เย่เทียนเฉินบุกเข้าสู่ทำเนียบขาว กองหำลังทหารเขตสิบห้ากลุ่มนี้ไม่สามารถขัดขวางเขาไว้ได้ ยามเมื่อผู้มีพลังพิเศษขอบเขตจอมราชันคนหนึ่งระเบิดพลังเต็มที่ คนธรรมดาไม่อาจจะขัดขวางได้
บนเก้าอี้เอนของสวนหย่อมภายนอกทำเนียบขาว มีชายชราคนหนึ่งกำลังใช้ไม้เท้าพยุงตัว อายุราวเจ็ดสิบปี กำลังมองเย่เทียนเฉินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม มองไม่ออกถึงความเป็นปรปักษ์เลยแม้แต่น้อย
แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ดูเบาชายชราผู้นี้เลยสักนิด เนื่องจากเขาไม่อาจรู้สึกได้ถึงการผันผวนของพลังงานอันแข็งแกร่งบนร่างกายของชายชรา นี่ถึงจะเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง
ไม่ว่าจะในปัจจุบันหรือในช่วงสิ้นโลก ไม่ว่าจะเป็นผู้แข็งแกร่งแห่งพรรควรยุทธโบราณหรือยอดฝีมือผู้มีเคล็ดพลังพิเศษที่แข็งแกร่ง เมื่อขอบเขตของพวกเขาถึงขั้นสุดยอด ตอนที่ไม่ลงมือก็จะดูเหมือนคนธรรมดาไม่มีฝีมืออะไร เมื่อลงมือ ภายในร่างกายก็ราวกับซ่อนมังกรตัวใหญ่ไว้ตัวหนึ่ง เปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล แข็งแกร่งหาที่เปรียบ
“เย่เทียนเฉิน!” เย่เทียนเฉินได้สติกลับมาก็พูดไปด้วยรอยยิ้ม
“ดวงดาวบนฟากฟ้า จะต้องเป็นดาวที่เปล่งประกายแน่ เป็นชื่อที่ดี” โทมัสเอ่ยพลางยิ้มอย่างมีนัยยะ
“ไม่คิดว่าคุณจะพูดภาษาตะวันออกของพวกเราได้ พูดได้คล่องมากด้วย!”
พูดไป เย่เทียนเฉินก็นั่งลงที่เก้าอี้เอนตรงข้ามโทมัส เขารู้ว่าชายชราตรงหน้าไม่ธรรมดา อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาได้พบในโลกที่เขามาเกิดใหม่แห่งนี้ แม้แต่เขาเองก็ไม่มั่นใจว่าจะชนะชายชราคนนี้ได้ ท่าทางโลกแห่งนี้จะยังคงมียอดฝีมือที่ซ่อนเร้นอยู่
“เฮอๆ ประเทศตะวันออกที่ยิ่งใหญ่ได้รุ่งเรืองขึ้นแล้ว รุ่งเรืองอย่างยากที่จะต้านทานได้ รู้ภาษาของประเทศของพวกคุณก็เป็นเรื่องธรรมดา” โทมัสกล่าวอย่างจริงจัง
“ผมว่าผู้สูงอายุอย่างคุณนี่ใจกล้าไม่เลวเลยนะครับ กล้าพูดจายกยอประเทศตะวันออกอันยิ่งใหญ่ของผมอย่างโจ่งแจ้งในสถานที่อย่างทำเนียบขาวเช่นนี้ เบื่อชีวิตแล้วเหรอครับ?”
ในเมื่อมองไม่ออกว่าชายชราคนนี้แข็งแกร่งแค่ไหน งั้นคุยเล่นกับเขาอย่างผ่อนคลายสักหน่อยเลยดีกว่า ถึงจะรู้ว่านี่อาจจะเป็นศัตรูที่สุดจะแข็งแกร่ง แต่เย่เทียนเฉินเป็นคนประเภทดีมาดีกลับ ไม่ลงมืออย่างสะเพร่า และปรับตัวไปตามสถานการณ์
โทมัสได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม อยู่มาจนอายุปูนนี้ ทั้งยังแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ย่อมมองเรื่องราวต่างๆ ในโลกนี้ได้อย่างทะลุปรุโปร่งนานแล้ว หลายเรื่องเป็เพียงนเรื่องง่ายๆ ในสายตาของเขา ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ไม่มีอะไรที่พูดไม่ได้ ขอเพียงตนเองมีความสุขก็พอ
“พูดตามตรง ผมไม่ชอบวิธีการทำเรื่องราวต่างๆ ของรัฐบาลประเทศMเอาซะเลย ถ้าหากผมได้เป็นประธานาธิบดี ผมจะไล่โฮบาม่าลงไปซะเลย” โทมัสเอ่ยยิ้มๆ
“ผู้เฒ่าครับ ตอนนี้ผมนับถือคุณมากเลยนะครับ คุณนี่กล้าพูดจริงๆ ด้วย!” เย่เทียนเฉินเอ่ย อดไม่ได้ที่จะแปลกใจอยู่บ้าง
ณ เวลานี้ เย่เทียนเฉินและโทมัสไม่เหมือนกับศัตรูตัวฉกาจปะทะกัน แต่กลับดูเหมือนสหายต่างวัยกำลังคุยเล่นกันอยู่ ทำให้โฮบาม่าที่ยืนอยู่บนอาคารบริหารรู้สึกกังวล ยังมีบีชที่ร้อนใจดั่งมดที่อยู่บนกะทะร้อน ไม่รู้ว่าสองคนนี้กำลังทำอะไรอยู่
เย่เทียนเฉินคนเดียวก่อเรื่องใหญ่โตในวอชิงตัน ทั้งยังบุกเดี่ยวเข้ามายังทำเนียบขาวที่ถูกอารักขาอย่างเข้มงวดโดยยอดทหาร พริบตาเดียวก็ใกล้จะถึงเบื้องหน้าของโฮบาม่าแล้ว จะไม่ให้เขากังวลและตรึงเครียดได้อย่างไร
ชาวตะวันตกคนหนึ่ง หากมาถึงเบื้องหน้าของตนเองเช่นนี้จริงๆ ตนที่เป็นถึงประธานาธิบดีแห่งประเทศMจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ประเทศมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกอย่างประเทศMของตนจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ดังนั้นตอนนี้โฮบาม่าจึงมีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือให้โทมัสลงมือฆ่าเย่เทียนเฉินในทันที เพื่อเป็นการเตือนประเทศอื่นๆ บนโลกว่า ประเทศMหาเรื่องไม่ได้ ตำแหน่งมหาอำนาจของพวกเขาแข็งแกร่งยากจะล้มล้าง
“ไอ้เวรเอ๊ย ไอ้เวรโทมัสมันทำอะไรอยู่? ให้เขาลงมือซะ ให้เขาลงมือฆ่าชายชาวตะวันออกคนนั้นเดี๋ยวนี้” โฮบาม่าตะโกนด้วยความโกรธ
“ท่านประธานาธิบดีครับ ท่านระงับความโกรธไว้ก่อนนะครับ พวกเรารอดูก่อนเถอะครับ…” บีชพูดด้วยท่าทีลำบากใจ
“รอดูก่อน? ทำไมต้องรอดูก่อน หรือคำสั่งของประธานาธิบดีอย่างผม ยังมีคนกล้าไม่ฟังอยู่อีก?” โฮบาม่าได้ยินคำพูดของบีชก็ยิ่งโกรธมากขึ้นไปอีก
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ประธานาธิบดีโฮบาม่าที่เมื่ออยู่ต่อหน้าสื่อต่างๆ และอยู่ต่อหน้าสายตาของชาวโลก มักจะมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้าตลอดเวลาทั้งยังมีความเมตตาอบอุ่น จริงๆ แล้วจะเป็นคนจิตใจร้อนรุ่มมากคนหนึ่ง พอมีคน ไปสัมผัสถูผลประโยชน์ของเขา เขาก็จะฆ่าโดยไม่สนวิธีการ
ที่จริงแล้วยังมีสาเหตุสำคัญอีกสาเหตุหนึ่ง นั่นก็คือ เป็นครั้งแรกที่มีคนก่อเรื่องวุ่นวายใหญ่โตที่วอชิงตันซึ่งเป็นเมืองหลวงของประเทศM และยังบุกเดี่ยวเข้ามายังทำเนียบขาว นี่เป็นการโจมตีโฮบาม่าที่ร้ายแรงมากจริงๆ เขาไม่มีทางรับความจริงนี้ได้ ไม่มีทางยอมรับว่าชาวตะวันออกคนหนึ่งสามารถเที่ยวมาระรานในถิ่นของตนโดยที่ไม่สามารถหยุดยั้งได้ ก่อเรื่องออกมาจนสถานการณ์เป็นเช่นนี้ หากมากันอีกหลายๆ คน ไม่ใช่ว่าตำแหน่งประธานาธิบดีของเขาจะต้องสิ้นสุดลงทันทีหรอกหรือ?
“ท่านประธานาธิบดีครับ ท่าน ท่านลืมที่ได้สัญญาไว้กับโทมัสแล้วหรือครับ? อีกอย่างนิสัยของโทมัสแปลกประหลาดมาก ถ้าหากเขาล้มเลิกไม่ยอมทำแล้ว พวกเราที่นี่เกรงว่า…เกรงว่าไม่มีใครสามารถขัดขวางปีศาจตะวันออกได้เลย…” บีชกล่าวด้วยน้ำเสียงอันเบา
โฮบาม่ากำหมัดแน่น โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เขาไม่กล้าเดิมพันจริงๆ โทมัสคนนี้ไม่เชื่อฟังคำสั่งเหมือนกับคนอื่นๆ เป็นยอดฝีมือที่มีบุคลิกเฉพาะตัว ตอนที่โทมัสตอบรับว่าจะลงมือก็ได้พูดกับโฮบาม่าไว้แล้วว่า เขาจะขวางเย่เทียนเฉิน ปีศาจตะวันออกคนนี้ไว้ให้ ส่วนจะทำอย่างไรนั้น โทมัสหวังว่าจะไม่มีใครมาสอดมือ
กองกำลังเขตสิบห้าทั้งหมด กระทั่งRPGและรถหุ้มเกราะก็ล้วนนำออกมาใช้ ก็ยังคงไม่สามารถขัดขวางเย่เทียนเฉินไว้ได้ คนที่สามารถสู้กับเย่เทียนเฉินได้ ณ ที่นี้ตอนนี้ ก็เหลือเพีงแค่โทมัสจริงๆ ดังนั้นแม้โฮบาม่าจะโกรธมาก ทั้งยังไม่พอใจเหตุการณ์ที่โทมัสคุยเล่นกับเย่เทียนเฉิน แต่กลับทำได้เพียงอดทน ถ้าไม่ทนจะทำอย่างไรได้อีกล่ะ?
นี่อดไม่ได้ที่จะทำให้คนคิดถึงประโยคประโยคหนึ่งว่า เป็นประธานาธิบดีแล้วอย่างไร? ตอนที่ควรจะยอมรับการถูกกดขี่ก็ต้องยอมรับ
“ให้คนเตรียมขีปนาวุธ ผมจะต้องกำจัดคนคนนี้ให้ได้!” สุดท้ายโฮบาม่าก็เอ่ยขึ้นอย่างโหดเหี้ยม
“ครับ!” บีชพยักหน้า
ตอนที่โทมัสตอบรับว่าจะลงมือ โฮบาม่าก็คิดแล้วว่า ไม่ว่าจะอย่างไรก็ไม่อาจปล่อยให้ปีศาจตะวันออกคนนี้จากไปอย่างเป็นๆ ถ้าหากโทมัสไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เขาก็ไม่ถือสาที่จะใช้ขีปนาวุธกำจัดเย่เทียนเฉิน ทั้งในปัจจุบันนี้ขีปนาวุธติดตามที่ล้ำสมัยที่สุดของประเทศM มีพลังทำลายล้างมหาศาล ต่อให้สิ่งปลูกสร้างของวอชิงตันถูกทำลายไปด้วยเหตุนี้ หรือจะเป็นการทำร้ายประชาชนทั่วไปก็ไม่เสียดาย
โฮบาม่าเองก็เป็นคนที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง เขาไม่ยอมให้ใครมาท้าทายบารมีชื่อเสียงของเขาเด็ดขาด เขาได้เตรียมใจไว้ตั้งนานแล้วว่า จะฆ่าเย่เทียนเฉินโดยที่ไม่สนใจว่าจะต้องแลกกับอะไร
ตอนนี้ เย่เทียนเฉินและโทมัสพูดคุยแลกเปลี่ยนกันอย่างคึกคัก ท่าทีไม่เหมือนกับจะลงมือโดยสิ้นเชิง กลับเหมือนเพื่อนสองคนมากกว่า ขาดก็แต่การจับเข่าคุยกันเท่านั้น
“คุณรู้ไหมว่าผมปรากฏตัวที่นี่เพราะอะไร?” โทมัสมองเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มพลางเอ่ยถาม
“ไม่รู้สิครับ เดาว่าคงมานั่งเก้าอี้เอนนี่ล่ะมั้ง!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างนึกสนุก
“รัฐบาลประเทศMพวกนี้ต่างเป็นพวกไร้ประโยชน์ พวกเขาฆ่าคุณไม่ได้ เลยเรียกผมมาฆ่า!” โทมัสกล่าว จ้องมองไปยังดวงตาของเย่เทียนเฉิน
เย่เทียนเฉินชะงัก ถามออกไปอย่างผ่อนคลายว่า “งั้นคุณรู้ไหมว่าผมมาทำอะไรที่นี่?”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีคุณคงมาดูน้ำพุล่ะมั้ง?” โทมัสเองก็พูดติดตลก
“จริงๆ ผมหิวมากเลยน่ะครับ เที่ยวเตร่อยู่ในเขตเมืองวอชิงตันอยู่ตั้งนาน อยากจะให้โฮบาม่าเจ้าถิ่นของที่นี่เลี้ยงข้าวผมสักหน่อย” เย่เทียนเฉินยักไหล่ เอ่ยด้วยท่าทางจนปัญญา
โทมัสพยักหน้า เขารู้สึกว่าชายวัยรุ่นตรงหน้ามีกลิ่นไอของราชัน เผชิญหน้ากับตนโดยไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย บางทีเขาอาจจะมีความสามารถที่ต่อกรกับตนเองได้ สิบปีแล้ว เป็นเวลาสิบปีแล้ว สิบปีที่โทมัสไม่ได้ลงมือ ในสิบปีนี้ก็ไม่เจอศัตรูที่คู่ควรให้เขาลงมือ แต่วันนี้เขามีลางสังหรณ์ว่า ตนเองจะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่
“ดูสิ พวกเราคุยกันมานานขนาดนี้แล้ว ใครหลายคนคงรอจนร้อนใจหมดแล้ว ถ้ายังไงมาออกกำลังยืดเส้นยืดสายกันหน่อยเป็นไง?” โทมัสพูดแล้วพยุงไม้เท้าขึ้นยืน
เมื่อเห็นโทมัสยืนขึ้น เย่เทียนเฉินก็คาบบุหรี่ไว้ที่ปากแล้วสูบเข้าไปเฮือกใหญ่ เขาจริงจังขึ้นมาแล้ว ตั้งแต่เกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เป็นครั้งแรกที่มีความรู้สึกว่าได้เผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจ โทมัส ชายชราตรงหน้าคนนี้ ไม่อาจดูเบาได้เป็นอันขาด
“ถึงคุณจะอายุน้อย ผมเองก็ไม่อยากทำลายผู้มีพรสวรรค์ แต่บางทีก็ยากจะหลีกเลี่ยงการพลาดพลั้งไปได้ ระวังตัวด้วย…” โทมัสกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“แต่ไหนแต่ไหนผมไม่ต่อยตีกับคนชรา แต่บางที่ก็ฆ่า…” เย่เทียนเฉินเอ่ยพลางยิ้มอย่างไม่ใส่ใจนัก
เย่เทียนเฉินและโทมัส ทั้งสองต่างก็มีรอยยิ้มที่ดูไม่มีพิษมีภัยอยู่บนใบหน้า ราวกับไม่อาจทำลายความสงบสุขของโลกได้อย่างไรอย่างนั้น แต่ทั้งสองต่างก็มองอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวัง เนื่องจากพวกเขามองไม่ออกถึงความตื้นลึกหนาบางของอีกฝ่าย เมื่อลงมือ เป็นไปได้ว่าจะทำให้ผู้คนต้องประหลาดใจ
ฉัวะ!
โทมัสลงมือก่อน ไม่มีการกระทำที่สูญเปล่าอยู่เลย เขาใช้มือซ้ายถือไม้เท้า นิ้วกลางและนิ้วชี้ข้างขวาชิดกัน ชี้ไปยังเย่เทียนเฉิน
ตู้ม!
เย่เทียนเฉินแฉลบตัวหลบกระบวนท่าของโทมัส ลมปราณสองสายพุ่งปะทะบนตัวรูปปั้นเหล็กที่อยู่ด้านหลังเก้าอี้เอนจนรูปปั้นทะลุในพริบตา ปรากฏรูเท่านิ้วขึ้นสองรู
ฟิ้วๆๆ…
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินหลบดัชนีลมปราณของตนได้อย่างง่ายดาย ในใจของโทมัสก็ตกตะลึง เขาดูออกว่าเย่เทียนเฉินไม่ธรรมดา แต่กลับไม่รู้ว่าชายวัยรุ่นชาวตะวันออกคนนี้จะร้ายกาจถึงขั้นนี้ ดังนั้นจึงปล่อยดัชนีลมปราณออกไปด้วยความรวดเร็วเอีกสิบกว่าครั้ง นี่เป็นหนึ่งในเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่แข็งแกร่งของเขา
คราวนี้เมื่อเผชิญหน้ากับดัชนีลมปราณของโทมัสอีกสิบกว่าสายที่ปล่อยออกมาติดๆ กัน เย่เทียนเฉินไม่ได้เอี้ยวตัวหลบ แต่ใช้มือทั้งสองรวบรวมพลังพิเศษแล้วปล่อยโล่พลังแห่งแสงออกมา ดูราวกับจานสองใบปรากฏอยู่กลางมือ ต้านทานดัชนีลมปราณแต่ละสายจนสะท้อนออกไป
ตู้ม!
ตู้ม!
ตู้ม!
ดัชนีลมปราณที่โทมัสปล่อยออกมาต่างถูกเย่เทียนเฉินสะท้อนออกไปหมด อีกทั้งตอนที่เย่เทียนเฉินสะท้อนดัชนีลมปราณก็ได้พุ่งตัวเข้าไปหาโทมัส จนกระทั่งยามเมื่อโทมัสเกิดการตอบสนองกลับมา เย่เทียนเฉินก็ต่อยมาหนึ่งหมัดแล้ว รุนแรงจนอากาศสั่นสะเทือน
…………………………………………………