เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของมือสังหารชุดดำ เย่เทียนเฉินก็รีบกางเขตแดนปิดกั้น ในระยะใกล้เพียงเท่านี้รวมกับที่ฝีมือของมือสังหารคนนั้นก็ไม่ได้อ่อนแอ เย่เทียนเฉินกลัวว่าการสู้กันจะไปทำร้ายผู้บริสุทธิ์เข้า และจะถูกผู้อื่นได้ยินจนทำให้เกิดความยุ่งยากที่ไม่จำเป็น โดยเฉพาะหากไปทำร้ายหลัวเยี่ยนและเย่เชี่ยนเหวินก็คงเลวร้ายสุดๆ!
ตู้ม!
ตู้ม!
กิ่งไม้ของต้นไม้ใหญ่ที่เย่เทียนเฉินยืนอยู่ถูกไอดาบอันแข็งแกร่งทั้งสองสายฟันขาด ดูเหมือนว่าจะไม่มีร่องรอยการถูกฟันที่เสียเปล่าเลยแม้แต่น้อย ส่วนเย่เทียนเฉินนั้นได้ไปจากกิ่งไม้ที่ยืนอยู่ตั้งแต่ตอนที่มือสังหารชุดดำคนนี้ฟันไอดาบทั้งสองสายออกมาแล้ว ไม่เช่นนั้นแม้แต่เขาเองก็คงถูกฟันขาดเป็นสองท่อน
คิดไม่ถึงว่ามือสังหารชุดดำคนนี้จะมีกระบวนท่าโจมตีที่แข็งแกร่งถึงขนาดนี้ ด้วยระยะห่างขนาดนั้นยังสามารถฟันไอดาบออกมาสองสายจนทำให้กิ่งไม้ที่ใหญ่เท่าข้อมือสองข้อมือขาดได้ง่ายๆ ถ้าหากว่าฟันถูกคนขึ้นมาเกรงว่าถ้าไม่ถูกฟันขาดจนกลายเป็นสี่ห้าท่อนก็แปลกแล้ว
มือสังหารชุดดำขมวดคิ้ว จับดาบในมือขวาของตนแน่น คมดาบเปล่งประกายเย็นยะเยือกออกมา สะท้อนอยู่ภายใต้แสงจันทร์ ทำให้เกิดไอสังหารมากยิ่งขึ้น มือซ้ายของเขาสัมผัสบริเวณหน้าอกซ้ายของตนเล็กน้อย เมื่อสักครู่นี้ที่เย่เทียนเฉินเตะเขากลางอากาศ ได้เตะถูกหน้าอกด้านซ้ายของเขาเข้าพอดี จนถึงตอนนี้ก็ยังรู้สึกปวดราวมีอะไรบางอย่างฉีกขาด ฝีมือของเย่เทียนเฉินอยู่นอกเหนือการคาดเดาของเขาไปมาก และอยู่นอกเหนือการคาดเดาที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนได้หาข้อมูลมาด้วย มิฉะนั้นเกรงว่าคงไม่ส่งเขามาแน่ แต่จะส่งคนที่ร้ายกาจที่สุดในตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมาแทน ซึ่งก็คือยอดฝีมือคนที่นำพลังพิเศษอันมหาศาลอัดแน่นลงในจดหมายคนนั้น
ไอดาบอันใหญ่สองสายตัดกิ่งไม้ใหญ่จนขาดในเวลาเพียงชั่วพริบตา แต่กลับไม่สามารถทำร้ายเย่เทียนเฉินได้ นี่ทำให้มือสังหารชุดดำรู้สึกแปลกใจ เนื่องจากคิดไม่ถึงว่า “ดาบสะบั้นความเร็วสูง” ที่ดีที่สุดของตนจะมีช่วงเวลาที่พลาดพลั้งด้วย
ในตอนนี้เองเย่เทียนเฉินกระโดดไปยืนอยู่บนยอดไม้อีกแห่งหนึ่งแล้ว คล้ายกับคนมีวิชาตัวเบาที่สามารถกระโดดข้ามกำแพงได้ตามใจอย่างไรอย่างนั้น ความจริงแล้วนี่เป็นเคล็ดวิชาพลังพิเศษที่เรียบง่ายประเภทหนึ่ง เย่เทียนเฉินรวบรวมพลังพิเศษไปรองที่เท้าทั้งสอง เมื่อทำแบบนี้ก็ดูเหมือนว่าจะสามารถตัดแรงดึงดูดที่พื้นได้ เหมือนกับยอดฝีมือแห่งพรรควรยุทธโบราณ การที่พวกเขาสามารถกระโดดลอยตัวข้ามกำแพงได้ก็เป็นวิธีการใช้พลังภายในประเภทหนึ่งเช่นกัน
หากจะพูดถึงเรื่องของการ “บิน” ในดาวสิ้นโลกเองก็ไม่นับเป็นอะไรได้ เย่เทียนเฉินสามารถทำได้ สิ่งสำคัญเป็นเพราะหลักการแห่งธรรมชาติของโลกเปลี่ยนแปลงไป ในช่วงยุคโบราณ มีคนสามารถบินขึ้นไปบนท้องฟ้าได้จริงๆ ซึ่งนี่คือสิ่งที่คนธรรมดาทั่วไปเห็นและเรียกกันว่าวิชาตัวเบา ไม่ต้องพูดถึงดาวสิ้นโลกเลย ต่อให้เป็นประเทศจีนในยุคปัจจุบันนี้ก็สามารถทำได้ เพียงแต่ตอนนี้ ประการแรกเป็นเพราะกฎเกณฑ์ของธรรมชาติบนโลกใบนี้มีการเปลี่ยนแปลงไป ส่วนจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไรหรือว่าเพราะเหตุใดจึงได้เปลี่ยนไปก็ไม่มีผู้ใดล่วงรู้ ประการที่สองเป็นเพราะความขี้เกียจของคนในยุคปัจจุบัน ไม่เหมือนกับคนยุคโบราณที่ทนลำบากได้ เส้นทางแห่งการบ่มเพาะนั้นยากลำบากกว่าปกติมากนัก ไม่เพียงแต่จะต้องเผชิญหน้ากับความอันตรายถึงขั้นเป็นตาย แต่ยังมีความเจ็บปวดทางร่างกายและจิตใจ บางครั้งความเจ็บปวดทั้งร่างกายและจิตใจนี้ทำให้คนรับไม่ได้มากยิ่งขึ้น ประการที่สามเป็นเพราะ วิธีการฝึกฝนบางอย่างของสำนักแห่งพรรควรยุทธโบราณในอดีตและเคล็ดวิชาการฝึกฝนที่ลึกล้ำสูงส่งได้เลือนหายไปจำนวนมาก เลือนหายไปในแม่น้ำสายยาวที่เรียกว่ายุคสมัย ไร้การสืบทอด
“จะไม่ยอมพูดจริงๆ เหรอ? นี่อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่แกจะได้เอ่ยปากพูดก็ได้!” เย่เทียนเฉินยืนอยู่บนยอดไม้ มองไปยังมือสังหารคนนั้นด้วยความใจเย็น แม้ว่าเขาจะคิดว่ามือสังหารชุดดำคนนี้แข็งแกร่งมาก แต่หากว่าตนเองลงมือเต็มกำลังก็ควรจะสามารถจัดการเขาได้ จึงได้พูดจาไร้สาระมากมายขนาดนี้ เพราะอยากจะสอบถามว่าตระกูลเซวียนเยวี๋ยนซ่อนตัวอยู่ที่ใด
เย่เทียนเฉินไม่ใช้คนที่หวังจะนั่งอยู่เฉยๆ รอให้คนมาฆ่า ด้วยนิสัยของเขา แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยรอและไม่เคยหลีกเลี่ยง มีแต่จะลงมือโจมตีด้วยตัวเอง มีแต่ทำเช่นนี้ถึงจะสามารถกดความสามารถและอำนาจของศัตรูเอาไว้ได้
ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเป็นตระกูลที่ปิดซ่อนตัวตนของประเทศจีน ว่ากันว่าเริ่มปิดซ่อนตัวตนตั้งแต่ช่วงแรกเริ่มของการปลดแอก จนกระทั่งถึงตอนนี้เพิ่งจะปรากฏสู่โลกภายนอก จะต้องมีจุดที่แข็งแกร่งของมันอยู่อย่างแน่นอน จะอย่างไรเย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ดูเบาตระกูลเซวียนเยวี๋ยนเลยแม้แต่น้อย จากการที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนมีความสามารถพอที่จะใช้พลังพิเศษอันมหาศาลอัดแน่นลงไปในจดหมายเล็กๆ ฉบับเดียว จนกลายเป็นพลังงานที่แยกออกมาอย่างอิสระและเพียงพอที่จะระเบิดเขตคฤหาสน์เขตนี้ทั่วทั้งเขตได้ เพียงเท่านี้ก็ทำให้ผู้คนไม่กล้าดูถูกแล้ว
ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงมีความคิดอย่างหนึ่ง นั่นก็คือต้องหาสถานที่เก็บซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น มือสังหารชุดดำคนนี้มีฝีมือไม่อ่อนแอเลย เรียกได้ว่าฝีมือชั้นหนึ่ง เป็นหนึ่งในมือสังหารที่สำคัญของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนอย่างแน่นอน ถ้าได้รู้สถานที่ซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนจากปากของเขาก็จะดีเป็นที่สุด
“หึ แกแข็งแกร่งมาก แล้วก็มีความเชื่อมั่นในตัวเองด้วย แต่แกคิดว่าจะสามารถฆ่าฉันได้หรือไง? คนที่จะต้องตายก็คือแก!”
ในใจของมือสังหารรู้สึกตื่นตะลึงมาก กระทั่งมีความหวาดกลัวเล็กน้อย ความจริงแล้วเขาคิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะอายุน้อยขนาดนี้ แต่กลับมีฝีมือการต่อสู้ถึงขั้นนี้ ดูเหมือนว่าตนเองจะต้องรีบลงมือเต็มที่เสียแล้ว ส่วนเย่เทียนเฉินก็ยังไม่ได้ลงมือตอบโต้ หลบการโจมตีของตนอย่างสบายๆ ท่าทางคืนนี้ภารกิจที่ต้องสังหารทุกคนในตระกูลเย่คงจะทำไม่ได้แล้ว
“อย่ามาเสแสร้งเลยน่ะ? ฉันสัมผัสได้ถึงเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลซึมออกมาจากร่างของแก บอกสถานที่ซ่อนตัวของตระกูลเซวียนเยวี๋ยนออกมาดีๆ เถอะ แล้วฉันจะฆ่าแกสบายๆ จะไม่ปล่อยให้แกเจ็บปวด!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างเรียบเฉย
ฉัวะ!
เงาดาบพุ่งฝ่าอากาศออกไป ไอดาบขนาดใหญ่ฟันผ่านอากาศจนฉีกขาด กลายเป็นเส้นโค้งอันสวยงามสายหนึ่งภายใต้แสงจันทร์ เพียงแต่เส้นโค้งอันสวยงามนี้กลับมากพอที่จะฟันคนให้ขาดเป็นท่อนๆ และกลายเป็นหมอกเลือดได้
ซู่ม!
เงาคนเงาหนึ่งพุ่งขึ้นไปบนท้องฟ้า แสงจันทร์สาดส่องลงมา คล้ายกับภาพฝัน เงานั้นก็คือเย่เทียนเฉิน มือสังหารชุดดำคนนี้แข็งแกร่งมากพอ ที่สำคัญก็คือกระบวนท่าสังหารของเขารุนแรงเอาแต่ใจมาก ไอดาบนั้นฟันขาดได้แม้กระทั่งอากาศ เป็นเคล็ดวิชาสังหารที่แข็งแกร่งที่สุดวิชาหนึ่ง สิ่งที่เย่เทียนเฉินขาดไปก็คือการได้สัมผัสกับกระบวนท่าที่แข็งแกร่งแบบนี้ เขาจึงต้องการใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งเหล่านี้มาฝึกฝนร่างกายของตน
กฎเกณฑ์ของธรรมชาติของโลก ซึ่งสามารถเรียกได้อีกอย่างว่า “เต๋า” ตามที่คนโบราณเรียกกัน สิ่งนี้ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว หากต้องการที่จะทะลวงพลังจากขอบเขตจอมราชันไปสู่ขอบเขตจักรพรรดิ ไม่รู้ว่าจะมีความยากลำบากมากขึ้นอีกกี่เท่า แต่เย่เทียนเฉินก็ไม่ได้ยอมแพ้ เขาพยายามมาโดยตลอด และไม่สามารถนั่งรอให้ผู้อื่นมาโจมตีได้ หากต้องนั่งรอจนกว่าจะสามารถหา “ค่ายกลเคลื่อนย้าย” ได้จริงๆ แล้วกลับไปยังดาวสิ้นโลกค่อยว่ากันอีกที นี่ไม่ใช่นิสัยของเย่เทียนเฉินเลย
การต่อสู้ครั้งใหญ่กับเปาเทียนหลงก่อนหน้านี้ ทำให้เย่เทียนเฉินได้สัมผัสถึงพลังสูงสุดในขอบเขตจอมราชันอีกครั้งหนึ่ง ในขณะเดียวกันก็สามารถสัมผัสได้ว่า ในขณะที่ภายในร่างกายระเบิดพลังขั้นสูงสุดของขอบเขตจอมราชันออกมา กล้ามเนื้อจะมีความรู้สึกว่าทนไม่ไหวเล็กน้อย นั่นก็คือกายเนื้อไม่แข็งแกร่งมากพอ
เพื่อที่จะฝึกฝนกายเนื้อของตน เย่เทียนเฉินจึงใช้พลังพิเศษชำระชีพจรและกระดูกของตนทุกวัน จุดประสงค์ก็เพื่อที่จะช่วยให้กายเนื้อเกิดความเปลี่ยนแปลง ส่วนคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของวัดเส้าหลินที่เรียกได้ว่าเป็นวิชาการบ่มเพาะพลังภายในที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น เย่เทียนเฉินไม่เคยลืมมาโดยตลอด เขาต้องการได้รับคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น หากสามารถหลอมรวมพลังพิเศษและพลังภายในที่แข็งแกร่งของพรรควรยุทธโบราณเข้าด้วยกันได้ เขาเชื่อว่าจะต้องทำให้ตนเองแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน
“ฮ่า!”
เสียงตะโกนดังขึ้น เย่เทียนเฉินพุ่งทะยานไปบนฟ้า เผชิญหน้ากับไอดาบที่แหวกอากาศโจมตีเข้ามาทางตน ไม่หลบไม่ถอย มือขวาซัดกำปั้นออกไปอย่างแรง ทำให้มือสังหารชุดดำตกใจจนตาค้าง แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครกล้าใช้วิชาหมัดไปสัมผัสกับไอดาบมาก่อน นี่ก็เหมือนกับการที่คนธรรมดาใช้หมัดต่อยลงไปบนคมดาบ ถ้าทำแบบนั้นจะมีผลอย่างไร เกรงว่าทุกคนก็คงจะคิดได้ มือสังหารชุดดำระเบิดไอดาบที่บ้าคลั่งออกมา มากเพียงพอที่จะทำให้ยอดเขาแห่งหนึ่งกลายเป็นเสี่ยงๆ เมื่อเทียบกับการใช้หมัดลุนๆ เข้าปะทะกับคมดาบแล้วยังน่ากลัวกว่ามาก
ตู้ม!
เสียงดังลั่นฟ้า หากไม่ใช่เพราะเย่เทียนเฉินใช้เขตแดนปิดกั้นก่อนหน้านี้แล้ว เกรงว่าต้นไม้รอบๆ คงจะถูกทำลายและส่งผลกระทบกับคนในเขตคฤหาสน์แห่งนี้ทั้งหมด และอาจจะทำร้ายผู้บริสุทธิ์อีกด้วย
เพียงหมัดเดียวเท่านั้น เป็นหมัดที่เย่เทียนเฉินรวบรวมพลังพิเศษระดับสูงสุดในขอบเขตจอมราชันเอาไว้ ปะทะเข้าไปบนเงาดาบอันใหญ่โตอย่างรุนแรง มันส่งเสียงระเบิดออกมาทันทีที่สัมผัสกัน ภายใต้แสงจันทร์ หมัดของเย่เทียนเฉินกระทบเงาดาบที่เกิดจากพลังภายในจนแตกสลาย เกิดประกายแสงสว่างไสวระเบิดออกมา ทำให้มือสังหารชุดดำแสบตาจนลืมตาไม่ขึ้น
หลังจากนั้นเพียงไม่นาน มือสังหารชุดดำก็พยายามฝืนลืมตาขึ้น เขารู้ว่าการมองสภาพรอบๆ ไม่ชัดเจนแบบนี้ เป็นไปได้มากว่าเขาจะถูกเย่เทียนเฉินลอบสังหาร ถึงแม้ในใจของเขาจะคิดว่าเย่เทียนเฉินเข้าปะทะกับไอดาบที่สั่นไหวอย่างรุนแรงนั้นจะถูกหั่นเป็นสองส่วนไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่กล้าลำพองใจ จะอย่างไรพลังที่เย่เทียนเฉินระเบิดออกมาก็แข็งแกร่งมากเหลือเกิน แข็งแกร่งจนถึงขั้นทำให้กระดูกสันหลังของเขาเย็นวาบ
มือสังหารชุดดำลืมตาขึ้น พบว่ามีใบไม้ที่ถูกไอดาบโจมตีเร็วอยู่ทั่วทั้งท้องฟ้า ภายใต้แสงจันทร์ดูงดงามเป็นพิเศษ ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่เห็นเงาร่างของเย่เทียนเฉินอยู่เลย จึงอดไม่ได้ที่จะยกยิ้มเย็นชาที่มุมปาก คิดว่าตัวเองคาดเดาได้ถูกต้องแล้ว เย่เทียนเฉินใช้วิธีการโง่งมแบบนี้ ถึงกับกล้าใช้หมัดเข้าปะทะกับไอดาบที่มีพลังมากพอจะป่นภูเขาได้ ช่างเป็นการรนหาที่ตายจริงๆ
“ฮ่าๆๆๆ โง่ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครกล้ารับการโจมตีของฉันตรงๆ แบบนี้ ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย!” มือสังหารชุดดำยืนอยู่บนยอดไม้แล้วหัวเราะออกมา
“คนที่ไม่รู้จักที่ตายก็คือแก!”
ทันใดนั้นเอง ข้างหูของมือสังหารมีเสียงของเย่เทียนเฉินดังขึ้น เมื่อเงยหน้ามองไปพบว่าเย่เทียนเฉินกำลังอยู่เหนือศีรษะของเขา ไม่มีการเคลื่อนไหวที่ตระการตาอะไร และไม่ได้หยุดพักมากเกินความจำเป็น ใช้ฝ่ามือตบลงมาบริเวณศีรษะของมือสังหารชุดดำโดยตรง
มือสังหารชุดดำตกใจจนหน้าซีด จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะใช้หมัดทำลายไอดาบของตนได้ แล้วยังสามารถโจมตีกลับอย่างแข็งแกร่งเช่นนี้อีกด้วย
พลั่ก!
ถึงแม้ในใจจะตื่นตะลึง แต่ไม่กล่าวไม่ได้ว่ามือสังหารชุดดำแข็งแกร่งมากจริงๆ เขาใช้มือทั้งสองกำดาบฟันลงไปยังฝ่ามือขวาของเย่เทียนเฉินโดยตรง
พลั่ก!
บู้ม!
บู้ม!
บู้ม!
เสียงที่ทำให้มือสังหารชุดดำต้องหวาดกลัวดังขึ้น มือทั้งสองที่กำดับของเขาฟันไปด้านบน ส่วนเย่เทียนเฉินใช้ฝ่ามือตบลงมาด้านล่าง ทำให้ดาบในมือของเขาสั่นสะเทือนจนหัก จนกระทั่งเขาเงยหน้าขึ้นมองไปด้วยความหวาดกลัว มือของเย่เทียนเฉินก็กระทบลงบนศีรษะของเขาแล้ว
พลั่ก!
มือสังหารชุดดำถูกเย่เทียนเฉินใช้ฝ่ามือโจมตีจนตกลงมาจากบนต้นไม้สูงสิบกว่าเมตร ฝ่ามือนี้แฝงไปด้วยพลังพิเศษในขอบเขตจอมราชันระดับสูงของเย่เทียนเฉิน มือสังหารชุดดำต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย แต่ไหนแต่ไรเย่เทียนเฉินก็ไม่เคยปราณีศัตรู จินตนาการได้เลยว่า หากวันนี้ตนเองไม่ระวัง อาจจะกลับบ้านไปเห็นศพของแม่และน้องสาวก็เป็นได้
“อั่ก…หยะ อย่าฆ่าฉัน…”
ฝ่ามือขวาของเย่เทียนเฉินหยุดอยู่บนหัวของมือสังหารชุดดำ ในตอนที่ฝ่ามือเมื่อสักครู่นี้สัมผัสถูกศีรษะของมือสังหารชุดดำ ก็ได้เก็บแรงเอาไว้บ้าง เนื่องจากเขาต้องการรู้ถึงสถานที่ที่ตระกูลเซวียนเยวี๋ยนซ่อนตัวอยู่
…………………….
Related