ทิวทัศน์ยามค่ำคืนของเมืองหลวงงดงามมากจริงๆ ณ ร้านค้าข้างทาง รถสปอร์ตเฟอร์รารี่คันหนึ่งจอดอยู่ข้างถนน กลางดึกผู้คนเงียบสงบแล้ว เย่เทียนเฉินและซูเฟยเฟยก็เป็นเช่นนี้ กินวุ้นเส้นต้มยำไป คุยเล่นไป แม้ว่าซูเฟยเฟยจะเผ็ดจนน้ำตาไหลก็ตาม เธอไม่ใช่คนที่สามารถกินเผ็ดได้ แต่เธอก็มีความสุข ตั้งแต่กลับมา เป็นครั้งแรกที่มีความสุขแบบนี้ ตัวเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ว่ากันตามเหตุผลแล้ว เย่เทียนเฉินผู้ที่ไม่มีอีคิวคนนี้ ไม่น่าจะเข้ากับตนเองได้ ไหนเลยจะรู้ว่า ความรู้สึกตอนที่อยู่ด้วยกันกับเย่เทียนเฉินจะผ่อนคลายมาก การพูดจาการกระทำล้วนตามสบาย ทำให้รู้สึกมีความสุขจากหัวใจ
เย่เทียนเฉินไม่เกรงใจเลยแม้แต่น้อย ในตอนที่คุยเล่นกับซูเฟยเฟย วุ้นเส้นต้มยำถ้วยหนึ่งก็กินหมดไปนานแล้ว จากนั้นก็เริ่มสูบบุหรี่ สูบบุหรี่ต่อหน้าผู้หญิง โดยเฉพาะผู้หญิงที่สวยมากคนหนึ่ง ซูเฟยเฟยกรอกตาใส่เขาไปหลายครั้ง คนๆนี้ก็ยังไม่รู้ตัว
“นี่ นายจะดับบุหรี่ได้ไหม? เหม็นจริงๆเลย!” ซูเฟยเฟยพูดแล้วมุ่ยปากเล็กๆ อันน่ารัก
“เฮ้อ วุ้นเส้นต้มยำของฉันก็กินหมดแล้ว ไม่มีอะไรทำ ก็ได้แต่สูบบุหรี่ไปคุยกับเธอไป” เย่เทียนเฉินพูดแล้วจงใจมองไปอย่างวุ้นเส้นต้มยำตรงหน้าซูเฟยเฟย
เมื่อรู้ตัว ซูเฟยเฟยก็รีบดึงถ้วยวุ้นเส้นต้มยำของตนมาข้างหน้า แล้วกินด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่จะทำได้ ต่อให้เผ็ดจนน้ำตาไหลเธอก็ไม่สนใจ เนื่องจากเห็นสายตาเย่เทียนเฉินดูเหมือนอยากกินวุ้นเส้นต้มยำถ้วยนี้ของเธอมาก
เมื่อเห็นซูเฟยเฟยถึงกับกินวุ้นเส้นต้มยำถ้วยหนึ่งเร็วขนาดนี้ เย่เทียนเฉิน ก็เบะปากอย่างจนคำพูด กล่าวตามจริงเขายังกินไม่อิ่มเลยจริงๆ ด้วยความจุของเขาเกรงว่าวุ้นเส้นต้มยำธรรมดาถ้วยหนึ่งจะไม่พอสำหรับเขา เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าซูเฟยเฟยจะมีชีวิตชีวาขึ้นมา และยังน่ารักมากอีกด้วย
“แค่กๆ…เผ็ดจัง เผ็ดมาก…” ซูเฟยเฟยตะโกนว่าเผ็ดไปพลางรีบเปิดกระเป๋าถือของตนไปพลาง หยิบน้ำแร่ขวดเล็กออกมาจากด้านในแล้วดื่ม เย่เทียนเฉินเห็นดังนั้นก็ทนไม่ไหว อยากที่จะหัวเราะออกมา
“ไม่มีใครแย่งเธอกินหรอก ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้” เย่เทียนเฉินพูดแล้วมองไปยังซูเฟยเฟยอย่างจนใจ
“งั้น แค่กๆ…งั้นก็ไม่ได้สิ ใครจะรู้ว่าเจ้าบ้าอย่างนายจะทำอะไรที่ขายหน้าออกมาอีกหรือเปล่า ถ้าแย่งวุ้นเส้นต้มยำของฉันแล้วกินจนหมด ไม่ใช่ว่าคืนนี้ฉันต้องหิวหรอกเหรอ?” ซูเฟยเฟยพูดแล้วมุ่ยปากเล็กๆ อันน่ารัก
“ตระกูลซูของเธอมีอาหารอะไรบ้างที่ไม่มี เธอชอบบะหมี่วุ้นเส้นถ้วยนี้ที่ฉันเลี้ยงเธอเหรอ?” เย่เทียนเฉินพูดยิ้มยิ้มพลางส่ายหน้า
“ก็ใช่น่ะสิ ผู้ชายงานดีที่ขี้งกขั้นสุดเหมือนนาย ฉันคิดว่าในโลกนี้จะหาคนที่สองก็ยากแล้ว ดังนั้นฉันจึงต้องคว้าโอกาสที่นายเลี้ยงข้าวฉันเอาไว้!” ซูเฟยเฟยยิ้มหวาน
เย่เทียนเฉินรู้สึกอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง รู้สึกว่าตอนนี้ในสายตาของซูเฟยเฟย ตนเองเป็นผู้ชายที่ขี้เหนียว เป็นไก่ขนเหล็กที่ไม่ยอมให้ถอนขนแม้แต่เส้นเดียว งั้นเหรอ? งั้นเหรอ?
ตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเย่เทียนเฉินดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาดู คนที่โทรมามีเพียงคำว่าไม่ทราบสองคำเท่านั้น จึงทำให้เย่เทียนเฉินรับโทรศัพท์ด้วยความสงสัย
“ฮัลโหล โทรหาใครครับ พี่ชายสุดหล่อชื่อเย่เทียนเฉิน” เย่เทียนเฉินพูดหยอกล้อแล้วหัวเราะ
แหวะ!
ซูเฟยเฟยได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉินก็เกือบจะสำลักน้ำที่ดื่มเข้าไปในปากออกมา คนๆ นี้จะหลงตัวเองเกินไปหรือเปล่า? แม้ว่าเย่เทียนเฉินจะหน้าตาไม่เลว และไม่ใช่คนประเภทที่หล่อจนมากเกินไป แต่ก็ยังค่อนข้างทนมองได้อยู่
“นายไม่ต้องสนใจหรอกว่าฉันเป็นใครที่นายต้องรู้ก็คือตอนนี้นายมีเรื่องแล้ว…” อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์มีเสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น
“งั้นเหรอ? มีเรื่องอะไรก็มาเถอะ ฉันกำลังว่างจนเบื่ออยู่เลย!”เย่เทียนเฉินพูดเรียบๆ
ผู้ชายอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ได้ยินคำพูดของเย่เทียนเฉิน ก็อดไม่ได้ที่จะชะงักไปครู่หนึ่ง เขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะเฉยขนาดนี้ ต่อให้มีหยางอี้พี่เป็นคนระดับหัวหน้าหนุนหลังอยู่ แต่เรื่องที่เขาบุกไปที่ฆ่าฉินเหิงตระกูลฉินและทำให้ฉินอี้โมโหจนตาย เกรงว่าไม่อาจจบดีๆได้ ต่อให้ไม่ตายก็ต้องถูกจำคุกหลายปี คนคนนี้ถึงกับเฉยเมยช่างทำให้คนคิดไม่ถึงจริงๆ
“ตระกูลลั่ว สามพ่อลูกตระกูลลั่วกำลังโยนหินลงบ่อ พวกเขาใช้ความคิดของประชาชนมากดดัน เมื่อประชาชนกดดันไปถึงนาย คนระดับสูงของประเทศก็ปกป้องนายไม่ได้…”
“ใช่แล้ว มีเหตุผล สุนัขสามตัวของตระกูลลั่วนี้ ออกมากัดคนบ่อยมากจริงๆ เป็นเรื่องที่วุ่นวายมาก ฉันรู้แล้ว ขอบคุณนายมาก ถ้าว่างจะเลี้ยงกาแฟนายนะ!”
หลังจากที่วางโทรศัพท์ไป เย่เทียนเฉินไม่รู้ว่าใครเป็นผู้โทรมา อย่างไรก็ตามเขาเชื่อว่าข่าวนี้ไม่ใช่ข่าวลวง นี่เป็นสาเหตุที่เขาสงสัยก่อนมาหน้านี้แล้ว บุญคุณความแค้นของตนเองกับตระกูลลั่วมีมานาน ครั้งนี้เขาลงมือโจมตีตระกูลลั่วอย่างรุนแรง ก่อความผิดใหญ่หลวงขนาดนี้ คนตระกูลลั่วถึงกับไม่มีการเคลื่อนไหวสักนิดเลยหรือ? ที่แท้สามพ่อลูกนี้ก็มีแผนการเลวร้ายอยู่ ลอบวางแผนร้ายเบื้องหลัง ต้องการฆ่าตนเองโดยการยืมมือของทุกคน ใช้การกดดันโดยประชาชน ดูท่าแล้วสามพ่อลูกตระกูลลั่วจะเอาไว้ไม่ได้แล้ว ปัญหาในอดีตยากจะจบลงด้วยดีจริงๆ
เย่เทียนเฉินไม่ใช่คนที่คลั่งไคล้ในการฆ่า แต่เมื่อมีคนคิดจะบีบบังคับให้เขาต้องเดินบนเส้นทางนี้ ถ้าอย่างนั้นเขาก็จะไม่เกรงใจ โดยเฉพาะเวลาเช่นตอนนี้ หากไม่กำจัดคนถ่อยเหล่านี้ วันหน้าก็จะเกิดปัญหาไม่จบสิ้น ออย่างเช่สามพ่อลูกตระกูลลั่ว แม้ว่าเย่เทีนเฉินไม่กลัวพวกเขาหาเรื่อง แต่คอยวางแผนลับหลังคุณอยู่ตลอด จะมากน้อยก็ยังมีผลกระทบ ที่สำคัญคือยุ่งยากมาก ทำให้เขารำคาญ
“เป็นอะไรไป?” ซูเฟยเฟยเห็นสีหน้าของเย่เทียนเฉินเปลี่ยนไปเป็นคมกริบจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ไม่มีอะไร เธอกินเสร็จแล้วใช่ไหม งั้นไปส่งฉันหน่อยเป็นไง?” เย่เทียนเฉิน
“ได้!”
หลังจากที่นับเงินในมือส่งให้เถ้าแก่ร้านขายวุ้นเส้นต้มยำแล้ว เย่เทียนเฉินเข้าไปนั่งในรถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีแดงของซูเฟยเฟย นั่งที่ตำแหน่งข้างคนขับ เมื่อมองไปยังซูเฟยเฟยที่กำลังสตาร์ทรถ จู่ๆ ก็รู้สึกว่าเธอสวยมาก โดยเฉพาะหลังจากที่กินวุ้นเส้นต้มยำแล้วริมฝีปากอันเซ็กซี่แดงระเรือ เมื่อมองแล้วยิ่งทำให้ มีความรู้สึกอยากพุ่งเข้าไปจูบอย่างเร่าร้อน
“มองฉันทำไม? ไม่เคยเห็นคนสวยเหรอ?”ซูเฟยเฟยกรอกตาใส่เขาแล้วเอ่ยปากถาม
“เคยเห็นแล้ว เพียงแต่ไม่เคยเห็นผู้หญิงสวยๆที่มีริมฝีปากเซ็กซี่ขนาดนี้…” เย่เทียนเฉินพูดแล้วยิ้มอย่างหยอกล้อ
ซูเฟยเฟยหน้าแดง หยิกไปที่ต้นแขนของเย่เที่ยนเฉินอย่างรุนแรง ถลึงตาใส่แล้วสตาร์ทรถ
“ไม่หรอกมั้ง ประโยคเดียวก็หน้าแดงแล้ว? ท่าทางคุณซูคนสวยดูท่าทางมีประสบการณ์มากขนาดนี้ คงไม่ใช่สาวบริสุทธิ์หรอกนะ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถามอย่างน่าเกลียด
เมื่อประโยคนี้ถูกกล่าวออกมา ใบหน้างดงามของซูเฟยเฟยก็ยิ่งแดง กรอกตาใส่เย่เทียนเฉินไปหลายตลบ หากไม่ใช่ว่ากำลังขับรถอยู่ มือทั้งสองที่สวยงามเหมือนหยกจะต้องหยิกเย่เทียนเฉินไปแล้ว เนื่องจากเขาพูดได้ถูกต้อง รวมกับที่ผู้ชายที่จีบเธอเหล่านั้น ไม่มีแม้แต่คนเดียวพี่ทำให้เธอใจเต้นได้ พูดออกไปก็กลัวว่าจะไม่มีคนเชื่อ เธอไม่เพียงแต่เป็นสาวบริสุทธิ์ กระทั่งจูบแรกก็ยังไม่เคย
“ถ้าหน่อยพูดจามั่วๆอีก ฉันจะโยนนายลงไป!” ซูเฟยเฟยพูดอย่างดุดันมุ่ยปาก
“ได้ ได้ ฉันไม่พูด ฉันไม่พูดแล้ว บ้านตระกูลลั่วอยู่ทางซ้ายใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินไม่ค่อยคุ้นเคยกับเมืองหลวงจึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถาม
“ใช่มั้ง? ทำไมเหรอ?”
“อ๋อ งั้นเธอให้ฉันลงรถตรงแยกด้านหน้านั่น เธอกลับไปเองแล้วกันนะ!” เย่เทียนเฉินพูดยิ้มๆ
“นาย…คิดจะทำอะไร?” ซูเฟยเฟยอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ถามออกไปอย่างแปลกใจ
เย่เทียนเฉินมองซูเฟยเฟย ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มลามกออกมา พูดอย่างสับปลับว่า “เธอดูสิกลางดึกคนเงียบมาก ฉันก็เป็นคนโสด ผู้ชายต้องการผู้หญิงเป็นเรื่องธรรมดาใช่ไหม?อีกทั้งฉันได้ยินมาว่าสาวงามของเมืองหลวงงามที่สุดในประเทศ ตัวหอมเนื้ออ่อน ฉันนอนหนาวเปล่าเปลี่ยวตอนกลางคืนมานานแล้ว อยากจะเสพสุขสักหน่อย…”
“นาย…อันธพาล ลามก ไร้ยางอาย น่ารังเกียจ!”: ซูเฟยเฟยก่นด่าเย่เทียนเฉินรุนแรง
“ฉันเองก็ไม่อยากไปเหมือนกัน แต่ว่าฉันไม่มีแฟน ไม่งั้น ไม่งั้นวันนี้เธอจะมาทำให้ฉันพึงพอใจหน่อยเถอะ ฉันรับรองว่าจะให้ทิปเธอสองร้อยหยวน!” เย่เทียนเฉินทำท่าทางลามก ทั้งยังทำท่าสูดน้ำลายมองไปยังซูเฟยเฟย
“นาย…คนบ้า ไปตายซะ…”
ซูเฟยเฟย โกรธจนหน้าแดง จอดรถข้างถนนแล้วเปิดประตูรถออก ขาดก็แต่ไม่ได้ใช้รองเท้าส้นสูงถีบเย่เทียนเฉินออกไป คนคนนี้เห็นตัวเองเป็นผู้หญิงแบบนั้น แล้วยังบอกว่าจะให้เงินพิเศษสองร้อยหยวนอีกด้วย? ช่างน่ารังเกียจจริงๆ
“เดินทางปลอดภัยล่ะ ฝันดี!” เย่เทียนเฉินลงรถ หัวเราะฮี่ๆ มองไปทางซูเฟยเฟยแล้วกล่าวออกมา
“ฝันดีบ้านนายสิ!”
เมื่อเห็นซูเฟยเฟยขับรถสปอร์ตเฟอร์รารี่สีแดงจากไปอย่างโกรธเคือง เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวยิ้มๆ ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงที่มีไอคิวสูงคนนี้ จะมีมุมที่ไร้เดียงสาแบบนี้ด้วย เขาก็แค่ล้อเล่น แกล้งเธอให้ตกใจสักหน่อย เธอก็ยังเห็นเป็นจริงเป็นจังไปได้
เย่เทียนเฉินควักบุหรี่ออกมามวนหนึ่ง มองไปยังทิศทางของบ้านตระกูลลั่ว จากนั้นจึงจุดบุหรี่ขึ้นสูบ มือทั้งสองล้วงเข้าไปในกระเป๋า เดินยังไปยังทิศทางของบ้านตระกูลลั่วทีละก้าวทีละก้าว ตอนนี้เขาเริ่มหงุดหงิดบ้างแล้ว ไม่พอใจบ้างแล้ว สามพ่อลูกตระกูลลั่วชั่วร้ายเกินไปแล้ว รู้จักเพียงใช้มีดแทงข้างหลัง เดิมทีเย่เทียนเฉินไม่อยากสนใจคนประเภทนี้ แต่สามพ่อลูกตระกูลลั่วมักจะหาเรื่องเย่เทียนเฉินบ่อยๆ เห็นได้ว่าเย่เทียนเฉินเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเล็กน้อย ทั้งยังเหลือทางรอดชีวิตไว้ให้พวกเขาเส้นทางหนึ่ง แต่ตอนนี้ดูแล้ว คงไม่จำเป็น
คืนนี้ เย่เทียนเฉินจะไปที่ตระกูลลั่ว ความรู้สึกในครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งตระกูลฉินที่ผ่านมาโดยสิ้นเชิง จุดประสงค์ของเขาชัดเจนมาก เขาจะไปฆ่าคน ไปฆ่าสามพ่อลูกตระกูลลั่ว เพราะเขาไม่อยากจะหลงเหลือสิ่งที่อาจเป็นอันตรายในอนาคตเอาไว้ โดยเฉพาะอันตรายจากคนถ่อยเหล่านี้ เมื่อรับมือกับศัตรูที่มีความเป็นสุภาพบุรุษ ก็สามารถเป็นศัตรูกันไปได้ชั่วชีวิต หากรับมือกับคนถ่อย ก็ไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก ตรงเข้าไปฆ่าซะ กำจัดวัชพืชต้องกำจัดให้ถึงราก
…………