ตอนที่ 551 ภูเขาลูกที่เก้า
“เปรี้ยง——”
“ครืน——”
“กร๊อบ——”
ราวกับผ่านไปเพียงแค่อึดใจเดียว เทือกเขาโบราณสายนี้ก็ได้กลายเป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นมา ในขณะนั้นเอง ไม่ว่าจะเป็นชนชั้นราชันหรือว่าชนชั้นมหาราชันต่างก็ได้ลงมือกันอบ่างบ้าคลั่ง สมบัติเซียนแต่ละชนิด มนต์ตราเทพก็ได้ระเบิดออกมาไม่หยุด พวยพุ่งมุ่งหน้าออกไปบริเวณทางด้านหน้า เพียงเพื่อที่จะเปิดทางออกมาสายหนึ่ง เพื่อที่จะแย่งชิงโอสถปราณที่อยู่ภายในเตาหลอมยานั้น ภายในพริบตานี้เอง ชีวิตคนดุจไม่มีค่าอันใด ชนชั้นราชันราวกับไม่เห็นชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นอยู่ในสายตา ลงมือกันอย่างบ้าคลั่ง
หากมิใช่สถานที่แห่งนี้เป็นบริเวณพื้นที่ที่เป็นอิสระ ไม่ทราบว่าเป็นบุคคลเช่นไรจึงจะสามารถที่สร้างสถานที่เช่นนี้ออกมาได้ เกรงว่าภายในพริบตานั้น สถานที่แห่งนี้ก็คงจะต้องถูกกวาดไปจนหมดสิ้นได้อย่างรวดเร็ว ในขณะนั้นเอง เหมือนกับได้มีคนลงมือเพื่อขึ้นมาอีกหนึ่งคน ด้วยแรงกดดันอันน่ากลัวเช่นนี้ราวกับเหมือนกับว่าจะทำลายไปได้ทุกพื้นที่
“พวกเจ้าอยากตายกันงั้นหรือ ? ”มหาราชันปีศาจทุนเทียนที่มีใบหน้าสดใส ก็ได้ทอสีหน้าเย็นเยียบขึ้นมา เพียงแค่เอ่ยปากก็ได้เกิดเสียงแหลมเล็กออกมา กลายเป็นสุ่มเสียงที่มีความน่ากลัวพวยพุ่งออกมา หมายที่จะกวาดล้างผู้คนทั้งหมดไป
“ครืน——”
บริเวณที่มืดมิด ก็ได้มีคมกระบี่ฆ่าสังหารออกมาสายหนึ่ง ต้านทานการโจมตีจากนั้นของเขาเอาไว้ เห็นได้ชัด นี้เป็นการลงมือจากชนชั้นมหาราชันที่ซ่อนเร้นในที่มืด ต่อให้เป็นมหาราชันปีศาจทุนเทียนอย่างเขา ขณะนี้ก็ยังไม่อาจที่จะทำอันใดอีกฝ่ายได้
เพียงแต่ว่าในขณะนั้นที่ได้ทุกขัดขวาง ในระหว่างที่ได้วกสายตาไป ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้พวยพุ่งขึ้นไปยังทางด้านบนของยอดเขา ทว่าขณะนั้น เตาหลอมยาก็ได้ถูกทำลายลง จนกระทั่งโอสถปราณลอยออกมา ในเวลาเช่นนี้ กลับไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นชนชั้นมหาราชันหรือว่าชนชั้นราชันอันใด ทุกผู้คนต่างก็ใช้ฝีมือประจำตัวเพื่อที่แย่งชิงมา
ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าคนที่คอยคุมสถานการณ์หลังจากขมวดคิ้วขึ้นมา กระนั้นกลับไม่มีการลงมืออย่างรุนแรงแต่อย่างไร ถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีเกือบครึ่งที่มิได้มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขา แต่ว่าแต่ก็มีเกือบครึ่งที่เป็นศิษย์ภายในสังกัดของพวกเขาเช่นกัน ในข้อนี้ได้ทำให้พวกเขาจะจับหนูกลับกลัวที่จะใช้เครื่องมือ ไม่อาจหาญที่จะลงมืออย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัว
T/L: 投鼠忌器 จะจับหนูกลับกลัวที่จะใช้เครื่องมือ หมายความว่า คิดจะจัดการกับหนู แต่ก็เกรงว่าจะเป็นการบ่อนทำลาย
“ฆ่า——”
เสียงตะโกนร้องฆ่าได้ปกคลุมไปทั่วฟ้า คนมากมายหลังจากที่ได้แย่งชิงโอสถปราณมาได้ต่างก็ไม่มองแม้แต่คราเดียว เพียงแต่ทะยานมุ่งหน้าไปยังจุดที่เป็นยอดเขาลูกที่สอง มีแต่เกรงว่าตนเองจะช้าไปก้าวหนึ่ง ก็จะกลายเป็นว่าได้ผิดพลาดวาสนาไป
ทว่าเวลาเพียงแค่หนึ่งกาน้ำชาเดือด ยอดเขาลูกแรกก็ได้กลายเป็นเพียงความว่างเปล่าไป แม้แต่วังที่ถูกสร้างขึ้นมาจากหยกขาวก็ยังถูกผู้คนแยกเป็นชิ้นๆขนจากไป เรียกได้ว่าแม้แต่ไก่สุนัขก็ยังไม่หลงเหลือ
หลิงเฟ่ยอ้าปากตาค้าง เห็นได้ชัดเขาที่ได้พบเห็นสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก อีกทั้งยังไม่มีประสบการณ์ในการชิงสมบัติ ในครั้งนี้เขากลับช่วงชิงอันใดไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ได้แต่เพียงมองไปยังกลุ่มผู้คนเบื้องหน้าด้วยอาการตกตะลึง
“ให้ตายเถอะ——”
จงหลี่ก็ได้ใช้ร่างกายพิงไปที่ศิลา คายเลือดคั่งที่อยู่ในปากออกมา ด่าทอออกมา : “เด็กน้อยของรัฐสือเหล่านั้นนึกไม่ถึงกลับกล้าที่จะลงมือกับท่านปู่น้อยอย่างข้า ? พวกเจ้ารอข้าก่อนเถอะ ! ”
“วางใจเถอะ ครั้งต่อไปที่ได้พบเจอกับสือซิ่งแล้วละก็ ข้าจะช่วยเจ้าสับเขาเป็นชิ้นๆเอง ! ”เยี่ยจงเดินเข้ามาตบไปที่บ่าของเขา ระหว่างนั้นก็ได้นำเอาโอสถปราณหลายเม็ดที่ช่วงชิงมาได้ยื่นไปให้ โอสถปราณเหล่านี้ถูกผนึกเอาไว้ภายในเตาหลอมยาไม่ทราบยาวนานกี่ปีแล้ว แต่ว่าน่าแปลกที่คุณสมบัติของยากลับยังไม่สูญไป ทว่าโอสถหลายเม็ดในมือของเยี่ยจงใช้ไว้เพิ่มพลังด้านร่างกาย หากมองในมุมมองของเขาย่อมไม่มีประโยชน์อันใด เพราะว่า กายเนื้อของเขาถือได้ว่าไร้ที่เปรียบปานได้แต่แรกอยู่แล้ว การเดินเข้าสู่เส้นทางของพลังกายาทองไม่สูญสลาย ยาปราณปกติธรรมดา โอสถปราณเป็นต้น แทบจะไม่ส่งผลต่อเขาโดยสิ้นเชิง
จงหลี่รับโอสถปราณหลายเม็ดเข้ามาอย่างไม่เกรงใจแล้วก็มองแล้วมองอีก พยักหน้าไปมาแล้วกล่าว : “พี่เยี่ยท่านก็ช่างน่าสนใจนัก วางใจเถอะ หลังจากนี้ข้าย่อมต้องกล่าวถึงเรื่องดีๆของท่านซักหลายคำต่อหน้าคุณหนูบ้านข้าก็แล้วกัน รับรองในช่วงเวลาที่เจ้าไปสู่ขอย่อมไม่มีผู้คนขวางทางแน่นอน ! ”
เยี่ยจง : “……”
หลิงเฟ่ยและนางเซียนชิงหญิงต่างก็ไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้ ในเวลาเช่นนี้ไม่ทราบว่าสมควรที่จะกล่าวอันใดออกมาดี
“ที่พวกเจ้าได้มาต่างก็เป็นสิ่งของธรรมดาสามัญเท่านั้น จัดเป็นโอสถเซียนได้อย่างไรกัน พวกเจ้าดูเม็ดที่อาจารย์ปู่อย่างข้าได้มานี้สิ นี้จึงเป็นโอสถอายุวัฒนะที่แท้จริง อย่างน้อยก็สามารถที่จะยืดชีวิตออกไปได้ หากเป็นของเหล่านี้หล่นที่เบื้องหน้าของตาเฒ่าเหล่านั้นแล้วละก็ พวกเขาคาดว่าคงจะคลั่งออกมาแล้ว ”ไต๋ซือหวู่โหวโยนโอสถปราณในมือไปมา ทอสีหน้าได้ใจอย่างยิ่งขึ้นมา
“หากข้าดูไม่ผิดแล้วละก็ เมื่อครู่นั้นน่าจะเป็นโอสถปราณบำรุงหลายเม็ดที่มีอายุหลายร้อยปีแล้ว ทว่านั้นก็คือสิ่งที่ถูกชนชั้นมหาราชันสิบกว่าคนนั้นช่วงชิงไป ”เยี่ยจงเอ่ยวาจาขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
ไต๋ซือหวู่โหวใบหน้าดำคล้ำขึ้นภายในพริบตา เขาจ้องเขม็งไปที่เยี่ยจง กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด : “เสี่ยวเยี่ยจื่อ เรื่องที่สมควรเอ่ยก็ไม่เอ่ยออกมา ดูไปเถอะ รอจนถึงตอนท้านอาจารย์ปู่อย่างข้าจะทำให้ตัวบัดซบกลุ่มนั้นคว้าน้ำเหลวกลับไปเป็นแน่ จะทำให้พวกเขาต้องต้องเสียทั้งกำลังทหารเสียทั้งภรรยาเลยคอยดู ! ”
“มีวาจาไร้สาระมากมายแค่ไหนกัน ถ้าหากไม่เพิ่มความเร็วขึ้นแล้วละก็ สิ่งของที่อยู่บนยอดเขาลูกที่สอง ก็จะไม่มีส่วนของพวกเราแล้วนะ ! ”เยี่ยจงกรอกตาขาวไปมา คร้านที่จะกล่าววาจาไร้สาระกับไต๋ซือหวู่โหว เพียงแต่โบกมือคราหนึ่ง ก็ได้ทะยานออกไปก่อน
“ถ้าเช่นนั้น ก็อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระอีกเลย เด็กน้อยเหล่านี้ต่างก็เป็นเหมือนกับหนูที่วิ่งอยู่ตามตลาดข้างแล้ว พวกเราหากว่าชักช้าอีกแล้วละก็ แม้แต่น้ำล้างเท้าก็ไม่เหนือให้เราได้ดื่มกันแล้ว ! ”จงหลี่ก็ได้ด่าทอออกมาติดต่อกัน ขึ้นนำหน้าไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก เยี่ยจงทั้งคณะก็ได้ขึ้นไปยังยอดเขาลูกที่สอง ขณะนี้ สิ่งของอันใดที่อยู่ภายในตำหนักเหล่านั้นต่างก็ถูกกอบโกยไปจนเกือบสิ้นแล้ว ท่ามกลางอากาศก็ได้มีประกายแสงคมกล้าสาดเป็นประกายไม่หยุด จนเกิดเป็นกลิ่นอายที่น่าหวาดกลัวขึ้นมา
“นี้ก็คือครรภ์ของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ หากว่าได้มาครอบครอง หล่อหลอมได้สำเร็จแล้วละก็ ไม่แน่ว่าอาจจะสามารถสำเร็จกลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นหนึ่งได้ ! ”ดวงตาของไต๋ซือหวู่โหวก็ได้ร้อนผาวขึ้นมาอย่างไร้ที่เปรียบ เป็นคนแรกที่เอ่ยปากขึ้นมา ควรทราบว่า วัสดุในการหล่อหลอมอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุถือได้ว่าเสาะหาได้ยากเป็นอย่างยิ่ง แต่ว่าสถานที่แห่งนี้นึกไม่ถึงจะมีจำนวนการหล่อหลอมของครรภ์ที่เตรียมพร้อมเอาไว้แล้วกว่าสิบชนิด ทำให้ผู้คนบ้าคลั่งขึ้นมาได้เลยจริงๆ
“คงจะไม่ง่ายเช่นนั้น สิบกว่าชนิดนี้เมื่อได้ถูกผนึกรวมเข้าด้วยกัน อย่างน้อยก็จะสามารถใช้ออกมาด้วยเหมือนกับการใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นหนึ่ง แต่ว่าคิดที่จะช่วงชิงครรภ์ทั้งหมดมาให้ได้นั้น จะง่ายดายเช่นนั้นหรือ ? ”นางเซียนชิงหญิงถอนหายใจออกมาที่เอ่ยปากขึ้นมา ดวงตาก็ได้ทอเป็นประกายราวกับมองเห็นความเป็นจริงบางอย่าง
ตามความเป็นจริง นอกเสียจากนางแล้ว ชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆโดยส่วนมากต่างก็มองออกในข้อนี้ได้ แต่ว่า ต่อให้เป็นเช่นนี้ แล้วก็ย่อมไม่มีผู้ใดยินยอมที่จะปล่อยวาง ต่อให้ไม่มีวิธีที่จะได้ครอบครองครรภ์ทั้งหมดได้ ต่อให้ได้ครอบครองเพียงชิ้นเดียว ก็ถือได้ว่าเป็นวาสนาของสวรรค์อย่างหนึ่งแล้ว
ในขณะนั้นเอง แม้แต่มหาราชันปีศาจทุนเทียน มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาเป็นต้นต่างก็ฆ่าสังหารออกไป ใช้พลังทั้งหมดเข้าแย่งชิงครรภ์สิบกว่าชิ้นเหล่านั้น
“ตูม——”
มีคนที่แย่งชิงครรภ์ได้ชิ้นหนึ่ง วินาทีนั้น ก็ได้มีประกายแสงสมบัติเหลือล้นระเบิดออกมา จนทำให้กลุ่มผู้คนทางด้านข้างแตกกระจายจนกลายเป็นก้อนเนื้อแหลกเหลวในทันที แม้แต่วิญญาณก็ยังถูกทำลายไปในพริบตา
“ช่างน่ากลัวเกินไปแล้ว ! แม้ว่าจะเป็นเพียงครรภ์ของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเท่านั้น แต่ว่าพลังทำลายกลับมิได้ด้อยไปกว่าเครื่องมือต้องห้ามเลย ! ”
ผู้คนทั้งหมดยิ่งทวีความบ้าคลั่งขึ้นมา แม้ว่าจะเป็นเพียงครรภ์ ยังมิได้ถือได้ว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริง แต่ว่าก็ถือได้ว่ามีพลังทำลายล้างของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุส่วนหนึ่งแล้ว มิเช่นนั้นแล้วละก็ จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่จะมีพลังทำลายเช่นนี้ได้ ?
ต่อให้ได้ครอบครองครรภ์ชิ้นหนึ่งมาได้ ไม่อาจที่จะหล่อหลอมจนเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้ แต่ว่ายังสามารถที่จะหล่อหลอมจนกลายเป็นเครื่องมือต้องห้ามอันน่าหวาดกลัวได้ แน่นอนว่าย่อมไม่เป็นปัญหาอันใด
“ตูม——”
ชนชั้นมหาราชันผู้หนึ่งลงมือออกมาอย่างแข็งแกร่ง คว้าไปยังครรภ์สองชิ้น กวาดออกไปเบาๆ วินาทีนั้น ก็ได้พบเห็นร่างกายของชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าสองตนที่ได้บ้าคลั่งขึ้นมาจนร่างกายแตกกระจายไปในทันที แม้แต่โอกาสในการขัดขืนก็ยังไม่มีแม้แต่น้อย
ในขณะนั้น ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้เข้าต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่ง ต่อให้เป็นศิษย์ในสายของชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนนั้นก็ตาม ต่างก็ได้ลงมือใช้พลังทั้งหมดออกมา เพราะว่าในเวลาเช่นนี้เขาหากว่าเกรงใจแม้เพียงส่วนน้อยแล้วละก็ ไม่แน่ว่าไม่ว่าจะเป็นอันใดก็ไม่อาจที่จะได้ครอบครอง
“ของสิ่งนี้หากว่าสามารถหล่อหลอมออกมาได้แล้วละก็ ย่อมต้องถือได้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่น่าหวาดกลัวที่สุดอย่างแน่นอน น่าเสียดาย ที่ต้องช่วงชิงครรภ์มาให้ได้ทั้งหมด ไม่มีความแตกต่างกับจากคนโง่กล่าวถึงความฝันเลย ! ”เยี่ยจงได้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุมา ดังนั้นย่อมต้องมีความเข้าใจในรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องเช่นนี้เป็นอย่างดี ต่อมาเขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง
และเหล่าชนชั้นมหาราชันของขุมกำลังที่มิได้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุอยู่ต่างก็ยิ่งเหมือนกับถูกตุ้นมากขึ้นกว่าเดิม หากว่าสามารถในมือสามารถที่จะมีครรภ์ทั้งหมดของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นนี้ได้ หล่อหลอมออกมาได้สำเร็จแล้วละก็ เช่นนั้นสำนักพรรคลัทธิของตนเองก็เหมือนกับมีเครื่องมือสังหารขั้นสุดยอดเพิ่มขึ้นมาอีกชิ้นแล้ว
“เปรี้ยง——”
ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้แทรกตัวเข้าสังหารไปยังภายในกลางกลุ่มผู้คน หลังจากนั้นสังหารออกไป ก็ได้ถอยกลับไปยังข้างกายของเยี่ยจงและพวก ขณะนี้เขาก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน คว้าจับไปยังครรภ์ที่ทางด้านชิ้นหนึ่ง ทอสีหน้าไม่พอใจอย่างยิ่งออกมา
“ไต๋ซือ ด้วยพลังฝีมือของท่านเข้าไปช่วงชิงกลับมาอีกซักหลายชิ้น คนหนึ่งหนึ่งชิ้นก็แล้วกัน ”จงหลี่และพวกต่างก็เกิดความติ่นเต้นขึ้นมาอย่างยิ่ง กล่าวกระตุ้นไต๋ซือหวู่โหว ทว่าพวกเขากลับไม่คิดที่จะเข้าสู่ศึกตะลุมบอลเช่นนี้ เพราะว่าสภาพการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าวุ่นวายจนเกินไปแล้ว ชนชั้นราชันพลังเทวะขั้นที่ห้าก็ได้เข้าไปกันแล้ว ไม่แน่ว่าแม้แต่ต้องตายไปก็ไม่อาจที่ทราบได้
“มีวาจาไร้สาระอันใดมากมายถึงเพียงนี้กัน หากว่าต้องไปชิงมาอีกชิ้นแล้วละก็ อาจารย์ปู่อย่างข้าคงมิใช่ว่าต้องเผยเปิดสถานะออกมาแล้วหรือไงกัน ? วางใจเถอะ มีชิ้นนี้อยู่ในการครอบครองของอาจารย์ปู่อย่างข้า ผู้ใดก็ไม่มีวิธีสร้างจนกลายเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์ได้หรอก ชิชิ……”ไต๋ซือหวู่โหวหัวเราะเสียงเย็นชา จากนั้นโบกมือคราหนึ่งแล้วกล่าว “อย่าได้มาเสียเวลาอยู่ในที่แห่งนี้กันอีกแล้ว พวกเราไปกันก่อนเถอะ ! ”
หลังจากที่สิ้นเสียง เขาก็ได้ชักนำเยี่ยจงทั้งคณะมุ่งหน้าฆ่าสังหารออกไปยังบริเวณที่ตั้งของภูเขาลูกที่สามอย่างรวดเร็ว และเมื่อพบเห็นความเคลื่อนไหวของพวกเขา ผู้คนไม่น้อยต่างก็เหมือนกับได้สติกลับคืนมา มุ่งหน้าฆ่าสังหารเข้าไปยังภูเขาลูกที่สาม ยิ่งกว่านั้นก็คือได้มีคนมุ่งหน้าฆ่าสังหารเข้าไปยังภูเขาลูกที่สี่ไปในทันที เห็นได้ชัด ทุกผู้คนต่างก็ชัดแจ้งว่า ท่ามกลางหุบเขาเหล่านี้ จะต้องมีสมบัติสูงสุดอยู่อย่างแน่นอน ต่อให้ขอแย่งชิงมาได้เพียงแค่อย่างเดียวต่างก็ถือเป็นวาสนาแห่งฟ้าแล้ว หากว่าทุกๆอย่างมิได้คาดคิดผิดพลาดไปแล้วละก็ เกรงว่าคงจะเกิดเรื่องยากจะคาดคิดขึ้นมาได้แล้ว
เส้นทางต่อจากนี้ นึกไม่ถึงว่าภูเขาทั้งหมดจะมีด้วยกันถึงเก้าลูก เมื่อได้เข้าไปกว่าครึ่งวันแล้ว ภูเขาลูกที่เก้านี้ก็ได้กลายเป็นจุดมุ่งหมาย ด้านบนของยอดเขาทุกลูกนั้นต่างก็หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงแค่ซากศพเท่านั้น ในเวลาเดียวกัน ก็ได้มีสมบัติแห่งดินแดนนับไม่ถ้วน ต่างก็ได้ถูกทำให้ปรากฏขึ้นมาในตอนนี้สถานที่แห่งนี้จนทำให้ผู้คนต่างก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว
ทว่าตลอดรายทางมานี้เยี่ยจงกลับรู้สึกหดหู่อย่างถึงที่สุด เพราะว่าไต๋ซือหวู่โหวกลับมีความต้องการที่จะรักษาตัวตนเอาไว้อย่างระมัดระวัง แม้ว่าพวกเขาจะช่วงชิงสิ่งของมาได้ส่วนหนึ่ง แต่ว่าย่อมไม่ถือได้ว่าเป็นถึงขั้นสมบัติแห่งแดนได้อย่างแน่นอน อีกทั้งที่เยี่ยจงให้ความสำคัญต่อพวกคัมภีร์โบราณและพลังเทวะเป็นต้น ต่างก็ยังมิได้ปรากฏขึ้นมาที่เบื้องหน้าสายตาเลยแม้แต่ชิ้นเดียว
มีแต่เพียงจงหลี่และหลิงเฟ่ยที่มีโชคอยู่ไม่เลว ได้ครอบครองสิ่งของจำพวกสมบัติเซียนและโอสถปราณไปไม่น้อย สิ่งของเหล่านี้ตามปกติก็เรียกได้ว่ายากที่จะพบเจอได้ตามปกติ แต่ว่าในสถานที่แห่งนี้กลับสามารถเสาะหาได้ตามปกติ จนทำให้พวกเขาเกิดความพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ภูเขาลูกที่เก้า จนทำให้ผู้คนทั้งหมดต่างก็บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว ทุกผู้คนต่างก็มุ่งหน้าเข้าไปยังส่วนลึกที่สุดกันอย่างบ้าคลั่ง เชื่อว่ายังจะต้องมีการคงอยู่ของวัตถุเทวะที่ยังไม่ปรากฏขึ้นในดินแดนอย่างแน่นอน
ตำราเซียน ศพเซียน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์ พลังเทวะแห่งแดนเป็นต้น ผู้คนมากมายต่างก็เชื่อว่า ขอเพียงเข้าไปยังภายในบริเวณที่ลึกขึ้น ย่อมต้องบังเกิดวาสนาที่คาดไม่ถึงขึ้นอย่างแน่นอน ในขณะนั้นเอง ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นเองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น คนมากมายต่างก็ลงมือด้วยพลังทั้งหมด เพื่อที่จะช่วงชิงวาสนาที่แท้จริงมาให้ได้
“ตูม——”
ในที่สุด คนมากมายต่างก็ได้ทะยานไปยังเขตพื้นที่ของภูเขาลูกที่เก้าไปในทันที จนกระทั่งเข้ามาจนถึงจุดเริ่มต้นของป่าผืนแห่งหนึ่งในทันที แต่ว่า ช่วงเวลาที่ได้มาถึงยังสถานที่แห่งนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็ตะลึงลานขึ้นมา ในเวลานี้กลับไม่มีผู้คนหาญกล้าที่จะเข้าไปใกล้โดยสุ่มสี่สุ่มห้า
“สถานที่แห่งนี้ที่แท้ก็คือ……”แม้แต่ไต๋ซือหวู่โหวเองก็ยังต้องอึ้ง มองไปยังทางด้านหน้าซ้ายทีขวาที ทอสีหน้าแปลกประหลาดขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
เยี่ยจงและพวกต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ฉากเบื้องหน้าสายตาเหมือนกับว่าราวกับว่าเหนือความคาดหมายไปแล้วก็ว่าได้
.
.
.
.