ตอนที่ 550 เปิดหลุมศพเซียน
“นึกไม่ถึงจะเป็นอักขระชนิดนั้น!? ”
ทันใดนั้น เยี่ยจงทอสีหน้าตกใจขึ้นมาเล็กน้อย ในที่สุดก็นึกได้ว่าตนเองแท้จริงแล้วเคยพบเห็นอักขระจำพวกนี้มาจากสถานที่ใดกัน นั้นก็คือเมื่อวันก่อนในดินแดนเสี่ยวหนานภายในเพลิงกาฬลำดับที่แปดพบเห็นมานั้นเอง
เพียงแต่น่าเสียดาย เป็นเพลิงกาฬทั้งหมดที่ได้หายไปแล้วนั้นที่เยี่ยจงพบเจอเมื่อวันก่อน ทั้งหมดต่างก็ได้เหือดหายไป และเมื่อวันก่อนที่เขาได้พบเห็นเหล่านั้นก็คือการเข้าสู่การบรรลุถึงวิถีเพลิง และก็เป็นสิ่งอยู่ในจำพวกอักขระเหล่านั้นในขณะนี้ที่ได้รวมตัวกันขึ้นมาจนเป็นสาย
“หรือว่า สถานที่แห่งนี้นึกไม่ถึงจะเป็นสถานที่ที่มีความเกี่ยวข้องกับตำหนักใหญ่ที่หลังนั้นของท่ามกลางเพลิงกาฬลำดับที่เก้า และสิ่งมีชีวิตนั้นราวกับยังคงมีชีวิตอยู่ คงจะไม่มีการคงอยู่ของชีวิตอยู่ด้านหลังของประตูนี้หรอกนะ? ”การคาดเดานี้ได้ทำให้เยี่ยจงเกิดอาการขนลุกขึ้นมาในทันที เพราะว่าหากว่าการคาดเดานี้เป็นจริงแล้วละก็ เช่นนั้นก็ยากที่จะเชื่อได้อย่างถึงที่สุด สิ่งมีชีวิตนั้นราวกับยังคงมีชีวิตอยู่ที่แท้เป็นอะไรกัน แท้จริงแล้วจะเป็นเซียนที่แท้จริงอย่างงั้นหรือ?
“เสี่ยวเยี่ยจื่อ เจ้าเดาอะไรขึ้นมาได้กัน? ”ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าเปลี่ยนจนไม่ทราบจะเรียกว่าอย่างไรดี ขณะนี้เขาก็ได้จ้องมองไปที่เยี่ยจงซ้ายทีขวาที เห็นได้ชัดต้องการที่จะดูให้ออกในข้อนี้
“ขณะนี้ นอกเสียจากว่าจะเป็นสุสานเซียนที่แท้จริงแล้วก็ว่าได้ ”เยี่ยจงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ภายในคำพูดแฝงเอาไว้ด้วยความไม่อยากที่จะเชื่อขึ้นมาเป็นสาย
“มิใช่ต่างก็กล่าวกันว่าสถานที่แห่งนี้เป็นพื้นที่สุสานเซียนที่แท้จริงอย่างงั้นหรือ? สุสานมีเซียน มีเรื่องที่ประหลาดเช่นนั้นอย่างงั้นหรือ? ”ไต๋ซือหวู่โหวแบะปากออกมา
“ไต๋ซือท่านมีพลังที่สูงล้ำจบแดน พบเจอกับเรื่องมามากมาย ด้วยประสบการณ์ของท่าน ยังไม่เคยพบเห็นกับเซียนมาก่อนจริงอย่างงั้นหรือ? ”เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา ถามออกไปด้วยคำถามหนึ่ง
ไต๋ซือหวู่โหวครุ่นคิด สักพักจึงค่อยได้ถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง กล่าว : “ในดินแดนของพวกเรานี้ หนทางแห่งเซียนได้ถูกตัดไปตั้งแต่แรกแล้ว บนโลกหล้าไร้ซึ่งเซียน ข้าจะไปหามาจากที่ไหนได้กัน? กล่าวตามความจริงไม่ปิดบังพวกเจ้า สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสถานที่ข้าเกิดความรู้สึกว่าได้เข้าใกล้กับความเป็นเซียนมากที่สุดครั้งหนึ่งแล้ว จะมีก็แต่สวรรค์เท่านั้นที่จะทราบได้ว่าจะมีเซียนจริงหรือไม่เท่านั้น……”
“คำว่าเซียนเพียงตัวเดียว ในช่วงเวลาที่ผ่านมานับสิบหมื่นปีมานี้ ก็ได้กลายเป็นความความลับในลี้ลับที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไปตั้งแต่แรกแล้ว ผู้ใดจะหาญกล้าพอที่จะบอกว่าเคยพบมาก่อนจริงได้กัน? ”ไต๋ซือหวู่โหวถอนหายใจออกมา “หากมิใช่คำว่าเซียนเพียงตัวเดียว ก็ถือได้ว่ามีความสำคัญเป็นอย่างมากแล้วละก็ เหตุใดผีเฒ่าเหล่านั้นแต่ละคนถึงได้อ้าปากตาค้างมุ่งหน้ากันเข้ามา ทว่าหากยังไม่ถึงในท้ายที่สุด ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทราบได้ ว่าสิ่งของที่อยู่ภายในพื้นที่สุสานเซียนที่แท้จริงนี้ที่แท้เป็นอะไรกัน แต่ว่า สถานที่แห่งนี้มีความลับอันยิ่งใหญ่นั้นย่อมต้องไม่ผิดพลาดอย่างแน่นอน ”
เยี่ยจงครุ่นคิด หลังจากนั้นส่ายหน้า ก็ไม่กล่าวอะไรมากมายอีก เพียงแต่จ้องไปที่บริเวณทางด้านหน้า เพราะว่าขณะนี้อันที่จริงแล้วการคาดเดาเหล่านี้กลับไม่สำคัญมากมายนัก เมื่อมีการร่วมมือของชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตน ภายในนี้ที่แท้มีอะไรกัน มีความเป็นไปได้อย่างมากที่ไม่นานนักจะต้องถูกผู้คนทั้งหมดทราบได้
ในเวลานี้ขณะนี้ ร่างของชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนก็ได้ปรากฏขึ้นมาท่ามกลางอากาศ ร่างกายของพวกเขาแต่ละคนก็ได้ห่อหุ้มไปด้วยประกายแสงเอาไว้ ขณะนี้จ้องเขม็งการปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ ของภูเขาโบราณ ไม่มีคนเอ่ยปากกล่าววาจา
ภูเขาโบราณก็ได้ลอยขึ้นมา ท้ายที่สุดในที่สุดก็ได้ลอยนิ่งอยู่ท่ามกลางอากาศ จากนั้นคราบเลือดเหล่านั้นของมังกรอสรพิษก็ได้จัดตั้งขึ้นมาใหม่ไม่หยุด สุดท้ายก็ได้กลายเป็นเหมือนกับบันไดเลือดเนื้อสายหนึ่ง กลายเป็นเส้นทางที่มุ่งหน้าเข้าไปยังทางด้านล่างของภูเขาโบราณได้ในทันที
“หลุมศพเซียนเปิดแล้ว! ”จากบริเวณทั่วทั้งสี่ทิศแปดด้านที่ได้มีการรวมตัวกันของยอดฝีมือทั้งหมดต่างก็ได้อุทานกันขึ้นมา ฉากนี้ถือได้ว่าเป็นที่น่าตกใจอย่างยิ่ง จนทำให้ทุกผู้คนต่างก็ชัดแจ้งขึ้นมา หากว่าสามารถที่จะเข้าไปยังภายใน ย่อมต้องวาสนาที่มิได้อยู่ในดินแดนแห่งนี้แน่นอน
ตอนนี้ก็ได้เกิดความเคลื่อนไหวไปทั่ว คนมากมายต่างก็เป็นบ้าขึ้นมา ชิงชิงที่ไม่อาจที่จะลงมือออกไปได้เป็นบุคคลแรก แต่ว่าขณะนี้ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนต่างก็ยังมิได้ลงมือ คนเหล่านี้แม้ว่าแต่ละคนจะเกิดอาการคันยิบยับภายในใจ แต่ว่าก็ยังไม่มีคนใดคิดที่จะลงมือแต่อย่างไร
ด้วยการปรากฏตัวขึ้นมาของชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์อย่างซือคงจา มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ、มหาราชันปีศาจทุนเทียนเป็นต้น ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นแต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าเคร่งขรึม ขณะนี้พวกเขาต่างก็จ้องไปที่ประตูศิลาบานนั้น ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่
“ทุกท่าน หากจะยังเอาแต่รอคอยกันต่อไปก็ใช่ว่าจะเป็นวิธีอันใด ไม่ทราบว่าผู้ใดจะยินยอมไปทดลองก่อนสักครา? ”
หลังจากนั้นสักพัก ชนชั้นมหาราชันตนหนึ่งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ภายในน้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความหนักแน่น เห็นได้ชัดว่า ภายในสถานที่แห่งนี้ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันเองต่างก็รอบคอบและกระวนกระวายอย่างถึงที่สุด
“ข้าจัดการเอง ”
ในขณะที่งงงันกันอยู่ ชนชั้นมหาราชันผู้หนึ่งก็ได้ก้าวออกมา ทั่วร่างของเขาปกคลุมไปด้วยประกายแสง ทอสีหน้าเคร่งเครียดก็ได้ทอเป็นประกายสายเทวะออกมา จากนั้นมุ่งหน้าบริเวณทางด้านหน้าเดินออกไปทีละก้าว
“ตูม——”
ในระหว่างที่เขาได้ก้าวเดินเข้าไป วินาทีนั้นก็ได้พบกับเพลิงกาฬเทวะสวรรค์พุ่งเข้ามา ไม่ทราบว่าได้มีการปรากฏขึ้นมาของเพลิงกาฬจากที่ใด อาจจะพุ่งขึ้นมาจากพื้นที่ใต้ดินขนาดใหญ่นั้น แต่ว่ากลับมิได้ห่อหุ้มด้านบนของภูเขาโบราณเอาไว้ จากนั้นก็ได้มุ่งหน้าพวยพุ่งขึ้นสูงขึ้นไปยังด้านบนของ
ในขณะนั้นเอง เมื่อมีการหลอมสร้างบันไดมาจากมังกรอสรพิษแล้ว ก็สามารถที่จะขึ้นไปแสวงหาสายทางเทวะได้ ในพื้นที่ส่วนอื่นต่างก็ได้มีเพลิงกาฬเทวะสวรรค์อยู่ สถานที่เช่นนี้ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันก็ยังไม่ยินยอมที่จะรับเข้าไปโดยตรง
ทว่าขณะนี้วินาทีนี้กลับไม่มีคนที่สนใจกับสิ่งเหล่านี้ เพียงแต่ทุกผู้คนต่างก็จ้องไปที่ชนชั้นมหาราชันนั้นที่ได้เดินเข้าไปทีละก้าว ไร้ผู้คนที่อยู่ทางด้านข้าง
ไม่นานนัก เมื่อได้เดินเข้าไปยังสายทางเทวะเสร็จแล้ว ชนชั้นมหาราชันผู้นี้ก็ได้เดินเข้าไปจนถึงด้านหน้าของประตูศิลา หลังจากที่ลังเล จึงค่อยได้ยื่นมือพลักเข้าไปเบาๆ
“บรึม——”
เสียงดังขึ้นออกมาอย่างแผ่วเบา ประตูบานใหญ่ก็ได้ถูกผลักเปิดออกได้อย่างง่ายดาย ในเวลาเดียวกันพลังเทวะอันหนาวเหน็บก็ได้พุ่งออกมา พลังลมปราณลอยออกไปไกล
ทุกผู้คนต่างก็อ้าปากตาค้างเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า ไม่มีผู้ใดสามารถที่จะคาดคิดเอาไว้ได้ ประตูศิลานี้นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะเปิดออกมาได้อย่างง่ายดายถึงเพียงนี้ ทุกผู้คนต่างก็คิดว่า ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันคิดที่จะเปิดประตูบานนี้ออกย่อมต้องจ่ายออกไปด้วยค่าชดเชยที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน คิดไม่ถึงนึกไม่ถึงกลับบังเกิดผลลัพธ์เช่นนี้ออกมา
ท่ามกลางพลังลมปราณอันเข้มข้น ก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยสายทางที่พิเศษเฉพาะอยู่ชนิดหนึ่ง พลังปราณเหล่านี้ราวกับมีแต่เพียงแค่สูดเข้าไปแม้ซักคำเดียวแล้วละก็ ก็คงจะสามารถที่จะเข้าสู่การบรรลุได้ก็มิปาน
ในขณะนั้นเอง ราวกับว่าผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้เคลื่อนไหวดุจดั่งแมลงโง่งม อดไม่ได้ที่จะอ้าปากสูดลมหายใจเข้าไปดุจกำลังดูดน้ำเข้าไปในปาก จนเกือบที่จะอดไม่ได้ที่จะทะยานออกไป
“ซวบ——”
ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนท่ามกลางอากาศในขณะนี้อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่เช่นเดียวกัน ทุกผู้คนต่างก็เคลื่อนไหวร่างกายคราหนึ่ง ก็ได้เข้าไปสู่ด้านบนสายทางเทวะไปในทันที หลังจากนั้นก็ได้ค่อยๆ ที่จะเดินเข้าไปจนถึงด้านหน้าของประตูศิลาอย่างช้าๆ มองเข้าไปยังภายใน
ในขณะนั้นเอง ไม่มีคนที่หาญกล้าพอที่จะกล่าวอันใดออกมา ต่างก็เป็นระดับชนชั้นมหาราชันด้วยกัน ที่เป็นเหมือนเครื่องบ่งชี้ของสิ่งที่มีความแข็งแกร่งที่สุดภายในสี่ดินแดน นอกเสียจากว่าจะมิได้อยู่ในระดับชนชั้นมหาราชัน มิเช่นนั้นแล้วละก็ ก็ไม่อาจที่จะมีผู้ใดสามารถที่จะตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกเขาได้
“เสแสร้งกันอีกแล้ว! ”ไต๋ซือหวู่โหวไม่แยแสอย่างถึงที่สุด ยกมุมปากขึ้นมา ด้วยพลังฝีมือและฐานะของเขา แน่นอนว่าย่อมต้องมีคุณสมบัติพอที่จะขึ้นไป แต่ว่าขณะนี้เขากลับยังมิได้ขึ้นไป เห็นได้ชัดเกี่ยวกับไม่แยแสเกี่ยวกับท่าทีเช่นนี้อย่างถึงที่สุด
“ทุกท่าน พวกเราก็เข้าไปยังด้านในกันเถอะ ”มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อเป็นคนแรกที่ได้หัวเราะออกมาเสียงยาว เขามิได้กล่าววาจาไร้สาระออกมามากมาย เพียงแต่ขยับแขนข้างใหญ่ทั้งคู่เล็กน้อย แล้วก็ได้พบว่าที่ประตูใหญ่นั้นได้เกิดเสียงระเบิดดังขึ้นมาทันทีที่ได้เปิดประตูออก
บริเวณทางด้านหลัง ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าคนขณะนี้ต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป ทันใดนั้นราวกับว่าผู้คนทั้งหมดได้เข้าไปยังภายในประตูนี้ไป
ระหว่างที่เงาร่างของชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนได้เลือนรางหายไป ท่ามกลางสนามผู้คนทั้งหมดต่างก็ไม่ยินยอม แต่ว่าในขณะนั้นเอง ทุกผู้คนต่างก็ทอประกายสายตาแวววับขึ้นมา แต่ก็ยังไม่กล้าที่เข้าไปกันอยู่ดี เพราะว่าชนชั้นมหาราชันมิได้เอ่ยปากขึ้นมา ไม่มีผู้ใดหาญกล้าพอที่จะสอดมือเข้ามา จึงได้แต่รอคอยช่วงเวลาของวาสนาแล้ว
“ตูม——”
ทันใดนั้น ประตูศิลาที่อยู่ภายในส่วนลึกก็ได้เกิดเสียงดังเบิดดังขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า เดิมทีที่ได้มีการรวมกลุ่มกันของชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนขณะนี้ต่างก็ได้เริ่มที่จะลงมือกันแล้ว
เมื่อได้ยินเสียงนี้ดังขึ้นมา เดิมทียอดฝีมือที่รอคอยวาสนากันอยู่นั้นเองก็อดทนเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากนั้น ในที่สุดก็ได้มีคนทะยานขึ้นไป เข้าไปยังภายในประตูศิลา
ควรทราบว่า สถานที่แห่งนี้สมควรเป็นบริเวณที่มีความเกี่ยวข้องกับพื้นที่สุสานเซียนมากที่สุดแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นหมู่บ้านเซียนและหลุมศพเซียน คนมากมายขอเพียงคว้าไปยังเม็ดทรายที่อยู่ภายในได้เพียงแค่กำเดียวเท่านั้น ก็ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถที่จะได้รับพรที่สามารถพลิกชีวิตก็เป็นได้ ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาจะอดทนต่อไปได้อย่างไรกัน?
ทว่าพริบตานั้น ก็ได้มียอดฝีมือมากมายฆ่าสังหารเข้าไปยังภายใน ภายในสถานการณ์เช่นนี้ ก็ได้เกิดการแย่งชิงเพื่อที่จะเข้าไปยังภายในสายทางกันก่อนขึ้นมา คนมากมายต่างก็ลงไม้ลงมือกันขึ้นยกใหญ่ พื้นที่เบื้องหน้าพริบตานั้นก็ได้กลายเป็นปะทุความวุ่นวายขึ้นมา
“จะว่าอย่างไร? พวกเราก็เข้าไปดูว่าเป็นอย่างไรกันเถอะ? ”เยี่ยจงมองเข้าไปยังทางด้านหนึ่งแล้วก็มองไปยังอีกด้าน เอ่ยปากกล่าว
หลังจากที่ไต๋ซือหวู่โหวหัวเราะอย่างเย็นชาแล้ว จึงค่อยได้กล่าวขึ้นมาอย่างเย็นชา : “เข้าไปนั้นย่อมต้องเข้าไปอย่างแน่นอนอยู่แล้ว ทว่าต้องจดจำเป้าหมายของพวกเราเอาไว้ พวกเราเข้าไปก็เพื่อที่จะค้นหาวาสนาเซียน อย่าได้ถูกสิ่งของอื่นใดทำให้ลุ่มหลงไปได้ พวกเราหากว่าไปจนถึงตอนท้ายแล้ว ย่อมต้องทำให้ตาเฒ่าผีกลุ่มนั้นเกิดความยินดีขึ้นมาได้อย่างแน่นอน ”
จงหลี่ขณะนี้ในที่สุดก็ได้อดทนเอาไว้ไม่อยู่ หลังจากที่ดีดนิ้วคำนวณอย่างรวดเร็วแล้ว จึงค่อยกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ : “ข้าคำนวณแล้ว ภายในนั้นแม้ว่าจะมีอันตรายมากมายนับไม่ถ้วน แต่ว่าก็มีวาสนาที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งอยู่ ไม่แน่ว่าก็คือบทแห่งการบรรลุของพวกเราในวันข้างหน้าแล้ว ข้าว่านะไต๋ซือท่าน สักครู่พวกเราก็เข้าไปยังภายในช่วงชิงวาสนาด้วยกัน ท่านก็อย่าได้คิดว่าตนเองเป็นถึงชนชั้นมหาราชัน จะสามารถที่จะกดดันรังแกพวกเราทั้งหลายได้หรอกนะ! ”
“ในหมู่พวกเจ้าผู้ใดเป็นน้ำมันผู้ใดเป็นตะเกียงกัน? ”ไต๋ซือหวู่โหวกวาดสายตามองไปที่ทุกคน จากนั้นในครั้งนี้เขาก็ได้ตัดสินใจขึ้นมาด้วยตนเอง โบกมือคราหนึ่งกล่าว “ติดตามอาจารย์ปู่ไป ในเมื่อมาจนถึงขั้นนี้กันแล้ว ในครั้งนี้จะพาพวกเจ้าไปกินกันจนอิ่ม ดื่มกันจนเปริมเอง! ”
กล่าวจบ ไต๋ซือหวู่โหวโบกมือคราหนึ่ง คลายท่าทีของสภาวะของชนชั้นมหาราชันลง แล้วก็ได้แหวกยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ออกไปเป็นสายในทันที นำพาเยี่ยจง จงหลี่ ชิงหญิง หลิงเฟ่ยทั้งสี่คนมุ่งหน้าเข้าไปยังเส้นทางอย่างรวดเร็ว เข้าสู่ประตูศิลา
พริบตานั้นก็ได้เข้าสู่ประตูศิลา พลังปราณก็ได้พุ่งเข้ามาที่ร่าง ทุกผู้คนต่างก็เกิดการสูดลมหายใจเข้าออกอย่างสบาย จนเกือบที่จะนั่งสมาธิลงเพื่อฝึกปรือไปในทันที
“เป็นสถานที่ดีเสียจริง! ”ไต๋ซือหวู่โหวเดินไปทางซ้ายทีขวาที ครุ่นคิดขึ้นมาไม่หยุด เห็นได้ชัด เขานั้นเกิดความยินดีขึ้นอย่างยิ่งต่อสถานที่แห่งนี้
เยี่ยจงและพวกก็ได้มองไปยังรอบด้าน แต่ละคนก็ได้ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา
นี้เห็นได้ชัดว่าอีกทางด้านหนึ่งของดินแดนขนาดเล็กแห่งหนึ่ง เมื่อได้เข้ามายังภายในของประตูศิลาแล้ว ก็ได้พบเจอกับเทือกเขาที่กว้างใหญ่ไพศาลผืนหนึ่ง เทือกเขาทุกลูกต่างก็สูงตระหง่านอย่างยิ่ง ต่างก็มีตึกสูงชมทิวทัศน์ได้ อีกทั้งยังมีอยู่นับไม่ถ้วนที่ถูกสร้างขึ้นมาด้วยจากหยกขาว จนมิอาจที่จะแยกออกจากหมอกควันได้ เป็นที่งดงามเป็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งเขตแดนของเซียนก็มิปาน
ขณะนี้ ก็ได้มีราชันกว่าพันคนเข้ามาจนเป็นที่สำเร็จ ขณะนี้ ยอดฝีมือเหล่านี้ก็ได้เหม่อมองไปยังตึกสูงเหล่านั้น แต่ละคนต่างก็ราวกับบ้าคลั่งขึ้นมาก็มิปาน มุ่งหน้าไปยังบริเวณที่เป็นยอดเขาลูกแรกไปอย่างบ้าคลั่ง เพื่อคิดที่จะแย่งชิงวาสนาให้ได้เป็นคนแรก เขตแดนสายนี้ราวกับถูกปิดตายลง ดังนั้นในขณะนั้นเอง ทั่วทั้งผืนฟ้าประดุจเกิดตั๊กแตนลอยเข้ามาอย่างถี่ยิบก็มิปาน เป็นที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง
ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนนั้นต่างก็ได้ลงมือกันยกใหญ่ในยอดเขาลูกแรก บริเวณบนยอดเขาก็ได้มีสิ่งปลูกสร้างถูกพวกเขาทำลายลงไปมากมาย คนเหล่านี้ก็ได้รายล้อมไปที่เตายาหลายเตาเอาไว้ ผู้ใดก็ไม่ยอมที่จะถอยออกไปแม้เพียงครึ่งก้าว
“ให้ตายเถอะ นี้เป็นยาเซียนของจริงอย่างงั้นหรือ ไม่ทราบว่าได้ถูกเก็บเอาไว้ในเตายามามากน้อยกี่ปีกันแล้ว ขอเพียงได้ไปเพียงแค่เม็ดเดียว ก็สามารถสุขสบายไปชั่วชีวิตแล้ว ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถที่จะก้าวขึ้นสวรรค์เลยก็เป็นได้! ”ไต๋ซือหวู่โหวเป็นบ้าขึ้นมา เป็นครั้งแรกที่รู้สึกได้ว่าตนเองเหตุผลถึงได้มาได้ช้าถึงเพียงนี้ ทว่าเขาก็ยังอดกลั้นเอาไว้อย่างถึงที่สุด ต่อให้เป็นในเวลาเช่นนี้ก็ยังคงไม่เปิดเผยสถานะออกมา เพียงแต่อยู่รวมเข้ากับกลุ่มผู้คนด้วยกัน ทะยานร่างขึ้นไปยังยอดเขาอย่างรวดเร็ว
“ท่านบรรพบุรุษ ข้ามาช่วยท่านแย่งชิงโอสถแล้ว! ”
“ฝ่าบาท ข้ามาช่วยยับยั้งเดรัจฉานเหล่านี้เอง! ”
ราชันกลุ่มหนึ่งก็ได้ร่ำร้องเสียงน้อยเสียงใหญ่ออกมา ท่ามกลางความวุ่นวายของชนชั้นมหาราชันหลายคน ก็ได้เกิดการลงมือนับครั้งไม่ถ้วน พริบตานั้นพื้นที่แห่งนี้ก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาอย่างถึงที่สุด ฉากนี้ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันสิบกว่าคนนั้นต่างก็ยังต้องอ้าปากตาค้าง ยับยั้งเอาไว้ไม่ไหว เห็นได้ชัดพวกเขาเองก็คิดไม่ถึง คนกลุ่มนี้นึกไม่ถึงจะเข้ามายังสถานที่แห่งนี้ได้บ้าคลั่งถึงเพียงนี้
.
.
.
.