เทพยุทธสะท้านภพ – ตอนที่ 570 ไล่ล่าชนชั้นมหาราชัน

ตอนที่ 570 ไล่ล่าชนชั้นมหาราชัน

 

“บรึม——”

 

วังวนทะเลอัสนีนับหมื่นสาย ทว่าพริบตานั้นก็ได้ผ่าลงมายังร่างของเยี่ยจงจนไม่อาจที่จะทำให้มองเห็นได้ เหมือนกับเขาได้อาบน้ำอยู่ท่ามกลางทะเลอัสนี ด้วยการชักนำเช่นนี้ ฝึกปรือคัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน ภายในใจไร้ซึ่งทุกสิ่งแม้กระทั่งตัวเอง จะมีก็แต่เพียงแค่ภายในปราณมหาสมุทร ที่ได้ค่อยๆ มีตำหนักเทวะหลังที่สองเกิดขึ้น

 

สีขาว สีม่วง สีแดง……

 

สีสันแต่ละสีก็ได้ปกคลุมไปด้วยคมอัสนีครั้งแล้วครั้งเล่า ปกคลุมเพิ่มขึ้นบนร่างกายของเยี่ยจงไม่หยุด เมื่อได้มองจากในที่ห่างไกล ขณะนี้ภายในรอบด้านของภูเขาโบราณที่เป็นจุดที่เยี่ยจงได้นั่งสมาธิอยู่ก็ได้เต็มเปี่ยมไปด้วยทะเลแห่งพ้นพลังสวรรค์ก็มิปาน ทัณฑ์อัสนีอันน่ากลัวเหมือนดังไม่อาจที่จะควบคุมได้

 

แม้ว่า นี้กลับมิใช่พ้นพลังสวรรค์อะไรหวาดกลัวที่ได้เผชิญหน้ากันในระดับขอบเขตที่ใหญ่อะไรมากมายนัก เพียงแต่ว่ายังเป็นเพียงแค่พ้นพลังสวรรค์ที่ยังอยู่ในขอบเขตที่เล็กเท่านั้น แต่ว่ายังคงทำให้ผู้คนเกิดอาการเนื้อเต้นใจสั่นขึ้นมาได้

 

ชนชั้นมหาราชันสิบกว่าตนก็ได้ถอยออกไปยังบริเวณที่ห่างไกล มีแต่เพียงอาการแตกตื่นอย่างไร้ที่เปรียบ เพียงแค่ชนชั้นราชันที่มีระดับพลังเพียงพลังเทวะขั้นที่หนึ่ง ถึงกับชักนำพ้นพลังสวรรค์มาเช่นนี้ได้ ถือได้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่เคยอยู่ในความคิดหรือความสงสัยมาก่อนเลยก็ซ่าได้ ควรทราบว่า ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันพวกเขากลุ่มนี้ แน่นอนว่าโดยส่วนมากย่อมไม่เคยที่จะมีประสบการณ์ผ่านพ้นกับสิ่งที่เรียกกันว่าพ้นพลังสวรรค์มาก่อน แต่ว่าขณะนี้ ชนชั้นราชันตัวเล็กๆ เพียงคนเดียว นึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะชักนำมาได้เช่นนี้อย่างงั้นหรือ ?

 

ภายในรอบด้านของภูเขาโบราณ เยี่ยจงก็ได้ปล่อยร่างกายออกมา เป็นกับทัณฑ์อัสนีกำลังเพิ่มพูนพลังชำระกระดูกให้พลังกายาทองไม่สูญสลายของตนเอง แม้ว่าผลลัพธ์จะธรรมดาอย่างยิ่ง แต่ว่าภายใต้การคงอยู่เช่นนี้อย่างยาวนาน เยี่ยจงก็มีความเป็นไปได้ที่จะก้าวเข้าสู่พลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จใหญ่ได้

 

ทัณฑ์อัสนีในครั้งนี้ กลับห่างไกลจากคำว่าน่ากลัวที่เยี่ยจงได้พบเจอในครั้งแรก แต่ว่าก็มีการแผ่กระจายของประกายสายฟ้าห้าสี ท่ามกลางภายในนั้นก็ได้เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยประกายแสงจากอัสนีที่เจิดจ้า หรือมิใช่พลังกายาทองไม่สูญสลายความสำเร็จเล็กของเยี่ยจงแล้ว เกรงว่าก็คงจะต้องถูกทำลายจนกลายเป็นผงไปแล้วก็ได้

 

เยี่ยจงก็ได้สงบจิตใจเอาไว้ ใจกลางลมปราณสมุทร ก็ได้มีวิหารเทวะขนาดเล็กเท่าหนึ่งกำปั้นปรากฏขึ้นมา วิหารเทวะแห่งนี้และวิหารเทวะที่ได้ปรากฏขึ้นมาก่อนหน้านี้แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง วิหารเทวะในรอบแรกนั้นได้ปรากฏขึ้นมาบนดอกบัวที่บาน และวิหารเทวะแห่งนี้กลับประดุจราวกับว่าเป็นดั่งพระจันทร์ที่เป็นประกายสาดส่องออกมาทั่ววิหารเทวะก็มิปาน กลายเป็นเพียงความเย็นเยียบสายหนึ่ง

 

ด้านบนของวิหารเทวะหลังนี้ ก็ได้มีเงาของมังกรฟ้าทั้งหมดเก้าสิบเก้าสายวนเวียนไปมา ที่มีเพียงจันทร์ดาราหนุนเสริมให้กันอยู่ แต่ว่ากลับยิ่งทวีความเร้นลับเพิ่มมากขึ้น

 

“ตูม——”

 

แล้วก็ได้ยินเสียงอัสนีบาตทอดลงมาอีก จนเกิดเสียงประดุจการระเบิดจากประกายอัสนีสายหนึ่งขึ้นที่บริเวณเหนือศีรษะของเยี่ยจง แต่ว่ากลับถูกสิ่งอื่นดึงเอาไว้ แล้วก็ได้ไหลเข้าไปยังภายในวิหารเทวะขั้นที่สองที่ปรากฏขึ้นมา

 

วิหารเทวะปรากฏขึ้นมาอย่างชัดเจน ทว่าภายในพริบตาก็ได้นำประกายอัสนีสายนั้นกลายเป็นพลังบริสุทธิ์ดั้งเดิมออกมา ในขณะนั้นเอง เยี่ยจงก็ถือได้ว่าได้เข้าสู่ขอบเขตราชันพลังเทวะขั้นที่สองแล้ว

 

และในเวลาเดียวกันนี้เอง ภาพมายาแต่ละสายก็ได้ทอเป็นประกายขึ้นภายในดวงตาของเยี่ยจง จนท้ายที่สุดภาพมายาก็ประดุจดั่งได้ก่อรวมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นประดุจเงามังกรที่แท้จริงตนหนึ่งขึ้นมา ลอยเข้าไปยังภายในวิหารเทวะขั้นที่สองในทันที

 

เยี่ยจงมีสภาวะจิตใจกลายเป็นดั่งห้วงสมุทร จ้องไปที่เงามังกรที่อยู่ท่ามกลางพลังเทวะขั้นที่สอง ภายในดวงตาก็ได้ปรากฏลำแสงขึ้นมาสองสาย จนกระทบเข้าไปยังเงามังกรตัวนั้น

 

ดวงตาทั้งคู่ของเขาก็ได้พร่ามัวขึ้นเล็กน้อย ภายใต้ความว่างเปล่า เงามังกรแท้ตัวหนึ่งก็ได้วนเวียนอยู่ภายใน ภายในดวงตา เหมือนดั่งสลายหายไปแล้วเกิดขึ้นมาใหม่

 

จนท้ายที่สุด ภายในดวงตาของเยี่ยจงก็ได้เหลือแต่เพียงมังกรใหญ่ตัวหนึ่งเท่านั้น จนไม่หลงเหลือสิ่งใดอีก ในเวลาเดียวกันทั่วทั้งวิหารเทวะก็ได้เกิดการสั่นไหวไม่หยุด ประดุจมีมังกรกำลังทะยานออกไปสู่สวรรค์เก้าชั้น

 

สิ่งที่เกิดขึ้นมานี้ได้ดำเนินไปเพียงแค่ไม่กี่ชั่วยามเท่านั้น ช่วงเวลาที่พ้นพลังสวรรค์ไม่หยุด เยี่ยจงก็ได้ต่อต้านอย่างถึงที่สุด ใช้ออกมาด้วยพลังเทวะสายนี้ออกมาไม่หยุด

 

พลังเทวะมังกรแท้ !

 

นี้คือสิ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของพลังเทวะที่ในครั้งนี้เยี่ยจงได้จดจำขึ้นมาจากสิ่งที่จักรพรรดิฟ้าตะวันออกจักรพรรดิฟ้าชิงได้หลงเหลือเอาไว้ แม้แต่เยี่ยจงเองก็ยังคิดไม่ถึง การเข้าสู่ท่ามกลางการแย่งชิงภายในพื้นที่สุสานเซียนในครั้งนี้ เขานึกไม่ถึงว่าจะสามารถที่จะได้ครอบครองหนึ่งในสี่ของพลังปราณฟ้าในตำนานอย่างพลังเทวะมังกรแท้

 

เรื่องเช่นนี้หากว่าถูกถ่ายทอดออกไปแล้วละก็ เกรงว่าขุมกำลังที่แต่เดิมยังพอที่จะมีความรู้สึกที่ดีต่อเยี่ยจงอยู่ก็ยังอดไม่ได้ที่จะลงมือ เพราะว่าสี่ลมปราณแห่งฟ้าในตำนาน ไม่ว่าจะเป็นพลังเทวะที่เหลือไว้อันใด ต่างก็น่าหวาดกลัวจนถึงขีดสุด เมื่อเทียบกับพลังเทวะตามปกติยังถือได้ว่าเหนือกว่าอยู่หลายเท่าตัว พลังทำลายเป็นที่น่าตกใจ

 

“น่าเสียดาย ไม่ว่าจะอยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นไร ก็ไม่อาจที่จะใช้พลังเทวะมังกรแท้สายนี้ออกมาได้ตามใจแล้ว ไม่เช่นนั้นหากไม่ระวังจะกลายเป็นก่อมรสุมสังหารขึ้นมาก็เป็นได้” เยี่ยจงถอนหายใจ จากนั้นภายใต้พลังอัสนีคำรนก็ได้ค่อยๆ ที่จะตัดมันออกมา

 

มาจนถึงขั้นนี้ ทัณฑ์พิโรธของเขาในครั้งนี้ก็สำเร็จไปได้อย่างงดงาม อีกทั้งยังได้มีการรวมพลังเทวะมังกรแท้เข้าสู่ภายในวิหารเทวะขั้นที่สองได้อีก จนพลังฝีมือปะทุเพิ่มขึ้นมา เป็นเหมือนดั่งได้เพิ่มพูนพังในการต่อสู้ขึ้นมาอย่างมากมาย ต่อให้ไม่ต้องพึ่งพาไพ่ตายเหล่านั้น เยี่ยจงก็มีความมั่นใจว่าสามารถที่แย่งชิงตำแหน่งบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์สูงสุดแห่งดินแดนได้

 

แน่นอนว่า ในส่วนที่สำคัญที่ส่วนนี้ก็คือร่องรอยของจักรพรรดิฟ้าชิงที่เขาได้พบเห็นก่อนหน้า ทำให้เชื่อมต่อถึงพลังเทวะมังกรแท้ไปได้ กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของวิชาที่เหมาะสมที่สุดกับตนเอง หากเป็นไปตามการคาดเดาของเยี่ยจง พลังเทวะของจักรพรรดิฟ้าชิงสายนี้ แม้ว่ามีความเป็นไปได้อย่างมากที่มังกรแท้จะมีที่มามาจากตำนาน แต่ว่าเขากลับใช้มาเพื่อที่การทะลวงพลัง ยิ่งไปกว่านั้นกลับกลายเป็นว่ายิ่งมีความเหมาะสมเพื่อให้เผ่ามนุษย์ใช้ได้ มิเช่นนั้นแล้วละก็ ต่อให้เยี่ยจงมีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งกว่านี้ ก็ไม่อาจที่จะ ฝึกปรือพลังเทวะเช่นนี้ได้ด้วยช่วงเวลาเพียงสั้นๆ ได้สำเร็จ

 

“ขอบเขตราชันพลังเทวะขั้นที่สอง ! ”

 

เยี่ยจงถอนหายใจออกมาคำหนึ่ง จากนั้นเขาก็ได้ค่อยๆ เดินเข้ามาจนถึงบริเวณทางด้านข้างของทะเลอัสนี เผยร่างกายออกมา จ้องไปยังบริเวณที่ไม่ห่างไกลเขาหลายลูก

 

ขณะนี้ ชนชั้นมหาราชันเหล่านั้นต่างก็ได้ถอยออกไปจนถึงเขตแดนที่เป็นจุดเริ่มต้นกันแล้ว แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ ด้วยสายตาของเยี่ยจงก็ยังคงสามารถที่จะพบเห็นสีหน้าอารมณ์ของคนเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน

 

มหาราชันเผ่าปีกขมวดคิ้วเล็กน้อย กระดิ่งเซียนก็ได้ปรากฏอยู่เหนือศีรษะ ไม่ทราบว่ากำลังคิดอะไรอยู่

 

มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้ทอสีหน้าเย็นชาหนักแน่นขึ้นมา ภายในดวงตาก็ได้เผยรังสีฆ่าฟันออกมา เห็นได้ชัดว่า ความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง ได้ทำให้เขาที่เป็นถึงปีศาจมหาราชันคิดที่จะลงมือด้วยตนเองแล้ว

 

นอกจากนี้ ขณะนี้มหาราชันปีศาจทุนเทียนกลับยิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ไม่หลงเหลือสภาวะท่าทีของความสุขุมดั่งเช่นก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย

 

“เยี่ยจงผู้นี้ ในครั้งนี้ไม่ทราบว่าได้ครอบครองสิ่งของที่ดีอันใดอีกกัน นึกไม่ถึงจะสามารถที่จะผ่านพ้นทัณฑ์พิโรธในสถานที่แห่งนี้ไปได้ อีกทั้งดูจากลักษณะของเขาแล้ว คาดว่าน่าจะมีความสำเร็จกว่าแปดส่วนแล้ว ! ”

 

“สำเร็จแล้วจะอย่างไรกัน ? ชนชั้นรุ่นหลังเช่นนี้ ไม่อาจปล่อยให้เติบโตต่อไปได้อีกแล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วจะช้าจะเร็วจะต้องกลายมาเป็นการคุกคามของพวกข้าได้อย่างแน่นอน มหาราชันเช่นข้าวันนี้จะสังหารตัดพรสวรรค์นี้ไปซะ ให้เขาสิ้นชีพอยู่ในสถานที่แห่งนี้เถอะ”

 

“มหาราชันเช่นข้าได้ตัดสินใจที่จะลงมือด้วยตัวเองแล้ว ! ”

 

ชนชั้นมหาราชันกลุ่มนี้ถึงขั้นที่ไม่สนใจอีกต่อไปแล้ว บนใบหน้าก็ได้เผยออกมาให้เห็นถึงรังสีฆ่าฟัน พร้อมที่จะลงมือได้ทุกเวลา

 

“พวกเจ้าคิดจริงหรือว่า ข้าเพียงแค่มองดูพวกเจ้าแค่คราเดียว จึงค่อยข้ามพ้นพลังสวรรค์ในที่แห่งนี้งั้นหรือ ? ”

 

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา จ้องไปที่ทางด้านนั้น จากนั้นเขาก็เคลื่อนไหวร่างกายคราหนึ่ง มุ่งหน้าไปบริเวณทางด้านหน้า

 

“บรึม——”

 

ตามความเคลื่อนไหวของเยี่ยจง เดิมทีที่ถือได้ว่ารวดเร็วจนแทบจะถึงขีดสุดด้วยการรวมพ้นพลังสวรรค์ขึ้นมาภายในพริบตาในขณะนั้นเอง ก็ได้ดูดุดันขึ้นมาอีก จากนั้นเยี่ยจงก็ประดุจดั่งได้ชักนำพ้นพลังสวรรค์ไปด้วยก็มิปาน มุ่งหน้าทะยานออกไปยังบริเวณทางด้านหน้า

 

มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ มหาราชันปีศาจทุนเทียน มหาราชันเผ่าปีก บรรพบุรุษวิหคทองคำ เฒ่าประหลาดอัสนีลี้ลับเป็นต้นที่เป็นชนชั้นมหาราชันต่างก็งงงันขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นก็ได้ขยับเท้ากันลอยขึ้น และชนชั้นมหาราชันตนอื่นๆ และชนชั้นราชันที่พบเห็นฉากนี้ แต่ละคนต่างก็ขนลุกชูชัน ลอยออกไปอย่างรวดเร็ว

 

“เด็กน้อยผู้นี้ นึกไม่ถึงว่าจะถึงกับชักนำพ้นพลังสวรรค์เพื่อลงมือกับชนชั้นมหาราชัน ! สมควรที่จะสับเขาเป็นพันหมื่นชิ้นไปตั้งแต่แรกแล้ว ! ”

 

“ให้ตายเถอะ นี้เขาเตรียมพร้อมที่จะเข่นฆ่าผู้คนทั้งหมดในสถานที่แห่งนี้หรือไงกัน ? ช่างชั่วร้ายเกินไปแล้ว ! ”

 

ยอดฝีมือกลุ่มใหญ่ต่างก็ด่าทอออกมาระงบ วิ่งหนีเร็วเสียยิ่งกว่ากระต่าย ต่อให้เป็นคนที่เมื่อครู่ได้ร่ำร้องว่าจะฆ่าสังหารเยี่ยจง ขณะนี้ต่างก็ได้หนีเร็วเสียยิ่งกว่าผู้ใด

 

ขณะนี้ ภายใต้การควบคุมของเยี่ยจง วังวนทั้งหมดของพ้นพลังสวรรค์ก็ได้ขยายตัวใหญ่ขึ้น ราวกับสามารถที่จะบอกได้ว่ามันจะใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ ได้ บริเวณโดยรอบนับสิบลี้ต่างก็เต็มไปด้วยวังวนอัสนี พ้นพลังสวรรค์บริเวณรอบข้างทั้งหมด ภูเขาศิลาแตกกระจาย ไม้ศิลาแหลกกลายเป็นผง ก่อเกิดเสียงดังสนั่นยาวภายในอากาศ ทำให้จิตวิญญาณผู้คนแทบแหลกสลาย

 

ภาพที่เกิดขึ้นนี้ประดุจดั่งวันสิ้นโลกก็มิปาน รอบด้านต่างก็กลายเป็นสีขาวโพลนทั้งสาย นอกเสียจากเยี่ยจงที่เป็นผู้ที่มีกายเนื้อที่แข็งแกร่งแล้ว ไม่เช่นนั้นต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันแห่งแดนเข้ามายังภายในท่ามกลางทะเลอัสนี ต่างก็มีแต่เพียงความตายเท่านั้นที่กำลังรออยู่

 

บวกกับ ขณะนี้เขตแดนสายนี้มิได้มีพลังแรงกดดันวิถีเซียนปกคลุม เยี่ยจงก็ยิ่งใช้พลังออกมาในระดับสูงสุดได้ เขาก้าวเท้าใช้ออกด้วยวิชาดำดินรุกคืบ ปิดตายบริเวณทางด้านมหาราชันทั้งสองตนแห่งหุบเขาหมื่นปีศาจ ใช้ความเร็วสูงสุดเข้าไล่ตาม

 

ถ้าหากเป็นตามปกติ อย่าว่าแต่เขาเองเลย ต่อให้เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์สตรีศักดิ์สิทธิ์ร่วมมือกัน ก็ใช่ว่าจะมีความสามารถที่จะสามารถที่จะต่อกรกับชนชั้นมหาราชันตนหนึ่งได้ เพราะว่าชนชั้นมหาราชันถือเป็นเหมือนกับเครื่องหมายที่หมายถึงความแข็งแกร่งที่สุดก็ว่าได้ แต่ว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับพ้นพลังสวรรค์ ต่อให้เป็นคนที่มีอารมณ์ที่มุทะลุอย่างมหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อ ขณะนี้ต่างก็ยังไม่อาจที่จะแสดงออกมาได้เลยแม้เพียงครึ่งเสี้ยว ในขณะที่ได้หนีกลับไม่ช้าไปกว่าใครเลย คาดว่าหลังจากที่เขาได้สำเร็จในระดับมหาราชันแล้ว อาจจะเป็นไปได้ว่านี้ถือเป็นครั้งแรกที่เป็นเช่นนี้ก็ว่าได้

 

“เดรัจฉานน้อยผู้นี้มุ่งหน้ามาทางพวกเราแล้ว ! ทุกท่าน ข้าที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน เป็นไปได้ว่าที่จะต้องถอยไปเช่นนี้ให้ได้จริงงั้นหรือ ? ทุกคนร่วมมือกัน ขอเพียงสังหารเขาลงได้ในทันที จะต้องทำให้พ้นพลังสวรรค์ของเขาหายไปได้แน่ ! ” มหาราชันปีศาจลิ่วเอ่อก็ได้ส่งเสียงดังกังวานขึ้นมา ก็ได้แผ่กระจายออกไปบริเวณท่ามกลางสถานที่แห่งนี้

 

“เจ้าหนูผู้นี้มีของดีอยู่กับตัวมากมาย คัมภีร์กฎแห่งสวรรค์ คัมภีร์สายทางแห่งดวงตะวัน อาวุธศักดิ์สิทธิ์ขั้นบรรลุ เพิ่มเติมกับสิ่งที่เหลือทิ้งไว้ของจักรพรรดิฟ้าชิงในครั้งนี้อีกที่มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าเขาเองก็ได้ได้ครอบครองมันไปแล้ว จะต้องให้เขาทิ้งเอาไว้ ไม่เช่นนั้นพวกเราในครั้งนี้ก็คงจะไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ! ” มหาราชันเผ่าปีกเองก็ได้เอ่ยปากขึ้นมาอย่างเยือกเย็น ทอสีหน้าเมินเฉย

 

“ชั่งเป็นจิตใจที่อำมหิตยิ่งนัก นึกไม่ถึงจะชักนำพ้นพลังสวรรค์เพื่อที่จะฆ่าสังหารชนชั้นมหาราชัน นี้คิดที่จะก่อความวุ่นวายให้แดนซีฮวงเราหรือไง เขายังไงก็ต้องตาย ! ” บรรพบุรุษวิหคทองคำเอ่ยปากขึ้นมาอย่างเย็นชา ทอสีหน้าเยียบเย็นขึ้นมา

 

ชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ต่างก็หมายจะลงมือกับเยี่ยจงกันแล้ว อีกทั้งต่างก็ยังถือได้ว่าเป็นกองกำลังที่ได้เข้าร่วมการลบล้างลัทธิแห่งดวงดาวในครั้งนี้อีกด้วย ดังนั้น ขณะนี้ต่างก็อยู่ในสภาวะเตรียมพร้อม หวังจะให้ชนชั้นมหาราชันทั้งหมดร่วมมือกัน เพื่อที่จะต้านทานเยี่ยจงเอาไว้

 

เพราะว่า อย่าได้แต่ให้เยี่ยจงสังหารชนชั้นมหาราชันทั้งหลายเลย ต่อให้เป็นให้เขาหนีไปแทนแล้วละก็ เกรงว่าพวกเขาเหล่านี้ต่างก็คงไม่เป็นอันหลับนอนได้อย่างสุขสบายอย่างแน่นอน เพราะว่า ขณะนี้เยี่ยจงก็ได้มีการเติบโตที่เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาได้แล้ว

 

“ชิ——”

 

เยี่ยจงหัวเราะเสียงเย็นชา แม้ว่าจะอยู่ในระยะไกล แต่ว่าก็ยังสามารถที่จะได้ยินเสียงตะโกนของชนชั้นมหาราชันเหล่านี้ว่ากล่าวอะไรกันอยู่ เขาใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบจนถึงระดับสูงสุด ขยับไปประดุจการขยับปลายพู่กันไปยังบริเวณทางด้านหน้าของหุบเขาหมื่นปีศาจที่ปีศาจมหาราชันเหล่านั้นอยู่ เมื่อมาจนถึงขั้นนี้แล้ว อีกฝ่ายก็ยังคงคิดที่จะให้คนอื่นๆ สนับสนุนเพื่อที่จะฆ่าเขา เขาย่อมไม่อาจที่จะเกิดความเกรงใจขึ้นมาได้อย่างแน่นอน

 

ระดับความเร็วของปีศาจมหาราชันหลายตนนี้ไม่ถือว่ารวดเร็วมากนัก แต่ว่าพวกเขาต่อให้เป็นเร็วขึ้นกว่านี้ ขณะนี้เยี่ยจงก็ถือได้ว่าได้ใช้ออกมาด้วยวิชาดำดินรุกคืบที่เป็นวิชาประจำเผ่ามนุษย์ ด้วยความเร็วเช่นนี้ อีกทั้งยังถือได้ว่าเป็นระดับความเร็วที่เร็วที่สุดในปฐพีเลยก็ว่าได้ ท่าร่างหลบเลี่ยงห้าธาตุและอีกหลายวิชาที่ถือได้ว่ายังพอที่จะเทียบเคียงได้ ในส่วนของคนอื่นๆ ต่อให้เป็นชนชั้นมหาราชันก็ยังไม่อาจที่จะเทียบได้ เพราะว่าวิชาดำดินรุกคืบถือได้ว่าเป็นที่สุดแห่งดินแดนแล้ว

 

“เดรัจฉานน้อยผู้นี้คิดที่จะไล่ตามขึ้นมาแล้ว ! ”

 

ในขณะนั้นเอง ตนเองที่เป็นถึงชนชั้นมหาราชัน มหาราชันปีศาจทุนเทียนเองก็ไร้สุ้มเสียง เมื่อได้ฟังจากสิ่งที่ได้ยิน เขาก็แทบอยากจะฟาดเยี่ยจงให้ตายคามือไปในทันที แต่ก็ยังคงเกิดความหวาดกลัวต่อเยี่ยจงอย่างถึงขีดสุด

 

อีกทั้ง ขณะนี้เยี่ยจงเห็นได้ชัดว่าเขาต้องโทษตายไปแล้ว จึงได้มุ่งหน้าทะยานเข้ามาจนถึงบริเวณที่เขาอยู่ในทันที เห็นได้ชัดคิดที่จะพลังจากพ้นพลังสวรรค์ สังหารเขาไปในทันที

 

“ทุกท่านร่วมมือกันลงมือ อาจจะมีโอกาสที่จะจัดการสังหารเจ้าหนูผู้นี้ได้ ! ” มหาราชันเผ่าปีกทอสีหน้าเปลี่ยนแปลงไปมากมายนับไม่ถ้วน ในที่สุดเขาก็ได้ใช้ออกมาด้วยกระดิ่งเซียน ทอเป็นประกายแห่งเซียนขึ้นมา ปกคลุมอยู่บนร่างของมหาราชันทั้งห้าตน เตรียมพร้อมที่จะต้านรับพ้นพลังสวรรค์

.

.

.

.

#########################################

กลุ่ม VIP 80ตอน/กลุ่ม/100บาท

โปรโมชั่น กลุ่ม 7-14 ราคา 700

VIP7 https://goo.gl/qrQ7GA
VIP8 https://goo.gl/Uzqf2x
VIP9 https://goo.gl/1jPZtn
VIP10 https://goo.gl/L8awva
VIP11 https://goo.gl/rojEiG
VIP12 https://bit.ly/375DtZJ
VIP13 https://bit.ly/2mkmj8y
VIP14 https://bit.ly/2YHVTfY

ช่องทางการโอนเงิน https://goo.gl/MnYB81
สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ INBOX ในเพจเลยครับ
https://www.facebook.com/ZuiQiangWuShen/

#########################################

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ

天帝路 (Tiāndì Lù) : lit. Heavenly Emperor Road, 星空下无敌 (Xīngkōng Xià Wúdí) : lit. Invincible Under the Starry Heavens, 最强武神 (Zuìqiáng Wǔshén)
Score 6.8
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2008 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง Strongest Martial God เทพยุทธสะท้านภพ หลังจากที่เยี่ยจงนั้นได้ตื่นขึ้นมา ปรากฏว่าทุกสิ่งทุกอย่างนั้นได้เปลี่ยนไป กำลังภายในของเขานั้นได้หายไป อาจารย์คนสวยก็ไม่อยู่ ในตอนนี้เขาเป็นเพียงขยะของตระกูลเยี่ย ถูกเปลี่ยนตัวคู่หมั่นหมาย เป็นคนพิการไม่สามารถที่จะฝึกวิชาได้ อีกทั้งยังมีหลายคนที่กำลังหมายหัวเอาชีวิตเขาอยู่ ถ้าหากต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาฟ้าลิขิต มีเพียงแต่ต้องแข็งแกร่งขึ้น ใช้มือของตนไคว่คว้าเอาไว้ เปลี่ยนเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในใต้หล้า

Comment

Options

not work with dark mode
Reset