ตอนที่ 555 สารีริกธาตุ สายธารสนธยา
“พูดได้ยาก บางทีท้ายที่สุดแม้แต่ข้าเองก็ยังยากที่ทานรับไว้ได้ คงจะมีเพียงคนที่มีพลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จใหญ่ จึงจะมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะเดินเข้าไปยังสถานที่แห่งนี้ได้อย่างสบายได้ ”แผ่นหลังของเยี่ยจงก็ได้ปรากฏเหงื่อเย็นเยียบออกมา สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือจากความคาดคิดไปแล้วหลายส่วน ที่แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจที่จะแน่ใจได้ หากว่าเข้าไปยังส่วนลึกต่อไปแล้วละก็ ตนเองจะสามารถที่ประคับประคองได้อยู่ เพราะหากว่าประคับประคองเอาไว้ไม่อยู่แล้วละก็ เช่นนั้นสภาพต่อไปคงจะน่ากลัวอย่างยิ่งแล้ว สภาพการณ์ต่อไปอย่างง่ายที่สุด ก็คงจะกายเนื้อแหลกลาญจนกลายเป็นชิ้นๆ หากว่าอนาถอีกหน่อยแล้วละก็ แม้แต่จิตวิญญาณก็คงจะมลายหายไป
“เซียน เป็นถือเป็นการคงอยู่ของสิ่งที่อยู่ในระดับตำนาน ในสิบหมื่นปีที่มานี้ มีแต่เพียงการคงอยู่ในสมัยโบราณกาลเท่านั้น ยังไม่เคยมีการปรากฏมาก่อน ความเกี่ยวข้องทั้งหมดที่เกี่ยวกับเซียน ได้แต่เพียงกล่าวว่าเป็นเพียงคำเล่าขานโบราณเท่านั้น ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทราบได้ว่าเป็นจริงหรือเท็จ อาจจะมีสักวัน พวกข้าเองก็นึกไม่ถึงว่าจะต้องมาพบเจอกับร่องรอยเช่นนี้ได้ก็เป็นได้? ”จงหลี่ถอนหายใจอย่างรุนแรง หากว่าสามารถที่จะพบเจอกับศพเซียนได้จริงแล้วละก็ นั้นถือเป็นวาสนาเช่นไร? เกรงว่าจะสามารถที่จะกระตุ้นความเคลื่อนไหวจากทั้งสี่ดินแดนขึ้นก็เป็นได้
“อย่าได้คิดมากมายแล้ว สถานที่แห่งนี้ที่แท้เป็นหลุมศพเซียนหรือว่าสุสานมาร ความจริงยังไม่อาจที่จะกล่าวได้ ยังไม่ถึงวินาทีสุดท้าย ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะแน่ใจได้ว่าพวกเราจะต้องพบเจอกับสิ่งใดได้ ”ไต๋ซือหวู่โหวถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง ทอสีหน้าเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด
แล้วก็ได้เดินไปอีกหลายร้อยเมตร บริเวณทางด้านหน้าก็ได้ปรากฏช่องว่างพื้นที่ขนาดใหญ่ขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะพบเห็นต้นไม้เก่าแก่เรียงรายเอาไว้ อีกทั้งส่วนปลายยังชนไปยังด้านบนของใต้ดินโดยตรง
ภายใต้บริเวณพื้นที่ใต้ดินที่มืดมิดสนิทนี้ นึกไม่ถึงจะมีการเติบโตของต้นไม้เก่าแก่ขึ้นมาได้ ฉากนี้ได้ทำให้ผู้คนรู้สึกประหลาดใจขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้นก็ยิ่งที่จะทำให้ผู้คนเกิดความสงสัยขึ้นมาอย่างเต็มเปี่ยม เพราะว่านี้แต่เดิมทีถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะมีการคงอยู่ได้จึงจะถูกต้อง
“ตูม——”
บริเวณทางด้านหน้า ทันใดนั้นก็ได้เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นมาเป็นสาย จากนั้นก็ได้พบเห็นเงาร่างที่มีขนสีเงินห่อหุ้มสายหนึ่งมุ่งหน้าฆ่าสังหารออกมา มุ่งหน้าทะลวงเข้าไปยังบริเวณของคนมากมาย ทั่วร่างของมันก็ได้ห่อหุ้มเอาไว้ด้วยบรรยากาศที่น่าหวาดหวั่น กลิ่นคาวเลือดสายหนึ่งก็ได้พวยพุ่งออกมาอย่างรุนแรง
“เย่ชา!? ”จงหลี่ก็ได้แตกตื่นตกใจขึ้นมา นึกไม่ถึงว่าในสถานที่แห่งนี้จะต้องมาพบเจอกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้ได้
หลายคนก็ได้ทอสีหน้าเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน หากว่าเป็นช่วงเวลาตามปกติเมื่อพบเจอกับสิ่งมีชีวิตชนิดนี้แล้วละก็ เพียงแค่การกวาดมือก็อาจจะสามารถฟาดมันตายไปได้แล้ว แต่ว่าขณะนี้กำลังภายในของทุกผู้คนต่างก็ถูกจำกัดเอาไว้ ชั่วพริบตาเดียวกลับต้องมาพบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่มีการคงอยู่ภายในใจกลางของแดนสนธยา ต่างก็ต้องทอสีหน้าเปลี่ยนไปยกใหญ่
เย่ชาตลอดทั่วทั้งร่างก็ได้กลายเป็นขนสีดำ ทั้งสองแขนยันเอาไว้อยู่บนพื้น ภายในดวงตาก็ได้ทอประกายแดงฉานด้วยความอาฆาต ราวกับต้องการที่จะฉีกกระชากเยี่ยจงและพวกเป็นชิ้นๆ ก็มิปาน
“ลงมือพร้อมกัน สิ่งนี้มีพลังฝีมือน่ากลัวจนเกินไป มีความลึกซึ้งยากคาดเดา ”แม้แต่ไต๋ซือหวู่โหวก็ยังต้องทอสีหน้าเคร่งเครียดแล้วเอ่ยปากขึ้นมา อีกทั้งเขาก็ได้เดินขึ้นหน้าออกไปก่อน ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วก็ได้นำเอากระจกทองแดงออกมาด้านหนึ่ง มุ่งหน้าลอยออกไปบริเวณทางด้านหน้า
“ครืน——”
เย่ชาเพียงแค่ชั่วลัดนิ้วมือ ก็ได้ยินเสียงดังขึ้นมา ที่ด้านบนของกระจกทองแดงด้านหนึ่งนึกไม่ถึงว่าจะปรากฏรอยแตกราวขึ้นมาเป็นสาย กลับต้องมาพบกับจุดจบเช่นนี้
ไต๋ซือหวู่โหวเจ็บปวดใจราวกับคิดที่จะร่ำไห้ออกมา ควรทราบว่าเขาที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน สิ่งของอย่างน้อยติดตัวแทบทุกชิ้นต่างก็ถือได้ว่าจัดอยู่ในระดับสมบัติเซียน แต่ว่าขณะนี้เพียงเพราะว่าภายในร่างกายไม่อาจที่จะใช้ออกด้วยพลังลมปราณเท่านั้น สมบัติเซียนชิ้นหนึ่งยังถึงกับถูกทำลายลงไปเช่นนี้ นี้ได้ทำให้เขาเกิดอาการหดหู่จนแทบจะกระอักเลือดออกมาได้เลย
“โฮก——”
เย่ชาส่งเสียงเจ็บปวดดังออกมายาวนาน ฆ่าสังหารออกไปประดุจดั่งผีสางยมบาลก็มิปาน กางกรงเล็บขนาดใหญ่บนฝ่ามือที่มีความคมดุจของมีคมก็มิปาน มุ่งหน้าแหวกกวาดออกไปบริเวณทางด้านหน้า
เยี่ยจงก้าวขึ้นไปทางด้านหน้าหนึ่งก้าว ร่างกายก็ได้ปกคลุมไปด้วยประกายแสงสีทองแวววับ เห็นได้ชัดขณะนี้เขาได้ใช้ออกมาด้วยพลังกายาทองไม่สูญสลายแล้ว ใช้หมัดกระแทกพุ่งออกไปบริเวณทางด้านหน้า
“ฉึก——”
หมัดหนึ่งก็ได้เข้าปะทะกับเย่ชาตัวนั้น เย่ชาก็ได้ส่งเสียงกรีดร้องอย่างเจ็บปวดออกมา ร่างกายถอยหลังออกไปประดุจไร้วิญญาณอย่างไร้ที่เปรียบ เห็นได้ชัด การโจมตีของเยี่ยจงเมื่อครู่นั้นก็เพียงพอที่จะสามารถถอยออกไปได้เท่านั้น ไม่อาจที่จะทำให้มันตายลงได้ แต่ก็เป็นชัดเจนว่ามันเกิดความเกรงกลัวต่อพลังกายาทองไม่สูญสลายของเยี่ยจง ขณะนี้ทั้งซ้ายทั้งขวา ต่างก็ได้ทอสีหน้าดุร้ายขึ้นมา
“เย่ชาชนิดนี้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งมีชีวิตเติบโตขึ้นมาจากบริเวณพื้นที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังธาตุหยินอย่างหนาแน่น อีกทั้งหากมองไปที่มันเช่นนี้ อย่างน้อยก็พอที่จะทราบได้ว่ามีสติปัญญาในอีกระดับหนึ่ง ไม่แน่ว่าเป็นหนึ่งในผู้คุ้มกันของสถานที่แห่งนี้หรืออย่างไร หากต้องต่อสู้กันอย่างจริงจังแล้วละก็ นอกเสียจากเสี่ยวเยี่ยจงแล้ว ก็ไม่มีคนที่จะต่อสู้ด้วยได้อีก ”ไต๋ซือหวู่โหวขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าเคร่งเครียดอย่างถึงที่สุด เพราะว่าเรื่องนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือจากความคาดคิดอยู่หลายส่วนไปแล้ว
“พี่เยี่ย ทั้งหมดก็ต้องพึ่งท่านแล้ว พลังการต่อสู้ของพวกเราหลายคนต่างก็ถูกผนึกเอาไว้ หากว่าต้องมาลงมือจริง แม้แต่การเป็นชนชั้นราชันปกติธรรมดาก็ยังไม่ใช่เลย ”จงหลี่เองก็หดหู่ขึ้นมา สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ถือได้ว่าสร้างความน่ารำคาญให้เป็นอย่างยิ่ง ถอยก็ใช่ที่ สู้ก็ยุ่งยากอีก
เยี่ยจงพยักหน้าตอบรับ ขณะที่เตรียมพร้อมที่จะขยับไปทางด้านของเย่ชาที่เบื้องหน้า แต่ว่าทันใดนั้น เย่ชานั้นก็ได้ตะโกนเสียงดังขึ้นกึกก้อง แล้วก็ได้ยินเสียงที่มาจากทางด้านของผืนป่าโบราณ มีเสียงฝ่าสายลมดังลอดออกมา ไม่นานนัก ก็ได้มีเย่ชาสิบกว่าตัวทะยานออกมาอีก ห้อมล้อมไปยังทางด้านของคนมากมาย สีหน้าของแต่ละคนต่างก็ทั้งเดือดดาลทั้งอดกลั้น
“ให้ตายเถอะ นึกไม่ถึงเลยว่าเพียงแค่ชั่วครู่เดียวจะมามากขนาดนี้ ”หลิงเฟ่ยรู้สึกปวดฟันขึ้นมา เย่ชาตัวหนึ่งก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาปวดเศียรเวียนเกล้าขึ้นมาได้แล้ว ขณะนี้นึกไม่ถึงยังถึงกลับออกมาได้อย่างมากมายถึงเพียงนี้
พริบตานั้นก็ได้มีอยู่หลายคนที่ได้ถอยหลังไปพร้อมกัน ขณะนี้มีแต่เพียงพลังกายาทองไม่สูญสลายของเยี่ยจงจึงจะสามารถที่จะจัดการกับพวกมันได้ จึงทำให้พวกมันไม่กล้าที่จะเข้ามาในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
“สู้ยังไง ตัวหนึ่งข้ายังพอที่จะจัดการได้ แต่ถ้ามากันสิบกว่าตัวพร้อมกัน ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ถือได้ว่ายุ่งยากเป็นอย่างมากแล้ว แทบจะไม่ต้องอธิบายออกมาเลย ”เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา จ้องไปที่เย่ชาเหล่านี้ ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาส่วนหนึ่ง
T/L : 夜叉เย่ชา ปีศาจกินเนื้อรูปแบบหนึ่ง มาจากคำแปลว่า Yakşa ยักษาในบ้านเรา รูปร่างหน้าตา https://goo.gl/SWDkCh ดังนั้นจึงขอใช้ทับศัพท์นะครับ
“เสี่ยวเยี่ยจงเจ้าจัดการเด็กน้อยเหล่านี้ไม่ได้จริงงั้นหรือ? ”ไต๋ซือหวู่โหวกรอกดวงตาไปมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ถ้าหากมาครั้งหนึ่งห้าหกตัว สมควรที่จะไม่เป็นปัญหาอะไร แต่ว่าถ้าหากมาสิบกว่าตัวขึ้นมาพร้อมกัน บางทีข้าอาจพอที่จะคุ้มครองตัวเองได้ แต่ว่าอาจจะไม่อาจที่จะคุ้มครองพวกเจ้าได้ครอบทุกคน ”เยี่ยจงทอสีหน้าเคร่งเครียด ภายใต้สภาพการณ์เช่นนี้ถือได้ว่ายุ่งยากเป็นอย่างมาก นึกไม่ถึงจะเหมือนกับลำบากอย่างกับพบเจอกับชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตน
“ด้วยพรสวรรค์ของพลังกำลังอย่างเย่ชา อาจารย์ปู่อย่างข้าแม้ว่าจะไม่มีความสามารถอันใด แต่ว่าอย่างน้อยก็ยังเป็นถึงชนชั้นมหาราชัน แต่ก็นึกไม่ถึงว่าจะเป็นเพราะว่าเย่ชากลุ่มหนึ่งจะต้องมาตายตกอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ เช่นนั้นก็มิใช่กลายเป็นการเล่นตลกของสวรรค์ ”ไต๋ซือหวู่โหวเกิดความอัดอั้นอย่างถึงที่สุด เพราะว่าสถานการณ์เช่นนี้ถือได้ว่าห่างไกลจากที่คาดเดาไปมากแล้ว
“ดูเหมือนว่า ในครั้งนี้ในที่สุดก็ถึงคราวที่ปู่น้อยอย่างข้าจะแสดงฝีมือแล้ว ครั้งที่แล้วได้ขโมยสิมาจากหลานสาวนั้นของตาเฒ่าบัญชาสวรรค์……ไม่สิ ได้หยิบยืมสิ่งของมาชิ้นนั้นมา สมควรที่จะมีประโยชน์แล้ว! ”จงหลี่ก็ได้กัดฟันไปมาขึ้นมาในทันใด จากนั้นก็พลิกมือคราหนึ่ง นำเอาลูกแก้วที่คล้ายกับก้อนศิลาไม่คล้ายกับไข่ห่านลูกหนึ่งออกมา ลูกแก้วก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นเล็กน้อย ในช่วงเวลาที่ได้ปรากฏขึ้นมา ก็ได้มีพลังแห่งโชคชะตาชนิดหนึ่งแผ่กระจายออกมาอย่างช้าๆ
บรรยากาศเช่นนี้ให้ความศักดิ์สิทธิ์เป็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งสามารถที่จะจัดการกับหมื่นสรรพสิ่งในใต้หล้าได้ก็มิปาน ภายในพริบตาที่ได้ปรากฏขึ้นมา เย่ชาสิบกว่าตัวนั้นก็ได้กรีดร้องออกมาอย่างหวาดกลัวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน ถอยออกไปทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ได้เข้าไปหลบอยู่ทางด้านของต้นไม้โบราณ เห็นได้ชัดเกิดความหวาดกลัวต่อบรรยากาศเช่นนี้อย่างถึงที่สุด
“นี้คือ……”ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา หลังจากที่จ้องไปที่ลูกแก้วนั้น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงที่แฝงเอาไว้ด้วยความลังเลอยู่หลายส่วน “สารีริกธาตุแห่งเชื้อสายบัญชาสวรรค์? ”
คำพูดเช่นนี้ คนอื่นๆ ก็ได้มองไปทางจงหลี่ที่ทอประกายดวงตาออกมาด้วยสายตาที่แปลกใจ กล่าวได้ว่า สายโลหิตท่านบัญชาสวรรค์ที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชันที่อยู่เบื้องหลังนี้ ต่างก็ต้องทิ้งเอาไว้ให้คนละเม็ด อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นสิ่งที่รวมเอาไว้ด้วยบรรยากาศที่หนักอึ้งอยู่ชนิดหนึ่ง สามารถที่จะกำจัดเหล่ามารได้ จนถูกเรียกขานว่าสารีริกธาตุ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสมบัติแห่งแดนของท่านบัญชาสวรรค์ สิ่งของเช่นนี้ย่อมไม่มอบให้แก่คนนอกแน่นอน แต่คิดไม่ถึงขณะนี้กลับต้องมาปรากฏขึ้นในมือของจงหลี่
“นี้เป็นสิ่งของที่เมื่อครั้งก่อนได้หยิบยืมมา มีอันใดน่าดูกัน มิใช่เป็นเพราะต้องมารับมือกับสภาพการณ์เช่นนี้หรือไง ข้าถึงได้ไปเตรียมพร้อมเอาไว้ พวกเจ้าคิดจริงหรือว่าข้าจะกล้าเข้ามายังสุสานเซียนโดยที่มือเปล่าได้งั้นหรือ? ”จงหลี่กรอกตาขาวขึ้นมา ขณะนี้ได้เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่ง
นอกเสียจากชิงหญิงแล้ว ที่เหลือสามคนก็ได้พยักหน้าตามๆ กัน เมื่อเรียกวัตถุชิ้นนี้ว่าได้หยิบยืมมา จงหลี่อย่างน้อยก็ในตอนนี้ ขณะนี้คงจะได้แต่พึ่งเขาแล้วละ
“ของสิ่งนี้ก็อย่าได้เก็บเอาไว้แล้ว มีแต่สวรรค์เท่านั้นที่จะทราบว่าด้านในนั้นยังมีอะไร ขอเพียงพึ่งพาสารีริกธาตุของเจ้านี้รับมือไปก่อนแล้วละก็ พวกเราไม่แน่ว่ายังจะใช่ว่าสามารถที่จะเข้าไปยังบริเวณส่วนลึกได้จริง จนได้พบกับศพเซียน ”ไต๋ซือหวู่โหวพยักหน้าตอบรับ ในเวลาเดียวกันก็เหมือนกับกำลังจะบอกว่าคิดที่จะหยิบยืมสารีริกธาตุนี้ไปเล่นสักสองวัน จงหลี่ย่อมต้องไม่ยินยอม จึงได้ทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมาอย่างยิ่ง
“พวกเจ้าทั้งสองในเวลาเช่นนี้อย่าได้เอาแต่เล่นได้หรือไม่ ตั้งใจหน่อย ”เยี่ยจงทอสีหน้าดำคล้ำขึ้นมา นี้เป็นเวลาอะไรกันแล้ว ยังมีกระจิตกระใจทำเรื่องน่าเบื่อเช่นนี้อีก
“ก็ใช่ จำเป็นที่จะต้องเร็วหน่อยแล้ว หากว่าผีเฒ่าชราเหล่านั้นพบเจอกับสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ พวกเขาอย่างน้อยก็คงจะต้องร่วมมือกัน เมื่อเวลานั้นมาถึง ก็คงถึงคราวที่พวกเราจะดื่มน้ำล้างเท้าของพวกเขาแล้ว อย่าได้กล่าววาจาไร้สาระเลย เข้าไปเถอะ”ไต๋ซือหวู่โหวตบไปที่หน้าท้องไปมา ใช้ให้เยี่ยจงนำทาง
เยี่ยจงกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง ได้แต่เพียงส่ายหน้าแล้วเดินนำต่อไป
ในครั้งนี้เมื่อมีสารีริกธาตุให้การคุ้มครอง พลังแรงกดดันวิถีเซียนอันน่าหวาดกลัวนั้นก็คอยจำกัดพลัง จึงได้ทำให้อ่อนโทรมลงไปหลายส่วนอย่างช่วยไม่ได้ ในเวลาเดียวกัน รอบด้านแม้ว่าจะสามารถที่จะได้ยินเสียงคร่ำครวญออกมา แต่ก็เพียงแค่รู้สึกไม่อาจที่จะใช้สายตามองเห็นได้ แต่ว่าก็ยังดีที่ในที่สุดก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตลงมือออกมาอีก เห็นได้ชัด สารีริกธาตุนั้นถือได้ว่ามีประโยชน์อย่างยิ่ง
ห้าคนหนึ่งคณะต่างก็เกิดความลิงโลดไม่เสื่อมคลาย เพราะว่า หากว่าต้องเข้าต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตลอดทางแล้วละก็ ต่อให้สามารถที่จะเข้าไป ภายใต้ระดับเช่นนั้นก็ถือได้ว่ายากเย็นเป็นอย่างยิ่งแล้ว เพราะว่าพลังแรงกดดันวิถีเซียนของสถานที่แห่งนี้นั้นส่งผลที่ร้ายกาจต่อพลังลมปราณเป็นอย่างยิ่ง แม้ว่าจะฝืนใช้ออกมาด้วยสมบัติเซียนได้ แต่ว่าพลังทำลายยังคงถือได้ว่าไม่อาจแสดงออกมาได้แม้เพียงหนึ่งในสิบตามปกติด้วยซ้ำไป ยังมิสู้ใช้ออกมาด้วยความเคลื่อนไหวจากร่างกายโดยตรงได้เลย
ภายหลังก็ได้เดินไปอีกครึ่งชั่วยาม ก็ได้มีการปรากฏขึ้นมาของสายธารที่ดูไปแล้วน่าวังเวงสายหนึ่งอยู่บริเวณทางด้านหน้า อีกทั้งยังไหลอย่างเงียบสงบอย่างไร้สุ่มไร้เสียง แม้ว่าดูไปแล้วจะตื้นเขินเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังมีความกว้างเพียงแค่สิบเมตรเท่านั้น แต่ว่าในช่วงเวลาที่ได้มองไปที่สายธารแห่งนี้ ผู้คนทั้งหมดต่างก็รู้สึกขนลุกชูชันขึ้นมา แทบจะตัดสินใจคิดที่จะหันหลังถอยกลับไป
“นี้คือ สายธารสนธยา……”จงหลี่นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้
“จากคำเล่าขานที่เคยได้ยินได้ฟังมานั้น นี้ถือได้ว่าเป็นดั่งสมบัติสูงสุดก็ว่าได้ สามารถที่จะหล่อหลอมจะกลายเป็นเครื่องมือต้องห้าม ตามปกติมักจะมีการปรากฏขึ้นมาขนาดเท่าขวดเล็กๆ เท่านั้น ก็มีราคาพอที่จะสามารถซื้อแผ่นฟ้าได้แล้ว คิดไม่ถึงจะมีอยู่มากมายถึงเพียงนี้! ”ไต๋ซือหวู่โหวเองก็ได้ถอนหายใจอย่างแรง ทอสีหน้าแปลกใจ
เพียงแต่ว่า ในช่วงเวลาเช่นนี้ ต่อให้เขาก็ได้เกิดความตื่นเต้นต่อสายธารสนธยาเหล่านี้ขึ้นมาอย่างยิ่ง ก็ยังไม่กล้าที่จะลงมือโดยสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะว่า ใจกลางสายธารสนธยาแห่งนี้ สามารถที่จะพบเห็นซากศพไม่น้อยลอยขึ้นมาด้านบน ซากศพเหล่านี้แม้ว่าจะได้ตายไปเนิ่นนานแล้ว แต่ว่าภายในดวงตากลับยังคงลืมอยู่ สาดทอประกายความเจ็บปวดอันแรงกล้าออกมา
“สิ่งเหล่านี้ คงจะไม่ใช่ต่างก็เป็นการคงอยู่ของซากที่หลงเหลืออยู่ในสมัยโบราณกาลหรอกนะ? ”หลิงเฟ่ยขนลุกชูชัน อดไม่ได้ที่เอ่ยปากขึ้นมา
“สมควรที่จะใช้แล้ว สายธารสนธยากล่าวกันว่าสามารถที่จะรักษาซากศพไม่ให้เน่าเปื่อยได้ แต่ว่าปัญหาคือซากศพเหล่านี้มีการคงอยู่มากอย่างเนิ่นนานหลายปีจนเกินไปแล้ว อย่างน้อยต่างก็คงจะเปลี่ยนรูปไปแล้ว หากว่าเข้าไปใกล้โดยสุ่มสี่สุ่มห้าแล้วละก็ เกรงว่าคงจะต้องเป็นกับดักชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน ”ไต๋ซือหวู่โหวขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างยิ่ง
หากว่าเป็นตามปกติ พบเจอกับซากศพเหล่านี้ที่มีการเปลี่ยนรูปพวกเขาย่อมต้องไม่หวาดเกรง แต่ว่าขณะนี้อยู่ในสถานการณ์ที่พิเศษเป็นอย่างยิ่ง และการพบเห็นกับศพที่เปลี่ยนรูปที่อยู่ด้านหน้าสายธารสนธยา นี้ราวกับเหมือนได้ก้าวเข้าไปยังประตูผีถึงครึ่งก้าวแล้วก็เป็นได้ เรื่องราวเช่นนี้เพียงแค่ใช้การคาดเดาเป็นครู่หนึ่ง ก็พอที่จะทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาได้
.
.
.
.