เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 532 มนุษย์มาร

ตอนที่ 532 มนุษย์มาร

 

 

 

แล้วก็ได้อยู่ในจุดเดิมเพื่อที่จะทำการวิเคราะห์แผนที่เหล่านี้อยู่สักพัก หลังจากนั้นก็ได้รวมเข้ากับในส่วนที่อยู่ในความทรงจำของตนเอง เยี่ยจงจึงค่อยได้ยื่นกายลุกขึ้นมาอีกครั้ง เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง แผนที่ขณะนี้ยังไม่สมบูรณ์ ย่อมไม่อาจที่จะสามารถดูออกได้ว่าที่แท้แล้วมีความลี้ลับอันใดอยู่กันแน่ นอกเสียจากว่าจะมีการคงอยู่ของบริเวณสถานที่ของตำนานจักรพรรดิฟ้าที่แท้จริง เขาจึงสามารถที่จะมีค้นหาเงื่อนงำอันเล็กน้อยนี้ขึ้นมาได้ มิเช่นนั้นแล้วละก็ การพึ่งพาแผนที่เพียงแค่ครึ่งส่วนย่อมไม่อาจที่จะหาอันใดพบได้อย่างแน่นอน

 

ทว่า ในเมื่อมีแผนที่ครึ่งส่วนแล้ว ก็ได้ทำให้เยี่ยจงเกิดความคิดบางอย่างขึ้นมา หลังจากที่ตนเองได้สำเร็จริเริ่มเส้นทางของตนแล้ว เขาเดิมทียังคิดที่จะต้องการที่จะเก็บสะสมประสบการณ์เพิ่มขึ้นอีก เพื่อที่จะได้ส่งผลได้มากยิ่งขึ้นต่อไป วันข้างหน้าเมื่อได้ทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขั้นก่อฟ้าพลังเทวะ ก็ต้องได้กลายเป็นชนชั้นราชันระดับแท้จริงได้

 

แต่ว่าขณะนี้เขาก็ทราบดีว่า ตนเองจำเป็นที่จะต้องช่วงชิงเวลาเอาไว้ แม้ว่าตนเองจะได้รับบันทึกของมรรคกระบี่พลังเทวะไม่สมบูรณ์ ที่ยังถือได้ว่าขาดอยู่อีกเพียงส่วนน้อยเท่านั้น แต่ว่าก็ยังเพียงพอที่จะสามารถเข้าสู่พลังเทวะขั้นที่หนึ่งได้อยู่

 

นั้นก็เพราะว่า ตำนานจักรพรรดิฟ้า เป็นดั่งตำนานที่ได้หายสาบสูญไปจนยากที่จะตามหาได้ หากว่าเกิดการช่วงชิงขึ้นมาย่อมต้องถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างถึงที่สุด ขณะนี้ด้วยพลังการต่อสู้ของเยี่ยจงแม้ว่าจะจัดได้ว่าไร้สองรองใด แต่ว่าในที่สุดเขาก็ยังไม่อาจที่จะเป็นชนชั้นราชันที่แท้จริงได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าเด็กน้อยในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แล้ว ผลแพ้ชนะย่อมยากที่จะคาดเดาได้ ทว่า หากว่าเขาสามารถที่จะสำเร็จเข้าสู่ขอบเขตราชันพลังเทวะขั้นที่หนึ่งได้ พร้อมทั้งนำพลังเทวะรวมเข้าไปภายในด้วยแล้วละก็ เช่นนั้นเมื่อคราวที่บังเอิญพบพานกับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ ไม่แน่ว่าอาจจะยังมีหนทางที่สามารถต่อกรได้อยู่บ้าง

 

“ดูเหมือนว่า จำเป็นที่จะต้องหาสถานที่ในการเก็บตัวกันแล้ว หลังจากที่เข้าสู่ชนชั้นระดับราชันค่อยออกมากันอีกครา”

 

เยี่ยจงกล่าวกับตนเอง จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าไปที่จะค้นหาสถานที่ลึกเข้าไปอีก

 

ในเส้นทางต่อมา เยี่ยจงก็ได้หลบซ่อนเก็บงำพลังเอาไว้ แล้วก็พบได้กับยอดฝีมือของแต่ละฝ่ายอยู่ไม่น้อย สุสานชั้นที่สองแห่งนี้ ไม่แต่เพียงแค่เรียกได้ว่าเป็นเมืองมารเท่านั้น ในเวลาเดียวกันก็ยังถูกเรียกขานว่าถ้ำหมู่บ้านแห่งเซียน นั้นก็เพราะว่าสถานที่แห่งนี้ทุกๆ วันมักจะเกิดการต่อสู้ขึ้น เกิดการตายตกขึ้นมาของยอดฝีมือประดุจดอกเห็ดก็มิปาน แน่นอนว่า ก็มีสมบัติที่ล้ำค่าปรากฏขึ้นมา จนทำให้มีผู้คนไม่น้อยได้รับประโยชน์ และด้วยสถานการณ์ทั้งสองชนิดนี้เอง ก็ได้ทำให้ท่ามกลางสถานที่แห่งนี้ที่เป็นสุสานชั้นที่สองเกิดบรรยากาศที่ถูกกระตุ้นขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา

 

เยี่ยจงก็ได้สวมอาภรณ์ยุทธ์ก่อฟ้าห้าธาตุไว้บนร่างกาย จนทำให้สามารถหลบรอดจากภยันตรายมากมายไปได้ ตลอดการเดินทางของเขา ในเวลาเดียวกันที่ได้หลบรอดพ้นจากภยันตราย แล้วก็ได้เป็นการสอดส่องสถานที่ในการฝึกปรืออีกทาง เพื่อที่จะได้หาสถานที่ที่เหมาะสมแก่การเก็บตัวที่สุด

 

แล้วก็ได้เดินพลางหยุดพลางเช่นนี้อยู่สามวัน เยี่ยจงก็พอที่จะคาดเดาได้ว่าตนเองคงจะใกล้ที่จะมาถึงยังใจกลางของนครสุสานชั้นที่สองแห่งนี้แล้ว เขาในที่สุดก็ได้พบเจอกับสถานที่ไม่เลวเลยแห่งหนึ่ง

 

สถานที่แห่งนี้ก็คือถ้ำโบราณ แม้ว่าจะมีส่วนที่เสียหายอยู่บ้าง อีกทั้งด้านในยังไม่มีสมบัติอันใด หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงแผ่นหินเก่าแก่อยู่ชิ้นหนึ่ง ด้านบนนั้นก็ได้มีเคล็ดใจเพื่อใช้ในการฝึกปรืออยู่ชุดหนึ่ง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นของดีอันใด แต่ว่าหากกล่าวถึงการฝึกปรือ กลับสามารถที่จะได้รับประโยชน์อยู่หลายส่วน

 

ทว่าเยี่ยจงที่เห็นถึงความสำคัญที่สุดกลับมิใช่ศิลาแผ่นนี้ เพียงแต่เป็นสถานที่ที่ดั้งเดิมของมัน หากว่าทำการปิดผนึกประตูทางเข้าเอาไว้แล้วละก็ ย่อมสามารถที่จะใช้ไว้เพื่อเป็นสถานที่สำหรับการฝึกปรือได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง ก็ยังถือได้ว่าไม่เลวเลยทีเดียว

 

ระหว่างนั้นเยี่ยจงก็ได้สำรวจทั้งด้านหน้าและด้านหลังอยู่หลายรอบ เมื่อแน่ชัดได้ว่าไม่มีอันตรายใดแล้ว อีกทั้งยังไม่มีสิ่งของใดสามารถดึงดูดผู้คนหลังจากนี้ได้แล้ว เขาจึงได้กลับเข้าไปยังมุมหนึ่งของถ้ำ ตระเตรียมให้เสี่ยวหลุนช่วยลงมือตั้งค่ายกล เพื่อที่ตนเองจะได้ถือโอกาสทะลวงเข้าสู่ขอบเขตขั้นก่อฟ้าพลังเทวะ

 

และในเวลานี้เอง ชายหนุ่มผู้หนึ่งก็มาถึงยังเบื้องหน้าของถ้ำแห่งนี้ เขาทอสีหน้าเมินเฉย ให้ความรู้สึกน่าหวาดกลัวอยู่ชนิดหนึ่ง ขณะนี้เขาเองก็ได้ยืนกอดอกอยู่ ทอสีหน้าเย็นชาจ้องมองไปยังแผ่นศิลาก้อนนั้น สีหน้าเหมือนกับไม่แยแสอยู่หลายส่วน

 

“สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลย ข้าจะเก็บตัวอยู่ในสถานที่แห่งนี้ เจ้าไปได้แล้วละ” ผู้มาหลังจากนั้นมองไปยังแผ่นหิน จึงได้กล่าวออกมาอย่างเย็นชา เขาเหมือนกับว่ากำลังบอกอยู่ว่าอย่าได้มายุ่งเรื่องของเขาก็มิปาน อีกทั้งยังไม่เห็นเยี่ยจงอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

 

เยี่ยจงทอสีหน้าเย็นชากวาดมองเข้าไปที่คนผู้นี้คราหนึ่ง มิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่หันกายจากไป สถานที่แห่งนี้เขาต้องใช้ไว้เพื่อที่จะเก็บตัว ย่อมไม่มีความสนใจที่จะต้องมาประมือกับบุคคลเช่นนี้อยู่แล้ว นั้นก็เพราะว่า นี้ย่อมส่งผลกระทบต่อสภาพจิตใจของเขาในขณะนี้ได้

 

แล้วก็ได้เสาะหาอยู่อีกหลายวัน เยี่ยจงก็ได้เสาะหาถ้ำที่ไม่เลวได้อีกแห่ง สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าอยู่ในด้านใต้ของทะเลสาบใหญ่แห่งหนึ่ง มีน้ำที่หลั่งไหลออกมาโดยธรรมชาติ เห็นได้ชัดว่าเป็นเหมือนดั่งสถานที่ไว้เก็บตัวของเหล่ามารปีศาจบางชนิด เยี่ยจงเกิดความพอใจเป็นอย่างยิ่ง

 

“สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลย เหมาะสมที่จะใช้สายน้ำเหล่านี้เป็นตัวทดสอบมนต์ตราเทพได้อีก เชิญ” แล้วก็ได้มีเสียงสดใสดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่าเป็นชายหนุ่มที่เยี่ยจงบังเอิญได้พบเจอมาเมื่อหลายวันก่อน เขายังคงทอสีหน้าเย็นชาอยู่เหมือนเดิม เหมือนกับว่ากำลังพูดถึงสิ่งที่เป็นเรื่องปกติอยู่ก็มิปาน

 

เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ยังคงมิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่เลือกที่จะหันกายจากไป

 

เมื่อได้ผ่านไปครึ่งวัน เยี่ยจงก็ได้เข้าไปจนถึงบริเวณของถ้ำแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ภายในตำแหน่งกลางพงไพร มีทิวทัศน์ที่งดงาม เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังปราณ แน่นอนว่าย่อมเป็นสถานที่เหมาะสมอย่างยิ่ง

 

และในเวลาเดียวกันนี้เอง ก็ได้มียอดฝีมือเยาว์คนอื่นๆ ออกมาจากสถานที่แห่งนี้ ทว่าสถานที่แห่งนี้กลับมิได้มีสมบัติสูงสุดอะไร คนมากมายเหล่านี้จึงได้ใช้สถานที่แห่งนี้ไว้เป็นสถานที่ไว้เพื่อฝึกปรือและเพื่อแลกเปลี่ยนข่าวสารของสถานที่แห่งนี้ทั้งหมด

 

เยี่ยจงก็ได้สำรวจอยู่รอบหนึ่ง ก็ได้เสาะหาหัวมุมของจุดจุดหนึ่งแล้วก็ได้นั่งสมาธิลงอย่างเกียจคร้าน นั้นก็เพราะว่าเขารู้สึกได้ว่า ตนเองนั้นห่างจากระดับการทะลวงเพียงแค่เส้นกั้นบางๆ เท่านั้น เรียกได้ว่ามิได้ยาวไกลมากนัก อีกทั้งสถานที่แห่งนี้ยังถือได้ว่าไม่เลว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องแข็งขืนเสาะหาสถานที่แห่งอื่นให้เสียเวลาอีก

 

“ทุกท่าน สถานที่แห่งนี้ไม่เลวเลย ข้าต้องการแล้ว โปรดออกไปด้วย!”

 

เยี่ยจงพึ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน ก็ได้มีเสียงเย็นเยียบดังขึ้นมา ในครั้งนี้ เยี่ยจงขมวดคิ้วเข้าชนกัน กวาดสายตามองเข้าไป แล้วก็ได้พบกับชายหนุ่มที่ได้พบเห็นเมื่อก่อนหน้านี้ ขณะนี้เขาก็ได้ทอสีหน้าเย็นชา ยืนกอดอกอยู่ในที่เดิม เหมือนกับว่ากำลังบอกกล่าวถึงเรื่องที่สมเหตุสมผลอยู่ก็มิปาน

 

“สหายร่วมทางท่านนี้ เจ้าคิดว่าบอกให้พวกข้าออกไปก็ต้องออกไปอย่างงั้นหรือ? เจ้าคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน?” แล้วก็ได้มีคนส่งเสียงดังชิขึ้นมา เอ่ยปากกล่าวขึ้นมาด้วยอาการไม่พอใจอยู่หลายส่วน

 

“ผัวะ——”

 

บนฝ่ามือได้มีประกายแสงสีทองปรากฏขึ้นมา คนที่เอ่ยปากเมื่อครู่นี้ก็ได้กระอักโลหิตออกคำโตพร้อมกับเสียงดัง” อ๊าก” ทอสีหน้าจนตรอกคลานถอยไปทางด้านหลัง

 

“ในครั้งนี้จะลงมือไวไมตรีให้ ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว พวกเจ้าสามารถที่จะเรียนแบบอย่างคนผู้นั้น พบพานกับข้าตั้งหลายครั้งแล้ว ก็ยังคงถอยจากไปอย่างว่าง่าย มิเช่นนั้นแล้วละก็ ก็คงจะต้องตายไปตั้งแต่แรกแล้ว” ชายหนุ่มก็ได้เอ่ยขึ้นมาอย่างเมินเฉย เหมือนกับว่ากำลังพูดถึงเรื่องที่มีความสมเหตุสมผลอยู่ก็มิปาน

 

“ที่แท้ ก็เป็นเขา!? มนุษย์มารกงยี่จวิน?” มีคนเหมือนกับนึกขึ้นมาได้อย่างกะทันหันก็มิปาน แล้วก็ได้สูดลมหายใจเข้าด้วยอาการตกใจ

 

“อะไรกัน? คงจะมิใช่เด็กน้อยผู้นั้นที่มาจากหนานฮวงจริงหรอกกระมั่ง? กล่าวกันว่าสิ่งที่เด็กน้อยผู้นี้ชื่นชอบที่สุดก็คือช่วงชิงวาสนาของผู้คน นี้ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่เขาเชื่นชอบและกระทำอยู่เป็นประจำ แต่ว่าหากว่ามีคนคิดที่จะต่อกรแล้วละก็ เขาก็จะใช้พลังฝีมือบีบคั้นให้ตายคามือ อีกทั้งที่เขาชื่นชอบที่สุดก็คือการติดตามคนผู้หนึ่ง เหมือนกับแมวเล่นไล่จับหนูก็มิปาน รอคอยจนอีกฝ่ายอดทนไม่ไหวแล้วก็ได้หันกลับไปต่อกร เขาจึงค่อยใช้พลังอันเข้มแข็งในการสังหารอีกฝ่าย” มีคนได้ทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปอย่างรุนแรง ในเวลาเดียวกันก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยสายตาที่ประหลาดใจมองไปยังบนร่างของเยี่ยจง

 

คนอื่นๆ เองก็หลังจากที่ได้ถอยจากไปอย่างรวดเร็วแล้ว ในเวลาเดียวกันก็ได้จ้องมองไปยังบนร่างของเยี่ยจง เห็นได้ชัดว่า ผู้คนในสถานที่แห่งนี้หลังจากที่ได้เข้าใจฐานะของผู้ที่มาแล้ว ต่างก็เข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เห็นได้ชัดเจนว่ากงยี่จวินได้มุ่งเป้าไปยังคนผู้นี้เอง

 

“ดูเหมือนว่า แดนซีฮวงเองก็มีคนที่จดจำข้าได้อยู่นะ” กงยี่จวินเหม่อมองไปยังทางด้านนี้ จากนั้นก็ได้แยกเขี้ยวยิ้มไปยังทางด้านของเยี่ยจง “พี่ท่านนี้ ในเมื่อเรื่องสนุกก็ได้ถูกเปิดโป้งไปแล้ว ข้าก็ไม่ต้องการที่จะพูดมาไปกว่านี้ หรือไม่ก็ เจ้านำเอาสมบัติสูงสุดบนตัวของส่งมอบออกมาเถอะ แม้ว่าข้าจะไม่ทราบว่าเป็นสิ่งใด แต่ว่าก็ยังสามารถที่จะทำให้กระดิ่งเสาะหาสมบัติข้าสั่นไหวไม่หยุดได้ ดูเหมือนว่าจะต้องเป็นสิ่งของที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนแล้ว”

 

ต่อให้มาจนถึงขั้นนี้แล้ว น้ำเสียงของกงยี่จวินผู้นี้ก็ยังคงเมินเฉย น้ำเสียงนั้นก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยความไม่ใส่ใจเอาไว้อยู่อีกด้วย เหมือนกับว่าในสายตาของเขา เยี่ยจงก็เหมือนกับคนที่สามารถที่จะถูกฟาดให้ตายลงได้ทุกเวลา

 

เยี่ยจงก็ได้ค่อยๆ ที่จะลุกขึ้นมาจากพื้น จากนั้นก็ได้ส่งเสียงหัวเราะขึ้นมาอย่างไร้สุ้มเสียง หลังจากที่ได้หัวเราะอย่างไร้สุ้มเสียงแล้ว เขาก็ได้ขยับกายไปทางด้านหน้าอยู่สองครั้งครา ทว่าก็เป็นเพราะว่าไม่คิดที่จะให้มีเงาจากวัตถุอื่นส่งผลกระทบต่อสภาวะจิตใจของตนเองมากจนเกินไป แต่ว่า ในเมื่อขณะนี้ทราบว่าไม่เรื่องทั้งหมดมิใช่เป็นเพราะความบังเอิญ เพียงแต่ว่าการมาข้าบุคคลเบื้องหน้าสายตานั้นมีจุดมุ่งหมายแล้วละก็ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่จะต้องกล่าววาจามากมายอีกต่อไป

 

เยี่ยจงมิได้กล่าวอันใดออกมา เพียงแต่นำธนูเทวะโห้วอี่ออกมา แล้วก็ได้ง้างสายธนูออกทันที วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นเงาอสรพิษพุ่งขึ้นฟ้าออกมาสายหนึ่ง ในขณะนี้เอง ฟ้าดินก็ได้เปลี่ยนสี สายลมอัสนีก็ได้ถูกกระตุ้นขึ้น ตลอดทั่วทั้งหุบเขาก็ได้เกิดเสียงดังขึ้นมา

 

“ตูม——”

 

ลูกศรดอกหนึ่งก็ได้พวยพุ่งออกมา มุ่งหน้าเข้าสังหารเข้าไปยังทางด้านของกงยี่จวิน เยี่ยจงเรียกได้ว่ามิได้มีความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย หรือจะกล่าวได้ว่า เขาเมื่อเทียบกับกงยี่จวินกลับยิ่งไร้ซึ่งความหวาดกลัว ในขณะนี้เอง น่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้ถูกผนึกเข้าไปยังคมศรมุ่งหน้าเข้าไปยังกงยี่จวิน หมายที่จะฆ่าสังหารเขาลงไปยังที่แห่งนี้

 

“เคร้ง——”

 

กงยี่จวินยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่เคลื่อนไหว พลิกฝ่ามือสีสองทั้งสองข้างฟาดออกไป แล้วก็ได้ยินเสียงกระทบกับสิ่งของดังขึ้น คมศรก็ได้ถูกเขาฟาดจนลอยกระเด็นออกไปในทันที จากนั้นก็ได้กระทบเข้าไปยังบนยอดเขาอีกทางด้านหนึ่ง วินาทีนั้น ยอดเขาลูกนั้นก็ได้แหลกลาญจนกลายเป็นปุ๋ยผง

 

“ของดีเลยนิ ไม่แปลกใจเลยที่กระดิ่งเสาะหาสมบัติข้าถึงได้สั่นไหวไม่หยุดมาโดยตลอด” กงยี่จวินยิ้มน้อยๆ ขึ้นมา แต่ว่าภายในดวงตากลับได้สาดเป็นประกายเย็นชาสองสายพุ่งเข้ามา

 

“แน่นอนว่าย่อมต้องเป็นของดีอยู่แล้ว นั้นก็เพราะว่ามันสามารถที่จะส่งเจ้าไปยังปรภพได้ไง”

 

เยี่ยจงอดที่จะหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้นมามิได้ จากนั้นก็ง้างไปที่ธนูเทวะโห้วอี่อย่างไม่รีบร้อนและไม่ช้าจนเกินไป วินาทีนั้น แล้วก็ได้ส่งเสียงร้องดังขึ้นมาพร้อมกับการแผลงศรออกไป

 

“ตูม——”

 

คมศรก็ได้แตกระเบิดออก จนกลายเป็นประกายฝนชิ้นเล็กๆ ยอดฝีมือรอบด้านต่างก็อ้าปากตาค้าง

 

“เด็กน้อยผู้นี้เป็นผู้ใดกัน ถึงกับหาญกล้าท้าทายมนุษย์มารกงยี่จวิน?”

 

“กล่าวกันว่ากงยี่จวินมาจากพรรคสำนักเซียนลี้ลับ แน่นอนว่าย่อมต้องมีระดับพลังการต่อสู้ในระดับของบุตรศักดิ์สิทธิ์แล้ว และขณะนี้ถึงกับยังกล้าที่จะลงมือเช่นนี้ หรือว่าเขาเองก็อาจที่จะเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักใดสำนักหนึ่งงั้นหรือ?”

 

“สมควรที่จะไม่ใช่ หากว่าเขานั้นเป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์จากสำนักแห่งหนึ่ง ข้างกายเจ้าไม่มีองครักษ์ได้อย่างไรกัน? อย่างน้อยก็คงจะเป็นผู้ที่มีพลังการฝึกฝนกล้าแข็งไร้ชื่อเสียง หรือไม่ก็เป็นยอดฝีมือที่มาจากสำนักพรรคเล็กๆ เท่านั้น พวกเจ้าไม่เห็นหรือว่าเขายังไม่ได้อยู่แม้กระทั่งอยู่ในระดับราชันหรือไงกัน?”

 

“ยังไม่ได้เข้าสู่ระดับราชันยังหาญกล้าลงมือต่อมนุษย์มารกงยี่จวินอีก แต่นั่นถือได้ว่าเป็นถึงระดับราชันพลังเทวะขั้นที่สองเลยก็ว่าได้เลยนะ!”

 

“ทว่า ผลลัพธ์ราวกับว่าจะไม่ค่อยดีนะ?”

 

รอบด้านก็ได้มีคนวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมา เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของพวกเขาไปจนสิ้น มีคนไม่น้อยที่เดิมทีคิดที่จะจากไป ต่างก็เพียงถอยไปยังทางด้านข้างเท่านั้น ใจจดใจจ่อมองไปยังฉากเบื้องหน้านี้

 

กงยี่จวินทอสีหน้าทะมึนทึบ ในเวลาเดียวกันก็ได้ทอดสายตาที่แฝงเอาไว้ด้วยความลึกซึ้งเอาไว้ เห็นได้ชัดว่าเขาก็มองออกว่าธนูด้ามนั้นมีความไม่ธรรมดาในที่แห่งใด

 

เยี่ยจงเองก็มิได้มีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงไปมากมายนัก ระหว่างนั้นก็ได้ง้างสายธนูขึ้นอีกครั้ง แล้วก็ได้ยินเสียงดังผึงขึ้นมา แล้วก็ได้มีพลังอันน่าตกใจสายหนึ่งพวยพุ่งออกมา มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณหน้าอกของกงยี่จวินเข้าไปในทันที จนเกิดเสียงปะทะกันขึ้นอย่างรุนแรง

 

“ตึก——”

 

กงยี่จวินภายในดวงตาก็ได้ปรากฏประกายคมกล้าขึ้นมา เขาก็ได้ยกมือขวาฟาดเข้าไปยังท่ามกลางอากาศ ประดุจดั่งเหมือนกับจนตัดผ่าดวงตะวันที่อยู่บนท้องฟ้าก็มิปาน แล้วก็ได้เกิดคลื่นขึ้นมาเบาๆ จนทำให้สภาวะอากาศเกิดการฉีกขาดขึ้นมา

 

“ตูม——”

 

คมกระบี่สายที่สามนี่ก็ได้ถูกกงยี่จวินฟาดจนลอยออกไป กระทบไปยังบริเวณที่เป็นพื้นดิน วินาทีนั้นก็ได้แตกออกจนกลายเป็นเหมือนกับหลุมขนาดใหญ่ขึ้นมา

 

ลูกศรทั้งสามหน้าหลังนี้ ลูกศรดอกแต่ละดอกนั้นเรียกได้ว่ามีพลังทำลายที่มากกว่าลูกศรดอกก่อนๆ ยิ่งนัก ต่อให้มีความแข็งแกร่งดุจดั่งกงยี่จวิน เมื่อได้ต้านทานถึงสามครั้งสามคราเช่นนี้ เขาก็ย่อมต้องมีสีหน้าที่เปลี่ยนแปลงเป็นปั้นยากขึ้นมาอีกหลายส่วน

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

 

 

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset