เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 537 การต่อสู้อีกครั้งในวันหน้า

ตอนที่ 537 การต่อสู้อีกครั้งในวันหน้า

 

 

 

“ตูม——”

 

เยี่ยจงก็ได้ใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ คมศรแต่ละสายต่างก็พวยพุ่งออกมาตามความเคลื่อนไหวของเขา ประดุจดั่งมังกรทองคำแต่ละสายกำลังทะยานขึ้นสู่สวรรค์ชั้นที่เก้าก็มิปาน เมื่อได้มองออกไปยังบริเวณที่ห่างไกล ฉากเบื้องหน้านี้ถือได้ว่าเป็นเหมือนดั่งแดนสรวงสวรรค์ ประดุจดั่งมีดาวตกพุ่งออกมาจากท่ามกลางบนท้องฟ้าก็มิปาน ให้ความงดงามอย่างถึงที่สุด

 

ทว่าความงดงามเช่นนี้กลับแฝงเอาไว้ด้วยภยันตายที่ถึงแก่ชีวิตเอาไว้อยู่ชนิดหนึ่ง ไม่ว่าจะกระทบถูกกระบวนท่าใด ก็ยังสามารถที่จะทำร้ายจนชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่สามได้รับบาดเจ็บหนักลงได้อย่างง่ายดาย จนกดดันกงยี่จวินที่มีความวิปริตเช่นนี้จนกระอักโลหิตออกมาได้จนถึงขั้นนี้ ต่อให้เป็นถึงบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ เมื่อต้องมาพบเจอกับการโจมตีเช่นนี้ เกรงว่าก็คงจะมีแต่ต้องถอยหนีไปชั่วคราวเท่านั้น ไม่อาจที่จะสามารถเผชิญหน้ากันซึ่งๆ หน้าได้

 

“เจ้าจมูกโค! เจ้าเยี่ยมมาก เจ้าก็จงใช้ธนูเทวะโห้วอี่ด้ามนี้เพื่อจัดการข้าก็แล้วกัน ครั้งต่อไปที่ได้พบเจอกับเจ้า ข้าจะต้องเด็ดหัวสุนัขของเจ้าออกมาให้ได้อย่างแน่นอน!” กงยี่จวินทางหนึ่งก็ได้กล่าววาจาอาฆาตทางหนึ่งก็ได้ถอยออกไป ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ขณะนี้เขาคิดที่จะเสาะหาสถานที่ใช้ไว้ทะลวงพลัง หลังจากนั้นจึงค่อยกลับมาคิดบัญชีกับเยี่ยจง

 

“ไม่มีครั้งต่อไปอีกแล้ว บุญคุณความแค้นระหว่างพวกเราในครั้งนี้ก็มาจบมันกันเถอะ!” เยี่ยจงทอสีหน้าเยียบเย็น ตัดสินใจที่จะเด็ดชีวิตของกงยี่จวินอย่างเด็ดขาด เพราะว่าบุคคลเฉกเช่นนี้มีความน่าหวาดกลัวจนเกินไป ในมือก็ยังคงง้างธนูเทวะโห้วอี่ไม่หยุด คมศรแต่ละสายก็ได้พวยพุ่งออกไป เขาไม่เชื่อว่าตนเองจะไม่อาจที่สังหารอีกฝ่ายในที่แห่งนี้ได้

 

การไล่ล่าตลอดรายทางมานี้ พริบตาเดียวก็ได้ดึงดูดประกายสายตาของผู้คนนับไม่ถ้วนขึ้นมาได้ เพราะว่าฉากที่ได้พบเห็นเช่นนี้ เรียกได้ว่านานครั้งที่จะพบเห็นได้

 

“เอ๊ะ? มนุษย์มารกงยี่จวินได้ถูกไต๋ซือน้อยผู้นั้นไล่ล่าอีกแล้ว!”

 

แล้วก็ได้มีปากปีจอที่ได้เอ่ยขึ้นมาด้วยอาการสงสัยอย่างไม่อาจที่จะหยุดนิ่งได้ขึ้นมา เสียงนั้นดังออกไปทั่วสารทิศ คำพูดนี้เกือบที่จะทำให้กงยี่จวินโกรธจัดทนแทบจะหันหน้าแทรกแผ่นดินหนีไป ควรทราบว่า บุคคลระดับเขาเช่นนี้ มีฉายานามว่ามนุษย์มาร ในแดนหนานฮวงถือได้ว่เป็นความน่าหวาดกลัวที่เหลือคนา ไม่ทราบว่าได้มียอดฝีมือระดับเดียวกันได้ถูกมือคู่นี้ของเขาฆ่าฟันไปไม่ทราบเท่าไรแล้ว ต่อให้เป็นชนชั้นราชันที่มีไพ่ตายอันแข็งแกร่งก็ยังถูกสังหารไปไม่น้อย แต่ว่าขณะนี้เขากลับต้องมาถูกเจ้าจมูกโคผู้หนึ่งไล่ฆ่าถึงสองครั้ง ในทุกครั้งต่างก็เรียกได้ว่าหนีหัวซุกหัวซุน เรื่องนี้หากมองจากมุมมองของเขา ก็ย่อมที่จะยากที่จะทานทนรับได้

 

“ไต๋ซือน้อยผู้นี้ก็ช่างเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์เสียจริง ครั้งที่แล้วไล่ฆ่าสังหารกงยี่จวินจนขึ้นฟ้ามุดดิน ในครั้งนี้กลับเป็นเช่นนั้นอีกแล้วงั้นหรือ?” ผู้คนมากมายต่างก็รู้สึกได้ว่าฉากเบื้องหน้านั้นช่างเป็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายไปเสียจริง หากมิใช่ได้มาพบเห็นเองกับตา ผู้ใดก็คงไม่อาจที่จะเชื่อฉากที่เกิดขึ้นนี้ได้

 

“เหว่ยเหว่ยเหว่ย กงยี่จวิน เจ้าที่เป็นถึงมนุษย์มารอันดับหนึ่งแห่งแดนหนานฮวง มีฉายานามที่ถือได้ว่าเป็นเหมือนจุดสูงสุด อีกทั้งยังเหยียบย่ำบุตรศักดิ์สิทธิ์、ย่ำยีสตรีศักดิ์สิทธิ์ บุคคลเฉกเช่นเจ้านี้มิใช่ว่าสมควรที่จะต้องถูกจัดการมาโดยตลอดอย่างงั้นหรือ? เหตุใดตอนนี้ถึงได้หลบหนีได้รวดเร็วนักกันเล่า!?” จงหลี่ผู้นี้แม้แต่ตาเฒ่าไต๋ซือหวูโหวขณะนี้ก็ยังไม่อาจที่จะเทียบได้แล้ว เขาตะโกนออกมาเสียงดังกังวาน อีกทั้งยังเกรงว่าทั่วทั้งฟ้าดินจะไม่ทราบว่ากงยี่จวินกำลังหลบหนีอยู่

 

“กงยี่จวินก็ช่างโชคร้ายเสียจริง ตามปกติกลับมีท่าทีที่ไร้ซึ่งความหวาดกลัว แต่เมื่อต้องมาพบเจอกับไต๋ซือน้อยผู้นี้หวาดกลัวได้ถึงเพียงนี้ ” ตลอดรายทางมานี้ ก็มีผู้คนถอนหายใจออกมาไม่หยุด คำว่า “หวาดกลัว” นั้นก็ได้ทำให้กงยี่จวินทอสีหน้าชาด้านขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาจนถึงขีดสุด เขายังไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า ตนเองนึกไม่ถึงจะต้องมาถูกผู้คนวิพากษ์วิจารณ์เช่นนี้ จนทำให้เขาแทบจะคิดหัวชนกำแพงตายไปให้รู้แล้วรู้รอดไป

 

แต่ว่าขณะนี้เขากลับยังไม่กล้าที่จะหยุดลง เพราะว่าบริเวณทางด้านหลัง เยี่ยจงที่มิได้มีความเกรงใจแม้แต่น้อย เขาก็ได้ปะทุประกายแสงสีทองขึ้นมาทั่วร่าง คมศรแต่ละสายก็ได้พวยพุ่งออกไป เห็นได้ชัดได้ตัดสินใจที่จะให้กงยี่จวินได้รับความตายไปแล้ว

 

กงยี่จวินดุจมีควันออกมาจากทวารทั้งเจ็ด ตลอดมานี้ต่างก็มีแต่เขาที่คอยไล่ล่าผู้อื่น แต่ว่าวันนี้กลับต้องมาถูกคนที่เป็นดั่งสุนัขไล่ล่าสังหารเช่นนี้ ต่อให้คิดที่จะแสดงความดุร้าย เขาก็ทราบว่าพลังเทวะของตนเองมีใช้ไว้อย่างมากก็เพื่อคุ้มครองชีวิตของตนเองเท่านั้น ไม่อาจที่จะทำอันใดอีกฝ่ายได้!

 

“เจ้าจมูกโค! หากว่าเจ้ามีความสามารถก็แสดงพลังที่แท้จริงมาต่อยตีกับข้าซะ ข้าจะฟาดฝ่ามือให้เจ้าได้ตายสิบครั้งแปดคราเลย!” กงยี่จวินด่าทอออกมายกใหญ่ มิได้มีสภาพที่สูงส่งดุจดั่งเช่นก่อนหน้านี้เลยแม้แต่น้อย

 

“พี่กงยี่เป็นถึงผู้มีพรสวรรค์ มีความสามารถก็อย่าได้หลบหนีเลย ข้าจะช่วยหั่นเจ้าเพื่อไปป้อนให้แก่สุกรให้เอง!” เยี่ยจงยิ้มน้อยๆ ทว่ามือก็ยังคงไม่หยุดที่จะเคลื่อนไหว

 

กงยี่จวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน มีแต่เพียงหลบหนีต่อไป

 

ทั้งสองคนหนึ่งคนไล่ หนึ่งคนหนี ตลอดรายทางมานี้ได้กลายเป็นที่ดึงดูดจนต้องถอนหายใจออกมานับครั้งไม่ถ้วน เห็นได้ชัด ผู้คนมากมายต่างก็คิดแล้วว่า เป็นเพียงเรื่องเอะอะกันเล็กน้อย กระนั้นเรื่องเช่นนี้กลับน้อยครั้งที่จะพบเจอได้ ในเวลาเดียวกันก็บอกได้ว่า กงยี่จวินนั้นไม่มีผู้คนเหลียวแลมากแค่ไหน

 

ไม่นานนัก ทั้งสองคนก็ได้หลบหนีไล่ล่าไปเกือบร้อยลี้ จนมุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณใจกลางของยอดเขาแห่งหนึ่ง สถานที่แห่งนี้มีพื้นที่ที่สูงชัน รอบด้านต่างก็มีสันเขาที่ประดุจคมดาบก็มิปาน ด้านบนของยอดเขานั้นกลับปรากฏหินย้อยขึ้นมาตามธรรมชาติ จนถึงกับสามารถที่จะพบเห็นสิ่งมีชีวิตไม่น้อยกำลังหนีออกมาไม่หยุด

 

“ตูม——”

 

เงาร่างสายนี้ทันใดนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมา ฝ่ามือข้างหนึ่งที่มีสีขาวผ่องก็ได้กดทับเข้ามาจากท่ามกลางอากาศ แล้วก็ได้ได้ยินเสียงดังสนั่นขึ้นมา คมศรทั้งหมดที่อยู่บริเวณทางด้านหน้าของเยี่ยจงทั้งหมดก็ได้ถูกบดขยี้ไปในทันทีจนหมดสิ้น

 

“ฆ่าเขาซะ!” กงยี่จวินขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน พริบตานั้นเงาร่างสายนี้ก็ได้เข้ามายังบริเวณทางด้านหน้า คนผู้นี้แท้จริงแล้วผู้คุ้มกันของเขา ขณะนี้อย่างน้อยก็คงจะรอคอยอยู่ในสถานที่แห่งนี้

 

“ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้า ผู้คุ้มกันของกงยี่จวิน!?”

 

บริเวณทางด้านหลัง จงหลี่และยอดฝีมือส่วนหนึ่งต่างก็ไล่ตามกันเข้ามา คิดที่จะชมดูการแสดง เพียงแต่ช่วงเวลาที่พบเห็นคนผู้นี้ แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงทอสีหน้าแปลกใจจ้องมองไปยังฉากเบื้องหน้าสายตา ในครั้งนี้เขานั้นถือได้ว่าอยู่ในสภาวะสูงสุด กลับมิได้หันกายหลบหนีไป เขาเพียงแต่รู้สึกแปลกใจอย่างยิ่ง ด้วยนิสัยของกงยี่จวิน ในสถานการณ์เช่นนี้คิดที่จะทำอันใดกันแน่

 

กงยี่จวินก็ได้กลับคืนสู่ความเป็นปกติ ยืนอยู่บริเวณทางด้านข้างของผู้คุ้มกัน จ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเย็นชา ภายในดวงตาก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร

 

“สหายน้อย เจ้าทำเกินไปแล้ว ” ผู้คุ้มกันก็ได้ขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย ส่งเสียงเย็นชาออกมาอย่างยิ่ง

 

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา มิได้กล่าววาจาไร้สาระกับเขาให้มากความ เพียงแต่ง้างธนูทันที แล้วก็ได้พบว่าภายในร่างกายของเขานั้นได้ไหลเวียนประกายแสงสีทองอันคมกล้าขึ้นมา พริบตานั้นก็ได้รวมพลังเข้าไปเอาไว้ภายในลูกศร เงามังกรสีทองสายหนึ่งในขณะนี้ก็ได้ถูกสร้างขึ้นมา จนเกิดเสียงคำรามก้องออกมาไม่หยุด

 

“ตูม——”

 

พริบตานั้นเอง ความน่าหวาดกลัวสายหนึ่งก็ได้ทอเป็นประกายแสงคมกล้าพวยพุ่งออกไป มุ่งหน้าบริเวณทางด้านหน้า วินาทีนั้น มุ่งหน้าเข้าไปยังกงยี่จวินอีกครั้ง เห็นได้ชัด ในครั้งนี้เยี่ยจงมิได้เห็นผู้คุ้มกันอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย

 

กงยี่จวินขมวดคิ้วขึ้นมา พลิกมือนำเอาเครื่องมือต้องห้ามง้าววาดสวรรค์ออกมาเตรียมพร้อมที่จะลงมือ แต่ว่าผู้คุ้มกันของเขากลับโบกมือเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ได้มีเลิกแขนเสียขึ้นจนมีขนาดใหญ่กว้างมุ่งหน้ากวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า วินาทีนั้น ก็ได้พบกับพลังเทวะหลั่งไหลขึ้นมานับไม่ถ้วน มุ่งหน้าบริเวณทางด้านหน้า

 

“ตูม——”

 

ประกายมังกรก็ได้ถูกทำลายลง ในเวลานี้ก็ได้ถูกทำลายลงไป ในข้อนี้ก็ได้ทำให้ผู้คนเข้าใจขึ้นมาได้ ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าแล้วที่แท้มีความแข็งแกร่งอยู่ในระดับที่ยากจะคาดคิดได้ เพียงแต่ว่า ผู้คุ้มกันนั้นขณะนี้ก็เพียงแค่ขมวดคิ้วเพียงเล็กน้อย ใจกลางฝ่ามือของเขาก็ได้เกิดอาการปวดร้าวขึ้นมาเป็นสาย นี้ได้ทำให้เขาทอสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย เพราะว่ายากที่จะคาดคิดได้ว่า เพียงแค่ยอดฝีมือในระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันขั้นสูงสุด นึกไม่ถึงว่ากลับสามารถที่จะทำให้มือของเขารู้สึกเจ็บขึ้นมาได้

 

“จี๊จี๊ เป็นถึงมนุษย์มารกงยี่จวิน นึกไม่ถึงแม้แต่ความสามารถที่จะให้ตนเองลงมือก็ยังไม่มี เผชิญหน้ากับยอดฝีมือในระดับครึ่งก้าวสู่ระดับราชันขั้นสูงสุดเพียงคนเดียว นึกไม่ถึงกลับต้องพึ่งพาผู้คุ้มกันเพื่อรักษาชีวิต!” ท่ามกลางกลุ่มผู้คน ก็ได้มีคนเอ่ยขึ้นมาพร้อมทั้งหัวเราะอย่างเย็นชา เห็นได้ชัดคนมากมายต่างก็ไม่ชมชอบกงยี่จวินอย่างถึงที่สุด อีกทั้งยังไม่เห็นแก่หน้าเขาเลยแม้แต่น้อย

 

“ดูเหมือนว่า นามแห่งมนุษย์มารนี้จะเป็นเพียงแค่ลมปากแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าได้ยินมาว่า มนุษย์มารกงยี่จวินมีความแข็งแกร่งถึงเพียงใด ตอนนี้ดูไปแล้วละก็ สมควรที่จะพึ่งพาแต่เพียงผู้คุ้มกันในการสังหารอีกฝ่ายแล้ว หลังจากนั้นค่อยโฉบฉวยวาสนานี้เพื่อสร้างชื่อเสียงให้ตัวเขาเอง ”

 

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก็ได้ดังขึ้นมา จนทำให้สีหน้าของกงยี่จวินเกิดอาการงุนงงขึ้นวูบ เปลี่ยนเป็นปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงที่สุด เขากวาดสายตามองไปยังกลุ่มผู้คนโดยรอบด้วยสายตาที่เมินเฉย กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “ได้ ในเมื่อพวกเจ้าคิดว่าเป็นเช่นนั้น เช่นนั้นวันนี้ข้าจะไม่ลำบากเขาแล้ว ห้าวันหลังจากนี้ พวกเราค่อยเลือกสถานที่ในการประลองกัน เมื่อถึงเวลานั้นจะหักแขนของเจ้าเอง!”

 

“จำเป็นที่จะต้องรอนานถึงเพียงนั้นเชียว เจ้าตอนนี้ไสหัวออกมา ข้าจะสับเจ้าเป็นชิ้นๆ ให้เอง!” เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา ไม่เห็นแก่หน้าของกงยี่จวินเลยสักนิด

 

“สหายน้อยท่านนี้ เอาแต่พึ่งพาสมบัติลับไม่ถือได้ว่าเป็นความสามารถอันใด ควรทราบว่ายอดฝีมือสูงสุดภายใต้ฟ้าดินต่างก็เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ สิ่งของเช่นนี้ของเจ้าถือได้ว่าเป็นอะไรได้กัน วิทยายุทธ์นั้นมาจากร่างกายของตนเองจึงจะถูกต้อง ” ผู้คุ้มกันของกงยี่จวินเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเมินเฉย มีความหมายอย่างชัดเจน เช่นนั้นก็เป็นเพียงกงยี่จวินที่ไร้พ่าย เพียงแต่แค่พลาดท่าให้แก่ศาสตราวุธก็เท่านั้นเอง จึงได้ถูกกดดันมาโดยตลอดเช่นนี้

 

“แพ้แล้วก็คือแพ้แล้ว มีความสามารถก็ไปเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุมาต่อยตีกับข้าซะ กล่าววาจาได้เหือนกับไม่มีเลยยังไงอย่างงั้น ” เยี่ยจงก็ได้ยกมุมปากสูงขึ้น ไม่แยแสแม้แต่น้อย

 

ผู้คุ้มกันของกงยี่จวินก็ได้ทอสีหน้าดำคล้ำ คิดที่จะลงมือ และกงยี่จวินนั้นก็ได้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันขึ้นมา เกลียดชังจดแทบจะกัดเยี่ยจงให้ตายไปภายในคำเดียว เห็นได้ชัดว่า เขาลงมือถึงสองครั้ง ท้ายที่สุดก็ได้แต่ถูกผู้คุ้มกันรักษาชีวิตเอาไว้ นี้ทำให้เขาแทบจะบ้าคลั่งขึ้นมา ชิงชังจนแทบจะฟาดเยี่ยจงให้ตายคามือ

 

“พึ่งพาแต่เพียงพลังของศาสตราวุธ ยังดีกว่าคนที่เอาแต่พึ่งพาผู้คุ้มกันกว่ามากแล้ว!” ท่ามกลางหมู่ผู้คน ก็ได้มีคนหัวเราะแล้วกล่าวออกมาเสียงเย็นชา จนทำให้กงยี่จวินรวมไปจนถึงผู้คุ้มกันทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาพร้อมกัน

 

หลังจากนั้น ผู้คุ้มกันของกงยี่จวินก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงอย่างเย็นเยียบ กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “สหายน้อย วันหน้าค่อยสู้กันอีกครั้งเถอะ ครั้งต่อไปเรื่องจะไม่จบเพียงแค่นี้แน่ ”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง เขาก็ได้โบกมือคราหนึ่ง นำพากงยี่จวินจากไป เห็นได้ชัดเขาเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ภายใต้สถานกาณ์เช่นนี้ต่อให้เขาต้องมาลงมือสังหารเด็กน้อยที่น่าชังผู้นี้ แต่หากมองในมุมของกงยี่จวิน ก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องที่ดี

 

เยี่ยจงมองไปยังอีกทางด้านหนึ่งอย่างเมินเฉย ยกมุมปากขึ้น มิได้ไล่ตามออกไป กระนั้นเขาถึงแม้ว่าจะมีความเชื่อมั่น แต่ว่าก็ไม่คิดว่าตนเองภายใต้สภาวะที่ยังไม่ทันได้ทะลวงเข้าสู่พลังขั้นก่อฟ้าขอบเขตพลังเทวะ จะไม่อาจสามารถสังหารชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าผู้หนึ่งลงได้

 

ไม่นานนัก กลุ่มฝูงชนก็ได้แยกย้ายกันไป เพราะว่าคนมากมายต่างก็เข้าใจ การต่อสู้ในวันนี้แม้ว่าจะไม่ได้ต่อสู้กันขึ้นมา แต่ว่าวันข้างหน้าก็ย่อมไม่อาจที่จะหลีกเลี่ยง ภายในท่ามกลางสุสานชั้นที่สองนี้ มนุษย์มารปะทะไต๋ซือน้อย ย่อมต้องยังมีการต่อสู้อีกอย่างแน่นอน

 

กงยี่จวินคิดที่จะสังหารไต๋ซือน้อยผู้นี้เพื่อที่จะเป็นที่ประจักษ์ในหนทางของตนเอง และไต๋ซือน้อยผู้นี้ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึง คาดว่าคงคิดที่จะจัดการเด็ดชีพมนุษย์มารผู้นี้ไปตั้งแต่แรกแล้ว

 

“พี่ท่านนี้ ขอบคุณมากที่ช่วยเหลือ!”

 

เมื่อได้มาถึงยังบริเวณที่ไร้ซึ่งผู้คน จงหลี่และชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายเขาก็ได้มุ่งหน้าเข้ามาใกล้ มุ่งหน้ายกมือคารวะไปทางด้านของเยี่ยจง

 

“พี่จงก็เกรงใจไปแล้ว พวกเราทั้งสองก็ใช่ว่าร่วมมือกันเป็นครั้งแรกซะที่ไหน ย่อมไม่อาจที่จะสามารถเห็นเจ้าถูกรังแกไปได้หรอกนะ?” เยี่ยจงหัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าว

 

“เจ้า……” จงหลี่อ้าปากตาค้าง จากนั้นก็ได้กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา “เจ้าเด็กน้อยผู้นี้ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังถึงกับหาญกล้าที่จะวิ่งเข้ามาอีกครั้ง ที่แท้เจ้าไม่ทราบหรอกหรือ ว่าขณะนี้มีบุตรศักดิ์สิทธิ์จากสำนักใหญ่กำลังคิดที่จะตามหาตัวเจ้าออกมาอยู่ หลังจากนั้นแม้แต่กระดูกก็คงจะถูกแทะจนไม่เหลือแล้วกระมั่ง?”

 

“พวกเขามีความสามารถเช่นนั้นอย่างงั้นหรือ?” เยี่ยจงยกมุมปาก ไม่แยแสสนใจ

 

“ก็ใช่ แม้แต่มนุษย์มารกงยี่จวินก็ยังถูกเจ้าไล่ล่าทุบตี บุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นนอกเสียจากว่าจะร่วมมือกัน ไม่เช่นนั้นก็คงยากที่จะทำอันใดเจ้าได้ ” จงหลี่หัวเราะฮาฮาออกมาเสียงดัง จากนั้นก็ได้กวักมือเรียกชายหนุ่มอีกคนเข้ามา กล่าว : “มา จะแนะนำให้เจ้ารู้จัก ท่านนี้ก็คือพี่หลิงเฟ่ของหมู่ตึกสวรรค์นอกจากแดนตงฮวง นี้ถือได้ว่าเป็นพี่น้องที่ดีของข้าเลย เจ้าทำความรู้จักกันสักครู่เถอะ ”

 

หลังจากนั้นเขาก็ได้หรี่ตาขึ้นขมวดคิ้วเข้าชนกัน กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “ท่านนี้ก็คือคนที่เจ้ามักจะสรรเสริญผู้นั้นอย่างงั้นหรือ เห็นหรือยัง ข้าก็บอกต่อเจ้าไปแล้ว หากว่าเขานั้นปรากฏตัวขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นมารวิปริตรผู้มากความสามารถอันใด ต่างก็ต้องสยบอยู่แทบเท้าไปเสียทั้งหมด!”

.

.

.

.

กลุ่ม / 100บาทครับ

กลุ่มละ 80ตอน
โปรโมชั่น กลุ่ม 6-13 ราคา 600
VIP5 https://goo.gl/ekcF7V
VIP6 https://goo.gl/4rqw89
VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/2lRgnUn
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่
INBOX m.me/ZuiQiangWuShen
#####Fanpage#####
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset