ได้ยินพูดไม่เข้าหูประโยคเดียวก็ฆ่าคน โอหังบ้าอำนาจ ไร้มนุษยธรรม คำเหล่านี้สามารถใช้บรรยายเซวียนเยวี๋ยนเถิงได้เป็นอย่างดี เขาไม่ได้บ้า ไม่ได้หยิ่ง แต่ไม่มีความเป็นมนุษย์ ไม่เห็นใครอยู่ในสายตาโดยสิ้นเชิง
คนที่อยู่ในเหตุการณ์ล้วนเป็นคนที่มีฐานะอยู่บ้าง และนับว่าเป็นคนที่มีอำนาจ แต่กลับถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงทำเอาตกใจ
ใครก็คิดไม่ถึงว่าเซวียนเยวี๋ยนเถิงที่ฆ่าคนเพียงเพราะประโยคเดียว จะใจแคบจนถึงขั้นนี้ เห็นชีวิตคนเป็นเพียงของเล่น คนประเภทนี้จะช้าจะเร็วก็ต้องดึงดูดความโกรธเกรี้ยวมาสู่ตนเองและจะไม่ได้ตายดีแน่นอน
“ทำไม? พวกแกไม่พอใจเรอะ ยังมีใครอยากตายอีกหรือไง?”
เขายิ้มอย่างเย็นชาพลางใช้สายตากวาดมองไปยังคนรอบๆ ราวกับว่าไม่ว่าใครก็ตามที่มองเห็นเขาล้วนต้องหลบทางให้เขา ล้วนต้องหวัดกลัวเขาอย่างไรอย่างนั้น
หลายคนมีความหวาดกลัวปรากฏบนใบหน้า ทำได้เพียงโมโหอยู่ในใจแต่ไม่กล้าพูดออกมา
ชายคนนี้ถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงฆ่าเพียงเพราะประโยคเดียว บอดี้การ์ดชุดดำที่ยืนอยู่ข้างหลังเซวียนเยวี๋ยนเถิงทั้งแปดคนล้วนเป็นยอดฝีมือชั้นนำ มีฝีมือแข็งแกร่งมาก คอยปกป้องคุ้มครองอยู่ข้างกายเซวียนเยวี๋ยนเถิง
นี่เป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นถึงความตื้นลึกหนาบางของตระกูลในโลกเบื้องหลัง ไม่อาจดูเบาได้เลยจริงๆ ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจะแข็งแกร่งขนาดไหนก็ไม่มีใครที่สามารถพูดได้อย่างชัดเจนมานานแล้ว
คนที่ล้อมดูอยู่รอบๆ ต่างก็พากันเดินจากไป มุมปากของเซวียนเยวี๋ยนเถิงปรากฏรอยยิ้มลำพองใจขึ้น นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา สูบซิการ์เข้าไปเฮือกหนึ่ง มองหญิงขายบริการระดับสุดยอดตรงหน้าด้วยรอยยิ้มหื่นกระหาย พูดออกมาด้วยความเรียบเฉยว่า
“เข้ามาอมให้ฉันซะ…”
หญิงขายบริการชั้นหนึ่งคนนั้นอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง ถึงแม้เธอจะเป็นหญิงขายบริการชั้นสูงที่พบเจอคนใหญ่คนโตมาไม่น้อย และเจอสถานการณ์ต่างๆ มามาก แต่คนที่ยโสโอหังขนาดเซวียนเยวี๋ยนเถิงนั้นเป็นคนที่บริการได้ยากมาก และไม่กล้าที่จะล่วงเกิน
ในตอนนี้เซวียนเยวี๋ยนเถิงถึงกับต้องการให้เธอใช้ปากประกอบกามกิจให้เขาต่อหน้าสาธารณชน นี่มันช่าง…ช่างไม่เห็นเธอเป็นมนุษย์เลยจริงๆ
ถึงแม้ว่าสีหน้าของหญิงขายบริการชั้นหนึ่งคนนี้จะดูไม่ดีนัก กระทั่งมีความโมโหโกรธเคืองอยู่ในใจ ต่อให้ตนขายบริการแต่ก็มีความเคารพในตนเอง ต่อให้ตนจะขายบริการก็มีศักดิ์ศรี การถูกเหยียบย่ำตามใจชอบเช่นนี้ใครก็รับไม่ไหว
ถึงจะพูดว่ารับไม่ไหวแต่ก็ต้องรับให้ได้ หญิงขายบริการที่ไม่มีอำนาจไม่มีอิทธิพลแบบพวกเธอ ต่อให้จะเป็นหญิงขายบริการชั้นหนึ่ง แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่มีฐานะแบบเขาก็ยังต้องก้มหน้ายอมอย่างไร้ศักดิ์ศรี ให้ทำอย่างไรก็ต้องทำอย่างนั้น
ขนาดดาราสาวชั้นสูงระดับต้นๆ ที่มีชื่อเสียงทั้งในและต่างประเทศเหล่านั้น ตอนกลางวันเห็นว่างดงามเป็นประกาย ตอนกลางคืนไม่รู้ว่าต้องกรีดร้องมากน้อยแค่ไหน ไม่รู้ว่าถูกเหล่าข้าราชการที่มีอำนาจและอิทธิพลที่แท้จริงข่มเหงไปกี่ครั้ง
“นี่…คุณชายเซวียนเยวี๋ยน นี่เกรงว่าจะไม่ค่อย ไม่ค่อยดีหรือเปล่าคะ?” หญิงขายบริการชั้นยอดคนนั้นพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง
“ไม่มีอะไรไม่ดี เร็วๆ เถอะ…” เซวียนเยวี๋ยนเถิงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม ไม่มีมนุษยธรรมเลยแม้แต่นิดเดียว
ไม่มีทางเลือก หญิงขายบริการชั้นยอดคนนั้นเคยบริการเซวียนเยวี๋ยนเถิงมาก่อน จึงรู้ถึงนิสัยคุณชายใหญ่คนนี้ดี คำพูดที่ตนเองกล่าวไปเมื่อสักครู่นี้ไม่ได้ทำให้เขาโกรธก็นับว่าโชคดีมากแล้ว หากยังจะพูดอะไรออกไปอีกแม้แต่ครึ่งคำ เกรงว่าจะถูกเขาฆ่าตายได้
หญิงขายบริการคนนั้นย่อกายลงอย่างเชื่องช้า คุกเข่าลงเบื้องหน้าเซวียนเยวี๋ยนเถิง ต่อให้เป็นหญิงขายบริการแต่ก็เขินอายจนใบหน้าแดงก่ำไปนานแล้ว ค่อยๆ รูดซิปกางเกงของเขาลง ยื่นมือออกไปเตรียมจะควักเซวียนเยวี๋ยนน้อยออกมาอมเข้าไปในปาก ต่อให้จะอายมากขนาดไหน จะโกรธมากขนาดไหน ก็ไม่กล้าไม่ทำ เพราะชีวิตย่อมสำคัญกว่า
ไหนเลยจะรู้ว่า ในตอนที่หญิงขายบริการคนนั้นค่อยๆ จับกุมเซวียนเยวี๋ยนน้อย เตรียมจะควักออกมาเริ่มการกระทำนั้น บอดี้การ์ดในชุดสูทสีดำอายุน้อยคนหนึ่งวิ่งเข้ามาภายในคลับหรูหราแห่งนี้จนมาถึงข้างกายเซวียนเยวี๋ยนเถิง พูดกระซิบข้างหูว่า
“คุณชายใหญ่ ที่เมืองหลวงมีข่าวมา…”
“จะต้องเป็นข่าวดีแน่นอน อาหู่ฆ่าเย่เทียนเฉินแล้วใช่ไหม บอกมาเถอะไม่ต้องกังวลไป แค่เย่เทียนเฉินตัวเล็กๆ คนหนึ่งเท่านั้น แค่คนที่ตระกูลตกต่ำไปนานแล้วก็เท่านั้น ฉันแค่ขยับนิ้วก็เก็บกวาดมันได้แล้ว!
เซวียนเยวี๋ยนเถิงพูดขัดคำพูดของลูกน้องที่วิ่งเข้ามาเพื่อรายงานสถานการณ์ ด้วยนึกว่าอาหู่ฆ่าเย่เทียนเฉินไปแล้วและเกิดข่าวลือออกมา จึงรู้สึกยินดียิ่งนัก
“ไม่ ไม่ใช่ครับ คุณชายใหญ่ อาหู่…อาหู่แพ้แล้วครับ…” ลูกน้องที่เข้ามารายงานสถานการณ์คนนั้นพูดเสียงเบาด้วยความหวาดกลัว
“อะไรนะ? เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด แกไปได้ยินข่าวเท็จมาจากไหน” เซวียนเยวี๋ยนเถิงขมวดคิ้ว เอ่ยถามออกไปด้วยความโกรธที่เพิ่มมากขึ้นหลายส่วน
“ปะ เป็นความจริงครับ ได้รับการยืนยันมาแล้ว ภารกิจของอาหู่ล้มเหลว…”
เซวียนเยวี๋ยนเถิงตวาดออกมาครั้งหนึ่ง ลุกขึ้นยืนจากบนโซฟา หญิงขายบริการที่นั่งคุกเข่าอยู่ระหว่างขาของเขาก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยออกไปยืนทางด้านหนึ่ง หวาดเกรงว่าเขาจะระเบิดโทสะและมาระบายกับตน
เซวียนเยวี๋ยนเถิงจับเนคไทร์ของลูกน้องที่เข้ามารายงาน ดวงตาทั้งสองวาวโรจน์ขึ้นมาอย่างน่ากลัว เขาไม่อาจยอมรับข่าวเช่นนี้ได้
เพราะว่าในความคิดของเขา เย่เทียนเฉินก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง เป็นมดที่เขาจะเหยียบย่ำให้มันตายเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้ มดในสายตาของเขากลับทำเรื่องสะท้านฟ้าดิน ไหนเลยเขาจะยอมรับได้!
“แกบอกฉันมาให้ละเอียด อย่าให้ขาดไปแม้แต่คำเดียว มิฉะนั้นบิดาจะจับโยนลงไปในทะเลซะ!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงเอ่ยปากพูดอย่างเย็นชา
เดิมทัเซวียนเยวี๋ยนเถิงยังยินดีเปรมปรีดิ์ กำลังวางท่าลำพองใจใหญ่โตเพื่อรอข่าวที่อาหู่กำจัดเย่เทียนเฉินได้
ไหนเลยจะรู้ว่า ข่าวที่มากลับเป็นข่าวที่ว่าอาหู่ทำภารกิจล้มเหลว ก่อนหน้านี้เพียงไม่นาน เขาเพิ่งจะคุยโทรศัพท์กับอาหู่ อาหู่ก็ยังรับประกันกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่า ว่าจะต้องฆ่าเย่เทียนเฉินได้อย่างแน่นอน ไม่จำเป็นต้องให้เขารีบกลับเมืองหลวงก็สามารถกำจัดเย่เทียนเฉินได้
เซวียนเยวี๋ยนเถิงย่อมเชื่อในความสามารถของอาหู่ เนื่องจากไหนแต่ไรมาอาหู่ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง เพียงแต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้คู่ต่อสู้ที่ต้องเจอก็คือเย่เทียนเฉิน
“คะ คุณชายใหญ่ครับ เรื่องก็เป็นแบบนี้ คืนนี้อาหู่ส่งพี่น้องไปสามร้อยกว่าคน ไปล้อมเย่เทียนเฉินในซอยแคบแห่งหนึ่ง เตรียมจะรุมฆ่ามันให้ตาย ไหนเลยจะรู้ว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกับฆ่าพวกมันเพื่อฝ่าออกมา…”
ลูกน้องคนนั้นรายงานสถานการณ์ราวกับว่าเห็นเย่เทียนเฉินสะบัดมีดฆ่าฟันด้วยตาของตน อดไม่ได้ที่จะร่างกายสั่นเทา
“สามร้อยกว่าคน สามร้อยกว่าคนที่ใช้มีดตัดฟืน ต่อให้แตงโมสามร้อยลูก เย่เทียนเฉินก็ต้องฟันจนเหนื่อย จะถูกเขาฆ่าเปิดทางออกมาได้ยังไง ให้อาหู่มันมาเจอฉันเดี๋ยวนี้ ฉันจะดูซิว่ามันจะรายงานฉันยังไง!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงตะโกนออกมา โกรธจนต้องขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“คุณชายใหญ่ครับ อาหู่ เขา เขา เขาตายแล้ว…”
“นี่…ใคร ใครเป็นคนฆ่ามัน…” เซวียนเยวี๋ยนเถิงขมวดคิ้ว กำหมัดแน่นแล้วเอ่ยถามออกไป
“ดะ ได้ยินว่าเป็นหลูเซิ่งต๋าพาคนไปจับกุมอาหู่ แล้วถูกวิสามัญ…”
“เย่เทียนเฉิน หลูเซิ่งต๋า ฉันจะฆ่าพวกแก!”
เซวียนเยวี๋ยนเถิงพลักลูกน้องตรงหน้าจนล้มลงกับพื้น ในดวงตาทั้งสองเต็มไปด้วยความโกรธแค้น แม้ในความฝันเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจถึงขนาดนี้
อาหู่เป็นคนที่โหดเหี้ยมมาก ฆ่าคนได้โดยไม่ขมวดคิ้วเลยแม้แต่น้อย แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง ขอเพียงเขาออกคำสั่ง อาหู่ก็จะตัดหัวศัตรูมาให้ในทันที และในครั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาด อาหู่ถึงกับส่งอันธพาลออกไปสามร้อยกว่าคน
สิ่งที่ทำให้คิดไม่ถึงก็คือ พวกเขาถึงกับถูกเย่เทียนเฉินฆ่าเปิดทางออกมา เจ้าหมอนี่มันเป็นคนหรือเป็นเทพเซียนกันแน่?
ปัง!
ภายในคลับอันหรูหราแห่งนี้ เซวียนเยวี๋ยนเถิงฆ่าคนอีกครั้งแล้ว เพื่อระบายความโมโหและความไม่พอใจในใจของตนเอง เขาชักปืนออกมายิงลูกน้องที่คอยติดตามข้างกายเขาด้วยความภักดีจนตายโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่น้อย
“คุณชายใหญ่ครับ ตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดี?” บอดี้การ์ดสูทดำที่ยืนอยู่ด้านหลังคนหนึ่งเอ่ยปากถาม
“เตรียมเครื่องบินเที่ยวพิเศษ ฉันจะกลับเมืองหลวงคืนนี้!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงโยนปืนในมือไปให้บอดี้การ์ดด้านหลังแล้วออกคำสั่ง
“ครับ!”
“เย่เทียนเฉิน ฉันอยากจะเห็นจริงๆว่าแกอาศัยอะไรมาต่อต้านฉัน จะดูซิว่าแกจะมีความสามารถขนาดไหน…” เซวียนเยวี๋ยนเถิงหัวเราะออกมาด้วยความโกรธเกรี้ยวแล้วพึมพำกับตนเอง
วันต่อมา ในตอนที่เย่เทียนเฉินตื่นขึ้นก็ผมว่าเสี้ยวหยาไม่ได้นอนอยู่บนเตียงคนไข้แล้ว ถึงแม้เมื่อคืนหมอจะบอกว่าเสี้ยวหยาเพียงแค่ถูกฟันที่หลังเท่านั้น ด้วยปฏิกิริยาอันว่องไวของเย่เทียนเฉิน ทำให้สาวยากได้รับบาดแผลแค่ชั้นผิวภายนอกเท่านั้น ไม่ได้ร้ายแรงอะไร แต่ยังคงต้องพักผ่อนให้มาก จะอย่างไรก็ได้รับความตกใจและเสียเลือดไปมาก
“หยาเอ๋อร์? หยาเอ๋อร์?”
เย่เทียนเฉินลุกขึ้นจากเตียงเฝ้าไข้แล้วออกตามหา
ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากในห้องคนไข้เลย เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะตกใจ คิดว่าเป็นเซวียนเยวี๋ยนอวี่ที่ส่งคนมาจับตัวเสี้ยวหยาไปหรือไม่?
ถึงแม้ความเป็นไปได้นี้จะมีอัตราต่ำมาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เลย เนื่องในโลกปัจจุบันนี้มียอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณและผู้มีพลังพิเศษอยู่ สำหรับเย่เทียนเฉินที่ในตอนนี้เป็นผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันแล้ว ต่อให้จะแข็งแกร่งมากแต่ก็ไม่ได้เป็นเจ้าถิ่น รับประกันไม่ได้ว่าอีกฝ่ายจะใช้ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งเพื่อมาจัดการกับตน
“หยาเอ๋อร์…”
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วยของแม่ของเสี้ยวหยานั้น จึงพบว่าไม่ผิดไปจากที่ตนคาด เสี้ยวหยาอยู่ดูแลแม่ที่นี่ กำลังปอกแอปเปิ้ลให้แม่ของตนอยู่
“เทียนเฉิน นายมาแล้ว!” เสี้ยวหยาพูดพลางยิ้มให้เย่เทียนเฉิน
“หยาเอ๋อร์ เธอ…”
“ฉันรู้ว่าวันนี้เช้านายจะต้องกลับมา ที่มหาวิทยาลัยไม่มีเรียนเหรอ?” เสี้ยวหยาขัดคำพูดของเย่เทียนเฉิน ส่งสายตาเป็นสัญญาณให้เย่เทียนเฉินแล้วกล่าวขึ้น
เย่เทียนเฉินย่อมไม่ใช่คนโง่อะไร เมื่อเห็นว่าเสี้ยวหยาส่งสายตามาให้ และเห็นว่าแม่ของเธอกำลังพูดคุยกับลูกสาวด้วยรอยยิ้ม จึงรู้ได้ว่าเสี้ยวหยาไม่ได้บอกเรื่องเมื่อวานกับแม่ และไม่อยากให้แม่รู้ เสี้ยวหยาเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีและรู้ความคนหนึ่ง
“อ้อ ใช่แล้ว ตอนบ่ายถึงจะมีเรียน พวกเธอก็ดูเหมือนว่าจะมีเรียนตอนบ่าย พอถึงเวลาพวกเราก็ไปมหาวิทยาลัยด้วยกันเถอะ!” เย่เทียนเฉินได้สติกลับมาจึงพูดด้วยรอยยิ้ม
“เทียนเฉิน ลำบากเธอจริงๆ ต้องวิ่งมาดูน้าอีกแล้ว!” แม่ของเสี้ยวหยาพูดด้วยรอยยิ้มเมตตา
“คุณน้าครับ ผมกับหยาเอ๋อร์เป็นเพื่อนสนิทกัน นี่เป็นเรื่องที่สมควรทำแล้ว วันนี้คุณดูท่าทางไม่เลวเลยนะครับ ผมเชื่อว่าอีกไม่นานร่างกายก็จะฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ จะต้องใส่ใจพักผ่อนให้มากๆ กินอาหารให้มากๆ นะครับ!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ฮ่าๆ อาการป่วยของน้า น้าย่อมรู้ตัวเองดี ขอเพียงเธอดีต่อหยาเอ๋อร์ให้มากน้าก็วางใจแล้ว วันหลังก็ขอมอบหยาเอ๋อร์ให้เธอดูแล…”
“แม่ แม่พูดอะไรกันคะ…”
เสี้ยวหยาอดไม่ได้ที่จะใบหน้าแดงระเรื่ออย่างไร้เดียงสา มองไปที่แม่แล้วพูดขึ้น
……………………….