เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 565 ความลับอันยิ่งใหญ่ภายในโลงศพ

ตอนที่ 565 ความลับอันยิ่งใหญ่ภายในโลงศพ

 

“ให้ตายเถอะ เมื่อครู่เป็นผู้ใดกล่าวกัน เห็นแก่หน้าของบรรพจารย์ของข้าจะจึงค่อยปล่อยปละข้าไปงั้นหรือ ? อยู่ที่ไหน เจ้ายังไม่รีบไสหัวออกมาให้ข้าอีก ! ปู่น้อยอย่างข้าจะฟาดปากเจ้าให้ตายเอง ! ” จงหลี่สีหน้าปั้นยาก เอ่ยปากส่งเสียงดังชิขึ้นมา เขาก็ได้จ้องมองไปที่มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ มหาราชันเผ่าปีกและพวก ทอสีหน้าเยียบเย็นขึ้นมา

 

“ชนชั้นรุ่นหลังผู้นี้ เหตุใดถึงได้ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุได้กัน ? ” นี้ถือได้ว่าเป็นความถามที่เกิดขึ้นมาอยู่ภายในจิตใจของชนชั้นมหาราชันไม่น้อย พวกเขาต่างก็เกิดความอัดอั้นอย่างถึงที่สุด เมื่อครู่ถูกพลังกายาทองไม่สูญสลายของเยี่ยจงกดดันไปก็ว่าแล้ว ขณะนี้กลับยังมีจงหลี่อีกคนที่ครอบครองอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุเอาไว้ ช่างเป็นเรื่องที่เหยียดหยามผู้คนมากจนเกินไปแล้ว

 

อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์ชิ้นหนึ่ง ต่อให้ไม่มีวิธีที่จะกระตุ้นขึ้นมา ก็ยังสามารถที่จะโจมตีเหมือนกับพลังโจมตีจะผู้ศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่ว่าก็เพียงพอที่จะพลิกสถานการณ์ในที่แห่งนี้ได้แล้ว

 

“ก็แค่เสียงนกเสียงกาที่ไม่ได้ความก็เท่านั้นเอง เจ้าคิดว่าเป็นตัวอะไรกัน ! ” ถ้วยทุนเทียนก็ได้อยู่เหนือศีรษะจงหลี่เดินขึ้นไปข้างหน้า เข้ากดดันไปทางด้านของมหาราชันเผ่าปีก

 

ถ้วยทุนเทียนประดุจกลืนกินชั้นดาราได้ก็มิปาน คายประกายแสงสีดำทมิฬออกมาเป็นสาย จนปกคลุมไปทั่วทั่วตัวของจงหลี่อยู่บริเวณทางด้านล่าง

 

ทั้งหมดชนชั้นมหาราชันในขณะนั้นเอง ไม่อาจที่จะไม่ถอยออกไปได้ พูดเป็นเล่นไป หากต้องมาตายด้วยอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุจากผู้ที่ทราบหัวนอนปลายเท้าจัดการ เช่นนั้นก็คงจะต้องกลายเป็นความตายที่น่าเสียดายจนเกินไปแล้ว

 

ยิ่งไปกว่านั้น อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์ ทั่วทั้งฟ้าดินก็มีเพียงแค่สิบกว่าชิ้นเท่านั้น ขณะนี้กลับถึงกับปรากฏขึ้นมาชิ้นหนึ่ง จะมีผู้ใดกล้าที่จะต้านรับเอาไว้กัน ?

 

“เจ้าเมื่อครู่มิใช่คิดที่จะสังหารข้าอย่างงั้นหรือ ? มาสิ ! ข้าก็อย่างเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะสังหารข้าอย่างไร ! ” จงหลี่เอ่ยถามต่อมหาราชันเผ่าปีก เอ่ยปากเสียงเย็นชาขึ้นมา

 

มหาราชันเผ่าปีกเป็นถึงชนชั้นมหาราชัน ขณะนี้เองก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาอย่างถึงขีดสุด เกิดความอัดอั้นจนแทบจะกระอักโลหิตออกมา เมื่อครู่เขายังมีสภาวะที่เย้ยไปตลอดทั่วทั้งแดนดินทั้งแปดอยู่ชนิดหนึ่ง แต่ว่าขณะนี้อับจนเหนื่อยล้าอย่างถึงที่สุด

 

“ไม่เพียงแต่คิดที่จะสังหารข้า ยังคิดที่จะแตะต้องพี่น้องเยี่ยจงของข้าอีก พวกเราสองพี่น้องไม่แสดงพลังออกมา พวกเจ้าก็คิดว่าเป็นแมวที่กำลังหยอกพวกเราจริงอย่างงั้นหรือ ! นอกเสียจากมนุษย์นกผู้นี้แล้ว ยังมีผู้ใดที่เมื่อครู่บอกว่าคิดที่จะลงมือกันอีก เป็นเจ้าใช่หรือไม่ ! เข้ามาพร้อมกันเถอะ ! ” จงหลี่จ้องไปที่มหาราชันเผ่าปีกเสร็จ ก็ได้ละสายตามองเข้าไปบนร่างกายของมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ ทอสีหน้าเย็นเยียบอย่างยิ่ง

 

มหาราชันเผ่าปีกและมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อต่างก็ได้สบตามองกัน ทอสีหน้าต่างก็ปั้นยากขึ้นมาหลายส่วน แม้ว่าพวกเขาทั้งสองคนร่วมมือกันเพื่อที่จะควบคุมกระดิ่งเซียนพลังทำลายชิ้นนั้นจะถือได้ว่าไม่ธรรมดาอยู่ก็ตาม แต่ว่าด้านข้างของจงหลี่ผู้นี้ก็ยังมีไต๋ซือหวู่โหวอยู่ ยังมีมหาราชันแห่งแดนมนุษย์ซือคงจาอีกคน ที่สามารถที่จะลงมือออกมาได้ตลอดเวลา ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ใช้ออกมาด้วยกระดิ่งเซียน คิดที่จะได้ชัยมาจากจงหลี่โอกาสความเป็นไปได้นั้นถือได้ว่าต่ำเป็นอย่างมาก แต่ว่า หากว่าถอยไปเช่นนี้ ด้วยนิสัยของบุคคลทั้งสอง แน่นอนว่าย่อมที่จะไม่อาจยอมรับได้

 

บรรพบุรุษวิหคทองคำและเฒ่าประหลาดอัสนีลี้ลับกลับยิ่งไม่อาจที่จะถอยไปได้ พวกเขาต่างก็ไม่อาจที่จะไม่ฟาดเยี่ยจงให้ตายลงในสถานที่แห่งนี้ จะปล่อยให้ถอยไปได้อย่างไรกัน ปล่อยให้เยี่ยจงและคณะได้ครอบครองคัมภีร์ซี่ฮวางจี่ ?

 

“นอกเสียจากเจ้าแล้ว คนอื่นๆ ต่างก็ไสหัวออกไปได้ ! ” จงหลี่ทันใดนั้นก็ได้หัวเราะขึ้นที่มุมปาก ยื่นมือชี้ไปยังทางด้านของมหาราชันเผ่าปีก เอ่ยขึ้นมาอย่างเย็นเยียบ

 

เห็นได้ชัด เขานั้นไม่พอใจต่อความพูดของมหาราชันเผ่าปีกเมื่อครู่เป็นอย่างยิ่ง ตัดสินใจที่จะใช้ถ้วยทุนเทียนมาเพื่อที่จะสร้างปัญหาให้กับเขา

 

มหาราชันเผ่าปีกขมวดคิ้วขึ้นมา มิได้เอ่ยปากขึ้นมา เพียงแต่ตัดสินใจที่จะถอยหลังไปครึ่งก้าว

 

“ตูม——”

 

จงหลี่ไม่กล่าววาจาไร้สาระขึ้นมาอีก เพียงแต่ก้าวขึ้นมาทางด้านหน้าติดต่อกัน พลิกรอยตราขึ้นมาทั้งสองมือ วินาทีนั้นก็ได้พบเห็นถ้วยทุนเทียนบริเวณใจกลางเหนือศีรษะของเขาก็ได้ทอเป็นประกายแสงแห่งดวงดาวสีดำระเบิดออกมา แฝงเอาไว้ด้วยพลังบรรยากาศแห่งการดูดกลืนหมื่นสรรพสิ่งอยู่ชนิดหนึ่ง มุ่งหน้ากดทับออกไปบริเวณทางด้านหน้า

 

ในขณะนั้นเอง บรรยากาศของถ้วยทุนเทียนนี้ประดุจเหมือนกับได้รวมเข้ากับสภาวะของจงหลี่เองก็มิปาน ในขณะนั้นเอง ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าที่จะกล่าววาจากระตุ้นเพื่อที่จะทำให้เขาใช้ถ้วยทุนเทียนอีก ต่อให้เป็นคำพูดที่ไม่ต้องใจที่จะกระตุ้นขึ้นมา แต่ว่าพลังทำลายเช่นนี้ ย่อมต้องสามารถที่จะจัดการชนชั้นมหาราชันลงได้อย่างแน่นอน

 

มหาราชันเผ่าปีกไม่กล่าวสิ่งอื่นใดอีก กระดิ่งเซียนที่อยู่เหนือศีรษะก็ได้ปะทุประกายแสงเจ็เสีออกมา ห่อหุ้มไปตลอดทั่วทั้งมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อและพวกพริบตานั้นมุ่งหน้าบริเวณถอยออกไปทางด้านหลัง ถอยเข้าไปจนถึงบริเวณสุดปลายของแท่นปราณได้ในที่สุด ภายในระยะห่างเช่นนี้ถือได้ว่าอยู่ห่างจากจงหลี่เพียงแค่อย่างน้อยก็ร้อยจัง อีกทั้งยังทอสีหน้าหวาดกลัวขึ้นมา

 

“ตูม——”

 

กระบวนท่าได้พุ่งผ่านอากาศไป แต่ว่าต่อให้เป็นพลังแรงกดดันวิถีเซียนที่มีความน่ากลัวเช่นนั้น แต่กลับไม่มีกระบวนท่าใดที่สามารถที่จะสร้างพลังมายาพลังทำลายเช่นนี้ออกมาได้ ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นต่างก็มองดูจนขนลุกชูชัน เพราะว่ากระบวนท่านี้หากว่ากระทบลงบนร่างกายของพวกเขาแล้วละก็ ช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ก็ใช่ว่าจะสามารถที่จะผ่านพ้นออกไปได้ร่างกายครบทุกส่วนไปได้ ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นในขณะนี้อีก

 

“ให้ตายเถอะ พวกเจ้าหลายคนก็รีบเข้ามาช่วยกันหน่อย ข้าเกือบที่จะถูกดูดพลังไปจะเหือดแห้งหมดแล้ว ! ” จงหลี่ทันใดนั้นก็ได้ส่งเสียงให้แก่เยี่ยจงและพวก กล่าวคำพูดที่เหนื่อยล้าออกมาอย่างถึงที่สุด

 

เยี่ยจงและหลิงเฟ่ย ชิงหญิงก็ได้ก้าวขึ้นมาในเวลาเดียวกัน แล้วก็ได้แตะไปยังทางด้านหลังของเขาเพื่อถ่ายทอดพลังลมปราณสายหนึ่งเข้าไป และทางด้านไต๋ซือหวู่โหวก็เพียงแค่ส่ายมือไปมา กล่าว : “เด็กน้อย ไม่ต้องเป็นห่วงไปหรอก นี้ถือได้ว่าเป็นถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริง พวกเราเมื่อมีของสิ่งนี้ป้องกันตนเองเอาไว้ก็ตามที แต่คิดที่จะจัดการกับตาเฒ่ากลุ่มนั้น ย่อมไม่ง่ายดายเช่นนั้น พวกเขาอย่างน้อยต่างก็ได้มีการเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะจัดการพวกเราไปได้หรอกนะ ”

 

“เคร้ง——”

 

คำพูดยังไม่ทันจะกล่าวจบ บริเวณที่ห่างไกลนั้นชนชั้นมหาราชันที่มีเงากระบี่ปรากฏขึ้นมาอยู่เหนือศีรษะ ที่ได้ห่อหุ้มไปด้วยเงากระบี่ก็ได้แตกสลายลง เผยออกมาให้เห็นถึงกระบี่ยาวสีแดงเพลิงด้ามหนึ่ง ลำตัวของกระบี่ก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงการปกคลุมของร่องรอยแห่งมังกร ระหว่างกระบี่ทั้งสองเล่มประดุจดั่งมีมังกรคู่ได้ทะยานพัวพันออกมา เป็นที่น่ากดดันอย่างแท้จริง อีกทั้งยังแฝงเอาไว้ด้วยพลังสภาวะกดดันหมื่นสรรพสิ่งอยู่อีกชนิดหนึ่ง

 

เยี่ยจงคนทั้งคณะในเวลาเดียวกันขมวดคิ้วเล็กน้อย เพราะว่าสภาวะของภายในกระบี่เล่มนี้ถือได้ว่าน่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง แน่นอนว่าย่อมต้องพอที่จะสามารถต่อกรกับถ้วยทุนเทียนได้ เห็นได้ชัดอย่างยิ่ง นี้ก็ถือได้ว่าเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริงอีกเล่มหนึ่ง มิใช่ของเลียนแบบที่มหาราชันเผ่าปีกใช้ออกมาเมื่อครู่นี้

 

“นี้คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแห่งหุบเขากระบี่แดนตงฮวงกระบี่ไท่อาเจี่ย ! ? ” แล้วก็ได้มีชนชั้นมหาราชันจดจำกระบี่เล่มนี้ขึ้นมาได้ ทันใดนั้นก็ได้แตกตื่นตกใจขึ้นมา

 

เพราะว่า นี้ก็เหมือนการบ่งบอกได้ว่า ชนชั้นมหาราชันที่ครอบครองกระบี่ไท่อาเจี่ยเล่มนั้นอยู่ นั้นมาจากหุบเขากระบี่แดนตงฮวง

 

“ตูม——”

 

บริเวณในอีกทางด้านหนึ่ง ก็ได้พบเห็นทางด้านบนของทางด้านตะวันออกของพลังเทวะ ทันใดนั้นเงาร่างสายนี้ก็ได้ก้าวเดินออกมา พลังความน่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่งก็ได้แผ่กระจายออกมาจากบริเวณทางด้านหลังของเงาร่างสายนั้น แท้จริงแล้วก็คือไม้เท้าที่ถูกสร้างมาจากกระดูกชิ้นหนึ่ง ขณะนี้สภาวะทางด้านบนของไม้เท้าอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุแผ่กระจายออกมา จดสามารถที่จะกดดันหมื่นสรรพสิ่งแห่งฟ้าดินได้ จนเป็นที่น่าหวาดกลัวอย่างยิ่ง

 

“ซวบ——”

 

บริเวณอีกทางด้านหนึ่ง มหาราชันเหยียนทันใดนั้นก็ได้พุ่งเข้ามาพร้อมกับเพลิงไฟนับหมื่นสายมาจากบริเวณทางด้านหลัง แล้วก็ได้พบเห็นว่าได้มีพลังสีแดงเพลิงสายหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากก้อนศิลาจากบริเวณทางด้านหลัง อีกทั้งยังมีความหนักแน่นไม่เสื่อมคลาย พลังแรงกดดันของอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุก็ได้แผ่กระจายออกมา เห็นได้ชัดว่า นี้ก็คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุมาจากรัฐเหยียนแห่งเผ่ามนุษย์เอง พลังทำลายอย่างน้อยก็ไม่ธรรมดาสามัญ

 

เพียงแต่ว่าพริบตานั้นเท่านั้น ก็ได้มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่แท้จริงปรากฏขึ้นมาอีกสามชิ้น มุ่งหน้าบริเวณท่ามกลางกดดันสถานที่แห่งนี้ ฉากนี้ได้ทำให้มหาราชันเผ่าปีกเกิดความอัดอั้นอย่างถึงที่สุด จนเกือบที่จะกระอักโลหิตออกมา

 

เมื่อครู่พวกเขาได้ใช้อาวุธศักดิ์สิทธิ์ครึ่งขั้นบรรลุในการควบคุมสถานการณ์เอาไว้ คิดที่จะควบคุมสภาพการณ์ที่อยู่ท่ามกลางสนามทั้งหมด แต่ว่าคิดไม่ถึง ขณะนี้กลับมีการกดดันมาจากอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุที่สมบูรณ์จากทั้งสี่ด้าน ทำให้ผู้คนกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง

 

มาจนถึงขั้นนี้ ต่อให้เป็นมหาราชันเผ่าปีกที่ไม่แยแสมาโดยตลอด พวกเขาเองก็ไม่อาจที่จะไม่ถอยออกไปได้ นอกเสียจากพวกเขาแล้ว ชนชั้นมหาราชันที่หลงเหลืออยู่อีกหลายคนก็ได้เข้ามาจนถึงด้านบนของแท่นปราณตั้งแต่แรกแล้ว ก็ได้ทอสีหน้าปั้นยากขึ้นมาแล้วถอยออกไป เพราะว่าด้วยสภาวะในขณะนี้ก็เป็นที่ชัดเจนอยู่เต็มสิบส่วนอยู่แล้ว คนที่ไม่มีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุในครอบครอง ก็แทบจะไม่อาจที่จะเข้าร่วมการแย่งชิงกับคนอื่นๆ ได้

 

จนกระทั่งในที่สุด เยี่ยจงและคณะ สามมหาราชันเผ่ามนุษย์ ชนชั้นมหาราชันของหุบเขากระบี่แดนตงฮวงยังมีไม้เท้ากระดูกขึ้นมาด้านหน้าในเวลาเดียวกัน มุ่งหน้าเข้าไปใกล้ยังบริเวณทั้งสี่ด้านของโลงศพหยกนั้น

 

ในครั้งนี้ กลับไม่มีคนที่คิดที่จะต่อต้านแต่อย่างไร เพราะว่าสภาวะของท่ามกลางสนามเป็นที่ชัดเจนอย่างยิ่งแล้วว่า ขุมกำลังทั้งสี่นี้ถือได้ว่ามีคุณสมบัติที่จะเข้าไปใกล้ยังโลงศพหยกนั้นได้

 

โดยเฉพาะก็คือเยี่ยจงและคณะและมนุษย์มหาราชันทั้งสามสามารถกล่าวได้ว่ามีความสัมผัสได้อย่างประหลาด ขอเพียงพวกเขายินยอมแล้วละก็ ก็สามารถที่จะร่วมมือกันได้ทุกเวลา ควบคุมไปทั่วทั้งสนาม ดังนั้น ขณะนี้เมื่อคนกลุ่มนี้เดินขึ้นมา ก็ไม่มีผู้ใดคิดที่จะต่อต้าน ในขณะนั้นเอง ก็ไม่ได้มีคนคิดที่จะสนใจว่าเจ้านั้นจะมีสถานะตำแหน่งอะไรอีกต่อไป มีแต่เพียงความร้ายกาจของพลังฝีมือเท่านั้นจึงถือเป็นเหตุผล

 

ยอดฝีมือรอบด้านก็ได้ยืนอยู่บริเวณด้านข้างของโลงศพหยกในเวลาเดียวกัน แต่ว่ากลับไม่มีคนใดที่คิดจะลงมือก่อน เพียงแต่จ้องไปยังร่องรอยที่อยู่ทางด้านบนของโลงศพหยกนั้นอย่างรวดเร็ว

 

ร่องรอยที่เกิดขึ้นอยู่ทางด้านบนของโลงศพนี้ที่หลงเหลือเอาไว้อยู่ แม้จะมิใช่สิ่งที่มีไว้สืบทอดต่อแต่เดิมที เพียงแต่ก็ยังถือได้ว่าเป็นการบันทึกของความลับของสวรรค์ที่น่าตกใจ

 

จักรพรรดิฟ้าตะวันออกจักรพรรดิฟ้าชิงในช่วงบั่นปลายชีวิต ทราบดีว่าตนนั้นมีเวลาเหลืออีกไม่มาก ดังนั้น เขาจึงเสาะหาไปทั่วทุกสารทิศ เสาะหาบริเวณที่เป็นสุสานได้ แต่ว่าในช่วงที่กลับไม่ตั้งใจได้พบครอบครองกับเบาะแสเงื่อนซากปรักหักพัง ชี้ไปยังทางด้านสถานที่แห่งนี้ เป็นที่ชัดเจนว่าเป็นความลับของความสำเร็จแห่งเซียนอันยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้

 

ด้วยพลังฝีมือของจักรพรรดิฟ้าชิง เมื่อช่วงเวลาที่ได้มาถึงยังทางด้านนอกของดินแดนเสี่ยวหนาน ก็มองออกได้ว่า สถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นสภาพพื้นที่แห่งการสังหารที่ถูกปกคลุมเอาไว้อย่างน่าตกใจ เขาจึงได้ใช้พลังฝีมืออันน่าตกใจเพื่อเปิดทางขึ้นมา ไม่แต่เพียงสามารถที่จะควบคุมสภาวะสังหารลงได้ ยังได้เข้ามายังภายในสถานที่แห่งนี้ เพื่อที่จะเสาะหาความลับอันยิ่งใหญ่แห่งเซียน ในเวลาเดียวกันยังถึงกับได้คลี่คลายสภาวะสังหารในบริเวณที่เป็นใจกลางของสถานที่แห่งนี้อีกด้วย มิเช่นนั้นแล้วละก็ ในครั้งนี้มีคนเข้ามามากมายเท่าใด ก็คงจะต้องตายเท่านั้นแล้ว

 

หลังจากเมื่อมาถึงยังสถานที่แห่งนี้ จักรพรรดิฟ้าชิงจึงค่อยได้พบว่า ใจกลางโลงศพหยกก็ได้ถูกผนึกเอาไว้ด้วยจิตมารเซียน แต่ว่าเซียนที่แท้จริงนั้นกลับยังไม่อาจที่จะเสาะหาได้พบ ในเวลาเดียวกันสถานที่แห่งนี้ยังมีมีเศษภาพของเส้นทางเซียนอยู่ชิ้นหนึ่ง เหมือนกับเป็นความหวังที่จะสามารถที่จะชี้นำเข้าไปยังสายทางแห่งเซียนเอาไว้ได้

 

จักรพรรดิฟ้าชิงในช่วงเวลาที่เหลือเวลาไม่มากแล้ว ก็ได้ตัดสินใจที่จะใช้โอกาสนี้ สู้กับเส้นทางเซียน เสาะหาความลับเซียน ในเวลาเดียวกันก็ได้คาดหวังว่าผู้สืบทอดในภายหลังจะสามารถที่จะได้ครอบครอง เพื่อที่จะได้เป็นความเชิดชูเผ่ามนุษย์ให้ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น

 

ดูจนถึงสุดท้าย คนมากมายต่างก็มีสีหน้าประหลาดอย่างถึงที่สุด เพราะว่า ความลับอันยิ่งใหญ่ในที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นที่วุ่นวายอย่างยิ่ง ความลับเหล่านี้หากมองจากสถานะของผู้คนในสถานที่แห่งนี้ อย่างน้อยต่างก็ไม่มีคุณสมบัติพอที่จะสัมผัสได้ เพราะว่าทั้งหมดนั้นมีความเกี่ยวข้องกับเซียน แต่ว่าก็เหมือนกับสิ่งที่เกินเอื้อมจนเกินไป อีกทั้งสิ่งต่างๆ มากมายที่จักรพรรดิฟ้าชิงทิ้งเอาไว้ก็ยังเพียงแค่การคาดคะเนเท่านั้น มิได้มีสิ่งของใดเป็นเครื่องยืนยันได้ คนที่ยังไม่อาจที่จะเข้าสู่ขอบเขตนั้นได้ ก็แทบจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงได้ว่าเป็นอะไรกันแน่ แน่นอนว่า นอกเสียจากความลับอันยิ่งใหญ่เหล่านี้แล้ว ร่องรอยเหล่านี้ยังเหมือนกับเป็นสิ่งที่เป็นความเข้าใจที่ไว้ใช้ฝึกปรือก็ว่าได้ ย่อมต้องมีความสำคัญต่อชนชั้นมหาราชันเป็นอย่างยิ่ง

 

แต่ว่าที่สำคัญที่สุด สิ่งที่จักรพรรดิฟ้าชิงหลงเหลือสิ่งสืบทอดเอาไว้ คำพูดทั้งหมดที่เขาต้องการที่จะหลงเหลือไว้ให้ชนรุ่นหลัง ขณะนี้ก็ไม่อาจที่จะพบเห็นได้อีก ตำนานคัมภีร์ซี่ฮวางจี่ที่เขาแม้ว่าจะไม่จำเป็นต้องได้เอื้อนเอ่ย แต่ว่ากลับไม่มีรายละเอียดที่เป็นที่บ่งบอกถึงความนัยเลย

 

ในข้อนี้ก็พอที่จะทำให้ผู้คนกล่าวอันใดไม่ออกเป็นอย่างยิ่ง เป็นไปได้ว่า ความยากลำบากในการมาจนถึงสถานที่แห่งนี้ในครั้งนี้ กลับต้องกลับไปมือเปล่าให้ได้อย่างงั้นหรือ ?

 

“ตูม——”

 

ทันใดนั้น ชนชั้นมหาราชันของหุบเขากระบี่แดนตงฮวงก็ได้ลงมือ ฟันกระบี่มุ่งหน้าลงไปยังโลงศพหยก เขาคิดไม่ถึงว่ายังคิดที่จะเดินไปยังทางด้านของฝาครอบโลงศพไปในทันที เพราะว่าที่นี่กล่าวได้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับความลับอันยิ่งใหญ่สายหนึ่ง ราวกับมีส่วนเกี่ยวข้องกับแดนตงฮวง

 

กระบี่โบราณแดนตงฮวงของชนชั้นมหาราชันที่พึ่งใช้ออกมา ตลอดทั่วทั้งท่ามกลางสนามก็ได้เกิดความวุ่นวายขึ้นมายกใหญ่ ทว่าเพียงแค่ชั่วพริบตาเดียว ชนชั้นมหาราชันของมหาราชันเหยียนกับไม้เท้ากระดูกในมือก็ได้ลงมือฆ่าสังหารออกไปในเวลาเดียวกัน วินาทีนั้นเอง อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุทั้งสามสายก็ได้พุ่งขึ้นมา ก็ได้ถูกเบิกขึ้นมาเข้าปะทะกัน

 

“ซวบ——”

 

ไต๋ซือหวู่โหวใช้มือข้างหนึ่งคว้าไปยังฝาครอบโลงศพหยกโลงศพที่ถูกเปิดขึ้นมาเมื่อครู่นี้ โบกมือคราหนึ่ง ก็ได้นำพาเยี่ยจงและคณะถอยออกไป มิได้มีส่วนร่วมกับการต่อสู้อันวุ่นวายในที่แห่งนี้

 

“สิ่งของที่ได้รับมาจึงถือเป็นของพวกเรา ท่ามกลางพวกเรายังมีชนชั้นมหาราชันถึงผู้หนึ่ง ไม่มีวิธีพอที่จะกดดันพวกเขาไปได้ เมื่อมีของสิ่งนี้ก็ถือได้ว่าเพียงพอแล้ว ! ” ไต๋ซือหวู่โหวส่งเสียงดังชิออกมา เอ่ยขึ้นมาที่มุมปาก เห็นได้ชัดเขาเองก็มีความคิดเช่นนี้มานับตั้งแต่แรกแล้ว

.

.

.

.

 

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset