ตอนกลางคืน หลังจากที่ทานอาหารเย็นแล้ว เย่เทียนเฉินก็ไปอาบน้ำ จนกระทั่งตอนที่เขาออกมา พบว่าหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินนั่งดูโทรทัศน์อยู่บนโซฟาห้องรับแขก บรรยากาศดูจะไม่ค่อยปกติเท่าไรนัก
“ว้าว สาวสวยทั้งสองคืนนี้ไม่หลับไม่นอน จะดูทีวีโต้รุ่งกันเลยเหรอ?” เย่เทียนเฉินใช้ผ้าขนหนูเช็ดผมตนเองพลางถามยิ้มๆ
“พี่คะ มานี่!” เย่เชี่ยนเหวินมองเย่เทียนเฉินผู้เป็นพี่เขม็ง พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่งการ
“ยัยเด็กแก่แดด นี่มันน้ำเสียงอะไรกัน? ถึงกับกล้าสั่งพี่เชียว? ไปกินรังแตนที่ไหนมา?”
“เทียนเฉิน มานี่!” หลัวเยี่ยนเองก็พูดขึ้นด้วยใบหน้าจริงจัง
คราวนี้เย่เทียนเฉินรู้สึกห่อเหี่ยวจริงๆ แล้ว คำพูดของแม่นี้ไม่ฟังไม่ได้ เย่เทียนนเฉินมองเย่เชี่ยนเหวินที่กำลังแอบหัวเราะอยู่อย่างดุดัน แล้วจึงเดินไปนั่งบนโซฟาตรงข้ามกับแม่และน้องสาว
หลัวเยี่ยนมองเย่เทียนเฉินแวบหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้นว่า “พรุ่งนี้ฉีหรูเสวี่ยก็จะต้องหมั้นกับฉินเหิงแล้ว สถานที่ที่ทำการหมั้นหมายก็คือในสวนของบ้านตระกูลฉิน วันนี้แม่กับน้องไปเดินซื้อของกันนานมาก แล้วได้เลือกของขวัญให้หรูเสวี่ยมาแล้วชิ้นหนึ่ง พวกเราไม่อาจช่วยให้เธอไล่ตามความสุขได้ ถ้างั้นก็ทำได้แค่ส่งอำอวยพรไปให้แล้ว!”
“อ่า นี่เป็นเรื่องดีนะครับ ให้ของขวัญก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ” เย่เทียนเฉินเอ่ยยิ้มๆ
“คนใจร้าย โชคร้ายจริงๆ ที่พี่หรูเสวี่ยรักพี่ เชอะ!” เย่เชี่ยนเหวินได้ยินพี่ชายพูดเช่นนี้ก็พูดอย่างไม่ไว้หน้าเลยสักนิด
“คุณน้องครับ พี่จะบอกอีกครั้งนะ ระหว่างพี่กับฉีหรูเสวี่ยไม่มีอะไรกันเลย อย่างมากที่สุดก็เป็นแค่เพื่อนธรรมดาเท่านั้น อีกอย่างสิ่งที่คนคนนี้พูด มันก็เป็นคำพูดหลอกลวงน้องกับแม่ทั้งนั้น ทำไมพวกเธอสองคนไม่สงสัยกันสักนิดนะ?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเอือมระอา
“พี่คะ หนูผิดหวังกับพี่มากจริงๆ เลย พี่รู้ไหม? ตอนที่พี่ไปประเทศM พี่หรูเสวี่ยเป็นห่วงพี่ทั้งวัน พี่รู้ไหมว่ากุ้งมังกรที่พี่กินตอนกลางวันใครเป็นคนทำให้? เป็นพี่สาวหรูเสวี่ยทำให้พี่ตอนที่ต้องจากไป พี่รู้ไหมว่าตอนที่พี่สาวหรูเสวี่ยไปเธอร้องไห้เสียใจหนักขนาดไหน? พี่รู้ไหมว่าในใจของเธอเจ็บปวดแค่ไหน?” เย่เชี่ยนเหวินพูด ดวงตาแดงก่ำ เกือบจะร้องไห้อยู่ร่อมร่อ
“นี่ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับพี่นี่ ทุกคนต่างก็มีสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ใช่ไหม?”
“เทียนเฉิน แม่ไม่สนว่าลูกจะคิดยังไง แล้วก็ไม่สนว่าลูกจะทำยังไง อย่างไรเสียพรุ่งนี้ตอนเที่ยง หรูเสวี่ยก็ต้องหมั้นกับฉินเหิงแล้ว ขอเพียงการหมั้นสำเร็จ ชีวิตนี้ของหรูเสวี่ยก็คงจบสิ้นแล้ว นี่เป็นของขวัญที่แม่กับน้องเลือกให้เธอ ลูกเอาไปให้เธอเถอะ!” หลัวเยี่ยนกล่าว มองเย่เทียนเฉินแวบหนึ่ง
“ไม่จริงน่า? ให้ผมเอาไปให้เนี่ยนะ? แล้วผมว่ามันมีอะไรไม่ถูกต้องนะครับ ไม่ใช่ว่าการหมั้นระหว่างเธอกับฉินเหิงอะไรนั่นมีเดือนหน้าเหรอ? ทำไมถึงจัดก่อนเวลาขนาดนี้?” เย่เทียนเฉินถามอย่างสงสัย
“ก็เพราะพี่ไงล่ะ พวกเราได้ยินมาว่าเพราะพี่ไปอัดฉินเหิง ฉินเหิงอยากแก้แค้น เลยใช้ผลประโยชน์เข้าหลอกล่อตระกูลฉีเพื่อให้พี่สาวหรูเสวี่ยหมั้นกับเขาเร็วขึ้น!” เย่เชี่ยนเฉินกล่าวหน้ายู่
“พี่? ไอ้หมอนี่แก้แค้นพี่?” เย่เทียนเฉินยิ่งไม่เข้าใจเข้าไปใหญ่ ตนเองกับฉีหรูเสวี่ยไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรกันมากมาย แล้วหล่อนก็ไม่ใช่แฟนสาวของตัวเองด้วย ฉินเหิงเร่งรัดการหมั้นกับฉีหรูเสวี่ย จะเป็นการแก้แค้นเขาได้อย่างไรล่ะ?
“เทียนเฉิน ความจริงเมืองหลวงลือกันแบบนี้ ฉินเหิงต้องการเร่งรัดการหมั้นกับฉีหรูเสวี่ยก็เพื่อจะแก้แค้นลูก เพราะก่อนหน้านี้ลูกหมั้นกับหรูเสวี่ยมาก่อน ถึงตอนหลังจะถอนหมั้นแล้วก็เถอะ…” หลัวเยี่ยนมองเย่เทียนเฉินผู้เป็นลูกแล้วเอ่ยขึ้น
“ไม่จริงน่า? ไอ้หมอนี่จิตใจไม่ปกติหรือไง? ถึงกับคิดวิธีแบบนี้มาแก้แค้นผม เก่งนักก็มาสู้กันตัวตัวกับผมสิ” เย่เทียนเฉินเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
ฉินเหิงถึงกับใช้การหมั้นหมายกับฉีหรูเสวี่ยมาแก้แค้นตนเอง นี่เป็นสิ่งที่เย่เทียนเฉินคิดไม่ถึง ทั้งยังเหยียดหยามเป็นอย่างมาก เกิดเป็นลูกผู้ชาย ไม่กล้าสู้กับอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมา แถมยังใช้ผู้หญิงมาแก้แค้นศัตรู ช่างเสียชาติเกิดเสียจริง
“ผมรู้แล้วครับ เรื่องนี้ผมจัดการเอง!”
เย่เทียนเฉินพูดจบก็เดินขึ้นไปชั้นสอง เข้าไปภายในห้องของตนเอง เขาตัดสินใจแล้วว่าพรุ่งนี้จะไปบ้านตระกูลฉินสักครั้ง ไม่ว่าจะเพื่อฉีหรูเสวี่ยก็ดี หรือจะเพื่อสั่งสอนฉินเหิงไม่ให้เขาทำตัวต่ำช้าไร้อางอายขนาดนั้นก็ตาม อย่างไรเสียเย่เทียนเฉินก็เตรียมลงมือแล้ว
เย่เทียนเฉินนั่งขัดสมาธิบนเตียง เข้าสู่สภาวะสมาธิ ตอนสุดท้ายที่สู้กับโทมัส เขาได้ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธาออกไป ตั้งแต่ที่เขาได้มาเกิดใหม่ในเมือง นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ใช้เคล็ดวิชาในสายที่แตกต่างกัน หากไม่ใช่ว่าถูกบีบบังคับเขาจะไม่ยอมใช้อย่างเด็ดขาด เพราะการที่ผู้มีพลังพิเศษคนหนึ่งสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายที่แตกต่างกันได้ แสดงให้เห็นว่าในร่างกายของเขามีพลังพิเศษสายที่ไม่เหมือนกันดำรงอยู่
เมื่อมีคุณย่อมมีโทษ ถึงการใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายที่แตกต่างกันได้จะแข็งแกร่งมาก และยังอยู่นอกเหนือการคาดการณ์ของผู้คน แต่การมีพลังพิเศษในสายที่แตกต่างกันอยู่ในร่างกายร่างหนึ่ง พลังพิเศษสายที่แตกต่างนั่นก็จะกดข่มธาตุอื่นเป็นทอดๆ ซึ่งอันตรายเป็นอย่างมาก ถ้าหากควบคุมไม่ดี จุดจบก็มีเพียงอย่างเดียวคือ ร่างกายของตนเองจะระเบิดจนตาย
ดังนั้นหากไม่จำเป็นจริงๆ เย่เทียนเฉินจะไม่ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษในสายที่แตกต่างกัน แต่โทมัสแกร่งกร้าวมากจริงๆ ถึงกับสามารถใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายวารีที่แข็งแกร่งเช่นนั้นออกมาได้ หากตอนนั้นเย่เทียนเฉินไม่ใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธามาควบคุมเอาไว้ล่ะก็ ตอนนี้เขาคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว
หลังจากเข้าสู่สภาวะสมาธิ เย่เทียนเฉินก็สามารถมองเห็นสภาพในร่างกายและสมองของตนเองได้อย่างแจ่มชัด โดยปกติแล้วพลังพิเศษจะอาศัยอยู่ในหยาดเลือดและชีพจร โดยมีแก่นพลังพิเศษในสมองคอยควบคุม เมื่อก่อนเย่เทียนเฉินไม่ได้กลั่นพลังพิเศษสายพสุธาออกมา เพื่อไม่ให้มีพลังพิแศษสองสายดำรงอยู่ในร่างกายจนมีการปะทะกันและเกิดความไม่สมดุลขึ้น
แต่การต่อสู้กับโทมัสทำให้จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาพลังพิเศษสายพสุธาออกไป ตอนนี้ในร่างกายของเย่เทียนเฉินจึงมีพลังพิเศษอยู่สองสายคือพลังพิเศษสายอสุนีและสายพสุธา อีกทั้งสภาพภายในร่างกายก็ย่ำแย่ หากมองด้วยสายตาย่อมไม่เห็น มีเพียงยามที่เย่เทียนเฉินมองเข้าไปยังภายในจึงจะสามารถค้นพบว่าในชีพจรและเส้นเลือดฝอยภายในร่างกายของเขาเกิดการปริแตก หากเป็นเช่นนี้ต่อไปเกรงว่าจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้
“ท่าทางร่างกายนี้จะยังรับไม่ได้ ขอบเขตพลังพิเศษยังไม่ถึงระดับพระเจ้า แล้วมีพลังพิเศษที่แตกต่างกันในร่างกายหลายสาย ยังไงก็เป็นเรื่องที่อันตรายมาก!” เย่เทียนเฉินลืมตา เอ่ยกับตนเอง
ในช่วงยุคสิ้นโลก เย่เทียนเฉินเคยมีสถาณการณ์ที่มีพลังพิเศษหลายสายในร่างกายมาแล้ว แต่ตอนนั้นขอบเขตพลังพิเศษของเขาอยู่ในระดับพระเจ้าแล้ว แข็งแกร่งเป็นอย่างยิ่ง รวมกับที่ตัวเขาได้ทำการบ่มเพาะกายเนื้อจนร้ายกาจ ดังนั้นจึงสามารถนำพลังพิเศษที่แตกต่างกันหลายสายแบ่งไปเก็บไว้ในอวัยวะต่างๆ ที่แตกต่างกันได้ นี่เป็นสาเหตุที่ว่าทำไมในช่วงสิ้นโลก เย่เทียนเฉินสามารถกดข่มผู้มีพลังพิเศษระดับเดียวกันได้ กระทั่งสามารถสู้กับผู้มีพลังพิเศษในระดับที่เหนือกว่าตนเองได้
เช้าวันต่อมา เย่เทียนเฉินถูกเสียงเคาะประตูปลุกให้ตื่น ฉีหรูเสวี่ยไปจากบ้านตระกูลเย่แล้ว ปกติหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ก็ไม่มาเคาะประตู ดังนั้นต่อให้เย่เทียนเฉินหลับตาก็ยังรู้ว่าคนที่มาเคาะประตูจะต้องเป็นน้องสาวของเขาเย่เชี่ยนเหวินอย่างแน่นอน
“พี่คะ เปิดประตูเร็วพี่ เกิดเรื่องแล้ว เกี่ยวกับพี่ด้วย…พี่คะ!” เย่เชี่ยนเหวินที่อยู่ด้านนอกเคาะประตูอย่างแรงพลางตะโกน
“พี่รู้อยู่แล้วล่ะว่าต้องเป็นเธอ จะมีเรื่องใหญ่อะไรกัน? อย่ามากวนพี่นอนสิ พี่จะลุกจากเตียงตอนสิบเอ็ดโมง” เย่เทียนเฉินนอนอยู่บนเตียง พูดออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย
“นี่ พี่คะ เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ นะ เกิดเรื่องใหญ่จริงๆ…ฉินเหิงให้สัมภาษณ์ในหนังสือพิมพ์ซุบซิบที่ใหญ่ที่สุดในเมืองหลวงว่าขอเพียงเป็นผู้หญิงที่อยู่ข้างกายพี่ ผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับพี่ เขาจะทำให้มาอยู่ในกำมือทั้งหมด…”
เย่เทียนเฉินลุกขึ้นจากเตียง ในใจไม่สบอารมณ์ยิ่งนัก ฉินเหิงนี่ไม่รู้จักเข็ดหลาบเลยจริงๆ ครั้งที่แล้วตนเองอัดเขายังรู้สึกไม่ค่อยสะใจเท่าไร ครั้งนี้ยังมาแส่หาเรื่องอีก คนตระกูลฉินนี่ยโสโอหังจนเคยตัวเสียแล้ว ไม่กำจัดคงไม่ได้ ภายหลังไม่แน่ว่าจะมาสร้างความวุ่นวายให้ตระกูลเย่ของตนทุกสองวันสามวันก็เป็นได้
“พี่รู้แล้ว ตอนเที่ยงพี่จะไปบ้านตระกูลฉินสักหน่อย บอกแม่ด้วยว่าไม่ต้องหุงข้าวเผื่อพี่แล้ว!” เย่เทียนเฉินเปิดปากพูด
เวลาประมาณสิบเอ็ดนาฬิกา เย่เทียนเฉินสวมสูทเรียกริบ ส่องกระจกดูก็รู้สึกว่าหล่อสุดๆ แล้วเดินออกไปจากคฤหาสน์ด้วยความมั่นใจ ขี่มอเตอร์ไซด์สุดเท่ของตนที่อยู่ในโรงรถขนาดเล็กด้านข้างออกมา จัดทรงผมของตัวเองกับกระจกเล็กน้อย จากนั้นจึงขับมอเตอร์ไซด์จากไป
หากมีคนเห็นเย่เทียนเฉิน เกรงว่าจะต้องคิดว่าเย่เทียนเฉินแห่งตระกูลเย่คนนี้ ทำไมถึงได้ปัญญาอ่อนเช่นนี้หนอ สวมสูทขับมอเตอร์ไซด์ ช่างเป็นการจับคู่ที่ไม่เข้ากันเสียเลย แต่เย่เทียนเฉินเองรู้สึกว่าก็ไม่เลวเลยทีเดียว บางทีคนคนนี้ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกอับจนคำพูด
ณ ตระกูลฉิน ภายในสวนหย่อมขนาดใหญ่ของบ้านตระกูลฉินนั้นได้มีแขกเหรื่อมากันเต็มไปหมดแล้ว ฉินอี้ผู้อาวุโสตระกูลฉินและฉินเทาหยวนพ่อของฉินเหิงต่างกำลังทักทายแขกผู้มีเกียรติ์ ตระกูลชั้นหนึ่งดั่งเช่นตระกูลฉินมีเรื่องราวเช่นนี้ คนที่มาร่วมพิธีหมั้นล้วนเป็นคนใหญ่คนโตที่มีหน้ามีตาทั้งในและต่างประเทศ ส่วนฉินเหิงนั้นไปรับตัวฉีหรูเสวี่ยที่บ้านตระกูลฉีตั้งแต่เช้าตรู่แล้ว งานหมั้นงานหนึ่งจัดราวกับงานแต่ง สิ่งที่ฉินเหิงต้องการคือผลลัพธ์นี้ กล่าวด้วยคำพูดของเขาก็คือ หากต้องการจะแก้แค้นเย่เทียนเฉิน เขาก็ต้องนอนกับผู้หญิงที่มีความสัมพันธ์กับเย่เทียนเฉิน ดูสิว่าเย่เทียนเฉินจะทำอะไรเขาได้
เดิมทีครั้งนี้ที่ฉินเหิงถูกทำร้าย เขาคิดว่าพ่อของเขาฉินเทาหยวนจะสามารถออกหน้าให้ตนได้ เขารู้ว่าเย่เทียนเฉินกล้าทำร้ายแม้กระทั่งฉินเทาหยวน พอปู่ของเขาฉินอี้ออกหน้ากลับถูกหยางอี้ขัดขวาง ฉินเหิงต้องกล้ำกลืนความโกรธจนเต็มท้องไม่มีที่ระบาย ตั้งแต่เล็กจนโตตนเองก็โอหังอวดดีไปทั่วทั้งเมืองหลวง ยังไม่เคยถูกใครรังแกเช่นนี้มาก่อน เย่เทียนเฉินเป็นคนแรกที่กล้าทำร้ายเขา และเป็นคนที่ทำร้ายตนเองแล้วยังอยู่ดีได้ จะอย่างไรฉินเหิงก็รับไม่ได้อย่างเด็ดขาด
หลังจากที่อาการบาดเจ็บของฉินเหิงดีขึ้นเล็กน้อย ก็เตรียมจะทำการซื้อตัวมือสังหารและกระทั่งทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งให้ไปกำจัดเย่เทียนเฉิน แต่กลับถูกผู้อาวุโสฉินอี้ตำหนิ ไม่อนุญาตให้เขาทำอะไรบุ่มบ่ามในช่วงนี้ จะอย่างไรก็ต้องรอหลังการเลือกตั้ง มิฉะนั้นแล้ว ด้วยนิสัยหยิ่งผยองและชอบใช้อำนาจบาตรใหญ่เช่นนี้ของฉินเหิงจะทนมาจนถึงตอนนี้ได้อย่างไร
“เย่เทียนเฉิน ฉันอยากจะเห็นจริงๆ ฉีหรูเสวี่ยเป็นอดีตคู่หมั้นของแก ตอนนี้ถ้าฉันพาเธอขึ้นเตียง แกยังจะทนได้อีกไหม!”
………………………………………….