ตอนที่ 556 สุสานโบราณหลุมฝังศพเซียน
“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องข้ามผ่านสายธารสนธยาสายนี้กันแล้ว ปัญหาตอนนี้ก็เกิดขึ้นแล้ว ว่าจะข้ามไปอย่างไร? ”
หลายคนต่างก็กระซิบออกมา การจะผ่านเส้นทางจากสายธารสนธยานี้ไปได้นั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย เพราะว่าอย่าว่าแต่จะกลายเป็นการปลุกซากศพเหล่านั้นขึ้นมา ต่อให้เป็นสายธารสนธยานี้ไปก็ใช่ว่าจะไม่อาจที่จะไม่แตะต้องสิ่งอื่นได้จะเป็นที่ทราบได้ เพราะว่าของสิ่งนี้ถือได้ว่าน่าประหลาดเป็นอย่างมาก ถ้าเกิดว่าไม่ระวังไปแตะโดนสายธารสนธยา ก็จะกลายเป็นดังศพที่ปรากฏขึ้นบนน้ำแล้วละก็ เช่นนั้นก็ยากที่จะรอดพ้นจากความตายไปได้
“พวกเจ้าดูทางด้านนั้น! ”
เยี่ยจงทันใดนั้นมีสีหน้าเปลี่ยนไป มองออกไปยังบริเวณทางด้านซ้าย แล้วก็ได้พบเห็นทางด้านนั้นได้มีหมอกอยู่สายหนึ่ง ท่ามกลางสายหมอก ก็ได้มีสภาพเป็นสีขาวดุจหิมะของกระดูกนับพันก่อตัวจะกลายเป็นสะพานกระดูกเพื่อใช้ข้ามแดนสนธยา ทำให้ผู้คนต่างก็มองเข้าไป จนเกิดอาการขนลุกชูชัน
“แดนสนธยาก็ออกมาแล้ว นั้นคงจะไม่ใช่สะพานไน้เหอเชี่ยวหรอกนะ? ”จงหลี่ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา อดไม่ได้ที่เอ่ยปากขึ้นมา
*奈何桥 สะพานข้ามไปอีกภพในยมโลก
คนทั้งหลายก็ได้ค่อยๆ ที่จะเข้าไปใกล้ หลังจากนั้นในเวลาเดียวกันก็ได้จ้องเขม็งไปอย่างดุร้ายไปที่จงหลี่คราหนึ่ง เพราะว่า ด้วยความแข็งแกร่งของสะพานกระดูกนั้น ขณะนี้ก็ได้มีแผ่นศิลาตั้งเอาไว้อยู่แผ่นหนึ่ง ด้านบนของแผ่นศิลา ก็ได้มีตัวอักษรโบราณสองตัวขีดเขียนเอาไว้ว่าไน้เหอพร้อมทั้งกลิ่นอายของโลหิตโชยออกมาก็มิปาน จะก่อตัวขึ้นมาเป็นจิตใจสังหารอันน่าตกใจชนิดหนึ่งขึ้นมาอย่างช้าๆ
“แผ่นศิลานี้และสะพานกระดูกนี้รู้สึกเหมือนจะไม่ค่อยเข้ากันอยู่นะ ราวกับเป็นสิ่งที่คนสร้างขึ้นในภายหลังเลยนะ ”ไต๋ซือหวู่โหวทันใดนั้นขมวดคิ้วขึ้นมา ทอสีหน้าแปลกใจขึ้นมา
“หรือจะกล่าวได้ว่า ก่อนหน้าของพวกเรา ได้มีคนมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ก่อนแล้ว? ”เยี่ยจงขมวดคิ้วขึ้นมา หากเป็นเช่นนั้นจริงแล้วละก็ ในครั้งนี้ก็มิใช่ว่าจะกลายเป็นคว้าน้ำเหลวแล้วอย่างงั้นหรือ?
“คงจะไม่ใช่ แผ่นศิลานี้น่าจะมีการคงอยู่ในดินแดนมานานพอสมควรแล้ว ดูเหมือนว่า สถานที่แห่งนี้ย่อมต้องยังมีความเร้นลับที่พวกเราเองก็คาดเดาไม่ได้อย่างแน่นอน ”ไต๋ซือหวู่โหวครุ่นคิด หลังจากนั้น จึงค่อยได้กล่าวต่อ “ขึ้นสะพาน ใช้สะพานไน้เหอข้ามแดนสนธยา หรือไม่ก็บริเวณส่วนลึกนี้จะเป็นที่อยู่อาศัยก็เป็นได้? แต่ก็เป็นไปได้ยากเพราะว่ากาลก่อนยังมีศพเป็นประจักษ์เอาไว้อยู่ ข้าเองก็ไม่อยากที่จะเชื่อเหมือนกัน! ”
ทั้งห้ามิได้ลังเลมากจนเกินไป สารีริกธาตุในมือของจงหลี่ก็ได้ทอเป็นประกายแสงสว่างความศักดิ์สิทธิ์ออกมา ปกคลุมอยู่บนร่างของทั้งห้า ทั้งห้าคนก็ได้ค่อยๆ ที่จะก้าวขึ้นไปยังด้านบนของสะพานไน้เหอ มุ่งหน้าเข้าไปยังบริเวณส่วนลึก
สะพานสายนี้ดูไปแล้วแม้จะไม่ถือว่ายาว แต่ว่าในช่วงเวลาที่ได้เดินขึ้นมา กลับประดุจย่างกรายเข้ามายังสายทางที่พิศวงแห่งหนึ่งก็มิปาน ไม่ว่าจะเป็นความกว้างหรือว่าความยาวก็ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือจากความคาดหมายอยู่หลายส่วน ในเวลาเดียวกัน ด้านบนสะพานก็จะสามารถที่จะได้ยินเสียงน้ำไหลที่ดูไปแล้วเหมือนกับเชี่ยวกราก ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างที่คล้ายกับเย็นเยียบเข้ามาหาก็มิปาน
ทว่า เยี่ยจงและคณะมีสารีริกธาตุคุ้มกาย บริเวณเสียงเหล่านั้นกลับไม่อาจที่จะผ่านเข้ามาได้ เพียงแต่แอบมองเท่านั้น
“นี้เป็นของดีเลยนะเนี๊ย ครั้งต่อไปหากว่าต้องไปต้นหาสิ่งที่อยู่ในระดับโบราณกาลอันใด คิดที่จะไปแสวงหาวาสนาแล้วละก็ ข้าจะต้องไปขอร้องท่านบัญชาสวรรค์ขอยืมสารีริกธาตุมาสักชิ้นแล้ว ของสิ่งนี้ช่างเหมาะสมกับเพศบรรพชิตเสียจริง จะฆ่าคนวางเพลิงก็จำเป็นที่จะต้องมีพกติดตัวเอาไว้เป็นดีไว้ก่อน! ”
สักพัก คนทั้งคณะเมื่อได้ลงมาจากสะพานไน้เหอ มาจนถึงบริเวณอีกทางด้านหนึ่งของแดนสนธยา ในขณะนั้นเอง ไต๋ซือหวู่โหวก็อดไม่ได้ถอนหายใจ จ้องมองไปที่สารีริกธาตุในมือของจงหลี่ด้วยสายตาลุกวาว
“ตอนนี้ใช่เวลาที่จะมากล่าวถึงเรื่องเช่นนี้งั้นหรือ? พวกเราสมควรที่จะมาถึงแล้ว หากว่ามีคัมภีร์เซียนและศพเซียนแล้วละก็ จะต้องเข้าไปช่วงชิงเข้ามาให้ได้ก่อนเป็นอันดับแรก ตลอดรายทางมานี้พวกเราได้สิ้นเปลืองเวลาไปก็มาก ข้ามีความรู้สึกว่า คาดว่าในอีกไม่นาน ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นก็คงจะไล่ตามมาแล้ว! ”จงหลี่ทอสายตาจริงจังขึ้นมา เอ่ยปากขึ้นมาอย่างแหบพร่า
คนทั้งคณะเดินทางมาจนขั้นนี้ พลังแรงกดดันวิถีเซียนที่ปกคลุมอยู่บนร่างกายของคนมากมายก็ยิ่งทวีความแข็งแกร่ง ราวกับว่าบนร่างทุกผู้คนต่างก็กำลังแบกรับขุนเขาที่หนักหน่วงอยู่ก็มิปาน ทำให้ผู้คนแม้แต่การหายใจก็เป็นไปอย่างยากลำบาก แทบจะไม่อาจทนทานได้เลย
จนท้ายที่สุด ไต๋ซือหวู่โหวไม่อาจที่จะไม่กัดฟันแล้วใช้ออกมาด้วยโล่ทองแดงชิ้นออกมากันไว้อยู่บริเวณเหนือศีรษะของทุกคน เพื่อที่จะลดทอนพลังแรงกดดันลงส่วนหนึ่ง มิเช่นนั้นแล้วละก็ คนทั้งคณะก็แทบจะเดินต่อไปไม่ได้
แล้วก็ได้เดินมาอีกระยะทางหนึ่ง ในขณะที่ร่างกายของทุกผู้คนราวกับไม่อาจที่จะทนทานรับได้อยู่อีก ก็เกือบที่จะถูกพลังแรงกดดันแห่งเซียนนี้กดทับตายลงภายในพริบตา ทางด้านหน้าทั้งหมด ในที่สุดก็ได้มีเส้นทางที่ถูกเปิดขึ้นมา
สถานที่แห่งนี้อยู่ในตำแหน่งบริเวณส่วนลึกของใต้ดิน เขตแดนทั้งหมดต่างก็ลักษณะเป็นสี่เหลื่อม เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง ที่แห่งนี้ก็คืออยู่ในตำแหน่งที่เป็นใจกลางทั้งสองด้านของภูเขาโบราณแล้ว
พลังปราณฟ้าดินอันเข้มข้นอย่างถึงขีดสุดชนิดหนึ่งก็ได้หลั่งไหลกันเข้ามา เพียงการสูดลมหายใจเพียงครั้งเดียว ต่างก็ทำให้ผู้คนเกือบที่จะบรรลุเข้าใจขึ้นมาได้แล้ว
บริเวณทางด้านหน้า ก็ได้มีประกายแสงสีทองของยาปราณปกคลุมไปทั่ว พลังปราณฟ้าดินแต่ละสายประดุจดั่งกลายเป็นมังกรก็มิปาน ใจกลางของพื้นที่ผืนนี้มีลักษณะเป็นทรงเกลียว ฉากนี้เป็นที่งดงามตระการตาเป็นอย่างยิ่ง ประดุจดั่งขอบเขตเซียนก็มิปาน
“หากว่าสามารถฝึกปรือในสถานที่แห่งนี้ได้ ในวันหนึ่งก็สามารถที่จะเกิดความสำเร็จเท่ากับดินแดนภายนอกถึงสิบปีเป็นอย่างน้อย! ”ไต๋ซือหวู่โหวพริบตานั้นก็ได้อธิบายออกมาเช่นนี้ เพียงแต่น่าเสียดายในเวลาเช่นนี้ ผู้ใดจะมีจิตใจคิดที่จะฝึกปรือในที่แห่งนี้กัน
บริเวณสุดใจกลางของพื้นที่ตำแหน่งผืนนี้ ก็ได้ตั้งเอาไว้ด้วยหลุมฝังศพขนาดใหญ่เอาไว้แห่งหนึ่ง หลุมฝังศพโบราณประดุจเกิดขึ้นมาเองก็มิปาน ซึ่งได้ใช้ดินห้าสีสร้างขึ้นมา จนเกิดเป็นตัวอักษรทรงสูงสีทองที่ดูเป็นธรรมชาติแห่งหนึ่ง
และบริเวณพื้นที่ทางด้านบนสุดก็เป็นพื้นเรียบ แล้วก็ได้พบเห็นว่าทางด้านบนนั้นได้มีโลงศพหยกหลังหนึ่งตั้งเอาไว้อยู่ แต่ว่าทั้งหมดนั้นต่างก็ได้ถูกหมอกควันบดบังเอาไว้อยู่ จนในเวลานี้ไม่อาจที่จะมองเห็นได้ชัดเจนได้
หากมองจากภายในความหมายเช่นนี้ สถานที่แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นขอบเขตเซียนที่แท้จริงก็ว่าได้ ย่อมถือได้ว่าเป็นพื้นที่ที่เป็นจุดหลงซิง (จุดใจกลาง ที่เป็นเหมือนจุดที่รวมความมั่งคั่งที่สุด龙兴) ได้อย่างแน่นอน ในสมัยก่อนหากว่ามีสำนักพรรคใหญ่สามารถที่จะตั้งอยู่ภายในสถานที่แห่งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ฝึกปรือแล้วละก็ เช่นนั้นแน่นอนว่าย่อมกลายเป็นผู้อยู่เหนือดินแดนได้อย่างแน่นอน
“ระดับความลึกซึ้งของสุสานหลังนี้ก็ช่างละเอียดเกินไปแล้ว สมควรที่จะมีด้วยกันทั้งหมดห้าพันชั้น ซึ่งมีความเหมือนกับความสูงของภูเขาโบราณลูกนี้ ”จากนั้นเยี่ยจงก็ได้จ้องไปที่หลุมฝังศพโบราณนี้ กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ที่แห่งนี้ประดุจกล่าวได้ว่าเสมือน เก้าในเก้าก็คือพื้นที่สุสานเซียนที่แท้จริงแล้ว เจ้าดูที่โลงศพหยกนั้น ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นโลงศพเก้าฟ้าสมบัติแห่งแดนซีฮวง ภายในโลงศพมีความเป็นไปได้อย่างมากจะมีศพเซียนอยู่! ”ไต๋ซือหวู่โหวจ้องไปที่ด้านบนโลงศพหยกที่อยู่ในสุสานโบราณมองแล้วก็มองอีก ทอสีหน้าตื่นเต้นขึ้นมาอย่างยิ่ง
*九成九 เก้าในเก้า 9 คุณ 9
ตามความเป็นจริง เมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว พลังลมปราณของคนมากมายต่างก็ถูกจำกัดเอาไว้จนเกือบจะหมดสิ้นแล้ว จะฝืนก็ใช้ได้แต่เพียงสมบัติเซียนเพียงชิ้นสองชิ้นเท่านั้น แต่ว่า แม้ว่าพลังลมปราณจะถูกผนึกเอาไว้ สายตาอันคมกล้าและประสาทสัมผัสของทุกคนก็ยังคงมีอยู่ ดังนั้นสามารถที่จะสัมผัสได้อย่างชัดเจนได้ว่า โลงศพหยกที่ดูไปแล้วเก่าแก่โบราณนั้นแม้ว่าจะถูกจัดวางเอาไว้ในตำแหน่งนั้น แต่ว่ายังคงประดุจดั่งเหมือนกับตรงตามหลักการวางค่ายกลยันต์ปราณก็มิปาน ราวกับว่า ในสถานที่แห่งนี้ ในตำแหน่งนั้น ถึงจะมีความเหมาะสมที่จัดวางโลงศพหยกหลังนี้เอาไว้ เป็นการคงอยู่ที่จำเป็นต่อโลงศพหยกหลังนี้ก็มิปาน นี่คือความลี้ลับในความลี้ลับชนิดหนึ่งที่สัมผัสได้ ไม่อาจที่จะกล่าวได้อย่างชัดเจน
“ในตำนาน เซียนและฟ้าดินเป็นของคู่กัน อีกทั้งย่อมต้องมีความสัมพันธ์กับทางด้านของวิชาฟ้าดินอีกด้วย นี้กลับไม่อาจที่จะมีบริเวณแห่งใดพอจะเกิดช่องโหว่ได้เลย พวกเราไม่จำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ลึกจนเกินไปหรอก ”นางเซียนชิงหญิงกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เห็นได้ชัด นางกำลังครุ่นคิดอันใดอยู่
หลังจากที่เงียบงัน ทุกคนต่างก็เหมือนกับเห็นด้วยกับความคิดจึงได้พยักหน้าไปมา ซึ่งเป็นเหมือนดั่งวาจาคำพูดของนางเซียนชิงหญิง ในเมื่อสุสานทางด้านบนนั้นมีความเป็นไปที่จะเป็นเซียน เช่นนั้นสิ่งที่ตามหามาทั้งหมดของสถานที่แห่งนี้ ต่างก็ถือได้ว่าเป็นเรื่องที่สมควรเป็นอย่างยิ่ง ไม่จำเป็นที่จะต้องวิเคราะห์ให้ลึกซึ้งจนเกิดไป
“พวกเจ้าดูให้ดี ทางด้านบนของบันไดหินนั้น ราวกับมีแต่สิ่งของที่สุดยอดอยู่เลยนะ ”หลิงเฟ่ยทันใดนั้นที่เอ่ยปากขึ้นมา เขาก็ได้จ้องมองไปที่บันไดของหลุมฝังศพโบราณนั้นซ้ายทีขวาที ทอสีหน้าประหลาดใจอย่างมาก
สายตาของทุกคนก็ได้กวาดเข้าไป หลังจากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไป เพราะว่าทางด้านบนของบันไดหินนั้นได้เปี่ยมไปด้วยสายทางที่ดูไม่ธรรมดาอยู่ มีคลื่นเกรียวมังกรแท้、มีหงส์เทวะระบำสวรรค์ ยังมีไม้สนเชื่อมฟ้าดินในตำนาน มีเส้นทางสามสายแห่งแดนราชาเซียน* (仙王行走三界)
*仙王行走三界 ไม่แน่ใจว่าจะแปลยังไงดีนะครับ พอดีค้นหาข้อมูลมาเจอ ขอมาร์คไว้แบบนี้ก่อนนะครับ
คนมากมายต่างก็ตกตะลึง อาจจะเป็นเพราะว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมาในสมัยโบราณก่อนหน้านี้ จะมีการคงอยู่ของสรวงสวรรค์อันเก่าแก่จริงอย่างงั้นหรือ ราวกับว่าได้หลุดมาจากดินแดนที่มีแต่เพียงคำเล่าขานก็มิปาน? หากว่าเป็นเช่นนี้จริงแล้วละก็ ในเวลานั้นย่อมต้องมีการคงอยู่ของเซียนอย่างแน่นอน
แฝงเอาไว้ด้วยสิ่งที่น่าตกตะลึงอยู่ชนิดหนึ่ง สายตาของทุกคนต่างก็มองไปยังโลงศพหยกที่อยู่ทางด้านบนของหลุมฝังศพโบราณนั้น ดวงตาของทุกผู้คนต่างฝ่ายต่างก็เปลี่ยนแปลงอย่างไม่เหมือนกัน
ในขณะนั้นเอง ความหมายของโลงศพหยกหลังนี้กลับไม่เหมือนกันแล้ว หากว่าด้านบนของหินสลักเหล่านี้ทั้งหมดเป็นเรื่องจริง ท่ามกลางโลงศพหยกมีศพเซียนอยู่จริงแล้วละก็ เช่นนั้นไม่แน่ว่า ในครั้งนี้จะสามารถที่จะสวมรอยกลับเข้าไปเพื่อค้นหาความลับที่น่าตกใจมานับร้อยหมื่นปีก็เป็นได้
“กร๊อบ——”
ไต๋ซือหวู่โหวเป็นคนแรกที่อดใจเอาไว้ไม่อยู่ ก้าวมุ่งหน้าออกไปทางด้านหน้า ต่อให้เป็นผู้ที่สงบเสงี่ยมอย่างเขา ขณะนี้ก็ยังต้องทะยานออกไปด้วยความตื่นเต้นชนิดหนึ่ง เพียงแต่ว่าเขาพึ่งจะขยับ แผ่นโล่ที่ใช้ออกมาก็ได้ถูกเกิดเสียงดังกร๊อบแกร๊บขึ้นมา ราวกับพร้อมที่จะแตกได้ทุกเวลา และความน่ากลัวของพลังแรงกดดันวิถีเซียนในขณะนี้ก็ยิ่งทวีปกคลุมลงมา ราวกับต้องการที่จะกดดันจนผู้คนทั้งหมดล้มลงก็มิปาน
“แท้จริงแล้ว ศพเซียนท่ามกลางโลงศพหยกนั้นจะสัมผัสอะไรบางอย่างได้ คิดที่จะฟื้นคืนกลับมาให้ได้หรืออย่างไรกัน? ”คนทั้งคณะก็ได้ตกใจขึ้นมา ทอสีหน้าเปลี่ยนไปนับไม่ถ้วน
“ไม่ได้ ต้องการที่จะเข้าไปใกล้ยังสถานที่แห่งนี้ย่อมไม่ง่าย เกรงว่าคงต้องใช้ออกด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุจึงจะสามารถพอที่จะฝืนต้านทานพลังแรงกดดันเช่นนี้ได้ ”ไต๋ซือหวู่โหวขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน การตัดสินใจเช่นนี้ได้ทำให้ตัวเขาเองก็ยังกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง
“กล่าวจบ พวกเราไม่แน่ว่าจะต้องหยุดลงแต่เพียงเท่านี้ ที่แท้วาสนาแห่งเซียนเมื่ออยู่เบื้องหน้าสายตาเช่นนี้แล้วกลับต้องถูกปล่อยทิ้งไปจริงอย่างงั้นหรือ? ”จงหลี่กำมือจนแน่น ทอสีหน้าไม่ยินยอมขึ้นมา
แม้แต่ชิงหญิงต่างก็ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ากำลังครุ่นคิดอยู่
แต่ว่า เมื่อต้องมาเผชิญหน้ากับพลังแรงกดดันวิถีเซียนเช่นนี้ การที่จะเข้าไปใกล้นั้นแทบจะยากอธิบายได้ นอกเสียจากไต๋ซือหวู่โหวขณะนี้ไม่สนใจใช้ออกมาด้วยพลังฝีมือของพลังความสามารถทั้งหมด เปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกมา มิเช่นนั้นแล้วละก็ ห้าคนหนึ่งคณะอย่างน้อยก็มีแต่เพียงแค่เยี่ยจงที่พอจะมีความสามารถซักหลายส่วนที่พอจะเข้าไปใกล้หลุมฝังศพโบราณนั้นได้
“เหอะ โลกหล้าก็ถือได้ว่าเปลี่ยนไปแล้ว คิดไม่ถึงกลุ่มปลาซิวปลาสร้อยก็ยังสามารถที่จะเดินมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ได้ ช่างไม่รู้จักความเป็นความตายเอาเสียเลย ”ทันใดนั้น ก็ได้มีเสียงหนึ่งกล่าวขึ้นมาอย่างเมินเฉยอย่างไร้ที่เปรียบมาจากบริเวณทางด้านหลัง จากนั้นพบเห็นชายหนุ่มที่ดูไปแล้วมีอายุเพียงแค่สิบหกสิบเจ็ดปีกำลังมือไพล่หลังก้าวเดินเข้ามาอย่างช้าๆ ทอสีหน้าเมินเฉยออกมา
“เป็นเขา!? ”จงหลี่แทบจะคลั่งขึ้นมา ในช่วงเวลาที่หันกายก็มองเห็นผู้มาได้อย่างชัดเจน ยังถึงกับขนลุกชูชันขึ้นมา
“มหาราชันปีศาจทุนเทียน คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนแรกที่มาถึงยังสถานที่แห่งนี้ ทว่าก็ถูกต้องแล้ว ร่างเดิมที่เป็นกายเนื้อนกยุงทุนเทียนของมันก็น่าหวาดกลัวอย่างยิ่งอยู่แล้ว ชนชั้นมหาราชันโดยส่วนมากย่อมไม่อาจที่จะเทียบได้อยู่แล้ว ”ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้เลียริมฝีปากไปมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ยังดีที่เขาคอยซ่อนเร้นร่างจริงมาโดยตลอด มิเช่นนั้นแล้วละก็ ทั้งสองฝ่ายขณะนี้ไม่แน่ว่าอาจจะต้องลงมือต่อสู้กันยกใหญ่แล้ว
“อ๋อ? ที่แท้ก็เป็นเจ้าแมลงตัวน้อยนี้เอง นานถึงเพียงนี้ยังไม่หนีไปอีก นึกไม่ถึงกลับยังเข้ามายังสถานที่แห่งนี้อีก ดูเหมือนว่า พวกเราต่างก็ดูแคลนเจ้าไปแล้ว! ”มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอดสายตามองไปยังบนร่างกายของเยี่ยจง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏอารมณ์แปลกใจขึ้นมา เห็นได้ชัดว่านึกไม่ถึงว่าเยี่ยจงจะปรากฏตัวในสถานที่แห่งนี้ตอนนี้ แทบจะเรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดหมายของเขาไปทั้งหมดแล้ว
“ยังอุตส่าห์ตามหาเจ้ามาโดยตลอด คิดไม่ถึงว่าเจ้าตอนนี้จะออกมาจากสถานที่แห่งนี้ ดูเหมือนว่าช่างมีวาสนาเสียจริง ถือได้ว่าไม่เลวเลย! ”
บริเวณทางด้านหลัง บนร่างกายก็ได้สวมเอาไว้ด้วยอาภรณ์ต่อสู้ห้าสีเอาไว้ บนใบหน้าก็ได้แฝงเอาไว้ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นชายหนุ่มเยาว์วัยใบหน้าหล่อเหล่ากำลังค่อยๆ ที่จะเดินเข้ามา ความเคลื่อนไหวของเขาเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่ง ราวกับว่ากำลังต้านทานพลังกดดันอันใหญ่หลวงอยู่ก็มิปาน เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง กายเนื้อของเขาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน เพราะว่า นึกไม่ถึงจามารถที่จะพึ่งพาเพียงพลังของตนเองมาจนถึงขั้นนี้ได้
“นี้คือ……”เยี่ยจงขมวดคิ้วไปมา
“นี้คือบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ ราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจ เจ้าก่อนหน้านี้ที่ตำหนักสวรรค์เก้าชั้นพึ่งจะกล่าวหยอกเย้าสตรีเรือนคนอื่น ตอนนี้เจ้ากลับลืมเลือนไปแล้วงั้นหรือ? ”จงหลี่เอื้อนเอ่ยขึ้นมาเหมืนกับอยู่ในใบหน้าที่ยิ้มแย้มแต่กลับดูได้ยากเสียกว่าร้องไห้เสียอีก ราชานกยูงน้อยบุตรศักดิ์สิทธิ์หมื่นปีศาจมีพลังฝีมือในระดับพลังเทวะขั้นที่ห้า ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่ถือได้ว่าอยู่ในระดับบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนในขณะนี้ การปรากฏตัวของบุคคลเฉกเช่นนี้ เขากับมหาราชันปีศาจทุนเทียนตนหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะอยู่ในลักษณะที่ถือได้ว่ายุ่งยากเป็นอย่างมากแล้ว
.
.
.
.