“แม่ง พวกแก ยังไม่ฆ่าไอ้ลูกเต่านี่อีก รออะไรอยู่…” พ่างสยงร้อง แล้วจึงตะโกนใส่บอดี้การ์ดร่างกำยำสี่คนที่ติดตามตนมา
ชายฉกรรจ์ที่สวมเสื้อกล้ามสีดำทั้งสี่คนนั้นได้สติกลับมา ต่างพากันพุ่งเข้าไปยังเย่เทียนเฉิน ต้องการที่จะอัดเย่เทียนเฉินให้หมอบ เพียงแต่น่าเสียดาย ไหนเลยพวกเขาทั้งหมดจะเป็นคู่ต่อสู้ได้ กระทั่งโอกาสจะได้ลงมือก็ยังไม่มี ถูกเย่เทียนเฉินอัดจนปลิวออกไป ทำให้ไอ้คนตอแหลที่พุ่งเข้ามาคนสุดท้ายตกใจจนยืนอยู่กับที่ด้วยอาการตัวสั่น ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี เขารู้ว่าถ้าตัวเองพุ่งเข้าไปจะต้องถูกเตะกระเด็นแน่นอน แต่ถ้าไม่พุ่งเข้าไปก็จะน่าอับอายเกินไป พ่างสยงคงไม่ปล่อยเขาไปแน่
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินเตะชายฉกรรจ์ในเสื้อกล้ามสีดำทั้งสามคนจนกระเด็นออกไป ชายฉกรรจ์ในชุดเสื้อกล้ามสีดำทั้งสามคนทรุดลงกับพื้นลุกไม่ขึ้น ทำให้คนที่อยู่รอบๆ ตกใจจนแข็งค้าง ใครก็คิดไม่ถึงว่าชายหนุ่มที่ดูผอมแห้งคนนี้จะร้ายกาจถึงเพียงนี้ ชายฉกรรจ์ร่างกายกำยำแข็งแรงทั้งสามคนไม่ใช่คู่มือของเขาเลย ไม่สามารถเข้าใกล้ได้ด้วยซ้ำ นี่ยิ่งทำให้สาวเซ็กซี่มีท่าทางเจ้าชู้ส่งสายตาให้เย่เทียนเฉินเป็นระยะ
เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อย บนใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มไร้พิษภัยมาโดยตลอด เดินไปยังพ่างสยงที่นอนร้องโอดโอยราวกับหมูถูกเชือดทีละก้าวๆ ทำให้ทุกคนตกใจจนชะงักไป ไม่รู้ว่าเย่เทียนเฉินต้องการจะทำอะไร?
“แก…แกจะทำอะไร…” พ่างสยงรีบถอยหลังไปด้วยความตกใจโดยไม่สนว่าศีรษะของตนจะเต็มไปด้วยเลือด เขารู้สึกได้ว่าตนเองไปหาเรื่องคนที่ไม่ควรหาเรื่องเข้าซะแล้ว วันนี้เจอของแข็งเข้าแล้ว
“ได้ยินว่าพี่ชายของแกเป็นผู้จัดการใหญ่ของเทียนซ่างเหรินเจียนหรือ?” เย่เทียนเฉินถามด้วยรอยยิ้ม
พ่างสยงชะงักไป เขาไม่รู้จริงๆ ว่าชายเบื้องหน้ามีนิสัยอย่างไรกันแน่ ตกลงเขาเป็นคนอย่างไรกันแน่ ตอนที่ลงมืออัดตนก็เหมือนกับปีศาจตนหนึ่งโดยสิ้นเชิง ตอนนี้กลับมองมาที่ตนด้วยใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มและความอบอุ่น แต่ในใจของพ่างสยงคิดว่าต่อให้เย่เทียนเฉินจะร้ายกาจขนาดไหนก็ไม่กล้าทำอะไรตน สุดท้ายก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้ เนื่องจากพี่ชายของเขาคือผู้จัดการใหญ่ในเทียนซ่างเหรินเจียน ไม่ว่าใครก็ต้องไว้หน้า
“หึ กลัวหรือไง? รู้ก็ดีแล้ว!” พ่างสยงมองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างดุดันแล้วพูดขึ้น
“อ้อ ฉันกลัวมากเลย ฉันกลัวจริงๆ นะ…”
พลั่ก!
เย่เทียนเฉินใช้เท้ากระทืบลงไปบนใบหน้าของพ่างสยง ขยี้รองเท้าหนังลงไปไม่หยุด ทำให้พ่างสยงถูกเศษแก้วของขวดเบียร์ที่ยังไม่ทันได้ตรวจสอบให้ดีแทงลึกลงไปที่เนื้อ พ่างสยงยิ่งร้องเสียงดังมากขึ้น
“อ๊าก…หน้าฉัน ตาฉัน…” พ่างสยงร้องโหยหวนพลางดิ้นอยู่บนพื้น มือทั้งสองจับอยู่ที่ข้อเท้าเย่เทียนเฉิน ต้องการจะดึงเท้าออกไป แต่ว่าน่าเสียดาย ฝีมือของเย่เทียนเฉินอยู่ระดับใดกัน พ่างสยงเป็นได้แค่ผักปลาโดยสิ้นเชิง
“แก…แกรู้หรือเปล่าว่าเขาคือใคร? พี่ชายของเขาเป็นผู้จัดการใหญ่ของเทียนซ่างเหรินเจียน ถ้าหากเขาเกิดเป็นอะไรขึ้นมา แกจะต้องตายแน่!” ชายฉกรรจ์สวมเสื้อกล้ามสีดำคนที่เหลือเห็นว่าเย่เทียนเฉินยังคงอัดพ่างสยงต่อไปจึงอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาด้วยอาการสั่นระริก
“งั้นเหรอ?”
เพล้ง!
เย่เทียนเฉินซัดขวดเบียร์ขวดหนึ่งลงไปบนศีรษะของพ่างสยงอีกครั้ง ในครั้งนี้พ่างสยงสลบไปโดยไม่ทันก็ได้กรีดร้องด้วยซ้ำ บนใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด ดูแล้วทำให้ผู้คนต้องตกใจ ตั้งแต่ต้นเย่เทียนเฉินก็มีใบหน้าประดับไปด้วยรอยยิ้มไร้พิษภัย แต่คนที่มองดูรอบๆ เห็นแล้วกลับรู้สึกมีเหงื่อเย็นเยียบซึมออกมาที่หลัง
ใครก็คิดไม่ถึงว่า ตอนที่เจอกับการหาเรื่องของพ่างสยง ซึ่งหลายคนคิดว่านี่เป็นละครที่สนุกสนามฉากหนึ่ง หรือบางทีอาจพูดได้ว่าหลายคนคิดว่าเย่เทียนเฉินจะต้องถูกอัดจนหน้าทิ่มดินแล้วถูกหิ้วออกไปจากเทียนซ่างเหรินเจียนแน่นอน ไหนเลยจะรู้ว่าเรื่องกับพลิกผันโดยสิ้นเชิง เรียกได้ว่านี่เป็นการตอบโต้ของชายท่าทางธรรมดา เย่เทียนเฉินลงมือลงไม้อัดบอดี้การ์ดของพ่างสยงจนหมอบ แล้วยังอัดพ่างสยงจนมีสภาพเหมือนกับหมูตายนอนไม่ขยับเขยื้อน
“นี่…นี่…”
“ร้ายกาจจริง พ่ายสยงตายหรือยัง?”
“จบแล้ว ไอ้หมอนี่อัดพ่างสยงจนตาย จะต้องเกิดเรื่องใหญ่แน่…”
“ไอ้หมอนี่เป็นใครกัน?”
ดูเหมือนว่าในใจของใครหลายๆ คนจะมีคำถามเหมือนกัน นั่นก็คือชายหนุ่มเบื้องหน้าคนนี้เป็นใครกันแน่? ถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้ และยังไม่เห็นพ่างสยงอยู่ในสายตาอีกด้วย ต่อให้รู้ฐานะและเบื้องหลังของพ่างสยงแล้ว ก็ยังใช้ขวดเบียร์ตีเขาจนสลบไปอีก เป็นหรือตายก็ยังไม่ชัดเจน
ตอนนี้เอง ผู้รักษาความปลอดภัยที่ถือกระบองหลายสิบคนพุ่งเข้ามา กลุ่มคนที่ยืนล้อมดูเปิดทางให้อัตโนมัติ ไม่อยากไปเกี่ยวข้องกับเรื่องเช่นนี้ ทุกคนต่างก็รู้ว่าพี่ชายของพ่างสยงคือผู้จัดการใหญ่ของเทียนซ่างเหรินเจียน อำนาจอิทธิพลเบื้องหลังไม่ด้อย ตอนนี้พ่างสยงถูกอัดจนเป็นแบบนี้ไปแล้ว พี่ชายของเขาจะต้องไม่ยอมจบง่ายๆ แน่
คนที่ฉลาดสักหน่อยต่างก็คิดได้ เทียนซ่างเหรินเจียนได้รับการกล่าวขานว่าเป็นคลับที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดในประเทศจีน คนที่เข้าออกที่นี่ทั้งหมดต่างก็เป็นคนมีอำนาจอิทธิพล คนที่จะสามารถเป็นผู้จัดการของที่นี่ได้จะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน ได้ยินว่าเถ้าแก่ใหญ่ที่อยู่หลังม่านของเทียนซ่างเหรินเจียนแห่งนี้เป็นตระกูลที่มีอำนาจอิทธิพลมากตระกูลหนึ่ง มิฉะนั้นคงไม่สามารถผงาดอยู่ในเมืองหลวงโดยไม่เคยล้มได้ และคงไม่สามารถกลายเป็นคลับที่ดีที่สุดและใหญ่ที่สุดตลอดกาลของประเทศจีนได้
เย่เทียนเฉินถูกผู้รักษาความปลอดภัยถือกระบองหลายสิบคนล้อมเข้ามา ในตอนนี้ผู้รักษาความปลอดภัยทั้งหลายทำให้เกิดเส้นทางสายหนึ่ง ชายวัยกลางคนสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตร สวมสูทเรียบกริบ เดินเข้ามาอย่างมีมาด บางคนคุ้นเคยอยู่บ้าง ในตอนที่เห็นชายวัยกลางคนสวมสูทคนนี้ ทุกคนต่างก็ตกใจ เพราะว่าชายวัยกลางคนคนนี้ก็คือหลี่ลี่พี่ชายแท้ๆ ของพ่างสยง
“หลี่ลี่มาแล้ว ไอ้หมอนี่ตายแน่!”
“ไอ้หมอนี่ต้องตายแน่นอน หลี่ลี่เห็นน้องชายของตัวเองถูกอัดจนกลายสภาพเป็นแบบนั้นไปแล้ว ถ้าไม่อัดไอ้หมอนี่จนเละก็แปลกแล้ว!”
“ตายแน่ ละครสนุกๆ จบแล้ว!”
หลี่ลี่เดินมาเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน มองไปยังชายฉกรรจ์ที่นอนหมอบอยู่กับพื้นจนลุกไม่ขึ้น จากนั้นจึงมองไปยังน้องชายของตนที่อยู่บนพื้นในสภาพใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด เขาอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ออกคำสั่งกับหน่วยรักษาความปลอดภัยที่อยู่ด้านหลังเขาเสียงเข้ม “ยังมัวมองอะไรอยู่ พาพ่างสยงไปส่งโรงพยาบาล!”
หน่วยรักษาความปลอดภัยถือกระบองสองคนรีบหามพ่างสยงออกไปนอกเทียนซ่างเหรินเจียน พาไปส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเพื่อให้รอดพ้นอันตราย ทุกคนไม่พูดอะไร ต่างยืนรออยู่ตรงนั้น อยากจะเห็นว่าเรื่องนี้จะมีจุดจบอย่างไร หรืออาจกล่าวได้ว่าทุกคนกำลังดูว่า เย่เทียนเฉินจะตายอย่างไร หลี่ลี่จะแก้แค้นเย่เทียนเฉินที่อัดน้องชายของตนจนเป็นแบบนี้อย่างไร
“ขอโทษด้วยคุณผู้ชาย คุณมาเที่ยวที่นี่ แต่กลับทำให้คุณไม่มีความสุข ผมคือผู้จัดการใหญ่ของเทียนซ่างเหรินเจียน ผมต้องขอโทษคุณ ณ ที่นี้ด้วย!” หลี่ลี่พูดขึ้น พยักหน้ามองไปยังเย่เทียนเฉินอย่างสุภาพ
เมื่อคำพูดนี้ถูกกล่าวออกมา ทุกคนต่างตกอยู่ในความโกลาหล ใครก็คิดไม่ถึงว่าหลี่ลี่จะทำแบบนี้กับเย่เทียนเฉิน สิ่งที่พวกเขาคาดหวังก็คือ หลี่ลี่จะระเบิดความโกรธออกมาจนบ้าคลั่ง สั่งให้หน่วยรักษาความปลอดภัยหลายสิบคนอัดเย่เทียนเฉิน กระทั่งทำให้เย่เทียนเฉินตาย ทว่าจุดจบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลย กลับเป็นหลี่ลี่ที่ขอโทษเย่เทียนเฉิน ทำให้พวกเขาคิดไม่ถึงจริงๆ
“ดูท่าหลี่ลี่ทำเพื่อรักษาชื่อเสียงของเทียนซ่างเหรินเจียน!”
“ลูกค้าคือพระเจ้า ไม่อาจล่วงเกิน เลยต้องอดกลั้นเรื่องของน้องชายของตนเอาไว้!”
“แบบนี้ดูแล้วหลี่ลี่ก็ไม่เลวเลย เดิมทีก็เป็นน้องชายของเขาที่ไปหาเรื่องก่อน ต้องการจะรังแกไอ้หนุ่มคนนี้ หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ หลี่ลี่ไม่ได้เข้าข้าง ค่อนข้างที่จะยุติธรรมเลยทีเดียว!”
ทุกคนที่อยู่รอบๆ อดไม่ได้ที่จะวิพากษ์วิจารณ์กันขึ้นมา ต่างพากันคิดว่าที่หลี่ลี่ไม่ได้โมโหและไม่ได้ให้คนอัดเย่เทียนเฉินจนตายแล้วโยนออกไป เป็นเพราะต้องการรักษาชื่อเสียงของเทียนซ่างเหรินเจียน คิดว่าลูกค้าต้องมาเป็นอันดับแรก ไม่เต็มใจที่จะล่วงเกินลูกค้าท่านใดก็ตาม ส่วนเรื่องที่น้องชายของตนถูกอัดจนกลายเป็นแบบนั้นก็ต้องอดทนเอาไว้
เย่เทียนเฉินยิ้มเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงบิดขี้เกียจครั้งหนึ่ง สูบซิก้าเฮือกหนึ่งแล้วพูดอย่างเรียบเฉยว่า “เมื่อกี้ได้ออกกำลังอัดคน ตอนนี้เหนื่อยแล้ว หาที่เงียบๆ ให้พักสักหน่อยได้ไหม?”
“ได้ครับ เชิญตามผมมา!” หลี่ลี่พูดด้วยรอยยิ้ม
ทุกคนมองแผ่นหลังของหลี่ลี่และเย่เทียนเฉินพี่กำลังเดินไปยังลิฟต์ชั้นหนึ่ง ลิฟท์ตัวนี้เป็นลิฟต์ที่ขึ้นไปยังชั้นสอง หากว่าต้องการขึ้นจากชั้นสองไปยังชั้นสามจะต้องเดินขึ้นบันไดไปเท่านั้น ที่ประตูลิฟท์ตัวนี้มีหน่วยรักษาความปลอดภัยที่ไม่ธรรมดาคุ้มครองอยู่ เป็นบอดี้การ์ดพร้อมด้วยอาวุธปืน นี่ทำให้จินตนาการได้เลยว่าพรรคคุณชายที่สามารถเหมาชั้นสามของเทียนซ่างเหรินเจียนได้ จะร่ำรวยขนาดไหน จะมีอำนาจแข็งแกร่งขนาดไหน
เมื่อเดินมาถึงประตูลิฟท์ บริเวณห้องโถงชั้นหนึ่งก็มีพนักงานเดินเข้ามากดลิฟท์ให้เย่เทียนเฉินและหลี่ลี่อย่างเร่งรีบ ด้านหลังของหลี่ลี่ยังมีบอดี้การ์ดติดตามมาอีกสองคน บอดี้การ์ดสองคนนี้ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกว่าพอมีฝีมืออยู่บ้าง ไม่เหมือนกับหน่วยรักษาความปลอดภัยธรรมดาเหล่านั้นที่อ่อนแอไร้ฝีมือ
ติ้ง ประตูลิฟต์เปิดออก หลี่ลี่พูดกับเย่เทียนเฉินด้วยรอยยิ้ม “คุณผู้ชาย เชิญครับ!”
เย่เทียนเฉินมองไปยังหลี่ลี่ที่มีรอยยิ้มเต็มใบหน้าแล้วจึงยิ้มตาม เดินเข้าไปด้านในลิฟท์ หลี่ลี่ก็เดินตามเข้าไป จากนั้นก็เป็นบอดี้การ์ดทั้งสองคน ภายในลิฟท์หลี่ลี่แนะนำเทียนซ่างเหรินเจียนให้เย่เทียนเฉินฟังด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม เหมือนกับคนที่เอาใจใส่กับงานคนหนึ่งที่กำลังนำเสนอสินค้าอย่างแท้จริง
“ผู้จัดการหลี่ ขอบคุณสำหรับคำแนะนำของคุณ ตอนนี้ผมอยากจะหาสถานที่พักผ่อนสักหน่อย!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“อ่าฮ่าๆ ได้ครับ ผมจะจัดเตรียมห้องว่างให้คุณห้องหนึ่งเดี๋ยวผมจะส่งคุณขึ้นไป!” หลี่ลี่พูด
ตลอดทาง ตั้งแต่ที่เดินออกมาจากลิฟท์กับหลี่ลี่ เย่เทียนเฉินก็เดินหน้าไปแล้วประมาณสิบกว่าเมตร หลี่ลี่เดินไปหยุดอยู่บริเวณประตูห้องแห่งหนึ่ง จากนั้นจึงใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องแล้วดันประตูออก กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “เชิญครับ!”
เย่เทียนเฉินยกขาเดินเข้าไปในห้อง ในตอนที่ขาซ้ายของเขายังไม่วางลงนั้น บริเวณขมับทั้งสองของเขาก็ถูกปืนจ่อ จากนั้นจึงได้ยินเสียงหลี่ลี่พูดขึ้นจากด้านหลังอย่างโหดเหี้ยมว่า “แม่งเอ้ย มาอัดน้องชายของฉัน แกจะต้องตายโดยไม่ได้เห็นพระอาทิตย์วันพรุ่งนี้ ไอ้คนไม่รู้จักที่ตาย”
“แกแน่ใจว่าจะลงมือกับฉันจริงๆ ใช่ไหม?” เย่เทียนเฉินหันไปถามหลี่ลี่
หลี่ลี่ขมวดคิ้ว เขาเองก็ไม่ใช่คนที่จะยอมงอมืองอเท้า เขาดูออกว่าเย่เทียนเฉินไม่ธรรมดา แต่เมื่อคิดถึงน้องชายของตนที่ถูกอัดจนมีสภาพเครื่องเป็นครึ่งตายแบบนั้น รวมกับที่หลี่ลี่เอ็งก็เป็นคนมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่ จึงทำให้โอหังขึ้นมา พูดอย่างดุดันว่า “บิดาไม่สนใจว่าแกจะเป็นใคร วันนี้ยังไงก็ต้องตาย!”
……………………………….
Related