ตอนที่ 564 คัมภีร์ซี่ฮวางจี่ ถ้วยทุนเทียน
“คัมภีร์ซี่ฮวางจี่ (羲皇经) ! ”
ทันใดนั้นก็ได้มีเอ่ยขึ้นมา จนมีคนจดจำได้ถึงร่องรอยของอักขระที่ถูกบันทึกเอาไว้ แต่ว่าเมื่อในเวลาที่ได้เอ่ยทั้งสามคำนี้ขึ้นมา รังสีสังหารก็ได้ปะทุขึ้นมาภายในพริบตาในสถานที่แห่งนี้
ขณะนี้ ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดก็อดใจเอาไว้ไม่อยู่แล้ว ในเมื่อสถานที่แห่งนี้ไม่มีศพจักรพรรดิ เช่นนั้นสิ่งที่สำคัญที่สุดอย่างคัมภีร์ซี่ฮวางจี่ถูกหลงเหลือทิ้งเอาไว้จากจักรพรรดิฟ้าชิงเมื่อกาลก่อน อีกทั้งยังเป็นถึงบันทึกโบราณ จักรพรรดิฟ้าชิงในช่วงเวลาที่ยังคงดำรงเป็นมนุษย์มหาราชันอยู่นั้น ได้ถูกเรียกขานว่าซี่ฮวาง (มหาราชันซี่) คัมภีร์ซี่ฮวางจี่เห็นได้ชัดก็คือสิ่งที่สืบทอดเอาไว้ อีกทั้งเมื่อได้ดูสิ่งเหล่านี้ที่เป็นร่องรอยอันเก่าแก่ มีความเป็นไปได้อย่างมากยังมีจะเก็บซ่อนเส้นทางอันยิ่งใหญ่ของหนทางสู่การเป็นเซียนอาไว้
“ไสหัวไปให้มหาราชันอย่างข้าซะ ! หลบออกมาไปหมดทุกคนซะ ! ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้เกรี้ยวกราดขึ้นมา ในเวลาเช่นนี้แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อาจที่จะทำตัวเฉกเช่นก่อนหน้านี้ได้ เพียงคิดที่จะต้องการโลงศพหยกเอาไว้แต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น
“อย่าได้หุนหันไป หากว่าไม่ระวังถูกรอยประทับของโลงศพประทับเข้า ก็คงจะต้องตายตกลงไปอย่างแน่นอนแล้ว” มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาเอ่ยปากขึ้นมา ทอสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า เขาเองก็มองออกในความข้อนี้ขึ้นมาได้ แต่ว่าแบ่งโลงศพหยกนี้ออกเป็นสี่ชิ้นห้าท่อนแล้วละก็ เกรงว่าผู้ใดก็คงไม่อาจที่จะได้ครอบครองได้ครบทั้งเล่ม
“ในนี้มีคัมภีร์ซี่ฮวางจี่ ไม่แน่ว่าภายในอาจจะเก็บซ่อนความลับอันยิ่งใหญ่แห่งการสำเร็จเป็นเซียน คนที่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอก็อย่าได้คิดแตะต้อง หรือไม่ก็รีบไสหัวไปซะเถอะ ! ” ปีกคู่ทางด้านหลังของมหาราชันเผ่าปีกเองก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นมา ในเวลาเช่นนี้เขาเองก็ไร้ซึ่งความหวาดกลัวแล้ว
รวมไปจนถึงชนชั้นมหาราชันที่เหนือศีรษะมีประกายกระบี่นั้น ก็ได้ยื่นมือสีเขียวไปยังทางด้านของปีศาจมหาราชัน เพื่อที่จะคุกคามให้ถอยรน อีกทั้งมหาราชันปีศาจทุนเทียนที่ได้หมดสิ้นคุณสมบัติที่จะแย่งชิงในสถานที่แห่งนี้แย่งชิงไปตั้งแต่แรก
“ยังมีพวกเจ้า ทางที่ดีก็จากไปเถอะ นี้มิใช่สถานที่เหมาะสมสำหรับพวกเจ้าอีกต่อไปแล้ว ! ” มหาราชันเผ่าปีกก็ได้หันกลับมาในทันที จ้องมองไปยังเยี่ยจงและพวกที่อยู่ทางด้านหลังคราหนึ่ง ทอสีหน้าเย็นชาอย่างยิ่งขึ้นมา ในเวลาเช่นนี้เพื่อการครอบครองคัมภีร์ซี่ฮวางจี่ เขาราวกับได้บ้าคลั่งขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังไร้ซึ่งความหวาดกลัวขึ้นมาอีกหลายส่วน
“มนุษย์นก กับคนอย่างเจ้างั้นหรือ คิดที่จะบีบให้พวกข้าถอยออกไปได้ ? ช่างเป็นตัวโง่งมที่เอาแต่เพ้อฝันเสียจริง ! ” ไต๋ซือหวู่โหวหัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน ก้าวขึ้นมาทางด้านหน้า หมายที่จะลงมือ
“สถานที่แห่งนี้มิใช่ที่ที่คนอย่างพวกเจ้าจะสามารถที่จะอยู่ได้อีกแล้ว อีกทั้ง เจ้ายังคิดจริงงั้นหรือว่าจะสามารถที่จะลงมือต่อมหาราชันเช่นข้าได้กัน ? ” หลังจากที่สิ้นเสียง มหาราชันเผ่าปีกก็ได้ฟาดมือออกไปเบาๆ แล้วก็ได้พบเห็นว่าชนชั้นมหาราชันทั้งสองตนที่อยู่ทางด้านข้างก็ได้ถอยออกไปในพริบตา ชนชั้นมหาราชันทั้งสองตนนี้เองก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในชนชั้นมหาราชันทั้งสิบเก้าตน ที่ตลอดมานี้มิได้ขึ้นมายังทางด้านเนินสุสาน เมื่อมาถึงขณะนี้กลับพึ่งปรากฏกาย
“บรรพบุรุษวิหคทองคำ เฒ่าประหลาดอัสนีลี้ลับ พวกเจ้าคิดที่จะกระซิบกระซาบกันเช่นนี้อย่างงั้นจริงงั้นหรือ ! ” ไต๋ซือหวู่โหวหัวเราะเสียงเย็นชาเอ่ยปากขึ้นมา
บุคคลทั้งสอง คนหนึ่งเป็นถึงบรรพบุรุษเฒ่าแห่งเผ่าวิหคทองคำ อีกทางด้านหนึ่งก็เป็น ผู้คุ้มกฎสูงสุดแห่งตำหนักอัสนีลี้ลับ ต่างก็ถือเป็นผู้ที่ขึ้นเป็นชนชั้นมหาราชันมานาน มีพลังฝีมือน่าหวาดกลัว อีกทั้งยังปรากฏตัวขึ้นมา แม้แต่ไต๋ซือหวู่โหวเองก็ยังต้องเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาหลายส่วน
“เหอะ หวู่โหว คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะคลุกคลีกับชนชั้นรุ่นหลังได้ ช่างยิ่งมาก็ยิ่งถดถอยไปเรื่อยๆ แล้วนะ ข้ายังหวังว่าเจ้าทางที่ดีล่าถอยไปจะดีที่สุดแล้ว มิเช่นนั้นแล้วละก็ ผลลัพธ์คงยากที่จะคาดเดาได้ ! ” บรรพบุรุษวิหคทองคำเหนือศีรษะก็ไปปรากฏอักขระคำว่าวิหคทองขึ้นมา เขาในขณะนี้ก็ได้หัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน ก้าวเดินกดดันเข้ามาใกล้ เห็นได้ชัดเพื่อในขณะนั้นแล้ว เขาเองก็ไม่อาจที่จะรั้งรอต่อไปได้นาน
“อย่าได้วาจาไร้สาระมากมายเช่นนั้นแล้ว พี่หยี่ (พี่ที่มีปีก) เชิญเอาสิ่งของนั้นไปเถอะ คัมภีร์ซี่ฮวางจี่ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าจะอย่างไรก็ย่อมต้องครอบครองมาให้ได้ ! ” เฒ่าประหลาดอัสนีลี้ลับหัวเราะเสียงประหลาดดังหึหึขึ้นมา เขาก็ได้เข้ามาใกล้จากอีกทางด้านหนึ่ง เข้าขัดขวางมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาและพวกเอาไว้
“เมื่อเป็นเช่นนี้ หากว่าไม่มีคนใดสามารถที่จะทนอยู่ในสถานที่แห่งนี้แล้วละก็ ก็ช่างถือเป็นการไม่เคารพต่อท่านจักรพรรดิฟ้าเกินไปแล้ว ! ” มหาราชันเผ่าปีกหลังจากที่เงียบงันเมินเฉยก็ได้หัวเราะออกมา ทันใดนั้นก็ได้พบเห็นบริเวณเหนือศีรษะของเขา ก็ได้มีปรากฏแสงเจ็ดสีเจิดจ้าขึ้นมา จากนั้นก็ได้มีกระดิ่งขนาดเล็กปรากฏขึ้นมา ใจกลางของกระดิ่ง ก็ได้รวมเอาไว้ด้วยประกายแสงแห่งเซียนเจ็ดสีเอาไว้ พริบตาที่ได้ปรากฏขึ้นมา ก็ได้ห่อหุ้มไปยังภายในของชนชั้นมหาราชันและผู้คนทั้งหมดเอาไว้ อีกทั้งยังให้ความรู้สึกที่ลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง
“อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ ! ”
ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรุนแรง คิดไม่ถึงในช่วงระยะเวลาที่สำคัญถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงจะมีคนใช้ออกมาด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ ควรทราบว่า อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุถือได้ว่าเป็นอาวุธที่มนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนานสร้างขึ้นมาเองกับมือ เมื่อครั้งก่อนเยี่ยจงยังได้นับเพียงแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุเท่านั้น ก็แทบจะถูกไล่ฆ่าแทบพลิกฟ้าพลิกดินแล้ว ขณะนี้กลับมีการปรากฏขึ้นมาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นหนึ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะกวาดสถานที่แห่งนี้ไปได้
ด้วยพลังทำลายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ ราวกับว่ามิใช่สิ่งที่พลังของผู้คนจะสามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้ หากไม่รวมมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์จากทั่วทั้งสี่แดน ชนชั้นมหาราชันที่เป็นถึงผู้ที่มีพลังในการต่อสู้สูงสุด ในดินแดนขณะนี้ ในมือเมื่อถือเอาไว้ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุโดยส่วนมากแล้วก็แทบจะเรียกได้ว่าเป็นผู้ที่ไร้ผู้ต้านภายในดินแดนได้แล้ว
“กระดิ่งเซียนแห่งเผ่าปีกงั้นหรือ ! ? ” ไต๋ซือหวู่โหวทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมา อดไม่ได้เอ่ยปากขึ้นมา
“อะไรกัน กระดิ่งเซียน ! ? ” หลังจากที่เงียบงัน ราวกับว่าชนชั้นมหาราชันทั้งหมดต่างก็ทอสีหน้าเปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน นี้คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์แห่งแดนซีฮวงเผ่าเล่าขานกันมาของเผ่าปีก ถูกเล่าขานไปกว่ายี่สิบดินแดน ก็ยังคงไม่เคยมีเบาะแสมาโดยตลอด ถูกเก็บรักษาเอาไว้ที่ดินแดนพื้นที่เผ่าปีก หากมิใช่ยามคับขันจริงๆ เผ่าปีกย่อมไม่ใช้ออกมาอย่างแน่นอน
แต่ว่าคิดไม่ถึง มหาราชันเผ่าปีกในวันนี้นึกไม่ถึงว่าจะใช้ออกมาด้วยวัตถุชิ้นนี้ ควรทราบว่า มิใช่ว่าในทุกแดนลับแลทุกหนแห่งจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้ สิ่งของเช่นนี้เปรียบได้ว่าหาได้ยากยิ่งไปเสียกว่าสิ่งของที่อยู่ในระดับเทวะเสียอีก มิใช่พึ่งพาแต่เพียงวาสนาได้เพียงถ่ายเดียว
“ไม่ถูกต้อง นี้มิสมควรที่จะเป็นกระดิ่งเซียนชิ้นนั้นอย่างแท้จริง มิใช่ว่าถูกทำลายพลังเซียนไปแล้วงั้นหรือ สมควรที่จะต้องเป็นสิ่งของเลียนแบบในภายหลังแล้ว ! ”
“ใช่แล้ว ! สามหมื่นปีก่อน เผ่าปีกได้มีการเกิดขึ้นมาของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตนหนึ่ง กล่าวกันว่าเขานั้นได้สร้างกระดิ่งเซียนออกมาเป็นชิ้นที่สอง สมควรที่จะเป็นวัตถุชิ้นนี้แล้ว ! ”
“แม้ว่าจะมิใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์แบบ แต่ว่าท้ายที่สุดก็เทียบได้กับครึ่งขั้นอยู่ดี ขณะนี้ในมือของมหาราชันเผ่าปีก เขาที่อยู่ในท่าทีที่สูงส่งลึกล้ำ ไม่ว่าจะเป็นสมบัติเซียนชิ้นใด เครื่องมือต้องห้ามชิ้นไหนก็ไม่อาจที่จะต้านทานเอาไว้ได้ ! ”
รวมไปจนถึงมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาก็ด้วย มหาราชันเผ่ามนุษย์ทั้งสามตน มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและพวกต่างก็จำเป็นที่จะต้องถอยออกไปอีกหลายก้าว ทราบว่าไม่อาจที่จะสร้างความขัดแย้งกับมหาราชันเผ่าปีกไป
มหาราชันเผ่าปีกหัวเราะเสียงเย็นชาติดต่อกัน กระดิ่งเซียนก็ได้ปรากฏขึ้นมาอยู่บริเวณเหนือศีรษะ เขาในขณะนี้ราวกับได้ฟื้นฟูพลังในการต่อสู้ขึ้นมาทั้งหมด ในมือถือเอาไว้ด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุ แน่นอนว่าย่อมต้องสามารถที่จะท่องออกไปทั่วทั้งแปดดินแดนอย่างแน่นอน **
“ไต๋ซือหวู่ ข้าที่ได้ถือครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุชิ้นนี้แม้ว่าจะมิใช่ตามที่เล่าขานชิ้นนั้น แต่ว่าในขณะนี้ ก็เพียงพอที่จะฆ่าสังหารพวกเจ้าทั้งหมดได้แล้ว” มหาราชันเผ่าปีกจ้องมองไปทางด้านหวู่โหวอย่างเมินเฉย ทอสีหน้าสงบเสงี่ยม ขณะนี้เขาถือได้ว่าเป็นผู้ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้แล้ว เมื่อมีท่าทีเช่นนั้นรวมกับเขาด้วยแล้ว “เห็นแก่ที่เจ้าฝึกปรือมาภายในหกสิบปีนั้นไม่ง่ายดาย ข้าจะไม่สังหารเจ้า หากว่าเจ้ายอมจากไป……อีกทั้งยังมีชนชั้นรุ่นหลังอีกสามคนนี้ เห็นแก่ที่เป็นผู้อาวุโสของพวกเจ้า ข้าเองก็จะให้พวกเจ้ามีทางถอยไปได้……แต่ว่า เยี่ยจง จำเป็นที่จะต้องตาย ! ”
มหาราชันเผ่าปีกจ้องไปที่เยี่ยจง แม้ว่าจะทอสีหน้าเมินเฉย แต่ว่าภายในดวงตากลับมีความหนักแน่นเอาไว้อยู่สายหนึ่ง เห็นได้ชัด ท่าทีของเยี่ยจงในวันนี้ถือได้ว่าอยู่นอกเหนือความคาดคิดของเขามากจนเกินไปแล้ว เขาไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องกลายเป็นศัตรูตัวฉกาจในอนาคต หากปล่อยให้เติบโตต่อไปย่อมไม่ส่งผลดีแน่นอน
ทางด้านบนทั่วทั้งเนินสุสานพริบตานั้นก็ได้สงบเงียบลงมา ผู้คนทั้งหมดต่างก็เข้าใจดี ขณะนี้มหาราชันเผ่าปีกในมือได้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเอาไว้อยู่ ถึงแม้ว่าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในมือของเขานั้นจะยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง แต่ว่าก็ยังคงสามารถที่จะฆ่าสังหารชนชั้นมหาราชันทั้งหมดได้อย่างแน่นอน ต่อให้เป็นมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจา ขณะนี้ต่างก็กำลังขมวดคิ้วอยู่ มิได้เอ่ยปากขึ้นมา เพียงแต่กำลังครุ่นคิด
“เสี่ยวเยี่ยจง เป็นเจ้าที่จะเข้ามารับความตายเอง หรือว่าต้องการที่จะให้มหาราชันเช่นข้าลงมือด้วยตนเองกัน ? ” มหาราชันเผ่าปีกเมินเฉยไร้เยื่อใย จ้องไปที่เยี่ยจงเอ่ยปากขึ้นมาช้าๆ
ชนชั้นมหาราชันคนอื่นๆ อย่างมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ มหาราชันปีศาจทุนเทียน บรรพบุรุษวิหคทองคำ เฒ่าประหลาดอัสนีลี้ลับเป็นต้น ต่างก็จ้องไปที่เยี่ยจง หัวเราะหึหึอย่างเย็นชา
เป็นถึงมหาราชันทั้งห้าตน กลับต้องมาถูกชนชั้นรุ่นหลังเพียงคนเดียวกดดันจนถึงร่วมมือกันฆ่าในสถานที่แห่งนี้ หากว่าเรื่องนี้ถูกปล่อยให้แพร่งพรายออกไปแล้วละก็ คาดว่ามหาราชันทั้งห้าตนนี้คนจะไม่มีหน้าไปพบผู้คนอีกต่อไปแล้ว แต่ว่าในขณะนั้นเอง กลับไม่มีคนใดคิดที่จะหัวเราะเยาะพวกเขา เพราะว่า ความแข็งแกร่งของเยี่ยจง ถือได้ว่าได้ใช้ความอเนจอนาถของมหาราชันปีศาจทุนเทียนเป็นที่ประจักษ์ได้แล้ว
“ช้าก่อน……ชนชั้นรุ่นหลังนี้แม้ว่าจะสมควรตาย แต่ว่าหากนำคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์บนตัวของเขา ยังมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุนั้นออกมา ก็ถือได้ว่าข้ายังพอมีหนทางให้ได้อยู่” บรรพบุรุษวิหคทองคำทันใดนั้นก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาเสียงดังหึหึ “ทว่า สิ่งของทั้งสามชิ้นนี้สามารถที่จะมอบให้แก่พวกเจ้า แต่ว่าศพของเขานั้นกลับต้องนำกลับต้องนำกลับไปยังแดนมหาราชันเผ่าปีกข้า เพื่อที่จะได้ล่วงรู้ถึงที่มาของพลังกายาทองไม่สูญสลายที่สูญหลายไปนับหมื่นปี หากว่าใช้มาเป็นยาบำรุงแล้วละก็ ผลลัพธ์ที่ได้คงจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน”
เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา แล้วก็ได้เตรียมพร้อมที่จะนำเอากระบี่แสงจันทร์เพื่อที่จะปะทะขั้นแตกหักกับชนชั้นมหาราชันหลายตน
แต่ว่าในเวลาเช่นนี้ จงหลี่ก็ได้ก้าวเดินออกมาทันที ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วกล่าว : “ให้ตายเถอะ พวกเจ้ายังคิดที่จะกินพี่น้องของพวกเราอีกจริงอย่างงั้นหรือ ? เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะฝังพวกเจ้าเอง พลิกฝ่ามือตบเข้าไปยังปากของเฒ่าโสโครกน่าตายอย่างพวกเจ้า ! ”
“ชนชั้นรุ่นหลัง อย่างเจ้างั้นหรือ ? หากมิใช่เห็นแก่ฐานะอย่างพี่ซือคง ขณะนี้ข้าก็คงจะสังหารเจ้าไปแล้ว ! ” มหาราชันเผ่าปีกหัวเราะเสียงเย็นชา แทบจะไม่เห็นจงหลี่อยู่ในสายตาโดยทั้งสิ้น
“พวกเจ้าก็แค่กลุ่มตาแก่โสโครก นึกไม่ถึงยังจะมีหน้ามาแย่งชิงวาสนากับชนชั้นรุ่นหลังอีก ไม่ให้พวกเจ้าเห็นถึงความตายก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้แล้ว ! ” จงหลี่หลังจากที่ได้ทำการตัดสินใจขั้นเด็ดขาดแล้ว เห็นได้ชัดเขาเองก็ไม่แยแสคิดที่จะถอยออกไปเช่นนี้ เพียงแต่โบกมือคราหนึ่ง ทันใดนั้นเขาก็ได้ล้วงเข้าไปภายในแขนเสื้อจนมีประกายแสงสีทมิฬหมื่นสายพวยพุ่งออกมา จากนั้นก็ได้มีของสิ่งหนึ่งที่ดูไปแล้วเก่าแก่อย่างไร้ที่เปรียบ ประดุจเหมือนกับถ้วยชามที่สามารถบีบให้แตกออกได้ก็มิปานปรากฏขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะของเขาในตอนนี้ เริ่มที่จะทวีความหนักแน่นขึ้นมา ภายในถ้วยเล็กๆ ก็ได้ประดุจมีชั้นดวงเดือนดาราปรากฏขึ้นมาอย่างหนักแน่นก็มิปาน เป็นที่แสบสายตาเป็นอย่างมาก
“นั้นคือ……”
มหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาเองก็ตะลึงลานขึ้นมา เห็นได้ชัดแม้แต่เขาเองก็ยังคิดไม่ถึง ว่าในมือของจงหลี่นึกไม่ถึงว่าจะครอบของสิ่งของเช่นนี้เอาไว้อยู่
“นี้คือ……ประจำเผ่าทุนเทียนข้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุข้าประจำเผ่าทุนเทียนข้า ! ถ้วยทุนเทียน ! ชนชั้นรุ่นหลัง นึกไม่ถึงว่าเจ้าก็คือเจ้าโจรบัดซบน้อยที่ขโมยถ้วยทุนเทียนมาจากสุสานบรรพบุรุษข้า ! ” บริเวณทางด้านหลัง มหาราชันปีศาจทุนเทียนที่เดิมทีแทบจะสิ้นลมหายใจอยู่แล้วทันใดนั้นก็ได้กระอักโลหิตออกมาคำโต ร่างกายก็ได้สั่นไหวจนไอออกมา เพราะว่าเขาจดจำได้ว่า สิ่งที่จงหลี่ใช้ออกมาในขณะนี้ แท้จริงแล้วก็คือสมบัติสูงสุดประจำเผ่าพันธุ์ของเขานั้นเอง แต่ว่ากลับได้สูญหายไปนานหลายปีแล้ว แต่ว่าคิดไม่ถึงขณะนี้นึกไม่ถึงว่าในตอนนี้จะตกอยู่ในมือของชนชั้นรุ่นหลังได้
“อะไรกัน สมบัติสูงสุดประจำเผ่าทุนเทียน ถ้วยทุนเทียนงั้นหรือ ! ? ”
“เป็นเมื่อหกพันปีก่อน ได้ฆ่าสังหารประกายดวงเดือนดาราที่แดนเป่ยฮวงถ้วยทุนเทียนอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ ! ? ” ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็หวาดกลัวขึ้นมา อดไม่ได้ถอยหลังออกไป ทั้งหมดต่างก็คิดไม่ถึงว่า ชนชั้นรุ่นหลังผู้หนึ่งจะถึงกับสามารถที่จะครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้
นี้กลับมิใช่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุปกติธรรมดาเลย อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง ด้วยพลังทำลายย่อมนอกเหนือจากความคาดคิด สามารถที่จะใช้ออกมาด้วยการโจมตีประดุจท่าสังหารของมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์ หากว่าเกิดการต่อสู้ขึ้นมาจริงแล้วละก็ เช่นนั้นต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันกลุ่มหนึ่งร่วมมือกัน ก็มีแต่เพียงต้องตายเท่านั้น
“ไม่ต้องกลัว ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันที่มิได้มีการเตรียมพร้อมกับภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะต่อต้านอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์ได้ ! เจ้ายังไม่รีบเอาอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุออกมาพลังทำลายล้างอีก ! ”
“เจ้าไหวเจ้าก็ไปสิ ! ”
“ต่อให้ไม่ใช้พลังทำลายของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุออก ก็ใช่ว่าชนชั้นมหาราชันปกติธรรมดาจะสามารถที่จะต้านทานเอาไว้ได้ ! ”
“พี่ซือคง ผู้สืบทอดของเจ้านี้ ดูเหมือนว่าจะมีคนที่มีพรสวรรค์ไม่น้อยเลยเชียวนะ ! ” ชนชั้นมหาราชันมากมายต่างก็ก็ได้มองไปยังทางด้านของซือคงจาคราหนึ่ง กลับมีศิษย์หลานที่มีพลังฝีมือผู้หนึ่งเช่นนี้ ในขณะนั้นเอง ยังมีผู้ใดหาญกล้าที่จะดูแคลนมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาแม้ครึ่งคราอีกกัน ?
“เดรัจฉานน้อยผู้นี้……” ซือคงจาทอสีหน้าสงบนิ่งขึ้นมา แต่ว่าภายในจิตใจเองก็ไม่อาจกล่าวอันใดออกมาได้ ยังดีที่เขาทราบว่าจงหลี่ไม่อาจที่จะสามารถหันกระบี่มาทางด้านของเขา จึงได้มิได้ถอยออกไป
เยี่ยจงเองก็ได้อ้าปากตาค้างเหม่อมองไปยังฉากเบื้องหน้า จงหลี่ผู้นี้ก็ช่างน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว ตนเองลำบากลำบนมา ผ่านพ้นความเป็นความตายมา ไพ่ตายยังเป็นเพียงแค่อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุเท่านั้น เขากลับดียิ่งกว่า เพียงครู่เดียวก็สามารถที่จะใช้สิ่งนี้ออกมาได้ คิดที่จะพลิกฟ้าเย้ยสวรรค์หรืออย่างไรกัน ?