เย่เทียนเฉิน หลิงอวี่สวิ๋น และเสี้ยวหยา ทั้งสามคนเดินออกไปนอกประตูมหาวิทยาลัยหลงเถิงแล้ว ระหว่างทางที่พวกเขาไปยังร้านอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงด้านนอกมหาวิทยาลัยดึงดูดสายตาไม่น้อย ตอนแรกเริ่มทุกคนต่างก็กำลังวิพากษ์วิจารณ์กัน พูดคุยถึงเรื่องที่เย่เทียนเฉินลงมืออัดเซวียนเยวี๋ยนอวี่ สร้างความวุ่นวายอย่างใหญ่หลวง จากนั้นจึงพบว่ามีผู้ชายจำนวนมาก ต่างก็อิจฉาริษยาและโกรธแค้นตนเอง ทำเอาเขารู้สึกอับจนคำพูดเป็นอย่างมาก
“ฉันว่านะคนสวยทั้งสอง วันหลังฉันไม่เดินด้วยกันกับพวกเธอแล้วดีกว่า จะได้ไม่ถูกคนมองด้วยสายตาอยากจะฆ่าให้ตายแบบนี้ ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ!” เย่เทียนเฉินจงใจพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
“ชิ มีสาวสวยทั้งสองอย่างพวกเราเดินกับนาย ตอนกลางคืนนายก็นอนหลับฝันดีแล้ว แอบดีใจอยู่สิท่า!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดยิ้มๆ แล้วแลบลิ้นให้เย่เทียนเฉิน
ทั้งสามคนเดินเข้าไปสู่ร้านอาหารทะเลนอกมหาวิทยาลัยหลงเถิงด้วยกัน แต่กลับไม่รู้ว่าด้านหลังของพวกเขา มีสายตาโกรธแค้นคู่หนึ่งกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ตลอด สายตานั้นเคียดแค้นจนอยากจะฉีกเย่เทียนเฉินออกเป็นหมื่นชิ้น
“คุณชายน้อย คิดไม่ถึงว่าฝีมือของไอ้ลูกเต่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งมาก ผม…” หลี่อี้มองเซวียนเยวี๋ยนอวี่ที่อยู่ข้างๆ ด้วยความกระอักกระอ่วนแล้วพูดขึ้น
“มานี่…” ใบหน้าของเซวียนเยวี๋ยนอวี่เขียวคล้ำ เมื่อคิดถึงตอนที่ถูกเย่เทียนเฉินเตะจนสลบไป ก็โกรธจนทนไม่ไหว
“อะไรเหรอครับ? หือ?”
หลี่อี้ได้ยินไม่ชัดเจน จึงก้มหน้าลงนำหูเข้าไปใกล้เบื้องหน้าของเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ต้องการจะฟังให้กระจ่างชัด เพี๊ยะ ตบหน้าครั้งหนึ่ง ชายฉกรรจ์สองคนที่อยู่ข้างๆ ตกใจ เซวียนเยวี๋ยนอวี่ตบลงบนใบหน้าหลี่อี้อย่างรุนแรง ทำให้หลี่อี้ถูกตบจนแทบจะเดินเซ
ถูกเด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่งตบหน้าแรงๆ ครั้งหนึ่ง หลี่อี้ไม่มีความโมโหแม้แต่นิดเดียว ความโมโหแม้แต่นิดเดียวก็ไม่กล้ามี นี่เป็นจุดจบสำหรับการเป็นสุนัขรับใช้ให้คนอื่น เจ้านายคิดอยากจะให้รางวัลก็ให้รางวัล คิดอยากจะตบก็ตบ คิดอยากจะด่าก็ด่า ถึงแม้ว่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จะไม่นับว่าเป็นเจ้านายของหลี่อี้ แต่ว่าเขาก็เป็นน้องชายแท้ๆ ของเซวียนเยวี๋ยนเถิง เป็นน้องชายของเจ้านาย เขาย่อมไม่อาจล่วงเกินได้
“ไอ้ตัวอะไรประโยชน์ มีแกอยู่จะมีประโยชน์อะไร เสียทีที่แกเป็นลูกน้องที่มีความสามารถของพี่ชายของฉัน แกอยากจะตายแล้วใช่ไหม?” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ด่าหลี่อี้อย่างรุนแรง
“ขะ ขอโทษครับ คุณชายน้อย ผมเรียกพี่น้องจากชมรมเทควันโดไปด้วยสองคนแล้วครับ แต่พวกเขากลับไม่ใช่คู่มือของเย่เทียนเฉิน ไอ้ลูกเต่านั่นมีฝีมืออยู่บ้าง!” หลี่อี้ตกใจจนชะงักไป รีบเปิดปากพูด
เซวียนเยวี๋ยนเถิงเป็นบุคคลที่โหดเหี้ยมคนหนึ่ง เมื่อก่อนที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง มีคนจำนวนไม่น้อยไปหาเรื่องเขา แต่จุดจบสุดท้ายของคนเหล่านี้ หากไม่ใช่ออกจากมหาวิทยาลัยไปด้วยอาการขาหักแขนหัก ก็ต้องคุกเข่าขออภัย กระทั่งมีบางคนที่หายสาบสูญไปโดยไร้สาเหตุ เห็นได้ชัดว่าเป็นเซวียนเยวี๋ยนเถิงส่งคนไปเก็บกวาดคนที่มาหาเรื่องตนเองเหล่านี้ แน่นอนว่าสำหรับลูกน้องที่ทำงานได้ไม่ดี เซวียนเยวี๋ยนเถิงก็จะลงมือโหดเหี้ยมด้วยเช่นกัน ดังนั้นสามคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง เซวียนเยวี๋ยนเถิงนับว่าเป็นคุณชายคนหนึ่งที่มีจิตใจโหดเหี้ยมอย่างแน่นอน
“มีฝีมือมาอยู่บ้าง ต่อให้เขามีฝีมือมากกว่านี้ ฉันก็จะต้องฆ่าเขาให้ได้!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ไหนเลยจะเหมือนเด็กเมื่อวานซืนอายุสิบหกปีคนหนึ่ง เป็นคนที่โหดเหี้ยมโดยสิ้นเชิง ไม่ได้แตกต่างอะไรจากพี่ชายเลย กระทั่งยโสโอหังมากกว่าเล็กน้อยด้วยซ้ำ อายุเพียงเท่านี้ก็ใช้อำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้แล้ว โตไปจะไม่ยิ่งกว่านี้หรือ?
“คุณชายน้อยพูดได้ถูกต้องครับ จำเป็นต้องฆ่าไอ้ลูกเต๋าเย่เทียนเฉิน ผมจะต้องคิดหาวิธีฆ่ามันให้ตายให้ได้!” หลี่อี้พูดอย่างโหดเหี้ยม
“แก? อย่าทำให้พี่ชายของฉันต้องขายหน้าอีกเลย!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่พูดขึ้น มองหลี่อี้อย่างไม่สบอารมณ์
“ครับ ครับ ถ้าอย่างนั้นคุณชายน้อยคิดว่าควรจะทำยังไงดีครับ?” หลี่อี้รีบเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“หึ ฉันโทรไปหาพี่ชายของฉันแล้ว วันนี้เขามีธุระที่เซี่ยงไฮ้ อีกหลายวันเขาถึงจะกลับมาเมืองหลวง แต่ว่าเขาให้อาหู่มาช่วยฉันแล้ว ยังไงก็ตาม ใครกล้ามาหาเรื่องพี่ชายของฉัน มันก็รนหาที่ตายแล้ว!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่ยิ้มเย็นชา พูดออกมาด้วยความมั่นใจ
“อาหู่? เขาลงมือได้แล้วเหรอครับ?”
หลี่อี้ได้ยินว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงส่งอาหู่ออกมาแล้ว ก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ตอนนี้เขาถึงพบว่าตนเองมองการณ์ไกลเป็นอย่างมาก ในตอนที่ชเซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่อยู่ที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องฟังน้องชายของเขาเซวียนเยวี๋ยนอวี่ ไม่เช่นนั้นเซวียนเยวี๋ยนเถิงโมโหขึ้นมา เป็นไปได้มากกว่ากระทั่งเขาเองก็ต้องตาย
อาหู่ เป็นลูกน้องของเซวียนเยวี๋ยนเถิง พูดให้ชัดเจนก็คือเป็นลูกพี่ใหญ่บนถนนหลายสายใกล้ๆ กับมหาวิทยาลัยหลงเถิง ในมือมีลูกน้องสี่ร้อยกว่าคน แต่ละคนพกมีดตัดฟืนคนละหนึ่งเล่ม ออกฆ่าคนอย่างโหดเหี้ยม เป็นผู้ติดตามที่ชั่วช้าคนหนึ่ง ผู้ติดตามที่กล้าฆ่าคนจริงๆ ครอบครองถนนหลายสายนอกมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีพี่น้องอีกหลายร้อยคนเอ้อระเหยอยู่ข้างนอกนั่น
ภายหลังจึงถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงปราบและมาติดตามเขา กลายเป็นลูกน้องมือสังหารของเซวียนเยวี๋ยนเถิง โดยปกติแล้วหากมีเรื่องอะไรที่มหาวิทยาลัยหลงเถิง เซวียนเยวี๋ยนเถิงจะส่งอาหู่มาออกหน้าทำเรื่องให้เงียบ เพียงแต่ครั้งนี้ที่ทำให้หลี่อี้คิดไม่ถึงก็คือ เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่ทันไรก็ส่งอาหู่ออกมาแล้ว ทำให้เขาแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะทุกครั้งที่อาหู่ออกหน้าล้วนต้องมีคนตาย เป็นผู้ติดตามที่โหดเหี้ยมโฉดชั่วจนไม่น่าให้อภัย ดูท่าแล้วเซวียนเยวี๋ยนอวี่ต้องการที่จะฆ่าเย่เทียนเฉินจริงๆ
“พี่ชายของฉันพูดแล้วว่า ไม่ต้องพูดถึงเย่เทียนเฉินแค่คนเดียวหรอก ต่อให้มีอีกสิบเย่เทียนเฉิน ก็ต้องตายทั้งหมด!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่พูดอย่างโหดร้าย ไม่เหมาะสมกับอายุของเขาเลยแม้แต่น้อย
“คุณชายน้อยครับ ช่วงนี้ในเมืองหลวงมีข่าวลือของเย่เทียนเฉิน ขนาดตระกูลฉินและตระกูลลั่วก็ถูกไอ้หมอนี่ฆ่าล้างไปแล้ว ผมคิดว่าควรจะระมัดระวังไว้สักหน่อยนะครับ!” ชายฉกรรจ์คนหนึ่งพูดอย่างเป็นกังวล
ในความจริงแล้ว ระยะนี้เย่เทียนเฉินกลายเป็นข่าวใหม่ที่โด่งดังที่สุดในเมืองหลวง โดยเฉพาะเรื่องที่แบกโลงศพไปที่ตระกูลฉิน วันต่อมาก็ฆ่าล้างตระกูลลั่วทั้งตระกูล เรื่องแล้วเรื่องเล่าที่ทำให้ผู้คนสั่นสะท้านมากขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนคนที่มีเบื้องหลังและมีตำแหน่งฐานะจำนวนมากต่างก็เคยได้ยินเรื่องของเย่เทียนเฉินในเมืองหลวง แต่ที่คนแบบเสี้ยวหยาไม่รู้ก็เป็นเพราะเธอไม่ใช่คนที่มีตำแหน่งสูง ส่วนหลิงอวี่สวิ๋นแม้จะมีชาติตระกูลไม่ธรรมดา แต่หลายปีมานี้อยู่ที่ต่างประเทศ เดิมทีผู้หญิงเหล่านี้ก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องประเภทนี้เท่าไหร่อยู่แล้ว ปกติที่พวกเธอสนใจก็คือกินข้าวช้อปปิ้งแต่งหน้า ไม่รู้ก็ไม่แปลกอะไร
“ใช่แล้วครับ เรื่องของตระกูลฉินและตระกูลลั่ว ดูเหมือนถูกคนกดเอาไว้ และดูเหมือนว่าจะเป็นคนระดับสูงด้วย ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ต่อให้ตระกูลเย่จะตกต่ำ แต่การปรากฏตัวของเย่เทียนเฉิน ดูเหมือนจะมีความคิดฟื้นฟูตระกูลเย่ คุณชายน้อยครับ พวกเราควรจะระวังสักหน่อย ตระกูลฉินและตระกูลลั่วล้วนตกต่ำลงแล้ว!” หลี่อี้เองก็พูดอย่างเป็นกังวล
เมื่อคิดถึงการกระทำทุกอย่างหลังจากที่เย่เทียนเฉินกลับมาที่เมืองหลวงแล้ว ทำให้หลี่อี้อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ทันใดนั้นเขาพบว่า ทำไมตนเองถึงได้มีความใจกล้าไปหาเรื่องเย่เทียนเฉินขนาดนั้นได้ นี่เกรงว่าจะไม่ใช่เย่เทียนเฉินที่รนหาที่ตายแต่เป็นตนเองต่างหากที่รนหาที่ตาย ตระกูลฉินและตระกูลลั่วจบสิ้นแล้ว แทบจะทุกคนในตระกูลล้วนถูกฆ่าตายทั้งหมด ตระกูลทั้งสองตระกูลนี้จะต้องตกต่ำอย่างแน่นอน ไม่มีชะตากรรมอื่นใดอีกต่อไปแล้ว เพียงแค่สองวันก็ทำให้ตระกูลที่มีอำนาจมีอิทธิพลในเมืองหลวงสองตระกูลตกต่ำลง ทุกสิ่งทุกอย่างนี้ล้วนเป็นเพราะเย่เทียนเฉินปรากฏตัวขึ้น เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวแล้ว
“หึ ตระกูลฉิน? ตระกูลลั่ว? พวกมันนับเป็นอะไรได้ จะมาเทียบกับตระกูลเซวียนเยวี๋ยนของฉันได้ยังไง ต่อให้เย่เทียนเฉินร้ายกาจยิ่งกว่านี้ ก็เทียบไม่ได้กับหนึ่งในสิบของพี่ชายของฉันหรอก ครั้งนี้มันจะต้องตายอย่างแน่นอน!” เซวียนเยวี๋ยนอวี่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาอย่างหยิ่งยโส
“งั้น งั้นคุณชายน้อยครับ ต่อไปพวกเราจะทำยังไงกันดี?” หลี่อี้เห็นว่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่โกรธขนาดนี้จึงไม่กล้าพูดอะไรอีก ทำได้เพียงพูดออกมาตามคำพูดของเซวียนเยวี๋ยนอวี่
“แกไปหยุดเย่เทียนเฉินเอาไว้ รอให้อาหู่มาแล้วจะฆ่าเย่เทียนเฉินยังไงก็เป็นเรื่องของเขา ฉันไม่สนใจ ขอเพียงแค่ฉันได้ยินข่าวการตายของมันก็พอแล้ว!”
เซวียนเยวี๋ยนอวี่พูดจบก็ขึ้นรถจากไป เหลือไว้เพียงหลี่อี้ที่ยืนตกตะลึงอยู่กับที่ มองร้านอาหารทะเลฝั่งตรงข้ามอยู่ห่างๆ เย่เทียนเฉิน หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยา ทั้งสามต่างก็กินข้าวอยู่ที่นั่น เซวียนเยวี๋ยนเถิงส่งอาหู่ออกมาแล้ว ให้อันธพาลที่ฆ่าคนได้โดยตาไม่กระพริบมารับมือกับเย่เทียนเฉิน นานมากแล้วที่มหาวิทยาลัยหลงเถิงไม่ได้มีการแสดงโชว์นองเลือดแบบนี้ แต่เพราะการมาของเย่เทียนเฉิน จึงเริ่มขึ้นอีกครั้ง
เย่เทียนเฉิน ไม่รู้ว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงได้ส่งคนมารับมือกับตนเองแล้ว เขาไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ เพียงแต่กำลังสังเกตเสี้ยวหยา ตลอดทางพบว่าเธอพูดเพียงไม่กี่ประโยค มีเพียงเขาแล้วหลิงอวี่สวิ๋นที่พูดคุยหัวเราะกัน เขามองออกว่าเสี้ยวหยามีเรื่องในใจและอยากให้เธอพูดออกมา ผู้หญิงที่น่ารักและบริสุทธิ์แบบนี้ สวยงามจนไม่อาจสบประมาท เย่เทียนเฉินไม่อยากให้เธอไม่สบายใจเลยจริงๆ
“หยาเอ๋อร์ ทำไมดูแล้วเธอถึงได้มีท่าทางกลัดกลุ้มไม่สบายใจมาตลอดเลยล่ะ มีเรื่องอะไรในใจหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
เสี้ยวหยาเงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนเฉิน ยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “ไม่ ไม่มี!”
เมื่อเห็นท่าทางไม่เต็มใจที่จะพูดของเธอ เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ฝืนใจ อย่างไรเสียทุกคนก็ล้วนมีความลำบากของตัวเอง ต่างก็มีความลับที่ไม่ต้องการให้คนอื่นรู้ เธอไม่เต็มใจที่จะพูด ย่อมเป็นความลำบากใจของตัวเธอเอง
หลิงอวี่สวิ๋นสั่งอาหารทะเลมามากมาย เช่นกุ้งมังกร เป๋าฮื้ออะไรจำพวกนี้ ทำเอาเย่เทียนเฉินใบหน้าเขียวคล้ำ มองหลิงอวี่สวิ๋นอย่างอับจนคำพูดโดยสิ้นเชิง ทั้งสามคนสั่งอาหารทะเลมามากมาย จะกินหมดได้อย่างไร แต่ตระกูลใหญ่เช่นหลิงอวี่สวิ๋น เกรงว่าสำหรับเธอแล้วอาหารทะเลจะไม่ได้เป็นสิ่งน่าแปลกประหลาด ไม่ได้แตกต่างกับอาหารที่กินยามปกติเลย
“น้องหยาเอ๋อร์ สั่งอาหารที่ชอบมาสิ!” หลิงอวี่สวิ๋นส่งเมนูให้เสี้ยวหยา แล้วพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“ยะ เยอะมากแล้วค่ะ พวกเราสามคนกินไม่หมดหรอก สั่งให้น้อยลงสักหน่อยเถอะค่ะ ของพวกนี้แพงมากเลย!” เสี้ยวหยาเห็นราคาของอาหารทะเลเหล่านี้บนเมนู ก็อดไม่ได้ที่จะแสดงท่าทางทีว่าสุรุ่ยสุร่ายออกมา อาหารทะเลเหล่านี้หนึ่งจานอย่างต่ำก็เทียบได้กับค่าใช้จ่ายของเธอหลายเดือน เดิมทีครอบครัวของเธอก็อัตคัดขัดสน เสี้ยวหยาก็ไม่ใช่คนที่ใช้เงินเปลือง ย่อมมองแล้วรู้สึกปวดใจเป็นธรรมดา
“ก็ใช่น่ะสิ เธอดูสิว่าหยาเอ๋อร์รู้ความขนาดไหน มีแต่เธอนั่นแหละที่ต้องการปลอกลอกฉัน!” เย่เทียนเฉินมองหลิงอวี่สวิ๋นอย่างไม่สบอารมณ์แล้วพูดขึ้น
“แน่นอนอยู่แล้ว ความสัมพันธ์ตั้งแต่เล็กจนโตของพวกเรา นายเลี้ยวข้าวฉันก็เป็นสิ่งสมควรแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นมีสาวสวยสองคนอย่างพวกเรามากินข้าวเป็นเพื่อนนาย ความอยากอาหารของนายคงจะเพิ่มขึ้นไม่น้อย ควรจะขอบคุณพวกเราซะ!” หลิงอวี่สวิ๋นยิ้มอย่างซุกซน
“ครับ ครับ ผมขอขอบคุณคุณ ณ ที่นี้ด้วย พอใจหรือยัง! แต่ว่าความอยากอาหารของฉันในวันนี้ก็ไม่เท่าไหร่หรอก…” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะพูดออกมายิ้มๆ
หลังจากที่อาหารทะเลเสิร์ฟขึ้นโต๊ะแล้ว หลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาต่างก็เบิกตาอันสวยงามของเธอกว้าง อ้าปากเล็กๆ มองไปยังเย่เทียนเฉิน ตอนนี้พวกเธอรู้ซึ้งถึงคำว่า “ความอยากอาหารไม่ดี” ของอีกฝ่ายแล้ว เจ้าหมอนี่กินอย่างตะกละตะกลาม เกือบจะกินอาหารทะเลทั้งโต๊ะลงไปหมดแล้ว ความอยากอาหารไม่ดีมากเลยจริงๆ!