“ทำอะไร? อยากจะตีฉันเหรอ? ฉันจะตอบโต้แน่ๆ อย่าคิดว่าเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะเธอกลัวนะ!” เย่เทียนเฉินมองหลิ่วหรูเหมยอย่างไม่พอใจพลางกล่าว
“นาย…ไอ้คนสมองหมู ในสมองไม่รู้ว่ามีอะไรอยู่บ้าง” หลิ่วหรูเหมยเองก็ก็โกรธจนทำหน้ายับปากยู่
“ถ้าฉันเป็นหมู งั้นเธอก็เป็นเหมือนฉันนั่นแหละ เพราะตอนนี้เธอกำลังคุยภาษาหมูๆ อยู่เหมือนกัน ถ้าแบ่งตามเพศ ฉันเป็นหมูตัวผู้ ส่วนเธอก็เป็นหมูตัว…ฮ่าๆๆๆ!”
“ฉันจะฆ่านาย!”
เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินและหลิ่วหรูเหมยเริ่มก่อเรื่องกันขึ้นมาอีก หย่งชุนไท่ หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น ทั้งสี่ต่างก็มองอย่างอับจนคำพูด ขอเพียงสองคนนี้เจอหน้ากัน จะต้องทะเลาะกันไม่รู้จักจบจักสิ้นราวกับศัตรูคู่อาฆาต โดยเฉพาะในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อที่เป็นอันตรายถึงความเป็นความตายเช่นนี้ ทั้งสองก็ยังมีกะจิตกะใจทะเลาะกันอีก นับถือพวกเขาจริงๆ
เมื่อสักครู่หลิ่วหรูเหมยยังอดที่จะเป็นห่วงเย่เทียนเฉินไม่ได้ แต่เมื่อได้พบคนคนนี้ โดยเฉพาะท่าทางไร้เหตุผลของเขา รวมกับปากที่พูดจาไม่มีหูรูดของเขา ทำให้ไฟแห่งความโกรธของเธอลุกโชน อยากจะอัดเจ้าหมอนี่แรงๆ สักยก น่าเสียดายที่ฝีมือของตัวเองอ่อนกว่าเขา
“เอาล่ะ พวกเรารีบไปจากที่นี่กันเถอะ เวลาเหลือไม่มากแล้ว” หย่งชุนไท่เปิดปากกล่าว
“อืม ผมเดาว่าทั้งรัฐวอชิงตันคงถูกปิดล็อดไว้หมดแล้ว บนอากาศก็มีเครื่องบินทหารบินวนไปวนมา จะสามารถออกไปจากเขตรัฐวอชิงตันได้หรือไม่ ล้วนเป็นปัญหานี้” เย่เทียนเฉินขมวดคิ้วพลางกล่าว
“ไปเถอะ จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว!” หลิวอวี่กล่าว
ทุกคนพยักหน้า ต่างรู้ดีว่าสถานการณ์คับขันเป็นอย่างมมาก ใครก็คิดไม่ถึงว่า รัฐบาลประเทศMจะไม่สนใจหน้าตาตัวเองเช่นนี้ ส่งกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตมาซุ่มโจมตีก่อน แล้วส่งหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศษมาปฏิบัติการ ตอนนี้กระทั่งกองทัพแห่งวอชิงตันก็ยังส่งออกมาแล้ว
หากกล่าวถึงกลุ่มทหารรับจ้างมารโลหิตและหน่วยสืบราชการลับพลังพิเศาแห่งประเทศM อย่างมากความสามารถส่วนบุคคลของพวกเขาก็แข็งแกร่ง แต่ตอนนี้ที่พวกเย่เทียนเฉินต้องเจอก็คือ กองกำลังทั้งหมดของวอชิงตัน ความสามัคคีก็คือพลัง คนคนเดียวต่อให้เก่งกาจ สามารถสู้คนร้อยคนได้ สู้คนหนึ่งพันคนได้ เช่นนั้นจะสามารถสู้กับคนหนึ่งหมื่นคนได้หรือ? ยิ่งไปกว่านั้นศัตรูนับหมื่นนับพันที่ต้องเจอ เป็นทหารที่ได้รับการฝึกฝนอย่างเข้มงวดอีกทั้งยังมีอาวุธพร้อมสรรพ
เมื่อพวกเย่เทียนเฉินมาถึงสถานที่ที่จอดเฮลิคอปเตอร์ไว้ พบว่าคนขับถูกคนอื่นฆ่าตายไปแล้ว ยังดีที่หลิวอวี่ขับเครื่องบินเลิคอปเตอร์เป็น จึงให้เขารับหน้าที่เป็นคนขับ หลังจากเห็นว่าหย่งชุนไท่ หลิ่วหรูเหมย และเฟยอวิ๋นที่พยุงเจียงเหมิงไว้ ขึ้นเครื่องกันไปเรียบร้อยแล้ว เย่เทียนเฉินก็นั่งลงตรงตำแหน่งผู้ช่วยคนขับ
“เอาเครื่องขึ้นเถอะ อีกสักครู่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น คุณไม่ต้องสนใจ คุณแค่ต้องมุ่งตรงไปข้างหน้า ออกจากเขตรัฐวอชิงตันไปให้ได้ก็พอ เรื่องอื่นผมจัดการเอง!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองหลิวอวี่อย่างจริงจัง
“อืม!” ตอนนี้หลิวอวี่เชื่อมั่นในตัวเย่เทียนเฉินเป็นอย่างมาก ระหว่างพวกเขาสองคนไม่มีบุญคุณความแค้นอะไรอีกแล้ว อย่างมากก็มีเพียงแค่ความต้องการแข่งขันกันระหว่างผู้แข็งแกร่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งนั่นก็ไม่ได้มีผลกระทบต่ออารมณ์ของทั้งสองแต่อย่างใด
หลายครั้งหลายครา เริ่มตั้แต่มาถึงวอชิงตันจนกระทั่งตอนนี้ หากไม่ใช่เพราะการลงมือของเย่เทียนเฉิน พวกเขาจะสามารถคุ้มครองหลิ่วหรูเหมยทำภารกิจจนสำเร็จได้อย่างไร ดังนั้น ความเข้าใจผิดที่พวกเขา หลิวอวี่ เจียงเหมิงและเฟยอวิ๋น มีต่อเย่เทียนเฉินก็ค่อยๆ คลี่คลายลง ส่วนหย่งชุนไท่เดิมทีก็มองเย่เทียนเฉินในแง่ดีอยู่แล้ว ทางด้านหลิ่วหรูเหมยนั้น ไม่รู้ว่าทั้งสองยังจะต้องทำสงครามปากกันไปอีกกี่ครั้ง
หลิวอวี่ขับเครื่องบินขึ้นมุ่งตรงไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ที่นั้นนับว่าเป็นสถานที่ที่มีกองกำลังรักษาการณ์อ่อนแอที่สุดในวอชิงตัน ก่อนมาพวกเขาได้ทำการค้นคว้ามาอย่างดี หย่งชุนไท่และหลิ่วหรูเหมยนั่งพักผ่อนอยู่บนที่นั่ง เฟยอวิ๋นกำลังพันแผลให้เจียงเหมิง ส่วนเย่เทียนเฉินหลังจากที่นั่งในเครื่องก็หลับตาพักผ่อนร่างกาย
สิบนาทีผ่านไป พวกเย่เทียนเฉินมาถึงทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวอชิงตันแล้ว ที่นั่นมีภูเขาสูงอยู่แห่งหนึ่ง ขอเพียงบินผ่านภูเขาลูกนั้นไปได้ก็จะออกจากเขตรัฐวอชิงตันแล้วและโดยปกติจะถือว่าปลอดภัย ใบหน้าของหลิวอวี่อบอุ่นขึ้นเล็กน้อย พวกหย่งชุนไท่และหลิ่วหรูเหมยก็ผ่อนลมหายใจ เดิมทีคิดว่าการที่เครื่องบินจะออกไปจากเขตรัฐวอชิงตันได้นั้นจะเป็นเรื่องยาก เมื่อสักครู่เย่เทียนเฉินก็ยังพูดว่าทั้งรัฐวอชิงตันถูกกองกำลังทหารปิดไว้หมดแล้ว พวกเขาคงไม่ถึงกับคิดไม่ถึงเรื่องการปิดน่านฟ้า
“ถ้านี่ผ่านไปด้วยดี พวกเราก็จะบินออกจากอาณาเขตรัฐวอชิงตันแล้ว” หลิวอวี่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ภารกิจประสบความสำเร็จอย่างราบรื่น” เฟยอวิ๋นเปิดปากกล่าว
ทันใดนั้นเอง เย่เทียนเฉินลืมตาทั้งสองมองไปยังเบื้องหน้าอย่างเคร่งขรึมพลางกล่าวว่า “มาแล้ว เลี้ยวขวา!”
“มาแล้ว? อะไรมา?” หลิวอวี่กล่าวถามออกไปอย่างงงงวย
เสียงบึ้มบึ้มบึ้มดังขึ้น เบื้องหน้าเฮลิคอปเตอร์ที่พวกหลิวอวี่โดยสารอยู่ปรากฏเครื่องบินทหารสองลำ ไม่รอให้พวกเขาได้ทันตอบสนอง ด้านหลังก็ปรากฏเครื่องบินทหารขึ้นอีกสองลำ บินเข้ามาล้อมพวกเขาไว้
“เลี้ยวขวา ที่เหลือผมจัดการเอง!” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเข้ม
หลิวอวี่ได้สติกลับมาก็รีบพาเครื่องหักขวา ไม่กล้าขับไปข้างหน้าอีก บนเครื่องบินทหารทั้งสี่ลำนี้ต่างก็ติดอาวุธหนักเอาไว้ มีกระทั่งจรวดนำวิถี พวกเขาที่ไม่มีทั้งปืนหรือระเบิดหากขับพุ่งเข้าไป ไม่ใช่ว่าจะเป็นการประเคนเป้าให้ผู้อื่นหรอกหรือ?
เย่เทียนเฉินหันไปมองหลิ่วหรูเหมยพลางกล่าวว่า “พวกเธอไปก่อนเลยไม่ต้องสนใจฉัน ฉันจะไปจัดการเครื่องบินสี่ลำนี่ก่อน”
“นี่…นาย…”
ไม่รอให้หลิ่วหรูเหมยพูดออกมา เย่เทียนเฉินก็เปิดประตูเครื่องบิน ใช้ฝ่ามือซ้ายประทับลงบนประตูลงร่างขึ้นมาบนเฮลิคอปเตอร์ มองเครื่องบินสี่ลำที่แบ่งเป็นหน้าหลังฝั่งละสองบินพุ่งเข้ามา เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว หากต้องการจะเก็บกวาดเครื่องบินทั้งสี่ลำนี้ จำเป็นจะต้องใช่เคล็ดวิชาพลังพิเศษที่มีความสามารถโจมตีรุนแรงในระยะไกล
สำหรับตอนนี้ ขอบเขตพลังพิเศษของเย่เทียนเฉินถึงระดับจอมราชันแล้ว แม้สำหรับชาติก่อนจะนับว่าอ่อนแอ แต่สำหรับโลกแห่งนี้นับว่าเป็นผู้แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง เพียงแต่มีเคล็ดวิชาบางอย่างที่ใช้ปริมาณพลังพิเศษค่อนข้างมากและทำให้พลังค่อยๆ หมดไป โดยปกติแล้วเย่เทียนเฉินมิอาจใช้ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อการทะลวงขอบเขตพลังของเขาในภายภาคหน้า ที่สำคัญที่สุดก็คือร่างกายนี้ยังไม่อาจรองรับเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่ยิ่งใหญ่ เพราะต้องฝึกฝนกล้ามเนื้อร่างกายให้แข็งแกร่งกว่านี้เสียก่อน
ปังปังปัง!
บนเครื่องบินทั้งสี่ลำต่างก็ติดตั้งปืนกลเอาไว้ ยิงกวาดมายังเฮลิคอปเตอร์ของพวกเย่เทียนเฉิน เป็นไปได้มากว่าจะยิงเครื่องบินเฮลิคอปเตอน์จนระเบิด และมีแนวโน้มว่าจะสามารถสกัดกั้นการหนีของพวกเย่เทียนเฉินได้
เพียงแต่น่าเสียดายที่ลูกกระสุนเหล่านั้นเมื่อยิงมาบนเฮลิคอปเตอร์ก็เกิดเพียงเสียงโลหะกระทบกันดังขึ้นเท่านั้น ไม่ได้ทะลุและไม่ได้ระเบิด ส่วนเย่เทียนเฉินยืนอยู่บนเฮลิคอเตอร์อย่างสงบ ทั่วทั้งร่างปกคลุมไปด้วยแสงสว่างอ่อนๆ ชั้นหนึ่ง หากถูกพวกหลิ่วหณุเหมยเห็นเข้าล่ะก็จะต้องตกใจจนกระโดดเป็นแน่ เนื่องจากพวกเขาไม่ทราบว่าเย่เทียนเฉินเป็นผู้มีพลังพิเศษ แถมยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่ชอบเชตพลังพิเศษไปถึงระดับจอมราชันแล้วด้วย
“ดูท่ายังต้องฝึกฝนกล้ามเนื้อให้แข็งแกร่งกว่านี้ โล่พลังจะได้แข็งแกร่งกว่านี้หน่อย รู้สึกประคองไม่อยู่แล้วแฮะ!” เย่เทียนเฉินมองรอยแตกในมือซ้าย มีรอยเลือดไหลออกมาเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
ตอนที่เครื่องบินหน้าหลังทั้งสี่ลำยิงปืนอยู่นั้น เย่เทียนเฉินก็ใช้หนึ่งในเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่เขาใช้ได้และเป็นวิชาพลังพิเศษที่มีพลังป้องกันสูงที่สุด ซึ่งก็คือ “โล่พลัง” มิฉะนั้นลูกปืนเหล่านั้นคงยิงเฮลิคอปเตอร์จนระเบิดไปนานแล้ว
ซู่ม!
เบื้องหน้ามีเครื่องบินทหารลำหนึ่งบินเข้ามายิงจรวดนำวิถีเข้าใส่ เย่เทียนเฉินตกใจจนชะงักไปครู่หนึ่ง ในใจคิดว่า พวกสัตว์ประหลาดประเทศMกลุ่มนี้โหดเหี้ยมจริงๆ เพื่อที่จะฆ่าคนไม่กี่คน กระทั่งเครื่องบินรบของทหารก็นำออกมาใช้ ทั้งยังติดตั้งจรวดนำวิถีไว้อีก โหดเหี้ยมเกินไปแล้ว ดูท่าตนเองจะต้องไปคุยกับประธานาธิบดีโฮบาม่าสักหน่อยจริงๆ เสียแล้ว มิฉะนั้นมันอัดอั้นตันใจ
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับจรวดนำวิถีที่ยิงมา เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้หลบ แต่ในเวลาชั่วพริบตานั้น ใช้ฝ่ามือที่แฝงไปด้วยพลังพิเศษปัดออกไป ทำให้จรวดนำวิถีเปลี่ยนทิศทางกลับไปยังเครื่องบินทหารที่ยิงจวรดออกมา
ทหารคนที่ยิงจรวดนำวิถีออกมา เมื่อเห็นว่าจรวดที่ตนยิงเปลี่ยนทิศทางเป็นยิงพุ่งมาทางเครื่องบินของพวกเขา ก็ตกใจจนหน้าซีด หลบไม่ทันแล้ว เสียงกรีดร้องดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น เครื่องบินระเบิดแล้ว ระเบิดกลางอากาศจนแตกเป็นเสี่ยงๆ ระเบิดเป็นดอกไม้ไฟอันสวยงาม
ตอนนี้เอง เครื่องบินที่เหลืออีกสามลำก็ถูกฉากน้ำทำเอาตกตะลึงจนนิ่งอึ้งไป พวกเขาเป็นทหารอากาศที่ปกป้องวอชิงตัน สามารถพูดได้อย่างไม่เกินจริงเลยว่า ต่อให้มีจรวดนำวิถีโจมตีมา ขอเพียงระยะห่างไม่ใกล้จนเกินไปพวกเขาก็สามารถขับเครื่องบินหักหลบได้ นี่คือความสามารถของทหารอากาศแห่งประเทศM แต่ตอนนี้ หนึ่งในทหารอากาศอันเยี่ยมยอดของพวกเขา กลับไม่สามารถหลบจรวดนำวิถีจากระยะไกลได้ ทั้งคนทั้งเครื่องบินถูกระเบิดเป็นจุล จะไม่ให้สั่นสะท้านได้อย่างไร?
แต่พวกเขาไม่มีโอกาสได้หวาดหวั่นอีกต่อไป บนมือซ้ายของเย่เทียนเฉินปรากฏธนูขึ้นหนึ่งอัน มือขวาปรากฏลูกศรหนึ่งดอก นี่เป็นสิ่งที่สร้างสรรค์ขึ้นมาจากพลังพิเศษของเขา หากต้องการรับมือกับเครื่องบินอีกสามลำก็จำเป็นต้องมีอาวุธที่สามารถฆ่าจากระยะไกลได้
หนึ่งธนูหนึ่งลูกธนู ขนานนามว่า “ธนูสายฟ้า” เย่เทียนเฉินในชาติก่อน ในค่ำคืนที่ลมและฝนกระหน่ำ มีเสียงฟ้าร้องโครมคราม เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขารกร้างแห่งหนึ่ง คืนนั้นเขาเตรียมจะทลวงไปสู่ขอบเขตระดับจักรพรรดิ ตอนที่ทะลวงอยู่นั้นได้ถูดสายฟ้าผ่าลงมาจู่โจมจนเกือบตาย จากพลังของสายฟ้านี้ ทำให้เย่เทียนเฉินคิดเคล็ดวิชาพลังพิเศษวิชานี้ขึ้นมาได้
ซู่ว!
ลูกธนูแสงดอกหนึ่งถูกยิงออกไปด้วยความเร็ว เย่เทียนเฉินปล่อยสายธนูสายฟ้าทำการโจมตีออกไปแล้วครั้งหนึ่ง เขารู้สึกว่าตนเองเวียนหัวเล็กน้อย การใช้ธนูสายฟ้านี้ช่างสิ้นเปลืองพลังพิเศษเหลือเกินและเย่เทียนเฉินก็เพิ่งจะทะลวงเข้าสู่ขอบเขตพลังระดับจอมราชันได้ไม่นาน ระดับความแข็งแกร่งของร่างกายยังไม่เพียงพอ ดังนั้นจึงกินแรงอยู่บ้าง หากไม่ใช่เพราะเป็นช่วงเวลาวิกฤต เขาก็จะไม่ใช้เคล็ดวิชานี้แน่นอน
แม้ว่าจะใช้พลังพิเศษทำให้จรวดนำวิถีเปลี่ยนทิศทาง จนสามารถระเบิดเครื่องบินไปได้หนึ่งลำ แต่ก็ยังเหลืออีกสามลำ หากว่าเครื่องบินทั้งสามลำนี้ยิงจรวดนำวิถีมาพร้อมกัน เย่เทียนเฉินก็ไม่กล้ารับประกันว่าตนเองจะสามารถเปลี่ยนทิศทางจรวดทั้งสามลูกได้พร้อมกัน ดังนั้นจึงใช้ธนูสายฟ้าชิงลงมือก่อน
ตู้ม!
เสียงดังสนั่นดังขึ้นอีกครั้ง เครื่องบินทหารลำที่สองระเบิดขึ้นกลางอากาศ ศรสายฟ้าที่ธนูสายฟ้ายิงออกไป มีความเร็วถึงขีดสุด โดยปกติไม่อาจหลบได้
ตอนนี้ไม่ใช่เพียงทหารของเครื่องบินอีกสองลำที่เหลือที่มองอย่างโง่งม กระทั่งหลิวอวี่ หย่งชุนไท่ หลิ่วหรูเหมย เฟยอวิ๋นและเจียงเหมิง ทั้งห้าที่อยู่ในเฮลิคอปเตอร์ก็ตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง พวกเขาเห็นเพียงลำแสงกระพริบ เครื่องบินสองลำของอีกฝ่ายก็ระเบิดไปแล้ว ไม่รู้จริงๆ ว่าเย่เทียนเฉินทำได้อย่างไร
……………………………………………………………