหนูเจ้าจะทราบเรื่องราวอยู่ไม่น้อยเลยนะ?” สีหน้าของไต๋ซือหวู่โหวก็ได้จริงจังอย่างยากที่จะพบพานได้ขึ้นมา เขาก็ได้ตบไปที่หน้าท้องไปมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ในเมื่อข่าวลือเหล่านี้จะช้าจะเร็วก็ต้องถูกแพร่ออกไป อาตมาจะบอกต่อเจ้าไปก็ไม่เสียหาย สุสานมารทั้งมวลนั้น แน่นอนว่าย่อมต้องมีการคงอยู่ แต่ว่าสมควรที่จะเรียกว่าเมืองมารจะดีกว่า และเซียนที่แท้จริงก็สมควรที่จะอยู่ในส่วนลึกของสุสานที่อยู่ภายในเมืองมารนั้นเอง——รวมไปจนถึงปีศาจร้ายนั้น ทว่าเป็นเพราะผลสุดท้ายของชีวิตกลับเดินได้ไม่ดีนักต้องมาถูกอาตมาจัดการทิ้งไปก็เท่านั้น ”
“เมืองมาร? หรือจะกล่าวไปก็คือ เมืองมารก็คือพื้นที่สุสานเซียนชั้นที่สองนั้นเอง?” เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้น
“จะว่าอย่างงั้นก็ได้ แต่ว่าเจ้าก่อนหน้านี้ก็น่าจะเห็นแล้ว เจ้าเด็กน้อยพลังเทวะขั้นที่ห้าสิบกว่าคนที่ได้เข้าไปภายในเพื่อตรวจสอบ ผลสุดท้ายก็มิได้ตรวจสอบอันใดกลับมาได้……เอาละ ไม่กล่าววาจาไร้สาระมากจนเกินไปแล้ว มามามา เสี่ยวเยี่ยจือ สิ่งของของอาตมาข้า ” ไต๋ซือหวู่โหวก็กล่าวออกมาโดยเร็ว
เยี่ยจงก็ได้ล้วงเอาแผ่นชิ้นส่วนทั้งหลายออกมา หลังจากที่ได้มองอยู่หลายคราแล้วก็ชักเข้าคืนไป จากนั้นก็ลังเลแล้วกล่าว : “ไต๋ซือ ข้าทำไมรู้สึกว่าถูกท่านหลอกลวงอยู่กัน คงมิใช่เป็นเพราะว่าชิ้นส่วนหลายชิ้นนี้ มีความเกี่ยวข้องกันสิ่งที่ซ่อนเอาไว้อยู่ภายในเมืองมารหรอกกระมั่ง ”
“แน่นอนว่าย่อมต้องมีความสัมพันธ์ที่ลี้ลับกันอยู่แล้ว นี้สมควรที่จะต้องเป็นแผนที่ภาพภายในสุสานเซียนที่แท้จริงภายในใจกลางเมืองมาร ” หวู่โหวก็ได้ยื่นมือออกมา ชิ้นส่วนแผ่นภาพในมือของเยี่ยจงก็ได้เลือนหายไป ปรากฏอยู่บนมือของเขา “แต่น่าเสียดายที่วันก่อนตอนที่เจ้าอยู่ท่ามกลางสุสานชั้นที่หนึ่งมิได้นำแผ่นที่กลับมาพร้อมกัน ตอนนี้มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะตกไปอยู่ในมือของมหาราชันคนอื่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว น่าเสียดายจริงๆ เดิมทีแล้วถือได้ว่าเป็นโอกาสอันยิ่งใหญ่ที่สุดอยู่แล้ว ”
เยี่ยจงกรอกดวงตาจนเห็นตาขาว สิ่งของนี้มีความเกี่ยวข้องกับสถานที่แห่งนี้อย่างใหญ่หลวง แต่ว่าไต๋ซือบัดซบผู้นี้สมควรที่จะได้รับไปแล้วในขณะนี้แล้วจึงค่อยบอกกล่าว? ยังดีที่ก่อนหน้านี้เยี่ยจงมีการเตรียมพร้อมอยู่แล้ว จึงได้จดจำชิ้นส่วนแผ่นภาพเช่นนี้เอาไว้จนขึ้นใจได้แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ในครั้งนี้คงจะต้องขาดทุนย่อยยับไปแล้วอย่างแน่นอน
“เจ้าหนู ข้าขอเตือนเจ้าไว้ก่อนนะ อย่าได้ใช้สายตาเช่นนั้นมองมาที่อาตมาข้า ตามความเป็นจริงแล้วหากบอกว่าสิ่งของนี้คือสิ่งใดกับเจ้าตั้งแต่แรก ก็เป็นเหมือนกับทำร้ายเจ้ามิใช่หรือ แม้แต่อาตมาข้าเองก็ยังยากที่จะรับรองได้ว่า ตนเองจะสามารถรักษาวัตถุชิ้นนี้เอาไว้ได้ ” หวู่โหวแบะปากออกมาอย่างเกลีดคร้าน เห็นได้ชัดว่าได้ถูกสายตาของเยี่ยจงมองจนรู้สึกไม่พอใจอย่างถึงที่สุด
เยี่ยจงหลังจากนั้นก็ได้สำรวจเขาไปมา แล้วจึงได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง กล่าวออกมาด้วยความจริงจัง : “เอาเถอะ ไต๋ซือ การร่วมมือกันระหว่างพวกเราก็ถือได้ว่าสิ้นสุดลงแล้ว ท้ายที่สุดเพื่อเป็นการขอบคุณที่ท่านช่วยลงมือเมื่อวันก่อน ข้าจะเห็นแก่ความเป็นสหายบอกสิ่งที่ค้างคาเอาไว้อยู่ให้ทราบ คำสอนแห่งเซียนที่พวกท่านได้รับมาเมื่อวันก่อนนั้น คาดว่าคงจะมิใช่สิ่งของที่ดีอันใด หวังว่าท่านจะช่วยส่งคำพูดนี้บอกต่อมหาราชันซือคงแทนข้าด้วย ”
“อ๋อ? เจ้ายังทราบเรื่องเหล่านั้นด้วยงั้นหรือ?” ไต๋ซือหวู่โหวมองไปที่ภายในดวงตาของเยี่ยจงที่ปรากฏความลังเลอยู่ “ข้ากับตาเฒ่าซือคงได้วิเคราะห์ด้วยกันอยู่นาน ยังไม่อาจที่จะมั่นใจได้ว่าของสิ่งนั้นมีปัญหาหรือไม่ แต่เจ้ากลับถึงกับยืนยันออกมาถึงข้อนี้? เจ้ายังทราบอันใดกันอีก?”
เยี่ยจงหลังจากที่ได้ลังเลอยู่ชั่วครู่ จึงได้เอ่ยปากกล่าวต่อออกมา : “ข้าเพียงทราบว่า สิ่งของนี้ในทุกครั้งที่ได้ปรากฏขึ้นในดินแดน ต่างก็จะพัดพาคลื่นฝนโลหิตมาด้วย หากถึงขั้นย่ำแย่ก็คงอาจที่ที่จะมหาราชันตายตกได้ส่วนหนึ่ง ต่อให้ได้ครอบครองไปก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องดีอันใด ”
“หรือว่าแท้จริงก็คือคัมภีร์ที่ถูกเล่าขานกันเล่มนั้น?” หวู่โหวงงงันขึ้นมา หลังจากที่ครุ่นคิดขึ้นมาแล้ว เขาจึงค่อยได้พยักหน้าแล้วกล่าวออกมา : “เสี่ยวเยี่ยจง เจ้าไม่เลวเลย เรื่องนี้ข้าจะต้องไปบอกต่อตาเฒ่าซือคงแทนเจ้าอย่างแน่นอน อาตมาเองก็ไม่อยากที่จะปิดบัง ความจริงแล้ว เมื่อเมืองมารได้ปรากฏขึ้นมา ตามการคาดเดาของพวกเรา ด้านในย่อมไม่ได้มีแต่เพียงสิ่งที่ข้องเกี่ยวกับวิถีเซียนแน่นอน ตอนนี้กลุ่มตาเฒ่าของแต่ละคนยังกำลังคิดอยู่ ว่าจะลองหาผู้หาญกล้าในสำนักของตนเองทดลองเพื่อที่จะเข้าสู่วาสนานี้ เจ้าถึงกับบอกเรื่องที่สำคัญถึงเพียงนี้ต่ออาตมา อาตมาก็ย่อมต้องบอกเรื่องที่มีค่าคู่ควรต่อเจ้าเช่นเดียวกันดีหรือไม่?”
เยี่ยจงสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา ความรู้สึกที่คุ้นเคยเช่นนี้ รสชาติที่คุ้นเคยเช่นนี้ กับครั้งที่แล้วที่พบเจอกับหวู่โหวภายในพื้นที่สุสานเซียนของสุสานชั้นที่หนึ่งมีอันใดแตกต่างกัน?
“ไต๋ซือ ท่านคิดที่จะหลอกลวงข้าอีกแล้วใช่หรือไม่? ข้าผู้ที่มีความต่ำต้อยเช่นนี้ จะเทียบอันใดได้กับมหาราชันเช่นพวกท่านได้กัน แต่หากว่าไปคลุกคลีกับชนชั้นราชันแทน ไม่แน่ว่าอาจจะได้ประโยชน์มากเสียกว่า ไม่แน่ว่าอาจจะถึงขั้นถวายชีวิตให้เลยก็เป็นได้นะ?” เยี่ยจงจดจ้องไปที่หวู่โหว ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“เสี่ยวเยี่ยจือ เจ้าแทบจะไม่ทราบว่าพวกเราแท้จริงแล้วคาดคิดถึงสิ่งใดกันแน่ ก็คงจะมีแต่ ขณะนี้ตาเฒ่าสิบกว่าคนในตอนนี้ ด้านในนั้นอย่างน้อยก็ต้องมีกว่าครึ่งที่มีอันตรายถึงชีวิตกันแล้ว เพื่อที่จะแย่งชิงวาสนาแห่งดินแดนนี้ ภายในนั้นอาจจะถึงขั้นมีตำนานของจักรพรรดิฟ้าอยู่ด้วย อีกทั้งยังอาจที่จะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอีกด้วย รวมไปจนถึงตำนานของโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวงในตำนาน เจ้าไม่เกิดความสนใจงั้นหรือ?” คำพูดของไต๋ซือหวู่โหวนั้นแฝงเอาไว้เป็นนัย เพื่อที่จะทำให้เยี่ยจงเกิดความสนใจต่อเมืองมาร
“ไต๋ซือ เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่าท่านไม่เหมือนกับผู้บำเพ็ญแม้แต่น้อยกัน คิดที่จะหลอกลวงข้า ผลักข้าเข้าสู่กองเพลิงงั้นหรือ ” เยี่ยจงแสยะมุมปากขึ้น เดิมทีแล้วเขานั้นมีความสนใจต่อสุสานชั้นที่สองเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าขณะนี้กลับถูกไต๋ซือหวู่โหวกล่าวออกมาเช่นนี้ ยิ่งต้องทำให้เขาหดหู่ขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
“เสี่ยวเยี่ยจือ เจ้ากระนั้นถึงแม้ว่าอายุยังน้อย!” ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ตบไปที่ท้อง กอดอกยืนอยู่กับที่ “วิทยายุทธ์นับหมื่นมีมากเหมือนอากาศธาตุ ไม่สำเร็จสู่การเป็นเซียนที่แท้จริงก็ไร้ความหมาย! ข้าที่ฝึกยุทธ์มาชั่วชีวิต มีความทะเยอทะยานและหลักเกณฑ์มาโดยตลอด เมื่อเห็นโอกาสที่สวรรค์ผู้ยิ่งใหญ่อยู่ตรงหน้า เจ้าก็คิดที่จะผิดพลาดไปด้วยงั้นหรือ?”
“ไต๋ซือ ท่านดูไปที่พื้นที่สุสานเซียนนี้สิ อย่าเอาแต่กล่าวเลย ต่อให้ค้นหาสิ่งของภายในสุสานชั้นที่หนึ่งพบ อย่างที่มีคัมภีร์มารที่ดึงดูดพายุฝนโลหิตพัดเข้ามา และท่ามกลางสุสานชั้นที่สอง ต่อให้มีโลงศพเก้าฟ้าอยู่จริง ที่มีความลับอันยิ่งใหญ่สู่การสำเร็จเป็นเซียน ก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นสิ่งของอันใด ยิ่งไปกว่านั้น หากว่าสามารถสำเร็จเป็นเซียนมีอายุยืนยาวนับหมื่นปี คำว่าสุสานแห่งเซียนทั้งสี่ตัวนี้ นี้ยิ่งมิใช่เป็นเรื่องที่น่าขบขันไปหน่อยหรืออย่างไรกัน?” เยี่ยจงยกมุมปากขึ้นมา แทบจะมิได้ถูกกระตุ้นอันใดเลยแทบทั้งสิ้น
“เจ้ากล่าวมาเช่นนี้ ก็มีส่วนที่สมเหตุสมผลอยู่หลายส่วน เมื่อช่วงเวลาที่ยังเยาว์วัยอยู่นั้นเอง อาตมาก็เคยคิดเช่นนี้ ดังนั้นจึงได้พลาดวาสนาอันยิ่งใหญ่ไปแล้วหลายครั้งครา ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ขณะนี้อาตมาก็คงจะทะลวงพลังเข้าสู่ขั้นต่อไปได้ตั้งแต่แรกแล้ว ยังจะอยู่ในระดับมหาราชันไปทำไมกันอีก ” ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ยื่นมือตบเข้าไปที่ไหล่ของเยี่ยจง ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความเมตตา “ยังไงซะในครั้งนี้อาตมาอย่างน้อยก็คงจะต้องเข้าไปเพื่อแย่งชิงวาสนาให้ได้ อย่างมากก็ใช้เวลาเพียงสามวัน เด็กน้อยเหล่านั้นสมควรที่จะยังคัดเลือกศิษย์ในสำนักของตนเองเข้าไป รวมไปจนถึงคนที่อยู่ด้านนอกเหล่านั้น คาดว่าก็คงจะถูกคัดเลือกเข้าไป……หากว่าเจ้ามีความสนใจแล้วละก็ เมื่อถึงเวลานั้นก็ร่วมเดินทางเข้าไปพร้อมกับหนูน้อยซือคง แต่จงจำเอาไว้เลยว่าห้ามเข้าไปสู่ชั้นที่หนึ่ง ไม่เช่นนั้นแล้วอาตมาเองก็คงจะไม่อาจคุ้มครองเจ้าได้ ”
ไต๋ซือหวู่โหวตัดรอนออกมา ดั่งกับว่ามีความหมายบางอย่าง หลังจากที่กล่าวออกมาแล้วร่างกายก็ได้สั่นไหวไปมา หายลับไปอีกครา
เยี่ยจงก็ได้เหม่อมองไปยังทางด้านที่ไต๋ซือหวู่โหวหายตัวไป ขมวดคิ้วขึ้นมาน้อยๆ เรื่องราวในครั้งนี้ราวกับว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายไปเป็นอย่างมากแล้ว ราวกับว่า ในครั้งนี้ไต๋ซือหวู่โหวนี้ก็คงจะไม่ได้ต้องการที่จะชักจูงตนเองจริงๆ ตัวเขาเองกลับยังเข้าสู่ห้วงอันตรายอย่างไม่คิดชีวิต เพื่อทำการแย่งชิงวาสนาอีกอย่างงั้นหรือ?
“เจ้าจมูกวัวผู้นี้……” เสี่ยวหลุนในเวลานี้จึงค่อยได้กล่าวออกมา อีกทั้งน้ำเสียงยังไม่พอใจเป็นอย่างมาก
“เป็นไรไป? เขามีปัญหาอันใดงั้นหรือ?” เยี่ยจงกล่าว
“เขานั้นมิได้มีปัญหาอันใดหรอก เพียงแต่ว่ากลับทำตัวลับๆ ล่อๆ กล่าวออกมาตั้งมากมาย สิ่งที่สำคัญกลับไม่กล่าวออกมาซักอย่างเดียว มีแต่ปล่อยให้ผู้คนคาดเดา ในข้อนี้จึงเป็นสิ่งที่ทำให้ผู้คนไม่พอใจ ” เสี่ยวหลุนกล่าวพร้อมกับส่งเสียงดังชิขึ้นมา
“นอกเสียจาก เขาเองก็ยังไม่แน่ใจได้ เพียงแต่ว่าในเมื่อแม้แต่ระดับมหาราชันอย่างตาเฒ่าบัญชาสวรรค์ยังเคยกล่าวเอาไว้ คิดที่จะเข้าไปแล้วละก็ พวกเราก็เหมือนกับว่าไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้หรอกกระมั่ง?” เยี่ยจงครุ่นคิดขึ้นมา
“เจ้าหนูเจ้ายังคิดที่จะไปจริงอย่างงั้นหรือ?” เสี่ยวหลุนถอนหายใจออกมา จากนั้นก็ได้กล่าวออกมา “ความจริงเมื่อได้เข้าไปแล้วก็ย่อมไม่มีอะไรหรอก ทว่าต่อให้เป็นอย่างที่เจ้าจมูกวัวกล่าวออกมา อย่าได้เข้าไปยังภายในสุสานชั้นที่หนึ่งก็เพียงพอแล้ว หรือจะรอคอยให้ผู้อื่นเข้าไปทำความกระจ่างก่อนแล้วก็ยังไม่สายจนเกินไป ”
เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้น เริ่มที่จะเข้าใจเรื่องต่างๆ มากขึ้น แล้วก็ได้เกิดความคิดขึ้นมา ขณะนี้เป้าหมายในการกลับมาของเขาก็ถือได้ว่าสัมฤทธิผลแล้ว แต่ว่าขณะนี้หากจากไปช้ากว่านี้แล้วละก็ คาดว่าจะอย่างไรก็กล่าวได้ว่าไม่อาจที่จะไปได้
“ช่างเถอะ ตอนนี้รอดูสถานการณ์กันไปก่อน หากว่าสถานการณ์ถูกต้องแล้วละก็ ก็ค่อยเข้าไปข้างในกัน หากว่าสถานการณ์ไม่ถูกต้อง ก็อย่าได้เข้าไปภายใน ” ในที่สุดเยี่ยจงก็ได้ตัดสินใจที่จะไม่จากไปก่อนอย่างเด็ดขาด เพียงแต่ต้องการที่จะทำความเข้าใจในสถานกาณณ์อย่างกระจ่างก่อน
หลังจากที่ตัดสินใจได้แล้ว เยี่ยจงก็ได้กลับเข้าไปยังกลุ่มคนอีกครั้ง แล้วก็ได้รอคอยไปพร้อมกันกับผู้คนมากมาย ต่างก็รอคอยกันอย่างใจจดใจจ่อ เห็นได้ชัดว่ามีผู้คนมากมายต่างก็เข้าใจ ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้ากลุ่มแรกหลังจากที่ได้เข้าไปยังภายในสุสานชั้นที่สองแล้ว ก็ได้นำเอาข่าวสารอย่างหนึ่งออกมา และต่อจากนี้ไป ก็คงต้องรอดูการตัดสินใจของชนชั้นมหาราชันกันแล้ว
“บรึม——”
หลังจากนี้สามวัน ทันใดนั้นเอง ภายในส่วนลึกตำหนักใต้ดิน ก็ได้มีพลังความน่าหวาดกลัวชนิดหนึ่งเกิดความสั่นไหวขึ้นมา ราวกับว่ามีทหารนับพันหมื่นฆ่าสังหารก็มิปาน จนทำให้ตลอดทั่วทั้งพื้นดินอันกว้างใหญ่เกิดการระเบิดขึ้นมาเสียงดัง
ระหว่างนั้นเอง ผู้คนมากมายต่างก็พบว่า เบื้องหน้าสายตาราวกับว่าได้ปรากฏพื้นที่สู้รบโบราณจากที่ห่างไกลออกไป แล้วก็ได้มีสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดฆ่าสังหารออกมา เป็นที่น่าหวาดหวั่นอย่างถึงขีดสุด
“เวลาของโอกาส ราวกับว่าได้มาถึงแล้ว!” ท่ามกลางอากาศ ก็ได้มีเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นต่อเนื่องอย่างน่าหวาดกลัว
“สุสานชั้นที่สอง ก็ได้เปิดขึ้นมาแล้ว สุสานเซียนที่แท้จริง สมควรที่จะเป็นส่วนลึกของพื้นที่สุสาน บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งสำนักต่างๆ โปรดตระเตรียมศิษย์ในคณะเอาไว้ ที่ได้คัดเลือกเพื่อจะเข้าไปภายใน โลงศพเก้าฟ้า อย่างน้อยก็คงจะปรากฏขึ้นแล้ว ”
.
.
.
.
กลุ่ม / 100บาทครับ
กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/