เวลาประมาณสามทุ่ม เย่เทียนเฉินและฉีหรูเสวี่ยนั่งอยู่ในสวนสาธารณะเล็กๆ ภายในเขตคฤหาสน์ ที่นี่มีคู่รักที่มาพลอดรักกันจำนวนมาก ถ้าไม่พูดคุยกระหนุงกระหนิง ก็กอดรัดหอมแก้มกัน ถึงขั้นเริ่มเปลื้องผ้ากันก็มี ในยุคปัจจุบันนี้ การออกมาทำสงครามรักกันนอกบ้านไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เป็นเรื่องที่ปกติมาก
“คนตระกูลฉินไม่ได้มาหาเรื่องเธออีกใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินเอ่ยปากถามไปตามใจ
“เปล่า ขอบคุณนายมากเจ้าบ้า!” ฉีหรูเสวี่ยมองเย่เทียนเฉินด้วยท่าทางเขินอาย ดวงหน้าเล็กๆ แดงระเรื่อเล็กน้อย
เย่เทียนเฉินรู้สึกหดหู่อยู่บ้าง กรอกตาใส่ฉีหรูเสวี่ยแล้วพูดขึ้น “ขอบคุณก็ขอบคุณสิ ยังมาขอบคุณเจ้าบ้าอะไรอีก ใครเป็นเจ้าบ้ากัน?”
“ก็ต้องเป็นนายอยู่แล้วไง ไม่งั้นจะให้ฉันพูดกับท้องฟ้าเหรอ?” ฉีหรูเสวี่ยแลบลิ้นใส่เย่เทียนเฉิน พูดออกมาด้วยท่าทางเฉลียวฉลาด
“นี่ ขอให้เธอเข้าใจไว้สักหน่อยนะ ฉันเนี่ยเป็นผู้มีพระคุณของเธอ เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยชีวิตเธอ ถ้าหากไม่มีฉัน เธอคงถูกฉินเหิงนั่น…ฮี่ๆ” เย่เทียนเฉินพูดออกมาแล้วหัวเราะชั่วร้าย
“อะไรล่ะ ตอนที่ฉันมาอยู่ที่บ้านนาย วันๆ ก็เอาแต่กินอาหารที่ฉันทำ ฉันสิถึงจะเป็นผู้มีพระคุณของนาย!” ฉีหรูเสวี่ยพูดอย่างไม่ยอมลงให้แม้แต่น้อย
“ไม่จริงน่ะ กระทั่งทำอาหารให้ฉันกินมื้อเดียวก็จดจำเอาไว้ในใจแล้ว แล้วยังมาพูดย้ำ 2-3 รอบอีก จะขี้เหนียวเกินไปหรือเปล่า?” เย่เทียนเฉินพูดอย่างสนใจ
“ฉันขี้เหนียวเหรอ? คิกๆ ต่อให้ฉันขี้เหนียวยังไงก็สู้นายไม่ได้หรอก…มีฐานะเป็นประธานกรรมการที่มีมูลค่านับร้อยล้าน แต่ก็ยังทำใจซื้อของขวัญให้น้องกับแม่ไม่ได้ ยังมีคนที่ขี้งกกว่านายอีกเหรอ?” ฉีหรูเสวี่ยจงใจพูดหยอกล้อเย่เทียนเฉินขึ้นมา
ประโยคนี้ทำให้เย่เทียนเฉินหมดอารมณ์จริงๆ ในใจของเขาไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าครอบครัวแล้ว เพียงแต่เขาคนนี้บางทีก็แสดงออกไม่เก่ง ตั้งแต่ที่ได้เป็นประธานกรรมการเครือไห่หวางจนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ได้แสดงความกตัญญูอะไรต่อพ่อแม่จริงๆ และไม่เคยซื้อของขวัญอะไรให้น้องด้วย เมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกผิดอยู่ในใจ
“ทำไม? พูดไม่ออกเลยเหรอ? นาย…” ฉีหรูเสวี่ยคิดว่าเย่เทียนเฉินโกรธ แต่ก็ไม่คิดที่จะขอโทษอะไร ดังนั้นจึงพูดกระตุ้นเย่เทียนเฉินต่อไป
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินจะยืนขึ้นจากม้านั่งหินอย่างฉับพลัน พูดกับฉีหรูเสวี่ยขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างจริงจัง “เธอรอฉันอยู่ที่นี่อย่าไปไหนนะ ฉันจะรีบกลับมา”
“นี่…นาย…” ฉีหรูเสวี่ยยังไม่ทันได้พูดอะไรเย่เทียนเฉินก็หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าไปที่ไหน
ตอนนี้เอง ภายในห้องโถงของคฤหาสน์ตระกูลเย่ หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินสองแม่ลูกกำลังพูดคุยกันอย่างเบิกบานใจ ส่วนหัวข้อที่พูดคุยกันย่อมต้องเป็นเรื่องเกี่ยวกับเย่เทียนเฉิน ไม่กล่าวไม่ได้ว่า ถึงแม้เย่เชี่ยนเหวินแล้วเย่เทียนเฉินจะทะเลาะกันบ่อย แต่ความสัมพันธ์ก็ดีมาก ในตอนที่รู้ว่าจดหมายฉบับนั้นเป็นหลิงอวี่สวิ๋นที่ส่งมาให้ เย่เชี่ยนเหวินก็เกิดอย่าซุบซิบขึ้นมา แล้วก็ดีใจมากด้วย หลัวเยี่ยนเล่าเรื่องเกี่ยวกับหลิงอวี่สวิ๋นให้ฟังว่า ในตอนที่หลิงอวี่สวิ๋นเล่นกับเย่เทียนเฉินตอนเด็กๆ เย่เชี่ยนเหวินก็เพิ่งจะเดินได้ ตอนนั้นเธอเอาแต่เดินตามติดอยู่ข้างหลังเรียกพี่ชายพี่สาวอวี่สวิ๋น ต้องการให้พานางไปเล่นด้วยกัน
“ไม่จริงน่ะ แม่คะ แม่ดูผิดไปหรือเปล่า พี่ชายของหนูเป็นคนที่มีอีคิวติดลบ ถึงกับได้รับความรักจากสาวงามทั้งสองอย่างพี่สาวหรูเสวี่ยและพี่สาวอวี่สวิ๋นเลยเหรอ จะโชคดีเกินไปแล้ว!” เย่เชี่ยนเหวินเปิดปากพูดอย่างตื่นตะลึง
“เด็กคนนี้นี่ มิน่าล่ะพี่ชายของลูกถึงไม่ยอมเพิ่มค่าขนมให้ มีใครเขาพูดกับพี่ชายของตนแบบนี้บ้าง? ก่อนหน้านี้พวกเรากังวลว่าเขาจะมีปมในใจ ถึงได้วุ่นวายอยู่กับเรื่องของการหาแฟน ตอนนี้ก็มีตัวเลือกแล้วควรจะดีใจถึงจะถูก!” หลัวเยี่ยนยิ้มฟังพูดตำหนิลูกสาว
เมื่อเห็นว่าแม่ดีใจขนาดนี้ เย่เชี่ยนเหวินก็หัวเราะออกมา พูดตามจริงเธอเองก็ดีใจกับพี่ชายของตน เพียงแต่เคยชินที่จะพูดแซะพี่ก็เท่านั้น หยอกล้อให้สนุกสนานกันเท่านั้น ถึงได้พูดออกมาแบบนี้ ตอนนี้เมื่อเห็นแม่ยิ้มจนหุบไม่ลงก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามเสียงเบา “แม่คะ ถ้างั้นแม่อยากให้ใครมาเป็นลูกสะใภ้ของแม่มากกว่ากัน?”
“นี่นะเหรอ…แม่ก็ไม่รู้” หลัวเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง เธอไม่เคยคิดถึงปัญหานี้เลยจริงๆ ขอแค่ลูกชายมีตัวเลือกที่ดีก็รู้สึกดีใจแล้ว
“ถ้าหากว่าจำเป็นต้องเลือกคนใดคนหนึ่งระหว่างพี่สาวหรูเสวี่ยกับพี่สาวอวี่สวิ๋นล่ะ?” เย่เชี่ยนเหวินพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ต้องการที่จะรู้ความคิดของแม่
“เรื่องนี้ไม่เคยคิดมาก่อนจริงๆ นี่ก็ต้องดูว่าพี่ชายของลูกชอบคนไหน จะยังไงแม่ก็หวังว่าพวกลูกจะได้มีความรักกันอย่างอิสระ ได้มีคนที่ตนเองรักจริงๆ ถ้าเป็นแบบนั้นถึงจะมีความสุขไปชั่วชีวิต!” หลัวเยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
เย่เชี่ยนเหวินลุกขึ้นยืนจากบนโซฟา วางท่าเป็นผู้รอบรู้ พูดเหมือนกับคนที่มีประสบการณ์มามากว่า “แม่คะ จากความเห็นของหนู พี่ชายของหนูจะต้องเลือกพี่สาวหรู่เสวี่ย…”
“หือ? ทำไมพูดแบบนี้?” หลัวเยี่ยนเองก็รู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมา แม้แต่เธอก็ไม่รู้ว่าลูกชายจะเลือกใคร เชี่ยนเหวินจะรู้หรือ?
“ก่อนอื่นเลย ในใจของหนูเข้าข้างพี่สาวหรูเสวี่ยมากกว่า ยังไงพี่สาวหรูเสวี่ยก็ใช้เวลาอยู่กับพวกเรานานที่สุด ถึงแม้พี่สาวอวี่สวิ๋นจะไม่เลว แต่ก็ไม่ได้เจอหน้ากันมาสิบกว่าปีแล้ว ยังไงก็ต้องมีระยะห่างอยู่บ้าง ยิ่งไปกว่านั้นก็พูดถึงเรื่องรูปร่างหน้าตาของพวกเธอทั้งสองคนแล้ว ต่างก็เป็นผู้หญิงที่สวยมาก ทางด้านรูปร่างหน้าตาไม่มีใครได้เปรียบ แต่พี่สาวหรูเสวี่ยทำอาหารเก่ง เป็นไปได้ว่าในเรื่องอาหารบางอย่างอาจจะเก่งกว่าแม่ซะอีก ที่สำคัญที่สุดก็คือ พี่ชายของหนูชอบผู้หญิงก้นใหญ่ ถ้าพิจารณาดูสักหน่อย เปรียบเทียบระหว่างคนทั้งสอง ดูเหมือนว่าพี่หรูเสวี่ยจะก้นใหญ่กว่าพี่สาวอวี่สวิ๋น!” เย่เชี่ยนเหวินพูดแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“เด็กคนนี้นี่ วันๆ ไม่รู้จักร่ำเรียน รู้จักแต่ซุบซิบนินทา ไม่อายหรือไง!” หลัวเยี่ยนตำหนิเย่เชี่ยนเหวิน
“แม่คะ นี่หนูคิดถึงเรื่องใหญ่ในชีวิตของพี่ชายเลยนะ พวกเราจะต้องรวมกำลังเป็นหนึ่งสิ” เย่เชี่ยนเหวินพูดด้วยรอยยิ้ม
“เด็กคนนี้นี่…” หลัวเยี่ยนพูดแล้วส่ายหน้า
ขณะนั้นเอง ในตอนที่หลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินกำลังพูดคุยกันถึงเรื่องของเย่เทียนเฉิน มือสังหารชุดดำคนหนึ่งได้มายืนอยู่ด้านบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งบริเวณไม่ไกลจากคฤหาสน์ตระกูลเย่ ใช้กล้องมองกลางคืนสำรวจทุกสิ่งทุกอย่างด้านใน มือสังหารคนนี้เป็นคนที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนส่งมา จดหมายฉบับนั้นก็เป็นเขาที่ไปส่งถึงประตูบ้านตระกูลเย่ ต้องการฆ่าทุกคนในตระกูลเย่ด้วยการส่งจดหมายที่อัดแน่นไปด้วยพลังอันร้ายกาจจากยอดฝีมือผู้มีพลังพิเศษของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมาที่ตระกูลเย่ และในขณะเดียวกันเพื่อเป็นการป้องกันความผิดพลาด จึงให้มือสังหารรอดูผลลัพธ์อยู่ด้านนอก ถ้าหากล้มเหลวก็ให้เขาบุกเข้าไปฆ่าทุกคนในบ้านของเย่เทียนเฉิน
บางทีมือสังหารคนนี้อาจจะไม่ใช่คนที่แข็งแกร่งเท่ากับคนที่สามารถอัดพลังอันยิ่งใหญ่ลงไปในจดหมายได้ แต่ก็ไม่สามารถดูเบาได้เป็นอันขาด นี่คือคนที่ถูกส่งมาฆ่าคนตระกูลเย่ทั้งหมด ยิ่งไปกว่านั้นตระกูลเซวียนเยวี๋ยนยังรู้ว่าเย่เทียนเฉินมีฝีมือไม่ธรรมดา แต่ก็ยังส่งคนคนนี้มา เห็นได้ว่าฝีมือของคนคนนี้จะต้องแข็งแกร่งห้าวหาญเป็นอย่างมาก เป็นคนที่มีความอันตรายมาก
“ถึงกับไม่เป็นอะไรเลย ท่าทางจะต้องให้ฉันลงมือเองซะแล้ว…” มือสังหารในชุดดำคนนี้พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
พูดจบมือสังหารชุดดำก็ยื่นมือขวาไปด้านหลัง สัมผัสดาบที่ผูกติดอยู่ด้านหลัง จากนั้นจึงจับด้ามดาบ มุมปากปรากฏรอยยิ้มโหดเหี้ยม สำหรับมือสังหารที่ฆ่าคนเป็นผักปลาแบบเขา การทำภารกิจให้สำเร็จเป็นจุดประสงค์เดียว ส่วนศัตรูนั้นยิ่งฆ่าก็ยิ่งดี
ฉัวะ!
มือสังหารชุดดำคนนี้กระโดดลงมาจากบนต้นไม้ที่สูงเกือบสิบเมตร พุ่งลงมาด้านล่าง มีความว่องไวรวดเร็วเป็นอย่างมาก เขาต้องการที่จะพุ่งเข้าไปในคฤหาสน์ เพื่อฆ่าหลัวเยี่ยนและน้องสาวก่อน เนื่องจากตามคำสั่งของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ต้องฆ่าเย่เทียนเฉินเป็นคนสุดท้าย เพราะต้องการให้เขาเห็นครอบครัวตายไปต่อหน้าต่อตาทีละคน ทำให้เขาลิ้มรสความเจ็บปวดสุดขั้วหัวใจ เป็นวิธีการที่โหดเหี้ยมและเลือดเย็นมาก
พลั่ก!
ไหนเลยจะรู้ว่าในตอนที่มือสังหารชุดดำกระโดดลงมาจากต้นไม้สูงสิบกว่าเมตรนั้น เพิ่งจะกระโดดอยู่กลางอากาศก็มีเงาร่างร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาจากด้านข้าง เตะเขาจนกระเด็นออกไปชนเข้ากับกิ่งไม้บนต้นไม้ใหญ่ด้านข้างอย่างรุนแรง เป็นลูกเตะที่ร้ายกาจมาก จนแทบจะทำให้มือสังหารกระอักเลือด
มือสังหารชุดดำกระแทกลงบนกิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่อย่างแรง พยายามฝืนกลั้นเลือดที่พุ่งออกมา ใช้มือซ้ายยันไว้บนลำต้นของต้นไม้ แล้วระโดดขึ้นอีกครั้ง ขึ้นไปยืนบนกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ด้านข้าง ดวงตาอันโหดเหี้ยมทั้งสองจ้องมองไปยังกิ่งของต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม เพราะว่าบนนั้นมีเงาร่างเงาหนึ่งยืนอยู่นานแล้ว มือทั้งสองล้วงอยู่ในกระเป๋ากางเกง มองมาที่เขาด้วยรอยยิ้ม ซึ่งนี่ก็คือคนที่เตะเขากลางอากาศนั่นเอง
“แก…แกเป็นใคร?” มือสังหารชุดดำกำด้ามดาบแม่นแล้วพูดขึ้น ตอนนี้ดาบของเขายังคงแขวนอยู่ที่หลัง ยังไม่ถูกชักออกมา
“แกเป็นคนที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนส่งมาใช่ไหม? บอกมาซะว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอยู่ที่ไหน? เพื่อไม่ให้พวกแกหนี ฉันจะไปเยี่ยมเยียนด้วยตัวเองสักหน่อย!”
“หึ แกก็คือเย่เทียนเฉินสินะ?” มือสังหารชุดดำขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น
“คำถามที่รู้คำตอบอยู่แล้วยังจะต้องถามอีกทำไม? ฉันรู้ว่าแกจะต้องรออยู่รอบๆ ถ้ายังไม่ตอบคำถามของฉันอีก ก็จะไม่มีโอกาสแล้ว!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
ความจริงหลังจากที่นำจดหมายฉบับนั้นเข้าไปในคฤหาสน์ เย่เทียนเฉินก็คิดแล้วว่าคนที่ส่งจดหมายจะต้องอยู่รอบๆ แน่นอน ด้วยสไตล์การทำงานของคนตระกูลใหญ่ จะต้องไม่ให้มีความผิดพลาดใดๆ ถ้าไม่เห็นคฤหาสน์ตระกูลเย่ของตนระเบิด ก็คงไม่วางใจ
ดังนั้นในตอนที่ออกไปเดินเล่นกับฉีหรูเสวี่ย เย่เทียนเฉินก็กางพลังพิเศษแห่งการรับรู้แล้ว แต่กลับไม่พบจุดที่น่าสงสัยหรือการผันผวนของพลังของคนที่น่าสงสัยเลย คงจะเป็นเพราะตอนนั้นมือสังหารชุดดำคนนี้สังเกตการณ์อยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไป ดังนั้นพลังพิเศษแห่งการรับรู้จึงไม่อาจสัมผัสได้ แต่ในตอนที่เย่เทียนเฉินกำลังตีฝีปากกับฉีหรูเสวี่ยนั้น อยู่ๆ เขาก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารอันรุนแรงสายหนึ่ง ที่มุ่งไปยังบริเวณรอบๆ ของคฤหาสน์ตระกูลเย่ของตน ดังนั้นจึงรีบทะยานออกมา และพบมือสังหารชุดดำคนนี้พอดี จึงเตะเขากลางอากาศโดยไม่ได้มีความเกรงใจอะไร
“คิดไม่ถึงว่าฝีมือของแกจะแข็งแกร่งขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีประโยชน์ วันนี้คนตระกูลเย่ของแกทั้งหมดจะต้องตาย!”
ฉัวะ!
ฉัวะ!
มือสังหารชุดดำตะโกนเสียงต่ำ ดาบที่หลังถูกชักออกมา ส่องประกายเย็นเยียบ ไอดาบสองสายทะยานออกไปเป็นกากบาท ส่งเสียงแหวกอากาศออกมา พุ่งโจมตีไปยังเย่เทียนเฉิน…
………………..
Related