เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ – ตอนที่ 152 ครอบครัวของเสี้ยวหยาเกิดเรื่องแล้ว!

เย่เทียนเฉินคนเดียว มือซ้ายถือกุ้งมังกร มือขวาถือเป๋าฮื้อ กัดกินคำใหญ่ ไม่สนใจภาพลักษณ์ของตนเองเลยแม้แต่น้อย และไม่สนใจว่าสาวสวยทั้งสองอย่างหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาจะอยู่ด้วย สนใจแต่กินอย่างตะกละตะกลามเท่านั้น

“ความอยากอาหารนายไม่ดีเหรอ? ฉันดูนายแล้วรู้สึกว่าความอยากอาหารไม่ดีจริงๆ… ” หลิงอวี่สวิ๋นมองเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น

“กินช้าๆ หน่อยเถอะ เดี๋ยวจะสำลักเอา!” เสี้ยวหยาพูดกับเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้มหวาน

“พวกเธอสองคนก็กินสิ อย่าเอาแต่มองฉันกิน!” เย่เทียนเฉินกินเป๋าฮื้อไปคำใหญ่แล้วเอ่ยปาก

ได้มาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เย่เทียนเฉินเองก็มีเพียงเรื่องกินที่พอจะทำให้เขาสนใจขึ้น ขนาดผู้หญิงสวยๆ ก็เกรงว่าจะไม่มีความยั่วยวนใจต่อเขามากเท่าไหร่นัก แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการเปรียบเทียบเท่านั้น ในช่วงยุคสิ้นโลก เย่เทียนเฉินที่มีผู้หญิงสวยๆ อยู่ข้างกายจำนวนนับไม่ถ้วน ความคาดหวังของตนเองย่อมมาก เพียงแต่ในโลกแห่งนี้ เขารู้สึกอยากจะเสพสุขแต่ไม่อยากเหน็ดเหนื่อย

“นายเอาอาหารทะเลบนโต๊ะทั้งหมดไปวางไว้ข้างหน้าตัวเอง แล้วจะให้พวกเรากินอะไรล่ะ? ให้กินโต๊ะเหรอไง?” หลิงอวี่สวิ๋นกรอกตาใส่เย่เทียนเฉิน

เมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เย่เทียนเฉินเพิ่งจะพบว่าตนเองเอาอาหารทะเลหลายจานมาวางไว้เบื้องหน้าของตนทั้งหมดโดยไม่รู้ตัว เบื้องหน้าของสาวสวยทั้งสองอย่างหลิงอวี่สวิ๋นและเสี้ยวหยาไม่มีจานอาหารทะเลอยู่เลยแม้แต่จานเดียว มิน่าล่ะหลิงอวี่สวิ๋นถึงได้มีใบหน้าดำคล้ำ สายตาเคียดแค้นราวกับจะฆ่าเขาให้ได้

“ฮี่ๆ มาๆ สาวสวยทั้งสองรับประทานได้ เชิญทานได้เลย!” เย่เทียนเฉินยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแล้วพูดขึ้น

“เห็นท่าทางของนายแบบนี้แล้ว จะหาแฟนได้ยังไงล่ะ วันหน้าคงแต่งเมียไม่ได้หรอก!” หลิงอวี่สวิ๋นกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์

“งั้นก็ไม่เป็นไร ตอนเด็กๆ ไม่ใช่ว่าเธอบอกว่าจะแต่งให้ฉันเหรอ ตอนนี้เวลาที่จะทำตามสัญญาที่เธอเคยให้ไว้ก็มาถึงแล้ว…” เย่เทียนเฉินพูดจาหยอกล้อไปตามปาก

หลิงอวี่สวิ๋นที่เดิมทีคิดอยากจะตีเย่เทียนเฉินแรงๆ สักครั้ง ทันทีที่ได้ฟังคำพูดนี้ของเขาก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดง ตัวเธอเองก็ไม่รู้ว่าทำไม ในตอนที่พูดถึงเรื่องสมัยเด็กจะต้องหน้าแดง หากพูดกันตามเหตุผล นี่ก็เป็นเรื่องที่ผ่านไปหลายปีแล้ว ควรจะไม่มีความรู้สึกอะไรถึงจะถูก แต่ความรู้สึกที่ได้อยู่กับเย่เทียนเฉินตอนเด็กๆ ยังคงประทับอยู่ในสมองของเธออย่างลึกซึ้ง ไม่มีทางลืมไปได้ ทุกครั้งที่คิดขึ้นมา ก็จะทำให้ยิ้มอย่างมีความสุขและอบอุ่น หรือว่าในเวลานั้น จิตใจของเธอได้ปลูกฝังความรู้สึกที่มีต่อเย่เทียนเฉินแล้ว?

“คะ ใครบอกว่าจะแต่งให้นายกัน นายเป็นแบบนี้ ให้ฟรีฉันก็ไม่เอาเหรอก!” หลิงอวี่สวิ๋นได้สติกลับมา มองเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแวบหนึ่งแล้วกล่าวขึ้น

“ไม่จริงน่ะ เธอนี่พูดไม่เป็นคำพูดเลย ฉันจำได้ว่าตอนนั้นเธอบอกว่า ไม่ว่าจะยังไง หากว่าฉันแต่งเมียไม่ได้ ก็จะแต่งให้กับฉัน คิดจะกลับคำเหรอ?” เย่เทียนเฉินเห็นหลิงอวี่สวิ๋นมีใบหน้าแดงเล็กน้อย จึงตั้งใจแกล้งทำเป็นพูดขึ้นอย่างถูกต้องชอบธรรม

ตลอดทางมานี้ หลิงอวี่สวิ๋นล้วนพยายามทุกวิถีทางเพื่อกลั่นแกล้งตนเอง หยอกล้อตนเอง แน่นอนว่านี่เป็นวิธีการคุยเล่นของเพื่อนสนิทอย่างหนึ่ง เพียงแต่ตลอดมาเขาก็ยังไม่อาจหาโอกาสตอบโต้ได้ ตอนนี้เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายถึงกับรู้จักหน้าแดง จึงไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ รีบถือโอกาสนี้ไล่ต้อน พูดหยอกล้อเธอสักหลายประโยค

“ฉะ ฉันไม่เคยพูดมาก่อน นายลองให้น้องหยาเอ๋อร์บอกสิว่า ท่าทางแบบนายนี่ ตอนเด็กก็ไม่ได้ดูดีเท่าไหร่ ฉันจะถูกใจนายเหรอ?” หลิงอวี่สวิ๋นหน้าแดงไม่รู้จะทำอย่างไรดี จึงนำเสี้ยวหยามาเป็นเกราะป้องกัน

“ชิ พี่ชายออกจะหล่อเหลาใจกว้างขนาดนี้ แล้วยังแข็งแรง…”

คำพูดของเย่เทียนเฉินยังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์เสี้ยวหยาก็ดังขึ้น เมื่อหยิบออกมาพบว่าเป็นโทรศัพท์ยี่ห้อโนเกียรุ่นเก่า ราคาสามร้อยหยวนประเภทนั้น ไม่ใช่ว่าอยากจะพูดจาดูถูก แต่โทรศัพท์โนเกียรุ่นเก่าแบบนี้ มีคนใช้น้อยมากแล้ว โดยเฉพาะในยุคนี้ซึ่งเป็นยุคที่มีสมาร์ทโฟนใช้กันอย่างแพร่หลาย กระทั่งเด็กประถมก็ไม่ใช้โทรศัพท์รุ่นเก่าแบบนี้แล้ว เพราะว่าสมาร์ทโฟนที่ถูกที่สุดก็แค่สองสามร้อยหยวนเท่านั้น

“พ่อคะ หนูเอง เป็นอะไรเหรอคะ?” เสี้ยวหยาถามเสียงเบา

“ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้? ได้ค่ะ หนูจะรีบกลับไปเดี๋ยวนี้ หนูลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว ไม่เป็นไรค่ะ หนูจะไปถึงเร็วๆนี้!”

ตอนที่เสี้ยวหยาพูดประโยคที่สองเธอร้อนใจจนเกือบจะร้องไห้ เย่เทียนเฉินและหลิงอวี่สวิ๋น เห็นดังนั้นก็รู้สึกกระวนกระวาย คงจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว

เมื่อวางโทรศัพท์ไป เสี้ยวหยาก็มองพวกเขาทั้งสองแล้วพูดว่า “ขอโทษด้วยค่ะ ฉันมีธุระ ขอตัวก่อนนะคะ!”

“เป็นอะไรไป?” เย่เทียนเฉินเปิดปากถาม

“มะ ไม่มีอะไร พวกคุณกินกันไปเถอะ ขอบคุณมาก!” เสี้ยวหยาพูดด้วยท่าทางเร่งรีบ

“หยาเอ๋อร์ เธอจะกลับบ้านใช่หรือเปล่า ฉันมีรถ ให้ฉันไปส่งเธอเถอะ แบบนี้จะเร็วกว่า!” หลิงอวี่สวิ๋นเองก็เป็นผู้หญิงจิตใจดีคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทางร้อนใจเป็นอย่างมากก็รีบพูดขึ้น

“มะ ไม่ต้องเหรอกค่ะ ฉันนั่งรถไปเองก็ได้ค่ะ…”

“หยาเอ๋อร์ พวกเราเป็นเพื่อนกัน เรื่องเล็กๆ น้อยๆ พวกนี้เธอไม่ต้องเกรงใจไปเหรอก!”

เย่เทียนเฉินมองออกว่าเสี้ยวหยาไม่ต้องการสร้างความยุ่งยากให้พวกเขา จิตใจดี น่ารัก และมีความเคารพในตัวเอง ผู้หญิงแบบนี้มีน้อยมากจริงๆ ดังนั้นเขาจึงคิดอยากจะช่วยเสี้ยวหยา อีกทั้งดูแล้วครอบครัวของเธอคงจะเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นเธอคงจะไม่รีบร้อนจนมีสภาพเป็นแบบนี้หรอก

 “ใช่แล้ว หยาเอ๋อร์ พวกเราไปกันเถอะ!” หลิงอวี่สวิ๋นจับมือเสี้ยวหยาเดินไปข้างนอก ในตอนนี้เย่เทียนเฉิน ก็ไม่ได้เขินอายอะไรอีก เดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยิบบัตรสีทองของตนออกมารูด หลังจากนั้นก็รีบเดินออกไปนอกร้านอาหารทะเล

เสี้ยวหยาขับรถสปอร์ตคันเล็กคันหนึ่ง เพียงมองก็คิดว่าคงจะเป็นรถที่มียี่ห้อ เพียงแต่สำหรับเย่เทียนเฉินที่เป็นคนไม่รู้จักเรื่องรถ จะเป็นยี่ห้ออะไรเขาก็ไม่รู้เหมือนกัน เพียงแต่เมื่อนั่งลงไปแล้วรู้สึกสบายเป็นอย่างมาก หลิงอวี่สวิ๋นขับรถ เสี้ยวหยานั่งอยู่ที่ตำแหน่งข้างคนขับคอยบอกทางให้หลิงอวี่สวิ๋น ส่วนเย่เทียนเฉินนั่งอยู่บนที่นั่งด้านหลัง

เสี้ยวหยามองหลิงอวี่สวิ๋นและเย่เทียนเฉิน ในใจก็รู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าตนเองโชคดีที่ได้พบกับเพื่อนนักเรียนที่ดีขนาดนี้ในทันทีที่มาถึงมหาวิทยาลัย และสามารถคบหาจนเพื่อนสนิทกันได้ โดยเฉพาะเย่เทียนเฉินที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจ ก่อนหน้านี้ผู้ชายที่เข้ามาพัวพันกับตัวเองมักจะคิดไม่ดีต่อเธอ แต่เย่เทียนเฉินไม่ได้เป็นเช่นนั้น ทำให้เธอรู้สึกแตกต่าง

ประมาณสองชั่วโมงต่อมา นับได้ว่าหลิงอวี่สวิ๋นขับรถค่อนข้างเร็ว เนื่องจากเธอรู้ว่าเสี้ยวหยาร้อนใจเป็นอย่างมาก เพียงแค่มองท่าทางของเธอก็ทราบแล้ว ดังนั้นจึงไม่สนใจไฟเขียวไฟแดงขับตรงมาลูกเดียว กระทั่งขับออกมาจากเมืองหลวงจนถึงสถานที่ห่างไกลบริเวณชานเมือง และจอดลงที่ด้านนอกหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง

“ที่นี่ค่ะ พวกเรารีบไปกันเถอะ อาการป่วยของคุณแม่กำเริบ ต้องส่งโรงพยาบาล!” เสี้ยวหยาพูดอย่างร้อนใจ

“อืม เธอนำทางไปเลย พวกเราจะตามเธอ ไปไม่ต้องสนใจพวกเราหรอก!” เย่เทียนเฉินพูดพลางพยักหน้า

เสี้ยวหยามองเย่เทียนเฉินแวบหนึ่งพลันรู้สึกซาบซึ้งอยู่ในใจ จากนั้นจึงเดินเข้าไปในหมู่บ้านแห่งนั้น เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่หน้าหมู่บ้าน เย่เทียนเฉินเองก็เห็นรถพยาบาลคันหนึ่ง จึงรู้ว่าเรื่องราวจะต้องไม่เบาอย่างแน่นอน หากว่าแม่ของเสี้ยวหยาเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงอะไรคงจะไม่ต้องเรียกรถพยาบาล จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน

เย่เทียนเฉินและหลิงอวี่สวิ๋นเดินตามหลังของเสี้ยวหยาไปภายในหมู่บ้านเล็กๆ เลี้ยวอยู่หลายครั้งจนหยุดลงที่หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่ผุพังแห่งหนึ่ง เสี้ยวหยาผลักประตูเข้าไปก็พบลานบ้านที่ไม่ใหญ่นัก มีเรือนอยู่สี่เรือนที่ล้วนมีสภาพทรุดโทรมทั้งหมด ดูแล้วฐานะยากของครอบครัวเสี้ยวหยาจะเป็นเรื่องจริงแท้แน่นอน

“พ่อคะ พ่อ หนูกลับมาแล้วแม่เป็นยังไงบ้างคะ?” เสี้ยวหยาวิ่งเข้าไปที่เรือนหลังหนึ่งแล้วพูดออกมาด้วยความกระวนกระวาย

ภายในห้องมีผู้หญิงอายุประมาณห้าสิบกว่าปีนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าขาวซีด มีเหงื่อออกท่วมหัว ริมฝีปากเป็นสีม่วง มือทั้งสองกำนุ่นไว้แน่น ดูแล้วท่าทางจะปวดเป็นอย่างมากจนต้องกัดฟันแน่น ภายในห้องยังมีพ่อของเสี้ยวหยาอยู่ด้วย เป็นชาวนาที่มีท่าทางซื่อๆ ผมขาวไปไม่น้อยแล้ว ดูแล้วให้ความรู้สึกชราอยู่บ้าง นอกจากนี้ยังมีหมออยู่อีกสามคน เป็นผู้ชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน

“แม่คะ แม่ แม่ไม่เป็นอะไรใช่ไหม แม่ตื่นสิคะหนูคือหยาเอ๋อร์ หนูคือหยาเอ๋อร์!” ในดวงตาของเสี้ยวหยาเต็มไปด้วยน้ำตา เดินเข้าไปข้างเตียง มือทั้งสองกุมมือของแม่แน่นแล้วพูดขึ้น

“หยาเอ๋อร์ ลูกกลับมาแล้ว เรื่องลงทะเบียนเป็นยังไงบ้าง?” ถึงแม้ว่าจะถูกความเจ็บปวดจากโรคทำให้ทรมานจนทนไม่ไหว แต่หญิงชราก็ยังคงพยายามฝืนยิ้มต้อนรับแล้วเอ่ยถาม

“จัดการขั้นตอนเข้าเรียนเรียบร้อยแล้วค่ะ แม่คะ แม่อย่าพูดอีกเลย หนูจะรีบส่งแม่ไปโรงพยาบาล!” เสี้ยวหยาพูดอย่างร้อนใจ

“คุณหมอครับ รบกวนพวกคุณรีบส่งภรรยาของผมไปโรงพยาบาลด้วยครับ เธอทรมานมาก ขอร้องล่ะครับ!” พ่อของเสี้ยวหยาที่อยู่ข้างๆ พูดขอร้องคุณหมอทั้งสามคน

คุณหมอทั้งสามคนนั้นกลับยืนอยู่ข้างๆ อย่างเย็นชาดู เหมือนว่าจะมีท่าทางไม่ยินดีอยู่เล็กน้อย ไม่เห็นคนปวดเป็นสำคัญเลยสักนิด ดูเหมือนว่ากำลังรออะไรบางอย่างอยู่

“ไม่ใช่ว่าพวกเราไม่รีบส่งคนไปโรงพยาบาลนะครับ แต่ตามกฎแล้วรถพยาบาลจะต้องเก็บค่าใช้จ่ายสองร้อยหยวนถึงจะสามารถส่งคนป่วยไปได้ หากคุณไม่ชำระเงินสองร้อยหยวนนี้ พวกเราก็ไม่สามารถที่จะใช้รถพยาบาลส่งผู้ป่วยไปที่โรงพยาบาลได้ครับ!” ผู้ชายที่สวมชุดคลุมสีขาวทั้งตัวพูดด้วยท่าทางลำบากใจเป็นอย่างมาก

“นี่…ครอบครัวของพวกเราไม่มีเงินสองหยวนเหรอกครับ ให้พวกเราชำระส่วนที่ขาดให้พวกคุณภายหลังเถอะครับ จะต้องจ่ายให้พวกคุณแน่นอน!” พ่อของเสี้ยวหยาพูดอย่างกระวนกระวาย ขาดก็แค่ไม่ได้คุกเข่าขอร้องเท่านั้น

“ขอร้องพวกคุณเถอะ ส่งคุณแม่ของฉันไปที่โรงพยาบาลก่อนนะคะ ขอร้องล่ะค่ะ!” เสี้ยวหยาเองก็มีใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา เห็นว่าแม่เจ็บปวดถึงขนาดนี้ในใจของเธอก็เจ็บปวดราวกับถูกมีดแทง

“ไม่ได้ครับ หากไม่ชำระค่าใช้จ่ายก็ไม่สามารถขึ้นรถได้!” หมออีกคนหนึ่งพูดด้วยท่าทางเย็นชาเป็นอย่างมาก

“ขอร้องพวกคุณเถอะครับ ช่วยภรรยาของผมด้วย ช่วยภรรยาของผมด้วย!” พ่อของเสี้ยวหยาถูกบีบบังคับจนไม่มีหนทาง พริบตานั้นจึงคุกเข่าลงบนพื้น ขอร้องคุณหมอทั้งสามคนให้ส่งภรรยาของเขาไปที่โรงพยาบาล ทั้งสองคนต่างประคับประคองกันมานานหลายปี ความรู้สึกย่อมไม่จำเป็นต้องพูด

“พวกคุณเป็นอย่างนี้กันได้ยังไง ช่วยคนก็เหมือนช่วยดับไฟ พวกคุณยังนับว่าเป็นเทวดาในชุดขาวอีกเหรอ? ต้องการเงินใช่ไหม ฉันให้พวกคุณเอง!” หลิงอวี่สวิ๋นทนมองต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ หยิบเงินออกมาจากกระเป๋าตังค์ปึกหนึ่ง เตรียมจะส่งไปให้คุณหมอทั้งสาม

ในตอนที่คุณหมอทั้งสามคนเห็นเงินปึกนั้น ดวงตาพลันเปล่งประกายราวกับแสงดาว ทันใดนั้นมีเสียงพลั่กดังขึ้น หมอหนึ่งคนในนั้นถูกเตะจนปลิวออกไป เย่เทียนเฉินเดินออกมา ใบหน้าเย็นชาเคร่งขรึมอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน กล่าวว่า “สามคนนี้จะเป็นเทวดาในชุดขาวที่ไหนกัน เป็นปีศาจสามตัวสิไม่ว่า!”

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

นิยายแฟนตาซี แปลจีน เกิดใหม่ ต่อสู้ ผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้ามาเกิดใหม่ในร่างของ ‘เย่เทียนเฉิน’ หน่วยรบพิเศษผู้ไม่เอาถ่าน ระหว่างกำลังปฏิบัติภารกิจคุ้มกันตัวผู้บัญชาการสาวหานเจี๋ยกลับประเทศ แม้การเกิดใหม่ครั้งนี้จะทำให้พลังระดับเทพเจ้าลดเหลือเพียงระดับราชัน แต่ขณะที่เผชิญหน้ากับกองกำลังผู้ก่อการร้ายข้ามชาติที่ได้รับมอบหมายให้มาสังหารคนทั้งคู่ เย่เทียนเฉินในร่างใหม่ได้ใช้ความสามารถจากการดูดซับพลังปราณ แสดงฝีมือการต่อสู้อันเป็นเลิศออกมา สร้างความประหลาดใจให้ทั้งศัตรูและมิตรสหายโดยทั่วกัน ประตูสู่การเป็นสุดยอดนักรบเปิดออกแล้ว! แต่เย่เทียนเฉินคนใหม่ยังต้องไล่สะสางปัญหาที่ร่างเดิมก่อเอาไว้เสียก่อน ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้นญาติพี่น้องผู้ชั่วช้า รับมือกับคู่แข่งทางการเมืองของบิดา หรือกอบกู้ชื่อเสียงให้วงศ์ตระกูลจากความอัปยศในอดีต ทั้งหมดทั้งมวลก็เพื่อจะได้อยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอันอบอุ่นเสียที

Comment

Options

not work with dark mode
Reset