เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 560 จิตมาร ฟ้าดิน

ตอนที่ 560 จิตมาร ฟ้าดิน

 

“ศพแห่งเซียน ! ? ”

 

มีชนชั้นมหาราชันหวั่นไหวขึ้นมา แน่นอนว่าย่อมต้องเกิดความหวาดกลัวต่อพลังแรงกดดันวิถีเซียนอย่างไร้ที่เปรียบ ราวกับเป็นสิ่งที่ออกมาจากท่ามกลางของซากศพสีทองนี้

 

พลังแรงกดดันวิถีเซียนชนิดนั้นถือได้ว่ามีพลังที่ร้ายแรงเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งยังรวมเอาไว้ด้วยกฎเกณฑ์ของแรงกดดันอยู่ชนิดหนึ่งต่อทุกสรรพสิ่งที่สัมผัสได้ ราวกับว่าเป็นหนึ่งในเซียนที่ปรากฏขึ้นมาในโลกในครั้งโบราณกาลนับหมื่นปี กำลังยืนอยู่ในจุดสูงสุดแห่งวิถีเซียนกำลังจ้องมองลงมาจากโบราณกาลจวบจนถึงวันนี้ก็มิปาน

 

แต่ว่าไม่ว่าจะเป็นผู้ใดก็ไม่อาจที่จะทราบได้ พลังอันรุนแรงเช่นนี้จะทำให้เกิดพลังแรงกดดันวิถีเซียนนับไม่ถ้วนขึ้นมาได้ นึกไม่ถึงว่าจะมาจากสิ่งที่ซากศพปล่อยออกมา

 

“นี้คือศพแห่งเซียนจริงอย่างงั้นหรือ ? หากว่าเป็นเซียน เหตุใดถึงหลงเหลือแต่เพียงเศษกระดูกเท่านั้นกันเล่า อีกทั้งยังถูกไว้ในสถานที่แห่งนี้อีกงั้นหรือ ? ” แล้วก็ได้มีชนชั้นมหาราชันกำลังขมวดคิ้วขึ้นมา กำลังครุ่นคิด ในขณะนั้นเองกลับไม่มีผู้คนคิดที่จะลงมือออกมา อย่างน้อย ก็ยังไม่อาจที่จะทำความเข้าใจในส่วนที่มีความข้องเกี่ยวกับฉากที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ย่อมเคลื่อนไหวโดยพละกาลอย่างแน่นอน

 

“นี้คงมิใช่สิ่งที่อยู่ในตำนานหรอกนะ ? ” ไต๋ซือหวู่โหวตบเข้าไปที่ศีรษะ ทันใดนั้นขมวดคิ้วไปมา กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

 

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ พริบตานั้นชั้นมหาราชันที่อยู่ด้านบนของเนินสุสานชนต่างก็อดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองที่เขาคราหนึ่ง คิดที่จะรอดูว่าเขาจะกล่าวอะไรออกมากันแน่

 

ไต๋ซือหวู่โหวราวกับมองไม่เห็นสายตาของคนอื่นๆ ก็มิปาน เพียงแต่จ้องเขม็งอย่างเอาเป็นเอาตายไปที่ซากศพสีทองนั้น ใช้เสียงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเคร่งเครียดอย่างไร้ที่เปรียบออกมา กล่าวออกมาอย่างช้าๆ : “ในตำนาน หากว่าก้าวสู่ความเป็นเซียน จนสำเร็จสู่การเป็นเซียน ยังจำเป็นที่จะต้องแบ่งจิตความนึกคิดของตนเองที่เป็นจิตมารออกมาทั้งหมด จึงจะสำเร็จสู่ความเป็นเซียนได้ และเกิดจิตมารขึ้นมา หากมองจากความหมายเช่นนี้มากล่าว จิตมารก็คือสิ่งที่ปรากฏขึ้นมาจากเซียนได้ในเวลาเดียวกัน……และซากศพของแสงสีทองนี้ สมควรที่จะมิใช่เซียน แต่กลับสมควรที่จะเป็นเพียงจิตมารของเซียนที่แท้จริง……เพียงแต่ว่า กลับต้องมาถูกพลังฝีมือของผู้ที่มีพลังเทวะผนึกเอาไว้ในสถานที่แห่งนี้……พวกเราทางที่ดีก็ควรที่จะทำเป็นไม่เห็นยังจะดีเสียกว่า เพราะว่าจิตมารตนนี้อย่างน้อยอย่างน้อยก็คงจะยังไม่เคยจะถูกหลอมมาก่อน หากว่าทำการปลุกเขาขึ้นมาแล้วละก็ เกรงว่าคงจะไม่มีผู้ใดท่ามกลางสนามสามารถที่จะทานรับเอาไว้ได้ ”

 

“จิตมารของเซียน ที่แท้ก็มีการกล่าวขานสืบทอดการคงอยู่ของสิ่งนี้อยู่ด้วย ” มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาพยักหน้าตอบรับ ในเวลาเดียวกันก็ได้ทอสีหน้าแฝงเอาไว้ด้วยความหวั่นไหวขึ้นมา “หรือจะกล่าวได้ว่า การคงอยู่ของจิตมารนี้ ในทางกลับกันก็เป็นที่ประจักษ์ได้ในอีกด้าน ในช่วงเวลาโบราณกาล มีการคงอยู่ของเซียนจริงอย่างงั้นหรือ และท่ามกลางโลงศพหยกนี้ จะสามารถที่จะเป็นหลุมศพของเซียนได้จริงอย่างงั้นหรือ ? ”

 

“ก็มีความเป็นไปได้ สถานที่แห่งนี้แทบจะสามารถเรียกได้ว่าเป็นพื้นที่สุสานที่เตรียมไว้เพื่อจิตมาร มิใช่กล่าวไปแล้วงั้นหรือ สุสานมารก็คือแหล่งที่มาของเซียน ไม่แน่ว่าในครั้งนี้พวกเราไม่ว่าอันใดก็คงจะไม่ได้รับ ” ปีศาจมหาราชันตนหนึ่งที่ร่างสวมเอาไว้ด้วยชุดขนนกก็ได้หัวเราะดังหึหึแล้วเอ่ยปากขึ้นมา อีกทั้งน้ำเสียงยังประหลาดพิกล

 

“เอ๊ะ พวกเจ้าดูไปที่ตรงนั้น ราวกับมีตัวอักษรโบราณอยู่นะ ” มหาราชันเผ่ามนุษย์ตนหนึ่งทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมา เหม่อมองไปยังทางด้านบนของพื้น ทอสีหน้าประหลาดใจขึ้นมา

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็ได้มองเข้าไปในเวลาเดียวกัน ก็จะได้กำลังเผชิญหน้ากับบริเวณทางด้านล่างของจิตมารสีทอง ซึ่งเป็นใจกลางที่รวมเอาไว้ด้วยแท่นหิน ก็ได้ถูกคนใช้นิ้วมือขีดลึกจนกลายเป็นตัวอักษรกลุ่มหนึ่ง ในทุกๆ ตัวอักษรนี้ก็ได้เก็บซ่อนเอาไว้ด้วยหลักการแห่งชีวิตอยู่ชนิดหนึ่ง แม้ว่าจะไม่มีคนที่สามารถจดจำขึ้นมาได้ ว่านี้เป็นตัวอักษรอะไร แต่ว่าราวกับว่าทุกผู้คนต่างก็สามารถที่จะทำความเข้าใจในความหมายขึ้นมาได้

 

และในขณะนั้นเอง สีหน้าอาการของผู้คนทั้งหมดต่างก็กระจ่างขึ้นมาเป็นอย่างยิ่ง ตัวอักษรเหล่านี้ขีดเขียนเหมือนกับกำลังบรรยายเรื่องราวบางอย่างเอาไว้อยู่ ความหมายก็คือ หากว่ามีผู้คนในอนาคตเข้ามาค้นพบพื้นที่สุสานเซียนที่แท้จริงแห่งนี้ น่าเสียดายโลงศพเก้าฟ้ายังมีส่วนที่บกพร่อง ภายในนั้นได้มีการเก็บเอาไว้แต่เพียงแค่จิตมาร กลับมิใช่เซียนที่แท้จริง ภายหลังกลับคิดว่าการเก็บจิตมารส่วนหนึ่งเอาไว้ภายในโลงศพเก้าฟ้าจะเป็นเรื่องที่สิ้นเปลืองจนเกินไป ภายหลังเขาก็ได้ครุ่นคิดขึ้นได้ถึงวิธีการที่สมบูรณ์แบบทั้งสองอย่างขึ้นมาได้ นี้ก็คือการลงมือปราบจิตมารนั้นด้วยมือของตนเอง ในเวลาเดียวกันหยิบยืมส่วนที่บกพร่องของโลงศพเก้าฟ้ามาใช้

 

“ท่ามกลางโลงศพหยกนี้ ที่แท้สิ่งที่เก็บเอาไว้ นึกไม่ถึงนี้จะเป็นจิตมารสีทอง……” ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็กล่าวอันใดไม่ออก คิดไม่ถึงว่าจะต้องพบกับผลลัพธ์เช่นนี้

 

“สามารถที่จะปราบปรามจิตมารแห่งเซียนที่แท้จริงได้ อีกทั้งยังได้หยิบยืมโลงศพเก้าฟ้านี้มาใช้ บุคคลที่ลงมือออกมาที่แท้เป็นคนเช่นไรกันแน่ ? มนุษย์ศักดิ์สิทธิ์งั้นหรือ ? ” มีคนเอ่ยปากขึ้นมา น้ำเสียงแฝงเอาไว้ด้วยความครุ่นคิด ควรทราบว่า นับจากการที่ได้เห็นถึงบรรยากาศที่ได้ออกมาจากจิตมารนั้น ชนชั้นมหาราชันมีอยู่หลายคนที่ได้อยู่ต่อหน้ามันต่างก็อยู่ในอาการอึ้งเงียบ เรียกได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดคิดได้อย่างแท้จริง ผู้ที่ได้มาถึงยังสถานที่แห่งนี้เมื่อวันก่อนในภายหลัง จะมีพลังฝีมือเช่นไรกัน

 

“เล่าลือกันอยู่ไม่นานก่อนหน้านี้ ว่ามีร่องรอยของจักรพรรดิฟ้าปรากฏขึ้นมาในสถานที่แห่งนี้ในตอนนี้ คงจะมิใช่คำเล่าลือเป็นความจริงแล้วหรอกนะ ลงมือปราบจิตมารนี้ พร้อมทั้งยังยึดครองข้อบกพร่องของโลงศพเก้าฟ้า เป็นหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศงั้นหรือ ? ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้หรี่ตามองดู ราวกับกำลังพูดขึ้นมาเบาๆ ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

“เป็นถึงจักรพรรดิฟ้า หยิบยืมโลงศพหยกของจิตมารมาทำอะไร ” หลิงเฟ่ยรู้สึกแปลกเป็นอย่างมาก อดไม่ได้ที่จะจ้องมองไปที่โลงศพหยกไม่หยุด

 

“ต่อให้เป็นจักรพรรดิฟ้า เขาก็ยังเป็นคน การหยิบโลงศพหยกมาใช้ทำอะไรนั้น แน่นอนว่าต้องเป็น……” จงหลี่ยกมุมปากไปมา แฝงเอาไว้ด้วยความไม่ใส่ใจเอ่ยปากขึ้นมา แต่ว่าคำพูดพึ่งจะกล่าวได้เพียงแค่ครึ่งเดียว เขาก็ได้สั่นเทาไปทั่วทั้งร่างอย่างรุนแรงจ้องไปที่โลงศพหยกนั้น อ้าปากตาค้าง

 

ในขณะนี้ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดเองต่างก็สั่นเทาไปทั่วทั้งร่างในเวลาเดียวกัน บนใบหน้าของแต่ละคนก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงสีหน้าที่ยากจะเชื่อขึ้นมาได้ พวกเขาต่างก็อยู่ในสภาวะที่ทั้งหนักแน่นและหวั่นไหวขึ้นมา นึกไม่ถึงจะถึงกับลืมเลือนเรื่องที่ต้องสำคัญที่สุดไป

 

“เป็นไปได้ว่า จะเป็นตำนานของหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศ นึกไม่ถึงจะถึงกับมีอยู่ตนหนึ่งที่หยิบยืมโลงศพเก้าฟ้าของสถานที่แห่งนี้ ใช้เป็นที่ฝังร่างของตนเองงั้นหรือ ! ? ”

 

ผู้คนทั้งหมดต่างก็สั่นเทาขึ้นมาตลอดทั่วทั้งร่างกาย นี้มิใช่ความหวาดกลัว เพียงแต่เป็นความตื่นเต้น ทุกผู้คนต่างก็จ้องมองที่โลงศพหยกนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย แม้แต่ชนชั้นมหาราชันเองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น เพราะว่า ขณะนี้ทุกผู้คนต่างก็เข้าใจดี ท่ามกลางโลงศพหยกนั้น แม้ว่าจะไม่มีเซียนที่แท้จริง แต่ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากเก็บซ่อนจักรพรรดิฟ้าเอาไว้

 

จักรพรรดิฟ้าแม้ว่าจะอยู่ในคนละตำนานกับเซียน ที่ราวกับไม่มีการคงอยู่บนโลก แต่ว่ากลับต่างก็ถือได้ว่าเป็นบุคคลที่มีความน่าหวาดกลัวอย่างไรที่เปรียบ

 

ท่ามกลางจักรพรรดิฟ้าห้าทิศไม่ว่าจะเป็นคนใด ภายใต้ทุกสารทิศทั่วทุกแห่ง เป็นให้ในเก้าฟ้า ในการคงอยู่ของพวกเขาในสมัยนั้น พวกเขาเปรียบเสมือนดั่งเทพที่แท้จริงที่สิ่งมีชีวิตนับหมื่นพันต่างก็กราบไหว้ หากมองย้อนกลับไปอีกนับหมื่นปี ดูจากทั้งหมื่นปีก่อนหลัง จักรพรรดิฟ้าเหล่านี้ต่างก็มีการคงอยู่อย่างไร้ผู้ต้าน เพียงนิ้วเดียวสามารถทำลายดาราอาทิตย์ดวงเดือน เพียงแค่ความคิดก็สามารถที่จะแยกดินแดนเทพได้แล้ว

 

“คงต้องร่วมมือกันเปิดโลงศพกันแล้ว หากว่าในนี้มีเก็บซ่อนตำนานของจักรพรรดิฟ้าตนหนึ่งแล้วละก็ เช่นนั้นนี้แน่นอนว่าย่อมมิใช่สิ่งที่ในหมู่พวกเราจะสามารถที่จะเผชิญหน้าเพียงโดดเดี่ยวได้ ! ”

 

“สิ่งที่จักรพรรดิฟ้าเหลือไว้ จะต้องอยู่นอกเหนือจากความคาดคิด สามารถที่จะได้ครอบครองแม้เพียงแค่สิ่งเดียวก็ตาม ในมุมมองของข้า ต่างก็ย่อมต้องเป็นอย่างวาสนา แม้ว่าจะไม่ใช่ความลับในการสำเร็จเป็นเซียน แต่ว่าก็ยังถือได้ว่าเป็นการชี้แนะเส้นทางของจักรพรรดิฟ้า ! ”

 

ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็ถูกกระตุ้นขึ้นมา ในขณะนั้นเอง ทุกผู้คนต่างก็ต่างก็ได้ค่อยๆ ขึ้นมาด้านหน้า เตรียมพร้อมที่จะเปิดไปที่โลงศพเก้าฟ้านี้ที่เป็นรอยแตก เพื่อที่จะได้ดูว่าภายในนั้นที่แท้มีวัตถุสิ่งใดอยู่ในหลุมศพกันแน่

 

คนมากมายต่างก็เข้าไปใกล้ ในขณะนั้นเอง กลับไม่มีการแบ่งแยกชนชั้นมหาราชันหรือว่าชนชั้นราชันแต่อย่างไร แม้แต่เยี่ยจงและพวกเองก็ได้เข้าไปใกล้ ในขณะนั้นเองก็ไม่มีคนกล่าวอันใดมากมาย ต่างก็จ้องไปที่โลงศพหยกอย่างเอาเป็นเอาตาย

 

เมื่อเดินไปจนถึงด้านหน้าของโลงศพหยก สภาวะวิถีเซียนสายหนึ่งก็ได้พัวพันไหลเวียนมาจากบริเวณทางด้านบน และองค์ราชาแห่งรัฐสือที่อยู่ในบริเวณทางด้านหน้าสุดก็ได้มีสีหน้าเปลี่ยนไปไปในทัน กล่าวออกมาเสียงแผ่วเบา : “นึกไม่ถึงจะเป็นตราประทับของคนผู้หนึ่ง ! ”

 

“ซวบ——”

 

สายตาของผู้คนทั้งหมดก็ได้กวาดเข้าไปภายในพริบตา จากนั้นสีหน้าของทุกผู้คนต่างก็ค่อยๆ ไหวหวั่นขึ้นมา เต็มเปี่ยมไปด้วยความประหลาดใจ

 

“แท้จริงแล้วก็คือตราประทับของจักรพรรดิฟ้าตนหนึ่ง……” เยี่ยจงกวาดสายตาเข้าไป จากนั้นบนใบหน้าก็ได้ปรากฏความเข้าใจขึ้นมา เมื่อครู่เขากลับพบว่า ลายมือที่อยู่บนพื้นทางด้านหน้ากลับมีกลิ่นอายที่เหมือนจะเคยพบเจอมาก่อนชนิดหนึ่ง ขณะนี้เขาในที่สุดก็แน่ใจได้แล้วว่านั้นเป็นสิ่งที่ผู้ใดเหลือทิ้งเอาไว้

 

“เป็นจักรพรรดิฟ้าชิงไท่เฮ่า……หนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศแห่งจักรพรรดิฟ้าตะวันออก ! ” ไต๋ซือหวู่โหวก็ได้สั่นไหวพุงของตนเองไปมา เมื่อได้กล่าวออกมาด้วยนามนี้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ของเขาจะเป็นเพียงการคาดเดาไปทั้งหมด แต่ว่าขณะนี้ในที่สุดก็แน่ใจได้ในความข้อนี้ได้

 

เพราะว่า ร่องรอยที่อยู่บริเวณด้านข้างของโลงศพหยกนี้ กลับมีลอยประทับแปดแฉกเอาไว้อยู่ และขอเพียงเป็นคนที่รอบรู้ในเรื่องของมนต์ตรายันต์เพียงเล็กน้อยก็พอที่จะเข้าใจได้ นี้เป็นเหมือนกับสิ่งหนึ่งที่ในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศจักรพรรดิฟ้าตะวันออกจักรพรรดิฟ้าชิงไท่เฮ่าถนัด เพราะว่าจักรพรรดิฟ้าชิงก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศ แต่ละคนต่างก็ถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความกระจ่างแจ้งในวิถีแห่งยันต์ ในท่ามกลางจักรพรรดิฟ้าห้าทิศเรียกได้ว่าจัดเป็นในหมวดหมู่นั้น

 

“จักรพรรดิฟ้าชิงก็ถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษในสายโลหิตเผ่ามนุษย์เรา ทั้งสองท่าน พวกข้าร่วมลงมือด้วยกันอย่างสมเหตุสมผล เพื่อเป็นการเชื้อเชิญร่างศพจักรพรรดิฟ้าชิงกลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์เรา เพื่อที่จะได้รับการสักการะจากเผ่ามนุษย์กู่กวอ ! ” มนุษย์มหาราชันตนหนึ่งก็ได้ก้าวยืนออกมาอย่างโดดเดี่ยวเอ่ยปากขึ้นมาทันที ขณะนี้เขาก็ได้เปิดเผยสถานะที่แท้จริงออกมา เผชิญหน้ากับมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาและองค์ราชาแห่งรัฐสือเอ่ยปากขึ้นมากล่าว

 

มนุษย์มหาราชันทั้งสองตนก็ได้สั่นไหวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน จากนั้นองค์ราชาแห่งรัฐสือยิ้มน้อยๆ กล่าว : “ที่แท้ก็เป็นองค์มหาราชันเหยียน (炎皇) นี้เอง ถ้าหากเป็นดั่งเช่นมหาราชันเหยียนกล่าวออกมา จักรพรรดิฟ้าชิงไท่เฮ่าก็ถือเป็นฝ่ายเผ่ามนุษย์เรา เป็นหนึ่งในบรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์เราเช่นกัน เพื่อจะได้เป็นผู้ที่ได้รับการเชิดชูจากเผ่ามนุษย์เรา วันนี้พวกเราเผ่ามนุษย์สมควรที่จะปล่อยวางความแค้นเก่าก่อนทั้งหมดเอาไว้ ร่วมมือกันเชิญศพจักรพรรดิฟ้าชิงกลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์เผ่ามนุษย์เรา ”

 

หลังจากที่สิ้นเสียง ชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์สามตนก็ได้ก้าวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แต่ละคนต่างก็ทอสีหน้าหนักแน่นขึ้นมา

 

ปีศาจมหาราชันทางด้านหลังเหล่านั้นเดิมทีที่ยังคงมีจิตหวั่นไหวอยู่ แต่ว่าในขณะนั้นเอง ทุกผู้คนต่างก็ค่อยมีปฏิกิริยากลับคืนมา พวกเขาจ้องไปที่มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนนี้ ทอสีหน้าประหลาดขึ้นมา

 

มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนนี้นึกไม่ถึงว่าในขณะนี้จะเตรียมพร้อมที่จะร่วมมือกัน กระทำเพื่อส่วนรวมโดยทั้งหมดเลยอย่างงั้นหรือ ?

 

ในขณะนั้นเอง ปีศาจมหาราชันเหล่านี้ต่างก็อดทนเอาไม่ไว้ไม่อยู่ มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและมหาราชันปีศาจทุนเทียนในเวลาเดียวกันก็ได้ก้าวออกมาทางด้านหน้า หัวเราะหึหึอย่างเย็นชา ยังคงมีปีศาจมหาราชันที่เหลืออีกสามตนกลับยังมิได้เปิดเผยตัวตนออกมา ก็ได้มีสองตนที่ได้ก้าวออกมาทางด้านหน้า

 

ที่เหลืออยู่ก็จะมีปีศาจมหาราชันอีกตนหนึ่งและชนชั้นมหาราชันที่เหนือศีรษะปรากฏประกายกระบี่ขึ้นมายังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับเคลื่อนไหว มองไปที่ฉากนี้อย่างเย็นเยียบ

 

ซากศพของจักรพรรดิฟ้าตนหนึ่ง ถือได้ว่ามีความสำคัญมากอย่างยิ่งยวด ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใดที่เขานั้นได้หลงเหลือทิ้งเอาไว้ หรือจะเป็นเพียงแค่ซากศพชิ้นหนึ่ง ก็ต่างถือได้ว่าเป็นสมบัติสูงสุด ในขณะนั้นเอง ก็ไม่มีคนใดพอที่จะรักษาความเยือกเย็นเอาไว้ต่อไปได้อีกต่อไป

 

“ทุกท่าน ทั่วทั้งโลกหล้าต่างก็ทราบกันดี จักรพรรดิฟ้าชิงไท่เฮ่าถือเป็นชนชั้นมหาราชันตนแรกของเผ่ามนุษย์เรา และก็เป็นจักรพรรดิฟ้าอันดับหนึ่ง ที่เป็นบรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์เรา จึงมีเหตุอันควรที่เผ่ามนุษย์จะสามารถที่จะเชิญร่างศพกลับไปยังนครศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำการสักการะ ทุกท่านทำเช่นนี้หมายความว่า คงจะมิใช่คิดที่จะทำให้พวกเราลำบากใจหรอกกระมั่ง ? ” มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาก็ได้หันกายไป ทอสีหน้าเมินเฉยจ้องมองไปยังปีศาจมหาราชันหลายตน ขณะนี้ก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างหนักแน่น

 

ปีศาจมหาราชันเหล่านี้ต่างก็หัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา มิได้เอ่ยปากขึ้นมา หากกล่าวกันตามเหตุและผล เผ่ามนุษย์ย่อมมีเหตุสมควรพอที่จะเชิญร่างศพบรรพบุรุษกลับไปสักการะ ผู้ใดก็ไม่อาจที่จะขัดขวางได้

 

แต่ว่า ซากศพนี้ถือได้ว่าไม่ธรรมดาสามัญจนเกินไป นับตั้งแต่โบราณกาลจวบจนถึงปัจจุบัน ซากศพที่เป็นหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศ ไม่แน่ว่าอาจจะมีการหลงเหลือของสิ่งที่เป็นหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศอยู่ วาสนาเช่นนี้ ถือได้ว่ายากที่จะจับต้องได้ ไม่มีคนใดยินยอมที่จะผิดพลาดไปแน่นอน มีหรือที่จะไม่มีใครที่จะไม่เกิดความหวั่นไหวขึ้นมาได้

 

บรรยากาศในขณะนี้อึมครึมขึ้นมา ชนชั้นมหาราชันเผ่ามนุษย์สามตนย่อมไม่อาจที่จะถอยไปเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน และทางด้านเหล่าปีศาจมหาราชันเองก็ย่อมไม่อาจที่จะเอาแต่มองดูพวกเขานำเอาวาสนาแห่งดินแดนเช่นนี้ไปต่อหน้าต่อได้

 

“หากคิดไกลออกไปเมื่อครั้นนั้น จักรพรรดิฟ้าชิงไท่เฮ่าได้เดินทางไปเก้าสวรรค์สิบหล้า กำหนดชะตาทั้งสี่ดินแดน ขึ้นเป็นกษัตริย์แดนเทพ ทอดตาไปยังอดีตหมื่นปี ทอดตาไปยังอนาคตหมื่นปี ถือได้ว่าไร้ผู้ต้านอย่างโดดเดี่ยว ย่อมถือได้ว่าเป็นองค์จักรพรรดิฟ้าที่พวกเราสมควรสักการะ หากว่าวันนี้สามารถที่จะได้พบกับโฉมหน้าที่แท้จริง ก็ถือได้ว่าเป็นบุญตาของผู้ฝึกยุทธ์แล้ว ! ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนทันใดนั้นกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ไร้ที่เปรียบถอนหายใจ

 

“ไม่เลว นับตั้งแต่โบราณกาลมา จักรพรรดิฟ้าสามารถที่จะมีหลายตนเอง ไม่เพียงแค่ห้าตนเท่านั้น ด้วยสภาวะที่ไร้ผู้ต้านเช่นนั้น สมควรที่จะต้องไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้ พวกเราเหตุใดถึงไม่ที่จะเชยชมด้วยตาตนเองได้กัน ? ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก้าวออกมาทางด้านหน้า หัวเราะอย่างเย็นเยียบพร้อมทั้งเอ่ยปากขึ้นมา

.

.

.

.

 

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset