ใช้เท้าถีบเซวียนเยวี๋ยนอวี่ครั้งหนึ่ง ตบเซวียนเยวี๋ยนเถิงไปสามครั้งจนโง่งม น่าสงสารสองพี่น้องบ้าอำนาจ ความยโสโอหังและความโหดเหี้ยมที่พวกเขามีต่อหน้าคนอื่น เมื่อมาอยู่ต่อหน้าเย่เทียนเฉินก็ทำได้เพียงถูกอัดเท่านั้น
ก่อนหน้านี้คนที่กล้าต่อต้านเซวียนเยวี๋ยนเถิง ส่วนใหญ่ล้วนถูกเซวียนเยวี๋ยนเถิงกำจัดไปหมดแล้ว หลายคนเกรงกลัวอำนาจของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน กลัวว่าจะเกี่ยวพันไปถึงครอบครัวและคนในครอบครัวของตนเอง ดังนั้นจึงเลือกที่จะหลีกเลี่ยง ไม่กล้าไปกระตุ้นความโกรธของเซวียนเยวี๋ยนเถิงจริงๆ คนคนนี้ไม่มีอะไรต่างกับหมาบ้าเลย เบื้องหลังของเซวียนเยวี๋ยนเถิงยังมีตระกูลอยู่ตระกูลหนึ่ง เป็นตระกูลหมาบ้าเช่นกัน เพียงแค่คิดก็ทำให้ผู้คนต้องหวาดกลัว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนส่วนใหญ่หลีกทางให้เซวียนเยวี๋ยนเถิง ทำให้เซวียนเยวี๋ยนเถิงยิ่งโอหังมากขึ้น จนถึงขั้นโอ้อวดตัวเองถึงขีดสุด
เพียงแต่น่าเสียดายที่ครั้งนี้คนที่เซวียนเยวี๋ยนเถิงหาเรื่องก็คือเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินไม่หาเรื่องคนอื่นแต่ก็ไม่กลัวมีเรื่อง ดูเหมือนว่าตั้งแต่ที่เขากลับมาเกิดใหม่ในโลกแห่งนี้ เดิมทีคิดเพียงต้องการใช้ชีวิตอยู่กับพ่อแม่และน้องสาวอย่างสงบสุขและมีความสุขไปชั่วชีวิต และกลายเป็นนักกินอย่างจริงจัง ไหนเลยจะรู้ว่า หลังจากที่กลับถึงเมืองหลวงแล้วจะต้องมาพบว่ามีใครหลายคนที่ต้องการจะกำจัดเขา กำจัดอำนาจของตระกูลเย่ บางทีคงไม่ใช่ความแค้นความเกลียดชังที่ยิ่งใหญ่อะไรนัก เพียงแต่อำนาจเหล่านี้ยโสโอหังจนเคยตัว ทนไม่ได้ที่จะให้คนอื่นมาท้าทายพวกเขาหรือหาเรื่องพวกเขาแม้แต่นิดเดียว ทัศนคตินี้ทำให้ต้องการที่จะกดตระกูลเย่ให้ตกต่ำ
ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงลงมืออย่างรุนแรง เขาสาบานอยู่ในใจไว้นานแล้วว่า จะไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมารังแกญาติมิตรของเขา ไม่ว่าจะเป็นใคร หากกล้ามาลงมือกับญาติมิตรของเขา ก็จะทำได้เพียงใช้หมัดและเลือดตอบแทน ใครกล้ามาวุ่นวายต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
จนถึงตอนนี้ เย่เทียนเฉินเข้าใจกระจ่างแล้วว่า เขาต้องการจะอยู่อย่างสงบก็ไม่สามารถทำได้ ไม่สู้เล่นเป็นเพื่อนกับกลุ่มอำนาจเหล่านี้เสียหน่อย ดูซิว่าใครจะร้ายกาจมากกว่ากัน เมื่อดูจากนิสัยแล้ว เดิมทีเย่เทียนเฉินก็เป็นคนที่ “สามารถปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ได้ดี” หากจะกล่าวให้ชัดเจนก็คือ หากได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุข ต่อให้เป็นอุปสรรคใดๆ บิดาก็ไม่กลัวเกรง พวกคุณอยากจะเล่น ผมก็จะเล่นเป็นเพื่อนคุณให้สนุกสักหน่อย!
จะอย่างไรเซวียนเยวี๋ยนเถิงก็คิดไม่ถึงว่า ตนเองที่เป็นคุณชายใหญ่แห่งตระกูลเซวียนเยวี๋ยน เป็นหนึ่งในสามสุดยอดคุณชายแห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง มีอำนาจระดับใด ยโสโอหังระดับใด วันนี้กลับถูกคนตบหน้าต่อหน้าผู้คนมากมาย แล้วยังตบจนเลือดกลบปาก ฟันร่วงไปหลายซี่ เดิมทีสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเขากระทำต่อผู้อื่น มาวันนี้กลับเป็นเขาที่ได้สัมผัสประสบการณ์ นี่ล้วนเป็นเพราะได้เจอกับเย่เทียนเฉิน ต้องมาพบกับเย่เทียนเฉินที่ทำตามหลักการโดยไม่สนใจตัวคน ไม่สนว่าคุณจะเป็นคุณชายใหญ่อะไร ไม่สนว่าตระกูลของคุณจะยิ่งใหญ่แค่ไหน ขอเพียงกล้ามาหาเรื่อง คุณไม่มีเหตุผล เช่นนั้นคุณก็กินหมัดไปซะ
นักศึกษาชายหญิงที่ล้อมดูหลายร้อยคนต่างมองเย่เทียนเฉินราวกับตัวประหลาด ในใจของใครหลายคนต่างวิตกกังวล แม้ในฝันก็คิดไม่ถึงว่า เซวียนเยวี๋ยนเถิงที่ยโสโอหังมาโดยตลอดจะถึงกับถูกตบจนมีสภาพแบบนี้ได้ เซวียนเยวี๋ยนเถิงที่รู้จักแต่รังแกคนอื่นมาโดยตลอด จะถึงกับถูกคนตบจนเลือดกลบปาก ตกลงแล้วเย่เทียนเฉินร้ายกาจขนาดไหนกันแน่? ตกลงแล้วมีไพ่ตายอะไรกันแน่ ถึงได้กล้าล่วงเกินเซวียนเยวี๋ยนเถิงโดยไม่สนใจอะไรเลยแม้แต่น้อย ล่วงเกินตระกูลในโลกเบื้องหลังที่ไม่รู้ว่ามีอำนาจแข็งแกร่งมากขนาดไหน?
“นี่…เป็นไปไม่ได้น่า ฉันตาฝาดไปหรือเปล่า? คุณชายเซวียนเยวี๋ยนเถิงถูกตบ?”
“พระเจ้า จบแล้ว จบแล้ว จบสิ้นแล้ว…”
“เย่เทียนเฉินจบสิ้นแล้ว ต้องตายแน่นอน!”
“ดูเหมือนว่าเซวียนเยวี๋ยนอวี่จะช่วยอะไรไม่ได้แล้ว ที่ปากกระอักเลือดออกมาไม่หยุด เซวียนเยวี๋ยนเถิงเองก็ถูกเย่เทียนเฉินฆ่าไปแล้วหรือเปล่า?”
“เย่เทียนเฉินคนนี้ต้องการจะทำอะไรกันแน่? เขาไม่กลัวว่าล่วงเกินตระกูลเซวียนเยวี๋ยนแล้วตระกูลเย่จะถูกฆ่าล้างหรือไง?”
คนรอบๆ หลายคนอดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันเสียงเบา การได้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างนี้ด้วยตาของตน ทำให้รู้สึกสั่นสะท้านยิ่งกว่าได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับการกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของเย่เทียนเฉินหลังจากที่กลับมาเมืองหลวงแล้วนับร้อยเท่า ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเป็นหนึ่งในตระกูลโลกเบื้องหลังไม่กี่ตระกูลของจีน มีอำนาจมากขนาดไหนกันแน่ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีใครทราบ แต่ว่าทุกตระกูลที่สามารถเป็นตระกูลแห่งโลกเบื้องหลังได้ย่อมไม่ใช่ตระกูลเล็กๆ ที่ไหน เดิมทีตระกูลเหล่านี้ก็มีความแข็งแกร่งและมีอำนาจมากในประเทศจีน การถอยออกไปสู่โลกเบื้องหลังก็เป็นความลับที่ไม่มีใครรู้ ตอนนี้ปรากฏสู่โลกภายนอกแล้ว ย่อมต้องมีแผนการร้าย กระทั่งรัฐบาลจีน และยังมีกลุ่มอำนาจใหญ่และตระกูลใหญ่ในโลกเบื้องหน้าจำนวนหนึ่งที่ไม่กล้าไปหาเรื่องง่ายๆ ทำได้เพียงตรวจสอบและลองเชิงอยู่อย่างลับๆ
“เย่เทียนเฉิน แกจะเป็นศัตรูกับฉันเซวียนเยวี๋ยนเถิงจริงๆ ใช่ไหม? แกคิดดีแล้วใช่ไหม!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงถูกเย่เทียนเฉินตบจนเลือดกลบปากคลานขึ้นมาจากบนพื้น ยังคงมองเย่เทียนเฉินอย่างยโสโอหังแล้วตะโกนขึ้น
“ผิดแล้ว ฉันไม่อยากเป็นศัตรูกับแกเซวียนเยวี๋ยนเถิง…” เย่เทียนเฉินพูดกับเซวียนเยวี๋ยนเถิงด้วยรอยยิ้ม
“หึ รู้ตัวก็ดีแล้ว แต่แกล่วงเกินฉันแล้ว เรื่องนี้จบไม่สวยแน่ ตระกูลเย่ของแกก็เคยมีอำนาจมาก่อน ขอเพียงแกหักแขนขาของแกด้วยตัวเอง ฉันก็จะไว้ชีวิตสุนัขของแกซะ!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงมองเย่เทียนเฉินด้วยความโหดเหี้ยม คิดว่าเย่เทียนเฉินกลัวแล้ว จึงพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มลำพองใจโดยไม่สนใจรอยประทับฝ่ามือบนใบหน้า
“งั้นฉันก็ต้องขอบคุณคุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนอย่างแกสินะ?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มหยอกล้อ
“ไว้ชีวิตสารเลวของแกคนเดียวก็ไม่สามารถขวาทางคุณชายใหญ่อย่างฉันได้ แกก็เป็นแค่มดตัวหนึ่ง ฉันอยากจะเหยียบให้ตายยังไงก็ได้!” เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่รู้ว่าถูกตบจนบ้าไปแล้ว หรือว่าถูกตบจนโง่ไปแล้ว ตะโกนขึ้นมาด้วยความโอหังที่ทบทวี บางทีความเคารพในตนเองอันบอบบางของคุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนอย่างเขา คงไม่อนุญาตให้ใครก็ตามมาแตะต้อง โอหังบ้าอำนาจจนเคยชินไปแล้ว
ในตอนนี้เอง เหล่านักศึกษาชายหญิงจำนวนหนึ่งที่ดูความคึกคักอยู่ด้านข้าง ได้ยินบทสนทนาระหว่างเซวียนเยวี๋ยนเถิงกับเย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา โดยเฉพาะคนที่เมื่อก่อนมองเซวียนเยวี๋ยนเถิงในแง่ดี ยิ่งพูดคำถากถางเยาะเย้ยเย่เทียนเฉินออกมา
“ฉันก็บอกแล้วไงว่าเย่เทียนเฉินไม่ใช่คู่มือของคุณชายเซวียนเยวี๋ยน ตอนนี้รู้ตัวว่าผิดก็สายเกินไปแล้ว!”
“ต้องตายแน่นอน จะต้องตายแน่นอน คุณชายใหญ่เซวียนเยวี๋ยนเถิงไม่ได้หาเรื่องกันง่ายๆ”
“อยากจะขอโทษตอนนี้ก็ไม่ทันแล้ว คงต้องชดเชยด้วยชีวิต!”
ไหนเลยจะรู้ว่า นักศึกษาชายปากมากทั้งสามคนนี้เพิ่งจะพูดจบ เย่เทียนเฉินก็ยืนอยู่เบื้องหน้าของพวกเขา เหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้นักศึกษาชายปากร้ายทั้งสามคนตกใจจนหน้าเปลี่ยนสี กระทั่งนักศึกษาที่ล้อมอยู่รอบๆ ก็ตกใจจนต้องสูดหายใจเย็นยะเยือก เพียงพริบตาเดียวเย่เทียนเฉินที่อยู่ห่างออกไปสิบเมตรกลับมาถึงด้านหน้า ไม่มีใครมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาทำได้อย่างไร ช่างทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านจริงๆ
พลั่ก!
พลั่ก!
พลั่ก!
สามหมัด เย่เทียนเฉินต่อยนักศึกษาชายปากเสียทั้งสามคนไปสามหมัดจนกระเด็นออกไป นักศึกษาชายปากเสียทั้งสามคนล้มลงบนพื้นแล้วร้องออกมาอย่างน่าอนาถ เย่เทียนเฉินไม่ได้ลงมือโหดเหี้ยมจนถึงตาย เขาเองก็รู้จักหนักเบา คนเหล่านี้เป็นแค่คนธรรมดา ถึงแม้ว่าจะมีบางครั้งที่น่ารังเกียจ แต่ก็ยังสามารถให้อภัยได้ ตนเองไม่คิดเล็กคิดน้อยกับสามคนนี้
ในความคิดของคนอื่น เย่เทียนเฉินมาถึงเบื้องหน้าของชายปากร้ายทั้งสามคนอย่างน่าเหลือเชื่อ แต่เย่เทียนเฉินกับไม่ได้มีความรู้สึกอะไรนัก เมื่อครู่นี้ตนเองใช้พลังพิเศษในขอบเขตจอมราชัน เร่งความเร็วจนถึงขีดสุดในชั่วพริบตา และย่นระยะห่างระหว่างเขากับคนทั้งสาม สามารถเรียกได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษ “ย่นระยะ”ประเภทหนึ่ง ในช่วงยุคสิ้นโลก การระรานจากยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณที่แข็งแกร่งและผู้มีพลังพิเศษในขอบเขตระดับสูงต่างก็ต่อสู้กันอยู่บนอากาศ ไม่นับว่าเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอะไร นี่ก็คือยุคสิ้นโลก เป็นโลกที่เหนือจินตนาการ มีสีสันเป็นอย่างมาก ทำให้ผู้คนต้องการจะไปสำรวจ
ในตอนนี้ ท่ามกลางผู้คนในมุมหนึ่ง มีผู้หญิงร่างสูงคนหนึ่งสวมผ้าปิดปากและแว่นกันแดดสีดำยืนอยู่ มือทั้งสองล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ดวงตาทั้งสองอันมีเสน่ห์มองสำรวจไปยังเย่เทียนเฉินเป็นระยะ หากว่าเย่เทียนเฉินเห็นผู้หญิงร่างสูงคนนี้ จะต้องตกตะลึงเป็นอย่างมาก เนื่องจากนี่ก็คือผู้หญิงที่เขาเดินชนหน้าประตูตึกภาควิชาโบราณคดี และข้างกายของผู้หญิงร่างสูงคนนี้ยังมีชายชราร่างผอมคนหนึ่ง รูปร่างหน้าตาธรรมดาถึงขั้นที่หากโยนลงบนถนนใหญ่ก็จะหาไม่เจอ ถึงแม้ดูแล้วจะแก่ชราเป็นอย่างมาก อย่างน้อยคงจะอายุประมาณเจ็ดสิบปี แต่ดวงตาทั้งสองกลับทอประกายแปลกประหลาด ขมวดคิ้วเป็นบางครั้ง โดยเฉพาะในตอนที่เย่เทียนเฉินลงมาือ
“คุณลุงคะ นั่นก็คือเย่เทียนเฉิน คุณลุงว่าฝีมือของเขาเป็นยังไง?” ผู้หญิงที่สวมผ้าปิดปากและสวมแว่นกันแดดสีดำเอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์แต่เย็นชา
“ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา!” ชายชราร่างผอมยิ้มไปจนถึงดวงตาแล้วเอ่ยปากขึ้น
หญิงร่างสูงได้ยินชายชราพูดคำนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมีสายตาเปลี่ยนไป และมองเย่เทียนเฉินด้วยสายตาที่แปลกประหลาดยิ่งขึ้น เนื่องจากเธอรู้ว่าคุณลุงของตนเองแข็งแกร่งมากขนาดไหน เขาเป็นคนที่เคยใช้ชีวิตอยู่ทั้งในโลกมืดและในโลกเบื้องหน้า คนที่สามารถทำให้เขาพูดประโยคมีไม่มาก โดยเฉพาะเป็นการให้ค่าคนที่เป็นเด็กรุ่นหลังเช่นนี้ ดูเหมือนว่าจะไม่เคยมีมาก่อน
“อย่ามองแบบนั้น เดี๋ยวจะถูกพบเอาได้ ลุงรู้สึกได้ถึงพลังภายในร่างกายของไอ้หนูนี่ เหมือนมีมังกรตัวเขื่องหลับไหลอยู่ หากระเบิดออกมาจะต้องสั่นสะท้านไปทั่วทั้งโลกแน่นอน จะต้องสั่นสะท้านไปทั่วทั้งพรรควรยุทธโบราณและองค์กรของผู้มีพลังพิเศษ!” ชายชรายังคงพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เมื่อได้ยินคนลุงของตนกล่าวเช่นนี้ หญิงร่างสูงก็เก็บสายตากลับมา มองเย่เทียนเฉินที่อยู่ไม่ไกลด้วยสายตาใคร่ครวญ พูดออกมาอยากเรียบเฉยว่า “หนูเคยจงใจไปชนเขามาก่อน ต้องการจะโอกาสนั้นสำรวจดูว่าเขาแข็งแกร่งมากขนาดไหน แต่กลับไม่สามารถสัมผัสได้ถึงการสั่นไหวของพลังพิเศษเลยแม้แต่น้อย แล้วยังเกือบจะถูกเขามองออกด้วย เย่เทียนเฉินคนนี้น่าสนใจจริงๆ!”
“น่าสนุกมากจริงๆ ใครจะคิดว่าคนที่เคยเป็นตัวตลกของทั่วทั้งเมืองหลวง มีชื่อเสียงว่าเป็นลูกหลานไม่เอาไหนของตระกูล พอกลับมาเมืองหลวงอีกครั้งจะมีความพิเศษขนาดนี้ได้ ดึงดูดความสนใจของเหล่าคนที่เก็บซ่อนความสามารถจนอยากที่จะทดสอบความสามารถของไอ้หนูนี่กันทั้งนั้น”
“คุณลุงคะ การทดลองในครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะมีผลยังไง หากว่าหนูตาย อย่าให้น้องสาวของหนูได้เดินเส้นทางเดียวกับหนูเลย!” หญิงร่างสูงคิดอะไรบางอย่างแล้วจึงพูดขึ้น
ชายชราถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง การประลองสี่สุดยอดสาวงามแห่งพรรควรยุทธโบราณในครั้งนี้ แม้จะบอกว่าเป็นการประลอง แต่ความจริงแล้วจะเป็นจะตายก็อยู่ที่ฟ้ากำหนด สำนักไหนก็ไม่สามารถขายหน้าได้ แล้วไม่อนุญาตให้แพ้ นี่ไม่ใช่ความเป็นความตายของคนเพียงคนเดียวแล้ว แต่เกี่ยวข้องกับความน่าเคารพที่สืบทอดกันมานับพันปีของสำนัก ต่อให้รู้ว่าจะต่อกรกับคู่ต่อสู้ไม่ได้ ต่อให้รู้ว่าจะต้องตายก็ไม่อาจถอย
“ในหมู่พวกเธอทั้งสี่คน นอกจากเซี่ยอวี่เหอและเทียนซวงเอ๋อร์แล้ว ฝีมือของเธอก็แข็งแกร่งที่สุด แต่ความสามารถของชิงเฉิงเยว่ก็ยอดเยี่ยมเกินไป อายุไม่ถึงยี่สิบปีก็มีฝีมือไล่ตามคนของสำนักใหญ่ใหญ่ได้ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ร้อยปีในหมู่ผู้ฝึกวรยุทธ เธอไม่ใช่คู่มือของเขา!” ชายชราถอนหายใจครั้งหนึ่ง หากกล่าวตามจริงแล้ว นี่เป็นความจริงที่หลีกหนีไม่ได้ และไม่อาจหลีกหนี
…………………………