“เห้อ ต้องบอกว่าฝีมือในด้านการทำอาหารของฉีหรูเสวี่ยไม่เลวเลยจริงๆ …น่าเสียดายที่น่าเกลียดเกินไปหน่อย ก้นก็ไม่ผายมากพอ หน้าอกก็…ฮี่ๆ!” เย่เทียนเฉินกินเนื้อเลิศรสไปพลาง วิพากษ์วิจารณ์รูปร่างและฝีมือการทำอาหารของฉีหรูเสวี่ยไปพลาง โดยไม่รู้เลยว่าฉีหรูเสวี่ยได้มายืนอยู่ข้างหลังตนแล้ว
นี่เป็นเรื่องบังเอิญ ความจริงเย่เทียนเฉินไม่ใช่คนลามกอะไร แต่จะมากจะน้อยก็มีนิสัยอันธพาลอยู่บ้าง รวมกับที่ตอนนี้ได้กินเนื้อเลิศรส ทำให้มีความสุขมากจริงๆ แน่นอนว่าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงฉีหรูเสวี่ยขึ้นมา และเผลอวิพากษ์วิจารณ์รูปร่างและฝีมือการทำอาหารของฉีหรูเสวี่ยไปตามใจ แต่จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าฉีหรูเสวี่ยจะมายืนอยู่ข้างหลังเขาและได้ยินคำวิพากษ์วิจารณ์นี้
“นี่!” ฉีหรูเสวี่ยกัดริมฝีปากเล็กๆ อันเซ็กซี่ของเธอ ตะโกนเรียกเย่เทียนเฉินจากด้านหลังอย่างกะทันหัน จงใจแกล้งให้เย่เทียนเฉินตกใจเล่น
“หวา…หวา เนื้อ…”
เย่เทียนเฉินไม่ได้สังเกตเห็นเลยว่าฉีหรูเสวี่ยเดินมาอยู่ข้างหลังตนแล้ว แล้วยังตะโกนเรียกออกมาเสียงดังอีกด้วย เดิมทีเขาก็วิ่งมาในห้องครัวเพื่อที่จะมาแอบกินเนื้อ ในใจยังคิดว่าอีกสักครู่พอแม่ของเขาเข้ามาพบจะโกรธหรือเปล่า ในตอนที่กำลังคิดก็ได้ยินเสียงตะโกนเรียกด้านหลัง เนื้อที่ใช้ตะเกียบคีบเข้าปากจึงกระเด็นออกไปด้วยความตกใจ
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไปนี้เป็นภาพที่ทำให้ฉีหรูเสวี่ยไม่สามารถลืมเลือนไปได้ชั่วชีวิต และทำให้เธอต้องตกใจจนอ้าปากเล็กๆ อันเซ็กซี่ของเธอขึ้น จ้องไปยังเย่เทียนเฉินอย่างตกตะลึง เย่เทียนเฉินเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วราวกับถูกกระตุ้น ใช้มือซ้ายรับจานเอาไว้ ส่วนมือขวาก็หยิบตะเกียบ พุ่งตัวไปยังเนื้อที่กระเด็นออกไปจนเกือบจะตกพื้น เขาอ้าปากกว้างรับเอาไว้แล้วงับเข้าไปในปาก เป็นภาพที่น่าเหลือเชื่อจริงๆ ทำให้รู้สึกร้องไห้ไม่ออกหัวเราะไม่ได้
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ยอดฝีมือเช่นเย่เทียนเฉิน ชายที่เมื่อได้โหดเหี้ยมขึ้นมาก็น่ากลัวไม่ต่างอะไรจากเทพแห่งความตายคนนี้ จะดิ้นรนสุดชีวิตเพียงเพราะเนื้อชิ้นเดียว นี่ทำให้ผู้คนคิดไม่ถึงเลยจริงๆ ถ้ายอดฝีมือที่เคยต่อสู้กับเขามาเห็นเข้า คงจะรู้สึกสิ้นหวังไปจริงๆ แล้ว เกรงว่าบนโลกใบนี้ ยอดฝีมือเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถสละชีพได้เพียงพเพราะการกิน เห็นจะมีแต่เย่เทียนเฉินคนเดียวเท่านั้น
“ไม่เลว ไม่เลว ของดีขนาดนี้จะทำให้เสียเปล่าไม่ได้เด็ดขาด นี่ เธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เข้าประตู?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังฉีหรูเสวี่ยแล้วจงใจถามออกมาเสียงดัง
“ฉัน…ขอโทษแล้วกัน ฉัน…เอ๋? นายเคยเห็นใครเคาะประตูก่อนเข้ามาที่ห้องครัวด้วยเหรอ? นายกล้ามาแซวฉัน ไม่ให้กินเนื้อตุ๋นของฉันแล้ว…” ในที่สุดฉีหรูเสวี่ยก็ได้สติกลับมา เย่เทียนเฉินถึงกลับชิงบ่นออกมาก่อน คิดจะทำให้เธอตกใจ ทั้งๆ ที่คนคนนี้มาแอบกินเนื้อตุ๋นแท้ๆ ตอนนี้กลายเป็นความผิดเธอไปได้!
เย่เทียนเฉินมองท่าทางเขินอายของฉีหรูเสวี่ย คิดว่าผู้หญิงคนนี้บางครั้งก็น่ารักจริงๆ เขาจงใจตะโกนออกไปก็ทำให้เธอตกใจเธอก็ตกใจจริงๆ เมื่อเห็นฉีหรูเสวี่ยได้สติกลับมาและมองเขาด้วยอาการขบเขี้ยวเคี้ยวฟันก็อดไม่ได้ที่จะพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม “นี่เธอไม่รู้เหรอ? ที่บ้านตระกูลเย่ของพวกเรามีกฏแบบนี้ ไม่ว่าจะเข้าไปที่ห้องไหนก็ต้องเคาะประตูก่อน นี่เป็นมารยาทนะเข้าใจไหม?”
ฉีหรูเสวี่ยในตอนนี้รู้สึกโกรธบ้างแล้ว ใช้ดวงตาอันงดงามจ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน เธออาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ตระกูลเย่มาเกือบหนึ่งเดือนแล้ว และก็ทะเลาะกับเย่เทียนเฉินมาหนึ่งเดือนแล้ว ทำไมจะไม่เข้าใจนิสัยของคนคนนี้ เขากำลังแถชัดๆ
เขาแอบมากินเนื้อที่เธอทำ ยิ่งไปกว่านั้นในตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังพูดกับฉีหรูเสวี่ยด้วยท่าทางเคร่งขรึมจริงจัง ก็ยังกลืนเนื้อลงท้องไปอีกชิ้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เจ้าบ้า ไม่อนุญาตให้นายกิน วางถ้วยและตะเกียบลงซะ…” ฉีหรูเสวี่ยไม่ได้คิดอะไรมากถึงขนาดนั้น เดินเข้าไปคิดจะแย่งถ้วยและตะเกียบมาจากเย่เทียนเฉิน สาเหตุเป็นเพราะประการแรกคนๆ นี้ไม่ซื่อสัตย์ กล้ามาหยอกล้อตนเอง ประการที่สองเพราะกลัวว่าคนๆ นี้กินอิ่มแล้ว อาหารเย็นในคืนนี้คงจะไม่เหลือให้คนอื่นได้กิน
แน่นอนว่ายังมีอีกจุดหนึ่งที่ลืมพูดไป นั่นก็คือตอนนี้เย่เทียนเฉินเข้าใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าทำไมหลัวเยี่ยนถึงได้ชอบฉีหรูเสวี่ยขนาดนั้น แค่พูดถึงเรื่องการทำอาหารจุดเดียว คงไม่มีใครคิดว่าฉีหรูเสวี่ยที่เป็นคุณหนูตระกูลใหญ่ จะลงมือเข้าครัวทำอาหารด้วยตัวเอง ยิ่งไปกว่านั้นยังทำออกมาได้อร่อยอีกด้วย และเป็นเพราะจุดนี้ที่ทำให้หลัวเยี่ยนชอบฉีหรูเสวี่ย รวมกับที่ระยะเวลาหนึ่งเดือนมานี้ ทั้งสองคนเข้ากันได้ไม่เลวเลยทีเดียว ดังนั้นหลังจากที่ฉีหรูเสวี่ยไปจากตระกูลเย่ มีหลายครั้งที่หลัวเยี่ยนมาบ่นกับเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเข้าใจความหมายของหลัวเยี่ยนดี เพียงแต่เขาไม่ได้มีความรู้สึกหญิงชายกับฉีหรูเสวี่ย อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังไม่มี
“นี่ไม่ได้นะ อันนี้ฉันทำเอง ถ้านายอยากกินอะไรก็ไปทำเองเลย!” เย่เทียนเฉินรีบถอยหลังไป หัวเราะฮี่ๆ แล้วหยิบเนื้ออีกชิ้นหนึ่งใส่ปาก
“เจ้าบ้า ห้ามกิน จะทำตัวน่าเกลียดเกินไปแล้ว ของที่ฉันทำไม่ได้มีไว้ให้คนไร้มโนธรรมอย่างนายกิน…”
ฉีหรูเสวี่ยเดินไปหาเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินเองก็ถอยหลังทางหัวเราะ คอยหยิบเนื้อเข้าปากอยู่เป็นระยะ อร่อยจริงๆ แค่เนื้อตุ๋นหัวไชเท้าธรรมดา ฉีหรูเสวี่ยก็สามารถทำออกมาได้อร่อยขนาดนี้ ไม่อาจไม่นับถือฝีมือการทำอาหารของผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ
“อา…”
เย่เทียนเฉินไม่ทันระวังจนหงายหลังไป เกือบจะล้มลงไปข้างที่ล้างจาน เขารีบนำตะเกียบวางไว้ในซิงค์ล้างจาน มือซ้ายก็ยันด้านหลังของตนเอาไว้ แต่ตอนนี้ฉีหรูเสวี่ยเองก็เดินเข้ามาแล้ว และคิดไม่ถึงว่าอยู่ดีๆ เย่เทียนเฉินจะหยุดถอย ดังนั้นจึงได้โถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเย่เทียนเฉินโดยไม่ตั้งใจ
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ใครก็คิดไม่ถึง ระยะห่างระหว่างคนทั้งสองใกล้กันมาก เย่เทียนเฉินรับรู้ได้ถึงหน้าอกเต่งตึงของฉีหรูเสวี่ยที่กระเพื่อมขึ้นลงอยู่บนหน้าอกเขาตามการหายใจของเธอ
“เมื่อกี้นายบอกว่าก้นของฉันไม่ใหญ่พอ…แล้วหน้าอกเป็นยังไง…” บนใบหน้าของฉีหรูเสวี่ยปรากฏรอยแดงด้วยความเขินอาย บรรยากาศของเธอเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง กลายเป็นสาวน้อยขึ้นมาทันที ดูมีเสน่ห์ของผู้หญิง ดวงตาอันงดงามทั้งสองจ้องมองไปยังตาของเย่เทียนเฉินแล้วพูดขึ้น
เมื่อได้ยินคำพูดของฉีหรูเสวี่ย และเห็นว่าฉีหรูเสวี่ยเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน คล้ายกับมีความรู้สึกดีๆ ในใจกับตนอย่างไรอย่างนั้น เย่เทียนเฉินก็ตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้มองฉีหรูเสวี่ยในระยะใกล้ขนาดนี้ ผู้หญิงคนนี้สวยมากจริงๆ เรียกได้ว่าสวยจนไม่มีที่ติ รวมกับที่อยู่ในระยะใกล้แค่นี้ ทำให้สามารถได้กลิ่นหอมของหญิงสาวที่เป็นเอกลักษณ์บนร่างของฉีหรูเสวี่ย เย่เทียนเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะเหม่อลอยไปคู่นึง
“อา… หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไม่เห็นอะไรทั้งนั้น พวกพี่ต่อกันเถอะ พวกพี่ต่อกันเลย…” ทันใดนั้นเอง เย่เชี่ยนเหวินที่ปรากฏตัวออกมาที่ประตูห้องครัวอย่างกะทันหันได้มาเห็นเข้ากับฉากนี้พอดี จากมุมมองของเธอทำให้เห็นว่าฉีหรูเสวี่ยโถมตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเย่เทียนเฉิน และดูเหมือนทั้งสองกำลังจูบกัน ทำให้เย่เชี่ยนเหวินอดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา
ฉีหรูเสวี่ยเองก็ได้สติกลับมาแล้ว เมื่อครู่นี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นอะไรไป บางทีอาจเป็นเพราะอยากจะแกล้งเย่เทียนเฉินก็เป็นได้ หรือบางทีอาจจะอยากลองยั่วยวนดูสักหน่อยว่าผู้ชายที่ทำให้ตนชอบคนนี้จะใจเต้นกับเธอหรือไม่ ดังนั้นถึงได้ทำเรื่องเมื่อครู่นี้ออกมา ตอนนี้เมื่อได้ยินเสียงอุทานของเย่เชี่ยนเหวินก็รีบผละออกมาจากอ้อมกอดของเย่เทียนเฉินทันที ใบหน้าเล็กๆ แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย จ้องมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน อายจนพูดอะไรไม่ออก
ความจริงแล้วตัวฉีหรูเสวี่ยเองก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ หรือเป็นเพราะเธอรักเย่เทียนเฉินมากเกินไป ดังนั้นจึงคิดอยากจะมัดใจของคนคนนี้ให้ได้ในทันที? ทำให้เธอทำเรื่องยั่วยวนเขาออกมาในเวลาที่ไม่รู้ตัว? แต่ไหนแต่ไรฉีหรูเสวี่ยที่ไม่เคยขึ้นเตียงกับผู้ชายคนไหนมาก่อน ยังคงรักษาครั้งแรกของตนเอาไว้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เธอยั่วยวนผู้ชายและคิดที่จะกระตุ้นเขา กระทั่งตัวฉีหรูเสวี่ยเองก็ตกใจไปเหมือนกัน
“เชี่ยนเหวิน ไม่ได้เป็นเหมือนที่น้องเห็นแบบนั้น พวกเราแค่ไม่ทันระวัง…” เย่เทียนเฉินเองก็รู้สึกเขินอายอยู่บ้าง คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ตอนแรกเขายังคิดจะหาเรื่องทะเลาะกับฉีหรูเสวี่ยเพื่อฉวยโอกาสกินเนื้ออีกสักหลายชิ้น ไหนเลยจะรู้ว่าจะเป็นแบบนี้ แล้วยังถูกน้องสาวมาเห็นเข้าพอดีอีก…
“หนะ หนูไม่เห็นอะไรทั้งนั้นแหละ หนูไปก่อนนะ…” เย่เชี่ยนเหวินรู้สึกกระอักกระอ่วน รีบเดินจากไปทันที ทำให้เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยรู้สึกหัวเราะไม่ออกร้องไห้ไม่ได้
“เด็กคนนี้นี่…พวกเราออกไปกันเถอะ ไม่งั้นพวกเธอได้คิดว่าพวกเรากำลังทำอะไรกันอยู่ในนี้แน่…” เย่เทียนเฉินพูดพลางส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม
ฉีหรูเสวี่ยจ้องมองเย่เทียนเฉินอย่างดุดัน เดินออกไปจากห้องครัวเป็นคนแรก แต่ในใจยังคงรู้สึกหวานฉ่ำ เธอมั่นใจแล้วว่าตนเองหลงรักเย่เทียนเฉิน และต้องการอยู่ด้วยกันกับเขา ดังนั้นเรื่องเหล่านี้สำหรับเธอแล้วก็ทำได้เพียงเพิ่มความสุขมากขึ้นเท่านั้น
ในตอนที่ผู้หญิงคนหนึ่งรักผู้ชายคนหนึ่งอย่างแท้จริง เธอจะยอมมอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอมีออกไปทั้งหมด ต่อให้เธอรู้สึกรู้สึกคลื่นไส้ และไม่อาจรับการแสดงออกของความรักบางอย่างได้ แต่เธอก็จะพยายามลองดู พยายามปรับตัว ดังนั้นในตอนที่มีผู้หญิงคนหนึ่งมาทำแบบนี้กับคุณ คุณก็ควรจะรักษาไว้ให้ดี
ในตอนที่เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยเดินออกมาจากห้องครัว ก็พบเย่เชี่ยนเหวินที่หน้าแดงเล็กน้อย กำลังพูดอะไรบางอย่างกับหลัวเยี่ยนอย่างลึกลับ เมื่อเห็นว่าเย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยเดินออกมา ก็รีบไปนั่งทางด้านหนึ่งแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“เทียนเฉิน ลูกเปลี่ยนนิสัยแบบนี้ได้แล้ว ถึงกับวิ่งไปแอบกินของในครัวเลยเหรอ? ถ้าไม่ใช่หรูเสวี่ยเขาไปเรียกลูก ลูกคงจะกินเนื้อหมดหม้อเลยมั้ง?” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้มยินดี ฉีกยิ้มจนแทบจะถึงใบหู มองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างตำหนิ แต่จะมองอย่างไรก็ดูท่าทางดีใจมาก
เย่เทียนเฉินทอดถอนใจอย่างรู้สึกหดหู่ มองไปยังเย่เชี่ยนเหวินผู้เป็นน้องอย่างดุดัน เด็กคนนี้ปากมากจริงๆ จะต้องออกมาพูดอะไรกับแม่แน่ มิฉะนั้นแม่คงไม่ยิ้มอย่างแฝงความนัยแบบนี้แน่
“คุณน้าคะ หนูกับเทียนเฉิน…” ฉีหรูเสวี่ยอายจนหน้าแดง ชั่วขณะนั้นไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกมาดี
“พวกเรารู้หมดแล้ว พวกเราสนับสนุน…”
คำพูดของหลัวเยี่ยนยังไม่ทันจบก็ถูกเย่เทียนเฉินพูดขัด…
………………………….
Related