ตอนที่ 561 ศพจักรพรรดิฟ้าชิง
ระหว่างมหาราชันลิ่วเอ่อ ทุนเทียนทั้งสองตนเอ่ยปากขึ้นมา ปีศาจมหาราชันอื่นๆ ต่างก็เข้ามาเสริมความคิดเห็น จนทำให้มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนนี้ขมวดคิ้วขึ้นมาในเวลาเดียวกัน เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง คิดที่จะนำพาศพจักรพรรดิจักรพรรดิฟ้าชิงไป เกรงว่าคงจะมิใช่เรื่องที่ง่ายดายอย่างที่คาดคิดเอาไว้เช่นนั้นแน่นอน
“บรรพบุรุษเผ่ามนุษย์ มิใช่จะเป็นบุคคลใดก็สามารถที่จะไม่ให้ความเคารพได้ตามอำเภอใจหรอกนะ ! ” มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาเอ่ยปากขึ้นมาเสียงหนักแน่น ทอสีหน้าเคร่งเครียดอย่างยิ่ง
“ไม่เลว จักรพรรดิฟ้าชิงถือได้ว่าเป็นบรรพบุรุษของเผ่ามนุษย์เรา ภายหลังถึงค่อยได้เป็นจักรพรรดิฟ้าตะวันออก ไยจึงจะสามารถที่จะเปิดโลงศพเพื่อรบกวนได้กัน ? ” องค์ราชาแห่งรัฐสือก็ได้ทอสายตาเย็นเยียบขึ้นมา กล่าวออกมาเสียงดุดัน
“เหอะเหอะ จะกล่าวเช่นนั้นก็ไม่ถูกต้อง พวกเรากลับมิได้คิดที่จะไม่ให้เกียรติหรือไม่เคารพจักรพรรดิฟ้าชิงแต่อย่างไร เพียงแต่มีจิตที่เคารพบูชาและศรัทธาเท่านั้น คิดที่จะกราบไหว้สักคราก็เท่านั้น นี้ไยจึงถือเป็นการไม่ให้ความเคารพได้กัน ” ถอยไปยังบริเวณทางด้านหลัง ทันใดนั้นชนชั้นมหาราชันเหนือศีรษะมีเงากระบี่อยู่ก็ได้เอ่ยปากกล่าวขึ้นมา
หลังจากที่เงียบงัน มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน พวกเขาแต่ละคนต่างก็จ้องมองไปยังชนชั้นมหาราชันเหล่านี้รอบด้าน มิได้เอ่ยปากขึ้นมากล่าวต่อ เห็นได้ชัดว่า ชนชั้นมหาราชันทุกคนต่างก็เข้าใจดี ในขณะนั้นเอง วาจาไร้สาระย่อมไม่มีความหมายแต่อย่างไร อย่างน้อยก็คงจะต้องลงมือวัดกันด้วยความสามารถสูงต่ำกันแล้ว
บรรยากาศของท่ามกลางสนามในขณะนี้ก็ได้เปลี่ยนจนกลายเป็นอึมครึมขึ้นมาส่วนหนึ่ง ประดุจมีลมพายุฝนกระหน่ำเข้ามาอย่างบ้าคลั่งอยู่ชนิดหนึ่ง โลงศพหยกเบื้องหน้าสายตา มีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะเป็นสมบัติแห่งแดนซีฮวงโลงศพเก้าฟ้าในตำนาน ต่อให้เป็นเพียงเศษเสี้ยว ก็ถือได้ว่าเป็นที่สนใจได้อย่างที่สุด และที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่ามกลางโลงศพหยกนี้ กลับเป็นถึงศพจักรพรรดิฟ้าตนหนึ่ง สิ่งของทั้งสองสิ่งนี้ไม่ว่าจะเป็นสิ่งใด ก็เพียงพอที่จะทำให้ท่ามกลางทั้งหมดชนชั้นมหาราชันทั้งสี่ดินแดนเข้าสู่ยุคมืดได้เลย จนทำให้เกิดการนองเลือดไปทั่วสารทิศ ยิ่งไปกว่านั้นขณะนี้สิ่งของทั้งสองสิ่งนี้กลับปรากฏขึ้นมาพร้อมกัน ในขณะนี้ผู้ใดจะกล้าปล่อยวางไปได้กัน ?
ทว่า แม้ว่าในขณะนั้นเอง รวมไปจนถึงมหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนก็ด้วย ทุกผู้คนต่างก็ลอบเคลื่อนไหวขึ้นมา แต่ว่ากลับไม่มีผู้ใดคิดที่จะเปิดโลงศพก่อน นี้มิใช่เป็นเพราะว่าชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆ เกิดความหวาดกลัว เพียงแต่ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้มีความคิดต่อจักรพรรดิฟ้าตะวันออกจักรพรรดิฟ้าชิง เรียกได้ว่าเป็นความเกรงกลัวอย่างไร้ที่เปรียบ
ในช่วงเวลาโบราณกาล เผ่ามนุษย์ที่ถือได้ว่าอ่อนแอที่สุด ที่จัดได้ว่าเป็นหนึ่งในหมื่นเผ่าพันธุ์ที่อ่อนแออย่างหาที่เปรียบได้ แต่ว่าด้วยเผ่ามนุษย์มีการกำเนิดจักรพรรดิฟ้าชิงขึ้น กลับสามารถที่จะทำให้เผ่ามนุษย์ทั้งหมดสามัคคีขึ้นมาได้อย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความเกิดขึ้นมาในหมื่นเผ่าพันธุ์ และตนเองก็ได้ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดแห่งวิถีกระบี่ เป็นจักรพรรดิฟ้าผู้ที่มีวิชายันต์เป็นที่ประจักษ์ เป็นสิ่งที่มีชื่อเสียงนับแต่โบราณกาลมา หลงเหลือตำนานมากมายสืบต่อกันมา
ทว่าจะกล่าวไปจักรพรรดิฟ้าชิงกลับมิได้มีการสืบทอดแต่อย่างไร แม้ว่าจักรพรรดิฟ้าชิงจะเป็นสายโลหิตเดียวกันกับเผ่ามนุษย์ เป็นสถานะที่สูงล้ำ แต่ว่ากลับเป็นเพราะว่าไม่อาจที่จะสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นได้ หลายปีที่ผ่านมาก็ไร้ซึ่งสิ่งที่หลงเหลือเอาไว้มานานแล้ว
ดังนั้น สถานที่แห่งนี้นอกเสียจากศพแห่งจักรพรรดิของจักรพรรดิฟ้าชิงแล้ว มีความเป็นไปได้อย่างมากยังมีสิ่งที่สืบทอดมาของจักรพรรดิฟ้าชิงอย่างสมบูรณ์ได้
ควรทราบว่า เมื่อวันก่อนเยี่ยจงทว่ายังเพียงแค่ได้ครอบครองคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวันของจักรพรรดิฟ้าตะวันออกเซ่าเฮ่าไปบทหนึ่งเท่านั้น ก็กลายเป็นที่ไล่ล่าไปทั่วทั้งดินแดนได้แล้ว เพียงแค่มองในความข้อนี้ ก็อาจจะสามารถทำให้ผู้คนเข้าใจขึ้นมาได้ สิ่งสืบทอดจากจักรพรรดิฟ้าผู้หนึ่ง ว่ามีความสำคัญมากแค่ไหนกัน
“พวกเราใช่จะลงมือกันแล้วหรือไม่ ? ” จงหลี่ขมวดคิ้วขึ้นมาเอ่ยปากขึ้นมา พวกเขาห้าคนหนึ่งคณะนี้ต่างก็เป็นยอดฝีมือเผ่ามนุษย์ หากมองจากทั้งความสัมพันธ์และเหตุผล ราวกับต่างสมควรยืนอยู่ทางฝ่ายของเผ่ามนุษย์มนุษย์มหาราชันนั้น
“ไม่ต้องรีบร้อน เรื่องราวยังไม่ทันจะเป็นที่แน่นอนเลยแม้แต่น้อย ด้านในนั้นจะเป็นจักรพรรดิฟ้าชิงจริงหรือไม่ ก็ยังไม่อาจที่จะทราบได้ ” ไต๋ซือหวู่โหวครุ่นคิดหลังจากนั้น กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา สถานการณ์ในขณะนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวมากจนเกินไป เป็นเหมือนกับขั้นแตกหักของชนชั้นมหาราชันทั้งหมดกลายเป็นทั้งสองฝ่าย เรื่องราวเช่นนี้ ต่อให้เป็นผู้ที่มีความแข็งแกร่งอย่างไต๋ซือหวู่โหวเองก็ยังไม่กล้าพอที่จะสอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะต้องเกิดความสูญเสียขึ้นมาได้
“ทั้งสามท่าน พวกเจ้าคิดที่จะเป็นปรปักษ์กับทั่วทั้งใต้หล้าจริงอย่างงั้นหรือ ? ” ปีศาจมหาราชันตนหนึ่งก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเยียบเย็นอย่างทางด้านข้าง แต่ว่านี้มิใช่เป็นการข่มขู่ เพียงแต่กล่าวถึงเรื่องจริง เพราะว่าหากว่ามหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนนี้นำเอาโลงศพหยกไปจริงแล้วละก็ เช่นนั้นเกรงว่าคงจะต้องกลายเป็นศัตรูกับชนชั้นมหาราชันทั้งใต้หล้าอย่างไม่ยอมปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน เพราะว่า สิ่งของที่อยู่ใจกลางของโลงศพหยก ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือจากความคาดคิดมากจนเกินไปแล้ว
มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนสบตากันมองกัน ต่างก็ขมวดคิ้วขึ้นมา ต่อให้เป็นมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาขณะนี้เองก็ยังเข้าใจขึ้นมาได้ การพึ่งพาแต่เพียงการร่วมมือกันของมหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตน แม้ว่าจะมีพลังที่มากพอ แต่ว่าคิดที่จะร่วมมือกันฝ่าปีศาจมหาราชันเหล่านี้ออกไป ก็ถือได้ว่ายากเย็นมากจนเกินไป อีกทั้ง หากว่ายังต้องนำเอาโลงศพหยกนี้ไปด้วยแล้วละก็ เกรงว่าคงจะไม่เป็นที่ยอมรับของชนชั้นมหาราชันทั้งใต้หล้าอย่างแน่นอน เมื่อถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าเผ่ามนุษย์อาจจะกลายเป็นศัตรูของหมื่นเผ่าพันธุ์ไปก็เป็นได้ หากว่าย่ำแย่กว่านี้ ก็คงจะก่อให้เกิดสงครามขึ้นทั้งสี่ดินแดน
หลังจากนั้นเองที่ได้เกิดความสับสนขึ้นมา มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาจึงค่อยกล่าวเสียงทุ้มต่ำ : “ในเมื่อทุกท่านต่างก็กล่าวออกมาเช่นนี้ พวกเราเผ่ามนุษย์เองก็ไม่อาจที่จะทำเป็นไม่สนใจกฎเกณฑ์ของทุกเผ่าพันธุ์ไปได้ เช่นนี้เถอะ พวกข้าขอเพียงแค่นำพาศพแห่งจักรพรรดิของบรรพบุรุษเผ่ามนุษย์เรากลับไป นำกลับเพื่อจะเป็นที่สักการะ ณ นครศักดิ์สิทธิ์ ในส่วนของโลงศพหยกนี้ ก็เหลือไว้ให้แก่ทุกท่านแล้ว ! ”
“เหอะเหอะ——”
มีคนหัวเราะเสียงเย็นชา แต่กลับมิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เพียงแต่ถอยหลังออกไปหลายก้าว จากนั้นก็ได้หลงเหลือเอาไว้แต่เพียงปีศาจมหาราชันหลายคนสบตากันเท่านั้น ต่างก็แยกย้ายกันถอยออกไป
ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้แม้ว่าจะมีความเชื่อมั่นในพลังฝีมือของตนเอง แต่ว่าขณะนี้ถือได้ว่าเป็นความสับสนที่มากเกินไป พวกเขานั้นมิใช่ชนชั้นมหาราชันของเผ่ามนุษย์ ในขณะนั้นเองกลับยิ่งไม่กล้าที่จะเข้าไปใกล้ยังโลงศพหยกนั้น เกรงว่าจะทำให้ตนเองเกิดอันตรายขึ้นมาได้
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็มาเริ่มกันเถอะ ! ” มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนก็ได้ขึ้นไปทางด้านหน้าในเวลาเดียวกัน แต่ว่าพวกเขากลับมิได้ลงมือไปในทันที เพียงแต่กำลังสวดบทตู่เหยินจิง (บทมนุษย์度人经)
ขณะที่กำลังสวดบทตู่เหยินจิงของเผ่ามนุษย์ที่ถือเป็นหนึ่งในความเร้นลับในแดนเทพ กล่าวกันว่าในช่วงเวลาโบราณกาลหนึ่งในเผ่ามนุษย์นั้นเป็นผู้อาวุโสสวรรค์ (天尊) ผู้หนึ่งเหลือทิ้งเอาไว้ ถือเป็นความเร้นลับที่ไร้ที่เปรียบ เป็นเหมือนคัมภีร์ที่สืบทอดกันมาโดยตลอดของเผ่ามนุษย์ อาวุโสสวรรค์แม้ว่าจะมีสถานะที่ยังเทียบไม่ได้กับจักรพรรดิฟ้า แต่ว่ายังคงถือได้ว่าเป็นความสามารถที่สูงล้ำเช่นเดียวกัน
มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนในขณะนี้ก็ได้สวดบทตู่เหยินจิง ก็คือเพื่อเป็นการให้ความคุ้มครอง ป้องกันการแทรกซ้อนเข้ามาของจิตมารใจกลางโลงศพหยก เพราะว่า การเปิดโลงศพหยกของจักรพรรดิฟ้า ย่อมมิใช่เรื่องเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดต่างก็ไม่อาจกระทำโดยสุ่มสี่สุ่มห้า
ปีศาจมหาราชันมากมายก็ได้จ้องไปที่ฉากนี้ ต่างก็มิได้กล่าวอันใดออกมามากมาย เห็นได้ชัดพวกเขาเองก็เข้าใจได้เป็นอย่างดี ย่อมไม่อาจที่จะสามารถเปิดจักรพรรดิฟ้าชิงโลงศพหยกเช่นนี้อย่างไร้ซึ่งความหวาดกลัวได้ แน่นอนว่าจะต้องมีการเตรียมความพร้อมทั้งหมดให้ดีเอาไว้
“เผ่ามนุษย์จักรพรรดิฟ้าชิง ที่เป็นถึงหนึ่งในจักรพรรดิฟ้าห้าทิศ มีตำแหน่งที่สูงส่งลึกล้ำ ที่มิใช่สิ่งที่ผู้ที่มีสถานะอย่างกุ้งหอยปูปลาจะสามารถเข้าพบได้หรอกนะ มีแต่เพียงผู้ที่มีคุณสมบัติที่เพียงพอเท่านั้น จึงจะสามารถที่จะเข้าไปให้ความเคารพได้ ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ชนชั้นมหาราชันทั่วทั้งสนามแห่งนี้ต่างก็งงงันขึ้นมาเล็กน้อย นอกเสียจากมหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตนขณะนี้กำลังทำพิธีอยู่ ที่ไม่มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ ในส่วนชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆ ต่างก็มองไปทางด้านของมหาราชันปีศาจทุนเทียนเป็นสายตาเดียวกันในเวลาเดียวกัน บนใบหน้าก็ได้ปรากฏความคิดบางอย่างขึ้นมา
ความคิดของมหาราชันปีศาจทุนเทียนในขณะนี้อันที่จริงแล้วถือได้ว่าชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ชนชั้นมหาราชันมีอยู่อย่างมากมายท่ามกลางสนามแห่งนี้ ไม่ว่าจักรพรรดิฟ้าชิงที่แท้หลงเหลือสิ่งของเศษซากอันใดเอาไว้ภายในใจกลางโลงศพหยก เกรงว่าก็ไม่เพียงพอสำหรับการแบ่งให้แก่ชนชั้นมหาราชันที่มีอยู่มากมายเหล่านี้
และกลับมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่มีพลังต่อสู้ที่จะสู้กับชนชั้นมหาราชันกลุ่มนี้ได้อย่างเยี่ยจงอยู่ ก็เป็นเหมือนกับสิ่งที่มิได้รับการเชื้อเชิญหรือเป็นส่วนเกินก็ว่าได้ หากมองจากชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ แน่นอนว่าย่อมมิใช่เรื่องดีอันใด
ในขณะนั้นเอง มหาราชันปีศาจทุนเทียนและมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อในเวลาเดียวกันก็ได้เดินออกไป มุ่งหน้าไปยังบริเวณทางด้านของเยี่ยจงและพวก นอกเสียจากมหาราชันทั้งสองตนนี้แล้ว ชนชั้นมหาราชันตนอื่นๆ ก็เพียงแค่จ้องไปที่เยี่ยจงและคณะ ทอสีหน้าเรียบเฉย
มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้ค่อยๆ ก้าวเดินออกมา เขาก็ได้จ้องไปที่เยี่ยจงและคณะอย่างเย็นเยียบ กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “หากว่าขณะนี้ถอยไปแล้วละก็ ไม่แน่ว่ายังพอที่จะสามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้อีกซักสิบวันครึ่งเดือน ”
“อ๋อ เจ้านกน้อย เจ้าหมายความว่ายังไง ? ” เยี่ยจงจ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียนอย่างไม่ใส่ใจ ทั้งสองฝ่ายต่างก็อยู่ในสภาวะไม่เห็นแก่หน้ากันเช่นนี้มาตั้งแต่แรกแล้ว ในขณะนั้นเองแน่นอนว่าย่อมไม่มีเรื่องที่ดีอันใดที่สมควรจะกล่าว ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายยังไร้ซึ่งความหวาดกลัว เยี่ยจงก็ย่อมไม่อาจที่จะไม่น้อมรับเอาไว้ได้
“ในสถานที่แห่งนี้ต่างก็เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน ไม่ว่าจะเป็นคนใดต่างก็เป็นถึงราชาไกลโพ้นไปถึงสิบขุนเขามหาสมุทร แต่อย่างคนรุ่นหลังอย่างพวกเจ้าทั้งหลายกลับไม่กระจ่างไม่เข้าใจ ” มหาราชันปีศาจทุนเทียนจ้องมองไปทางด้านของเยี่ยจงอย่างเมินเฉย ทอสีหน้าเมินเฉยขึ้นมา “พวกเจ้ามีคุณสมบัติใดกันที่จะมายืนอยู่ในสถานที่แห่งนี้ จักรพรรดิฟ้า ก็มิใช่สิ่งของที่พวกเจ้าจะสามารถรับสืบทอดได้ รีบไสหัวไปแต่แรกเถอะ ”
ชนชั้นมหาราชันอื่นๆ หลังจากที่เงียบงัน แม้ว่าจะไม่มีคนใดเอ่ยปากขึ้นมาสนับสนุน แต่ว่าก็งงงันขึ้นมาจนไม่ทราบว่าจะแสดงท่าทีออกมาเช่นไร
จงหลี่และหลิงเฟ่ยก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาขึ้นมาในเวลาเดียวกัน พวกเขาต่างก็ถือได้ว่ามีที่มาที่ไปที่ไม่ธรรมดา แทบจะไม่เกรงกลัวการลงมือเข้าคุกคามของมหาราชันปีศาจทุนเทียนเลย และไต๋ซือหวู่โหวกลับยิ่งส่งเสียงชิชิชะชะดังออกมาสักครั้งสักครา ทอสีหน้าไม่แยแสสนใจแต่อย่างไร
มหาราชันปีศาจทุนเทียนประดุจเหมือนไม่เคยพบเจอคนที่ไม่สีหน้าแสดงอาการออกมาแต่อย่างไรก็มิปาน เพียงแต่กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “สถานที่แห่งนี้ มีเพียงชนชั้นคุณสมบัติระดับมหาราชันจึงจะสามารถเหยียบย่างเข้ามาได้ พวกเจ้าหากว่ายังไม่รีบจากออกไป ก็มีแต่จะบีบให้มหาราชันเช่นข้าลงมือชำระสถานที่แห่งนี้ด้วยตนเองแทนแล้ว เช่นนั้นคงจะมิใช่เรื่องที่ดีนักหรอกนะ ”
เยี่ยจงยกมุมปากไปมา ก้าวขึ้นไปอีกก้าว กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ในที่แห่งนี้ เจ้าทำอะไรได้กัน ! เชื่อหรือไม่ว่าท่านปู่เล็กอย่างข้าฟาดจะงอยปากของเจ้าจนขนหลุดออกมาเอง ? ”
มหาราชันปีศาจทุนเทียนกลอกตาไปมาคราหนึ่ง ภายในดวงตาก็ได้เดือดดาลไปด้วยรังสีฆ่าฟัน เพียงแต่น่าเสียดายสถานที่แห่งนี้กลับมีการจำกัดของพลังลมปราณเอาไว้อย่างแรงกล้าจนเกินไป ต่อให้เป็นเขาก็ไม่อาจที่จะลงมืออย่างสุ่มสี่สุ่มห้า เพราะว่าอาศัยเพียงแค่กายเนื้อ แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจที่จะเทียบกับเยี่ยจงได้ เขาเพียงแต่ส่งเสียงเย็นเยียบขึ้นมา กล่าวออกมาอย่างเย็นชา : “เจ้าเด็กรุ่นหลัง เจ้าจงระวังวาจาคำพูดของตัวเองให้ดีเถอะ เจ้าคิดที่จะเป็นปรปักษ์กับชนชั้นมหาราชันทั้งใต้หล้าหรือยังไง ? ”
“กับนกที่จะตายแล้วตัวหนึ่งอย่างเจ้างั้นหรือ ยังหาญกล้าที่จะพูดแทนชนชั้นมหาราชันทุกคนทั้งใต้หล้าได้ ? เจ้านับเป็นตัวอะไรกัน ? ” เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน
มหาราชันปีศาจทุนเทียนก็ได้ทอสีหน้าชาด้านขึ้นมา เขาจ้องไปที่เยี่ยจงอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากนั้นจึงค่อยหัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าว : “ดูเหมือนว่า เจ้าเด็กรุ่นหลังเหล่านี้ช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียเลยนะ ทุกท่าน พวกเรามิสู้ร่วมกันเชิญคนรุ่นหลังเหล่านี้ออกไปดีหรือไม่ มิเช่นนั้นแล้วละก็ หากว่ากลายเป็นว่าเจ้าเด็กรุ่นหลังกลุ่มนี้ได้วาสนาที่ดีที่สุดไปได้ พวกเราเกรงว่าแม้แต่หน้าก็ไม่เหลือให้ไปพบเจอกับผู้คนอีกต่อไปแล้วกระมั่ง ”
ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็ไร้คำจะกล่าว ทว่าระหว่างนั้นก็ได้มีอยู่อีกหลายคนที่ได้เดินออกมาอย่างช้าๆ แสดงออกมาด้วยท่าทีอย่างชัดเจน เพราะว่าในด้านคำพูดของชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ เวลานี้สถานที่แห่งนี้ เมื่อได้มองไปแล้วจากแมลงที่ดูเหมือนจะไม่มีการคุกคามได้เลยตามปกติ แน่นอนว่าอาจจะมีความเป็นไปได้อย่างมากที่จะกระทำการพลิกจานข้าวของเรื่องใหญ่โตของพวกเขาได้ ดังนั้นในขณะนั้นเอง ชนชั้นมหาราชันกลุ่มนี้ต่างก็เกิดจิตใจหวั่นไหวขึ้นมา คิดที่จะ “เชิญ” คนรุ่นหลังเหล่านี้ไปก่อน
“เหอะ มีชนชั้นมหาราชันมากถึงเพียงนี้ร่วมมือกัน ช่างเป็นการให้เกียรติข้าเยี่ยจงเสียเหลือเกิน ” เยี่ยจงทันใดนั้นหัวเราะเสียงเย็นชา จ้องไปที่มหาราชันปีศาจทุนเทียน “ในเมื่อเจ้าชมชอบที่จะลงไม้ลงมือในที่นี้แล้วละก็ ข้าในวันนี้จะขอลองดูหน่อยว่า เป็นถึงมหาราชันปีศาจทุนเทียนที่แท้แล้วมีความร้ายกาจซักแค่ไหนกัน ! ”
หลังจากที่สิ้นเสียง เยี่ยจงก็ได้ก้าวออกไปอีกก้าวหนึ่ง นึกไม่ถึงจะย่างกรายออกมาจากบริเวณทางด้านที่ปกคลุมไปด้วยพลังจากกำไลมือในทันที ในเวลาเดียวกันมือขวาของเขาก็ได้ยื่นออกมา พลังประกายแสงสีทองก็ได้ครอบคลุมไปทั่วทั้งฝ่ามือ แล้วก็ได้มุ่งหน้าเข้าไปทางบริเวณทางด้านใบหน้าของมหาราชันปีศาจทุนเทียน
กระบวนท่านี้ถือได้ว่าพุ่งเข้าไปตรงๆ อย่างยิ่ง เห็นได้ชัดอย่างยิ่งคิดที่จะซัดเข้าไปบริเวณปากของมหาราชันปีศาจทุนเทียน กราดเกรี้ยวอย่างไร้ที่เปรียบ
ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็ตกตะลึง ฉากนี้ถือได้ว่าเหนือความคาดหมายเป็นอย่างยิ่ง เมื่อครู่แม้ว่าพวกเขาจะพบเห็นการลงมือกันระหว่างเยี่ยจงและมหาราชันปีศาจทุนเทียน แต่ก็คิดไม่ถึงว่า ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เยี่ยจงผู้นี้นึกไม่ถึงว่าจะกล้าที่จะลงมือเช่นนี้อีก อีกทั้งหากกล่าวจากชนชั้นมหาราชันตนหนึ่ง ถือได้ว่าเป็นความอับอายอย่างถึงที่สุดอย่างหนึ่งเลยก็ว่าได้ ทำให้ผู้คนไร้คำจะกล่าวและแตกตื่นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด
เพราะไม่ว่าจะกล่าวออกมาเช่นไร เขาก็ยังเป็นเพียงแค่ชนชั้นราชันผู้หนึ่งเท่านั้น ชนชั้นราชันผู้หนึ่งตั้งใจที่จะโจมตีเข้าไปที่ชนชั้นมหาราชันก่อนเอง เรื่องเช่นนี้เดิมทีแล้วย่อมต้องถือได้ว่านอกเหนือจากความคาดคิดไปแล้ว ทำให้ผู้คนไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้
มหาราชันปีศาจทุนเทียนทอสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ภายในดวงตาก็ได้เดือดไปด้วยรังสีฆ่าฟันขึ้นมา ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันในระดับเดียวกัน ผู้ใดกล้าที่จะลงมือเช่นนี้กัน ? ยิ่งไปกว่านั้นนึกไม่ถึงจะเป็นชนชั้นรุ่นหลังที่เป็นเหมือนดั่งแมลงเท่านั้น !
.
.
.
.