เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 527 การถ่ายทอดวิชาเทวะ

ตอนที่ 527 การถ่ายทอดวิชาเทวะ

 

“ฮูม——”

 

เสียงอันน่าหวาดกลัวของสัตว์ประหลาดคำรามก็ได้ดังขึ้นมา ทั่วทั้งสุสานชั้นที่สองประดุจดั่งดินแดนโบราณที่ห่างไกลออกไปก็มิปาน ในเวลานี้ ท่ามกลางอากาศก็ได้มีชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าอยู่หลายคนกำลังเข้าปะทะกับพยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่อยู่ แต่ว่า ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าหลายคนนี้กลับมิใช่คู่ต่อสู้ของพยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่ตนนี้ ขณะนี้แทบจะไม่อาจที่จะตกเป็นฝ่ายที่เหนือกว่าได้ พ่ายแพ้ถอยออกไปตามๆ กันอยู่หลายครั้ง

 

“ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าเหล่านี้ ได้เผชิญหน้ากับราชันปีศาจเหล่านี้ ถึงกับไม่อาจที่จะทำอะไรพวกมันได้เลยอย่างงั้นหรือ?” นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เยี่ยจงพบเจอไม่ทราบว่าเป็นการต่อสู้กันครั้งที่เท่าไหร่แล้ว ถึงแม้ว่าจะมีอยู่หลายครั้ง ที่ทางด้านยอดฝีมือที่เข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้คว้าชัยชนะอันเข้มแข็งอย่างแน่นอน แต่ว่าก็เป็นเช่นนี้ ผู้คนมากมายก็ได้ลงมือออกไปไม่ว่าจะเป็นอยู่ในสถานการณ์เช่นไรก็ไม่อาจที่จะต่อกรกับสิ่งมีชีวิตพื้นเพได้เลย

 

นี้ถือได้ว่าเป็นความวุ่นวายอย่างยิ่งชนิดหนึ่ง การคงอยู่ของยอดฝีมือที่มาจากภายนอกและสิ่งมีชีวิตพื้นเพทั้งสองชนิดเหมือนกับไม่อาจที่จะอยู่ร่วมกันได้ ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งมีชีวิตพื้นเพถึงแม้จะมีสติปัญญาที่ไม่สูงมากนัก แต่ว่าสภาพร่างกายกลับน่าหวาดกลัวอย่างถึงขีดสุด

 

“นี้คือ……”

 

หลังจากที่ได้หลบซ่อนเพื่อที่จะสังเกตการณ์ เยี่ยจงก็ไม่อาจที่จะถอยไปอย่างรวดเร็วได้ เพราะว่าหากว่าเขาไม่ถอยไปแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะต้องถูกชักนำเข้าสู้การต่อสู้อย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลานี้แล้ว ต่อให้แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจที่จะมีความเชื่อมั่นว่าจะสามารถหลบหนีไปได้

 

“พยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่มีพลังที่น่ากลัวยิ่งนัก อย่างน้อยก็ถือได้ว่ามีพลังในการลงมือที่เทียบเท่าได้กับระดับมหาราชันที่แท้จริงได้เลย อีกทั้งยังมิใช่เรื่องที่จะจัดการได้เพียงครู่เดียวอีกด้วย ”

 

เยี่ยจงคาดเดาอย่างละเอียด จ้องมองแล้วกลืนน้ำลายลงคอ พยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่ตนนี้เดิมทีแล้วถือได้ว่าจะต้องมีพลังฝีมือในระดับของพลังเทวะขั้นที่ห้าแล้วอย่างแน่นอน เมื่อรวมเข้ากับสติปัญญาที่มีอยู่ อีกทั้งยังมีสภาวะร่างกายที่น่าหวาดกลัวจนอยู่นอกเหนือการคาดเดาเอาไว้ได้ ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าหลายคนนี้ต่างก็หมายปองไปที่มัน เรียกได้ว่าเป็นการหาที่ตายเลยก็ว่าได้

 

“ฮูม——”

 

เยี่ยจงพึ่งจะถอยออกไปไม่ถึงในระยะสิบกี่กว่าลี้ กลับได้พบเห็นว่าพยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่ตนนั้นได้อ้าปากสีโลหิตกว้างขึ้นมา แล้วก็ได้มีลำแสงสีโลหิตพวยพุ่งออกมาจากภายในปากเป็นสาย วินาทีนั้นเอง ก็ได้ดูดชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าหลายคนเข้าไปภายในปาก

 

“อา——”

 

เสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดก็ได้ดังขึ้น ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าหลายคนนี้ที่ตามปกติแล้วที่ถือได้ว่ามีสถานะที่สูงส่งก็ได้ถูกพยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่ตนนี้กลืนกินเข้าไปในทันที ไม่หลงเหลือแม้แต่เส้นขนเอาไว้

 

ฉากนี้ที่พบเห็นได้ทำให้เยี่ยจงอ้าปากตาค้างขึ้นมา หากว่าตนเองลงมือแล้วละก็ อย่างน้อยก็คงจะเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ขึ้นแน่ ราชันปีศาจในระดับเช่นนี้ เขาย่อมไม่มีความเชื่อมั่นที่จะต่อกรได้อย่างแน่นอน เพราะว่านี้โดยส่วนมากแล้วก็เป็นเพียงแค่การคงอยู่ระหว่างผู้ใดจะเป็นฝ่ายที่ตายตก

 

ในขณะนี้เอง เยี่ยจงก็ไม่อาจที่จะไม่เพิ่มความเร็วขึ้นมาได้ เพราะว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็ทราบได้ พยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่นี้จะไล่ตามตนเองมาได้หรือไม่ หากว่าถูกพบแล้วถูกไล่ล่าขึ้นมาแล้วละก็ เช่นนั้นฉายานามของตนเองที่เป็นถึงสุดยอดรุ่นเยาว์แห่งเผ่ามนุษย์ ก็คงจะกลายเป็นการฆ่ายอดฝีมือมากมายที่หลงเหลืออยู่ทางอ้อมได้ ผลลัพธ์ที่ไม่อาจทราบได้ว่าเมื่อเข้าไปภายในปากพยัคฆ์แล้ว ในสถานที่แห่งนี้ยังสามารถที่จะดำรงชีพต่อไปได้อีกหรือไม่กันแน่

 

ทว่ายังดีที่พยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่นั้นราวกับไม่พบเห็นความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง หลังจากที่กลืนกินชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าไปแล้ว มันก็เหมือนกับว่ายังไม่พอใจ เพียงแต่ขยับร่างกายจนกลายเป็นประกายแสงทะยานออกไปในบริเวณที่ห่างไกลออกไป

 

เยี่ยจงพ่นลมหายใจออกมาคำหนึ่ง หลังจากนั้นก็ได้เกิดความลังเล จึงค่อยได้กลับเข้าไปหลบซ่อนที่เดิมทีแล้วเป็นรังของพยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่เข้าไป เพราะว่าเดิมทีแล้วเป้าหมายของชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าหลายคนนั้น เพราะว่าก็คือการได้เข้าไปใกล้รังจนถูกโจมตี

 

เมื่อได้เข้าไปใกล้ได้ไปนานนัก ก็ได้พบว่ามีทะเลสาบขนาดเล็กอยู่บริเวณทางด้านข้าง สถานที่แห่งนี้มีความสงบเป็นอย่างยิ่ง จนไม่ได้ยินเสียงใดๆ เห็นได้ชัดว่า สัตว์ปีกบินได้สัตว์ประหลาดเดินเท้าอื่นๆ ต่างก็ไม่กล้าที่จะเข้ามาใกล้ยังสถานที่แห่งนี้ เพราะว่าสถานที่แห่งนี้มองไปเพียงคราเดียวก็ทราบได้ว่าเป็นอาณาเขตของพยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่ตนเมื่อครู่นั้น

 

เยี่ยจงเข้าใกล้ไปทางด้านหน้า ทอดสายตาจ้องมองไปยังบริเวณโดยรอบอยู่รอบหนึ่ง ไม่นานนักเขาก็ได้พบเห็นป้ายหินที่บริเวณส่วนลึกทางด้านของทะเลสาบ

 

ด้านบนป้ายหินก็ได้วาดเอาไว้ยันต์ที่คล้ายกับผีชนิดหนึ่งสลักเอาไว้อยู่ก็มิปาน นอกจากนั้นแล้วยังได้มีอักษรโบราณอยู่ไม่น้อย ราวกับว่าเป็นเหมือนสิ่งที่ถูกผู้คนวาดขึ้นมาก็มิปาน

 

“นี้คือ มีคนที่เป็นเหมือนกับข้า พยายามที่จะแสดงมรรคแห่งกระบี่ออกมา——” เยี่ยจงศึกษาอย่างตั้งอกตั้งใจ หลังจากนั้น บนใบหน้าก็ได้ปรากฏอาการตื่นตกใจขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นลายมือบันทึกของผู้ที่อยู่ในระดับสูงสุดแห่งดินแดนผู้หนึ่ง ด้านในนั้นก็ได้บันทึกภาพอริยาบทการใช้กระบี่ในระดับชั้นต่างๆ เอาไว้

 

เยี่ยจงศึกษาอย่างตั้งอกตั้งใจ ก็ได้พบว่านอกเสียจากท่ามกลางสิ่งที่แสดงออกมานั้น ภายในยังได้บันทึกเคล็ดกระบี่อันน่าหวาดกลัวไว้อยู่ทั้งหมดสามชนิด และนี้ต่างก็เป็นกระบวนของกระบี่เหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมจัดได้ว่าอยู่ในระดับมนต์ตราเทพได้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

ทว่าเยี่ยจงกลับมิได้ล้ำเรียนเพลงกระบี่ชุดนี้ เพียงแต่ขมวดคิ้วขึ้นมา เมื่อลองผนึกผสานกายถ่ายทอดทั้งหมดแต่ละขั้นขึ้นมา วิเคราะห์ อย่างละเอียด ไม่นานนัก เยี่ยจงก็ค่อยพบว่า กระบวนท่ากระบี่อันน่าหวาดกลัวทั้งสามชนิดนี้ ทว่าเมื่อก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่ ยอดฝีมือในระดับเทวะถ่ายทอดออกมาอย่างส่งเดชเท่านั้นเอง ต่อให้มีความไม่ธรรมดากว่านี้อีก หรือพิสดารกว่านี้อีก ผลสุดท้ายก็ยังมิใช่วิชาระดับเทวะ

 

คนอื่นๆ เมื่อพบเห็นป้ายหินนี้ นอกเสียจากว่าจะต้องเกิดความยินดีจนลิงโลดขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังเหมือนกับว่าได้รับมนต์ตราเทพทั้งหมดสามชนิดอีกด้วย แต่ว่าเยี่ยจงกลับรู้สึกว่าโชคของตนเองถึงแม้จะไม่เลวเลย ในช่วงเวลาที่ถูกถ่ายด้วยมรรคกระบี่ระดับเทวะ ก็ได้พบคนรุ่นก่อนแสดงออกมาในแต่ละขั้นขึ้นมา กระนั้นท้ายที่สุดก็ยังทำให้เขาผิดหวังขึ้นมา แต่ว่าก็ได้ทำให้ตนเองได้พบเห็นมากยิ่งขึ้น จนมิต้องเดินอ้อมให้มากขึ้น

 

“ฮูม——”

 

หลังจากที่ได้ผ่านไปแล้วครึ่งวัน เสียงคำรามก็ได้ดังขึ้นมา พยัคฆ์สวรรค์ขนาดใหญ่ก็ได้กลับมาแล้ว เห็นได้ชัดว่า มันพบว่าเมื่อมีคนเข้ามายังอาณาเขตของมัน ขณะนี้ก็ได้โกรธเกรี้ยวขึ้นมา ส่งเสียงดังก้องกังวานพวยพุ่งเข้ามา

 

เยี่ยจงขยับร่างกายคราหนึ่ง ก็ได้นำป้ายหินถือขึ้นมา จากนั้นก็ได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ด้วยความเร็วในระดับที่น่ากลัวหลบหนีออกไปจากสถานที่แห่งนี้

 

บริเวณท่ามกลางถ้ำกลางหุบเขา เยี่ยจงก็ได้แสดงอริยาบทการใช้มรรคกระบี่ระดับเทวะ ในช่วงนั้น เขาก็เหมือนกับตรวจพบกับทั้ง ป้ายหินก็ได้ขยับตามนิ้วมือไปที่นละนิ้วเบาๆ อย่างวุ่นวาย

 

“นี้คือ——”

 

ในระหว่างทุกครั้งที่เขาได้ขยับนิ้วมือตาม ก็ได้มีแนวทางบางส่วนค่อยๆ เลือนรางหายไป ราวกับว่ามิได้มีการปรากฏขึ้นมาก่อนก็มิปาน แต่ว่าและในเวลาเดียวกันนี้เอง ความรู้สึกถึงความลี้ลับชนิดหนึ่งแล้วอีกชนิดหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาภายในจิตใจของเยี่ยจง จนทำให้เขาราวกับพบเจอกับยอดฝีมือที่ในมือถือเอาไว้ด้วยกระบี่นาวค่อยๆ จู่โจมออกมาก็มิปาน

 

“ร่องรอยแห่งมรรคะ!?”

 

เยี่ยจงทอสีหน้าหวั่นไหวขึ้นมาอย่างรุนแรง นี้คือกระบวนท่าที่มีพลังฝีมือสูงที่สุดเท่าที่อยู่ภายในระดับขั้นทั้งหมด ถึงแม้ว่าจะไม่ทราบว่าเขาสุดท้ายแล้วจะสำเร็จหรือล้มเหลว แต่ว่าหากกล่าวถึงเกี่ยวกับเยี่ยจงในขณะนี้ ถือได้ว่าช่วยได้เป็นอย่างมาก

 

ผ่านไปได้ครึ่งเดือนเต็มๆ นิ้วมือของเยี่ยจงก็ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ สงบจิตทำความเข้าใจในร่องรอยของมรรคะ จนท้ายที่สุดเส้นทางสุดท้ายก็ได้เลือนรางหายไป เขาในที่สุดก็ได้ลืมตาขึ้นมา ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

 

“เพียงขาดอีกแค่เส้นทางเดียว เพียงขาดอีกแค่เส้นทางเดียว เพียงขาดวาสนาอีกแค่เล็กน้อยเท่านั้น ก็จะสามารถที่จะแสดงมรรคกระบี่ระดับเทวะขึ้นมาได้แล้ว!”

 

เยี่ยจงพบขึ้นมาด้วยความแตกตื่น สำรวจร่องรอยแห่งมรรคะของยอดฝีมืออีกครั้ง เขาถึงกับสามารถถ่ายทอดมรรคกระบี่ที่เรียกได้ว่ายากเกินกว่าจะคาดเดาได้จนถึงขั้นนี้ได้ เขาทราบดีว่า หากว่าได้พบเจอกับเคล็ดจิตแห่งมรรคกระบี่แล้วละก็ ตนเองจะต้องสามารถที่จะใช้ออกมาด้วยมรรคกระบี่ในระดับเทวะออกมาได้อย่างแน่นอน

 

ถึงแม้ว่าวิชาเทวะเช่นนี้จะไม่สมบูรณ์ แต่ว่าพลังทำลายก็ถือได้ว่าน่าตกใจไปทั่วแดนได้

 

“นี้ที่แท้เป็นสถานที่ใดกัน เป็นเพียงแค่สุสานชั้นที่สองจริงอย่างงั้นหรือ? ยอดฝีมือที่เหลือทิ้งเพียงตำนานเอาไว้เท่านั้น ถึงกลับยังสามารถที่จะทิ้งร่องรอยของงมรรคะเอาไว้ได้อีก ช่างเป็นที่น่าตกใจของผู้คนมากเหลือเกิน……”

 

เยี่ยจงเริ่มที่จะครุ่นคิดขึ้นมา ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาอย่างยิ่ง สุสานชั้นที่สองนี้ช่างอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปอย่างมากมาย หลายวันที่ผ่านมานี้ทว่าถึงแม้จะเป็นเพียงแค่พื้นที่ส่วนเล็กๆ เท่านั้น แต่ก็ถึงกับเรียกได้ว่าสยบแดนภายนอกเอาไว้ได้เลย จนเกือบที่จะสามารถที่จะริเริ่มเส้นทางของตนเองได้ แต่ก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น หากว่าเข้าไปยังส่วนที่ลึกยิ่งขึ้นแล้วละก็ ก็ไม่ทราบว่าจะได้รับประโยชน์เช่นไรกันอีก

 

“ไม่แต่เพียงแค่เป็นพื้นที่สุสานเซียนเท่านั้น หากมองจากความหมายเช่นนี้ขึ้นมา สถานที่แห่งนี้และสุสานชั้นที่หนึ่งถือได้ว่าไม่มีความแตกต่างกันมากนัก อีกทั้งยังมีสมบัติที่ถูกซ่อนเอาไว้อยู่อย่างมากมาย ในเวลาเดียวกันก็ถือได้ว่ามีอันตรายอย่างอยู่มหาศาล เหมือนกับไม่คุ้มค่ามากเท่าไหร่นัก อาจจะสามารถตายตกลงไปได้ ” เสี่ยวหลุนถอนหายใจออกมาเสียงหนึ่ง เยี่ยจงขณะนี้คิดที่จะต้องการเดินในแนวทางของตนเอง ตัวของมันเองก็ย่อมต้องและเข้าใจขึ้นมาได้อย่างชัดเจน เดิมทีแล้วมันยังคิดที่จะขัดขวาง คิดว่าการที่เยี่ยจงจะเดินไปในเส้นทางเช่นนี้ในขณะนี้ย่อมมิใช่เรื่องที่ง่ายดาย แต่ว่าแม้แต่ตัวมันเองก็ยังคิดไม่ถึง ว่าสถานที่แห่งนี้จะสามารถได้รับประโยชน์ที่ยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน ไม่แน่ว่าอาจจะทำให้เยี่ยจงทำสำเร็จก็เป็นได้?

 

เมื่อได้ออกมาจากถ้ำในหุบเขานี้ เยี่ยจงก็มิได้นำป้ายหินที่สลักกระบวนท่าทั้งสามชนิดออกมา เพราะว่าร่องรอยแห่งมรรคะที่มีความสำคัญอย่างยิ่งเขาก็ได้มาครอบครองแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นที่จะทำให้เรื่องเช่นนี้เกิดความซับซ้อนขึ้นมา

 

ต่อมาก็ได้ผ่านพ้นไปอีกหลายวัน เยี่ยจงก็ได้ไหลเวียนเข้าไปยังพื้นที่แห่งนี้ ในเวลาเดียวกันก็ได้มีตัวเลือกที่ลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น เพื่อที่จะได้ช่วงชิงร่องรอยแห่งมรรคะให้ได้มากขึ้นเป็นอันดับแรก

 

“ซวบ——”

 

บริเวณไม่ไกลนัก ก็ได้มีวิหคที่เป็นประกายทะยานเข้ามา ร่อนลงมายังด้านล่าง แล้วก็ได้มีชายหนุ่มผู้หนึ่งค่อยๆ ร่วงหล่นลงมา ที่หน้าอกของเขาก็ได้มีดอกไม้สีเลือดดอกหนึ่ง ดวงตาทั้งคู่ไร้ซึ่งแสงแห่งชีวิต ตายอย่างไม่อาจที่จะตายตาหลับได้

 

ในบริเวณทางด้านหลังไม่ไกลนัก ก็ได้มีหญิงสาวรูปร่างอ้อนแอ้นเดินออกมา พร้อมทั้งฟาดฝ่ามือออกไปเข้าไปยังศพของชายหนุ่มผู้นั้นจนกลายเป็นปุ๋ยผงไป หลังจากนั้นนางก็ได้มุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้า เริ่มต้นที่จะศึกษาบันทึกที่ถูกบันทึกเอาไว้ จากนั้นนางก็ได้ขยับมือคราหนึ่ง ทำลายสิ่งของทั้งหมดลง ทะยานร่างจากไปไกล

 

ในระยะห่างที่ไม่ไกลจากสถานที่แห่งนี้มากนัก ก็ได้มีเงาร่างสายหนึ่งเดินออกมา เห็นได้ชัดว่าก็คือเยี่ยจงนั้นเอง เขาเมื่อพบเห็นว่าหญิงสาวได้หายไปจากอีกทางด้านหนึ่ง ก็มิได้กล่าวอันใดออกมา

 

“อา——”

 

บริเวณไม่ไกลนัก ก็ได้มีกลุ่มผู้คนกำลังเข้าปะทะกันอยู่ ซากศพแต่ละชิ้นร่วงหล่นประดุจเกี๊ยวทอดลงด้านบนสู่พื้นก็มิปาน ในที่สุดก็มีเพียงแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่มีชีวิตรอดได้ ที่มีชีวิตรอดมาได้นั้นต่างฝ่ายต่างก็ได้รับประโยชน์จากใจกลางถ้ำเก่าแก่โบราณมา จากนั้นก็ได้หายไปอย่างรวดเร็ว

 

เกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้ เยี่ยจงก็ได้จ้องมองไปอย่างเงียบงัน ในเส้นทางสายนี้ เรื่องราวจำพวกนี้เขาถือได้ว่าพบเห็นมาก็มากมายแล้ว

 

เพราะว่าเนื่องจากบนร่างได้สวมเอาไว้ด้วยอาภรยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุ ก็น้อยครั้งนักที่จะมีคนสามารถพบเห็นร่องรอยของเขาได้ ดังนั้นไม่ว่าจะเกิดศึกจากมนุษย์สัตว์หรือว่าจะเป็นระหว่างยอดฝีมือกันเอง เยี่ยจงก็พบเห็นมามากแล้ว

 

โดยเฉพาะเป็นการต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือกันเอง ในขณะนี้ก็ได้กลายเป็นความบาดหมางระหว่างกลุ่มผู้คนมากมาย เพื่อที่จะได้รับวาสนาอันเล็กน้อย กลับไม่มีคนใดที่ลงมืออย่างยั้งไมตรี ในสถานที่แห่งนี้ แม้แต่สหายร่วมศึกข้างกายก็อาจที่จะแทงหลังตนเองได้ทุกเมื่อ เพียงแค่มองในความข้อนี้แล้วละก็ สถานที่แห่งนี้ก็ไม่ต่างอันใดจากสิ่งที่เรียกว่าเมืองแห่งมาร

 

ยาปราณที่มีค่าอายุสูงกว่าหมื่นปีขึ้นไป ก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดการต่อสู้ระหว่างมนุษย์สัตว์ได้แล้ว หากว่าความในข้อนี้ถูกถ่ายทอดออกไปยังคนรุ่นก่อนแล้วละก็ เช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมเหมือนกับสิ่งที่ไม่ต่างอันใดจากการตายทั้งเป็น

 

และก็มีบางครั้งที่สามารถที่จะพบเห็นถ้ำเก่าแก่โบราณปรากฏขึ้นมาได้ เช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมียอดฝีมือของแต่ละฝ่ายปรากฏตัวขึ้นมา ท้ายที่สุดก็ได้มีโลหิตหลั่งไหลออกมาจนกลายเป็นสายธาร จนกลายเป็นกองกระดูกนับหมื่น จึงจะมีคนยินยอมนำสิ่งของออกไปได้

 

เรื่องเมื่อได้บังเกิดขึ้นมาจนถึงขั้นนี้ เมื่อผู้คนทั้งหมดต่างก็มีความเห็นแก่ตัวได้เข้าไปยังภายในท่ามกลางของสุสานชั้นที่สองนี้ ในทุกๆ ความเคลื่อนไหวย่อมต้องเกิดความระแวดระวังอย่างไร้ที่เปรียบ ไม่เช่นนั้นแล้วก็อาจที่จะถูกสังหารลงได้ตลอดเวลา

 

แน่นอนว่า ต่อให้เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็ย่อมไม่มีคนยินยอมที่จะถอยจากไป เพราะว่าทุกผู้คนต่างก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ว่าสถานที่แห่งนี้ที่แท้แล้วได้มีโอกาสวาสนามากมายแค่ไหน ที่แท้แล้วมีสิ่งที่ไม่อาจที่จะผิดพลาดไปได้มากถึงเพียงใดกัน

 

เยี่ยจงก็ได้เดินในเส้นทางที่เกิดความเป็นความตายขึ้น อีกทั้งไม่ได้มีเป็นฝ่ายที่ลงมือก่อน เพราะว่า เขาที่ได้อยู่ท่ามกลางจากหลายวันที่ผ่านมานี้ ต่างก็ยังไม่พบเห็นสิ่งที่มีความเกี่ยวข้องกับมรรคกระบี่ปรากฏขึ้นมา ขณะนี้เมื่อมองในมุมมองของเขา กลับไม่มีสิ่งใดที่มีความสำคัญยิ่งไปเสียกว่าวิชาระดับเทวะแล้ว เพราะว่า สิ่งนี้ถือได้ว่าเป็นหนทางสู่ความสำเร็จสู่วิทยายุทธ์ขั้นก่อฟ้าขอบเขตเทวะ ที่ถือได้ว่าระดับราชันที่แท้จริง

.

.

.

.

 

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset