เย่เทียนเฉินไม่รู้เลยว่าบนโลกใบนี้จะยังมีผู้หญิงเช่นนี้อยู่คนหนึ่ง คนที่กำลังเป็นห่วงเขาอยู่เงียบๆ กำลังหลั่งน้ำตาเพื่อเขาอยู่เงียบๆ
“หนูทำอะไรไม่ได้เลยเหรอคะ? คุณชายใหญ่แข็งแกร่งขนาดนั้น บะ บางทีหากพวกเราตระกูลหลิงร่วมมือกับเย่เทียนเฉิน อาจจะสามารถเอาชนะได้!” หลิงอวี่สวิ๋นพูดอย่างกระวนกระวาย คิดทุกวิถีทางเพื่อต้องการช่วยเย่เทียนเฉิน
ย่าขู่เห็นหลิงอวี่สวิ๋นเติบโตมาตั้งแต่เล็กๆ แม้เบื้องหน้าทั้งสองจะมีความสัมพันธ์เหมือนนายกับบ่าว แต่ความจริงไม่แตกต่างอะไรกับย่าหลาน ดังนั้นย่าขู่จึงไม่ได้หลอกหลิงอวี่สวิ๋น ครั้งนี้คุณชายใหญ่ลงมือแล้ว และเกือบจะทำลายกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ได้ นี่เป็นการใช้มีดฆ่าโคไปฆ่าไก่เท่านั้นถึงกับร้ายกาจขนาดนี้ หากคุณชายใหญ่ลงมือด้วยตัวเอง ถ้างั้นเย่เทียนเฉินก็ทำได้เพียงรอความตายแล้วละมั้ง? หลิงอวี่สวิ๋นจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร
“อวี่สวิ๋น คุณคิดง่ายเกินไปแล้วจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น คุณทำแบบนี้อาจจะเป็นการทำร้ายตระกูลหลิงก็เป็นได้ ตอนนี้ตระกูลหลิงของพวกเรากำลังย้ายศูนย์กลางมาในประเทศ แต่ทางฝั่งของรัฐบาลประเทศ M กำลังคิดจะขัดขวาง จะสามารถย้ายกลับมาได้โดยสมบูรณ์หรือไม่ก็ยังไม่รู้ ดังนั้นในช่วงเวลาแบบนี้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็จะกลายเป็นอุปสรรคในการย้ายฐานกิจการของตระกูลหลิงของพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นนายท่านก็ไม่เห็นด้วยแน่ ตอนนี้นายท่านมีอคติต่อเย่เทียนเฉิน ไม่งั้นคงไม่ขัดขวางการไปมาหาสู่ระหว่างคุณกับเจ้าหนูนั่นหรอก!” ย่าขู่พูดแล้วส่ายหน้า
“หนู…” หลิงอวี่สวิ๋นไร้ซึ่งคำพูด เธอรักเย่เทียนเฉิน เป็นความรักอันบริสุทธิ์ที่เหมือนกับวัยเด็ก ตอนนี้จะยืนมองเย่เทียนเฉินมีอันตรายได้อย่างไร แต่ในฐานะที่เธอเป็นคนของตระกูลหลิง เธอจะทำให้ครอบครัวของตนมาเกี่ยวพันได้ยังไง?
ดังนั้นหลิงอวี่สวิ๋นจึงสับสนมาก สับสนแทบตาย เธอไม่รู้ว่าตนควรจะทำอย่างไรดี ทำได้เพียงหลั่งน้ำตาไปเงียบๆ เท่านั้น
“อย่าได้คิดมากไปเลย รอดูไปเถอะ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราจะสามารถอธิฐานได้ก็คือ ขอให้เย่เทียนเฉินเอาชนะคุณชายใหญ่ได้ ถึงแม้โอกาสจะน้อยมากก็ตาม!” ย่าขู่มองไปยังหลิงอวี่สวิ๋นแล้วพูดขึ้น
ตอนนี้เอง ในคฤหาสน์ที่เย่เทียนเฉินพักอยู่ พวกเย่เทียนเฉิน อู๋เสวี่ย หวังเจี๋ย หลินตวนและเปาเทียนหลงกำลังสนทนากันอย่างสนุกสนาน พี่น้องกลุ่มนี้ได้มาไม่ง่ายเลย เย่เทียนเฉินเห็นคุณค่าเป็นอย่างมาก
“ลำบากทุกคนแล้ว พวกเรากลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ จะต้องยืนอยู่ในจุดสูงสุดของโลกเบื้องหลังและเบื้องหน้าให้ได ดังนั้นฉันอยากจะบอกทุกคนว่า รักษาชีวิตของตัวเองให้ดี นี่สำคัญยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด!” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย
“พี่ใหญ่ ถ้างั้นตอนนี้พวกเราจะเริ่มขยายกลุ่มได้แล้วหรือเปล่าครับ?” อู๋เสวี่ยกล่าวขึ้น
“ไม่ แค่สิบสามจ้าวสวรรค์ก็พอแล้ว ถ้ามีคนมากไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร พวกเราต้องการกองกำลังที่สามารถผ่านสมรภูมินับร้อยได้ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ชื่อเสียงของกลุ่มสิบสามจ้าวสวรรค์ของพวกเราก็โด่งดังออกไปแล้ว และฉันจะทำให้มันโด่งดังยิ่งขึ้น!” เย่เทียนเฉินส่ายหน้า พูดด้วยรอยยิ้ม
“พวกเราทำลายตระกูลเซวียนเยวี๋ยน ส่วนรัฐบาลทำลายตระกูลโอวหยาง ตอนนี้อุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดที่เหลืออยู่ก็คือคุณชายใหญ่แห่งมหาวิทยาลัยหลงเถิง แต่อำนาจของเขาแข็งแกร่งมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังลึกลับมากอีกด้วย ผมคิดว่าถ้าจะกำจัดคนคนนี้ พวกเราจำเป็นต้องค่อยเป็นค่อยไป!” เปาเทียนหลงเอ่ยปากพูด
“อืม เรื่องรับมือกับคุณชายใหญ่ ฉันหวังว่าทุกคนจะรอบคอบและระมัดระวังตัวด้วย คนคนนี้ลึกล้ำไม่อาจคาดเดา ฉันไม่รู้ว่าความสามารถของเขาแข็งแกร่งขนาดไหน แค่อาศัยคนในหมอกโลหิตที่เป็นลูกน้องของเขาคนนั้นก็เพียงพอที่จะสู้กับพวกเราแล้ว!” เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วพูดขึ้น
“ครับพี่ใหญ่!” พวกอู๋เสวี่ยตอบรับพร้อมกัน
“สายลมพัดพาต่อไป ทนไปได้ไม่ไกล ในใจกระหายความหวัง หวังว่าจะรั้งคุณอยู่ต่อไป…”
ตอนนี้เองโทรศัพท์มือถือของเย่เทียนเฉินก็ดังขึ้น ระยะนี้เขาฟังเพลงสายลมพัดผ่าน รู้สึกเพราะมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตอนที่ขับรถมอเตอร์ไซค์ ดูโรแมนติกและเท่ห์มาก
เย่เทียนเฉินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู เป็นชางหลางที่โทรมา คนคนนี้โทรมาหาตนมีเรื่องอะไรกัน? คงจะเป็นเพราะกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางได้ ท่านผู้นำสูงสุดจึงต้องการชื่นชมตนละมั้ง เมื่อคิดถึงตรงนี้เย่เทียนเฉินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาแล้วกดรับโทรศัพท์อย่างเบิกบานใจ
“ฮัลโหล สวัสดีครับ คุณโทรหาใครครับ?” เย่เทียนเฉินเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงแปลกใจอย่างเสเเสร้ง
“ฉันชางหลางเอง ไอ้หนูอย่ามาเสแสร้งกับฉัน รีบออกมาเดี๋ยวนี้ ฉันอยู่หน้าคฤหาสน์ของแก!” ชางหลางพูดเสียงต่ำ
“เรื่องการตบรางวัลคุณควรจะเข้ามา ยังต้องให้ผมออกไปต้อนรับอีกเหรอ?” เย่เทียนเฉินถามด้วยความสงสัย
“แกกำลังคิดอะไรอยู่ รีบออกมา ท่านหยางและท่านผู้นำสูงสุดต้องการพบ!” ชางหลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“ต้องการพบผม? ต้องเป็นทางการขนาดนี้เลยเหรอครับ? ไม่ต้องหรอกมั้ง ให้เงินผมใช้ซักหลายหมื่นล้านก็พอแล้ว!”เย่เทียนเฉินถามแล้วหัวเราะฮี่ๆ
“เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องใหญ่แล้ว!” ชางหลางเอ่ยปาก
“หือ? ผมจะไปเดี๋ยวนี้…”
เย่เทียนเฉินรู้สึกสงสัย ชางหลางบอกว่าเกิดเรื่องแล้ว แล้วยังเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นอีกด้วย สามารถทำให้ชางหลางพูดคำนี้ออกมาได้ เกรงว่าระดับของเรื่องนี้จะต้องไม่ใช่ต่ำๆ แน่นอน ดังนั้นเย่เทียนเฉินจึงไม่ได้ละเลย รีบเดินออกไปนอกคฤหาสน์ทันที
ในตอนที่เย่เทียนเฉินเดินออกมานอกคฤหาสน์ ชางหลางยังคงขับรถจี๊ปทหาร จอดรออยู่ตรงนั้นนานแล้ว
“มีเรื่องอะไรหรอครับ?” เย่เทียนเฉินรีบเดินไปที่ประตูรถแล้วถามขึ้น
“ขึ้นรถ!” ชางหลางพูดแค่สองคำนี้
“ไม่จริงน่า มีเรื่องก็มาหาผมอีกแล้วเหรอ ไม่รู้หรือว่าผมยุ่งมาก? ไม่ว่าง!”เย่เทียนเฉินจิ๊ปากแล้วพูดขึ้น
“ครั้งนี้เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับแก แกจะไม่ขึ้นมาก็ได้!” ชางหลางพูดอย่างไม่สบอารมณ์
“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับผม?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามขึ้นอย่างสงสัย
ไม่รอให้เย่เทียนเฉินมีปฏิกิริยากลับมา ชางหลางก็ขับจี๊ปทหารออกไปแล้ว เย่เทียนเฉินเห็นก็ชะงักไป วิ่งไปหลายก้าว ใช้มือซ้ายจับที่ประตูรถจี๊ปทหารแล้วกระโดดเข้าไปนั่ง
“ไอ้หนู ถ้าแกมีความสามารถก็อย่าตามมาสิ!” ชางหลางคิดว่าเย่เทียนเฉินมักจะหยอกล้อเขา ในครั้งนี้จึงฉีกหน้าเย่เทียนเฉินขึ้นมา
“ผมทำเพื่อประชาชนนะครับ ใช่แล้ว คุณบอกว่าเป็นเรื่องเกี่ยวกับผม ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่?” เย่เทียนเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม
“ไปพบท่านหยางและท่านผู้นำสูงสุดค่อยว่ากันอีกทีเถอะ!” ชางหลางพูดแล้วเหยียบคันเร่งให้เร็วขึ้น มุ่งหน้าตรงไปยังทะเลจงไห่
ระหว่างทางเย่เทียนเฉินคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ชางหลางพูดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับตนเรื่องนี้ออกมา ไหนเลยจะรู้ว่าชางหลางจะไม่ยอมอ่อนข้อสักนิด ดูแล้วการที่พวกท่านผู้นำส่งชางหลางมาหาตนก็นับว่ามีเหตุผล ถ้าหากเป็นเฮยเมี่ยนมา เกรงว่าคงถูกตนทำให้พูดออกมาแล้ว ไหนเลยจะต้องไปพบพวกท่านผู้นำอีก
สองชั่วโมงต่อมา รถจิ๊บทหารหยุดอยู่เบื้องหน้าตึกสำนักงานใหญ่บริเวณทะเลจงไห่ รอบเขตสำนักงานทะเลจงไห่มีทหารหน่วยรบพิเศษถือปืนจำนวนนับไม่ถ้วนกำลังเดินตรวจตรา ยิ่งไปกว่านั้น เพียงพริบตาเดียวเย่เทียนเฉินก็สามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งเป็นจำนวนมากรอบด้าน ที่นี่จะต้องมียอดฝีมืออยู่ราวกับปุยเมฆแน่นอน
เย่เทียนเฉินเดินตามหลังชางหลางผ่านด่านตรวจแต่ละชั้นถึงสามารถเข้ามาที่ห้องทำงานของท่านผู้นำสูงสุดได้ ที่นี่ไม่ว่าใครจะเข้าออกก็ต้องผ่านการตรวจสอบอย่างเข้มงวด ไม่มีใครสามารถผ่านเข้าไปได้โดยไม่ถูกขัดขวาง
“คุณท่าน ไม่พบกันนานเลย คิดถึงผมจะตายอยู่แล้วล่ะสิ!” เย่เทียนเฉินพบท่านผู้นำก็รีบพูดออกมาด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้นเต็มหน้า
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเย่เทียนเฉิน ชางหลางพลันรู้สึกเอือมระอา ท่านผู้นำสูงสุดเป็นผู้นำของประเทศ มีใครบ้างที่กล้าพูดกับเขาตามใจแบบนี้? เกรงว่าจะมีแค่เย่เทียนเฉินคนเดียวที่กล้าทำแบบนี้แล้ว
“ไม่ได้พบกันนานเลย นั่งลงเถอะ!” ท่านผู้นำพูดด้วยรอยยิ้มสบายๆ และใจดี
เย่เทียนเฉินพยักหน้าแล้วนั่งลง เมื่อเห็นท่านหยางที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะออกมาแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านยังแข็งแรงดีหรือเปล่า!”
“ไอ้หนู ภายนอกฉันก็ไม่ได้ดูแก่ขนาดนั้นมั้ง?” หยางอี้พูดแล้วยิ้มอย่างจนใจ
เมื่อเห็นเย่เทียนเฉินนั่งลง ชางหลางก็ไปยืนอยู่ด้านข้าง คนที่นั่งอยู่ที่นี่มีทั้งท่านผู้นำสูงสุดและท่านหยาง เป็นคนที่มีอำนาจสูงสุดของประเทศ เกรงว่าจะมีน้อยคนที่สามารถนั่งได้อย่างสบายใจแบบนี้ ทั้งยังสามารถคุยเล่นได้โดยไม่เคร่งเครียดเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างน้อยเย่เทียนเฉินก็นับว่าเป็นคนหนึ่ง
“คุณท่านทั้งคน ไม่รู้ว่าพวกคุณตามหาผมมีเรื่องอะไรเหรอครับ?”
ถึงแม้เย่เทียนเฉินจะพูดคุยกับผู้นำทั้งสองคนนี้อย่างสบายๆ แต่ก็ยังคงมีความเคารพให้ พวกเขาเป็นคนที่ทำเพื่อประเทศและประชาชนอย่างแท้จริง เป็นคนที่มีใจยุติธรรมและรักใคร่ผู้อื่น คนแบบนี้ควรค่าที่จะให้ความเคารพ
“ให้ท่านหยางบอกเธอเถอะ!” ท่านผู้นำพูดด้วยรอยยิ้ม
หยางอี้มองเย่เทียนเฉินแล้วขมวดคิ้วพูดว่า
“ครั้งนี้ที่ตามหานายเพราะสองเรื่องด้วยกัน เรื่องแรกก็คือ นายกำจัดตระกูลเซวียนเยวี๋ยนและตระกูลโอวหยางไป พวกฉันยินดีมาก อำนาจของสองตระกูลนี้ไม่น้อยเลย นับว่าเป็นเนื้อร้ายสองก้อนที่สามารถทำอันตรายกับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคนธรรมดาทั่วไปได้ทุกเมื่อ เรื่องที่สองก็คือ หานเจี๋ยที่อยู่ชายแดนเกิดเรื่องขึ้นแล้ว ดูเหมือนจะถูกคนจับตัวไป พวกเราไม่รู้ว่าเป็นคนประเทศไหน คิดว่านายจะต้องไปช่วยเธอแล้ว!”
“หือ? หานเจี๋ยถูกคนจับตัวไปแล้ว? ที่ชายแดน? เป็นไปได้ยังไง?” เย่เทียนเฉินอดไม่ได้ที่จะถามออกมาอย่างตกตะลึง
“เป็นเพราะนายเคยร่วมมือกับหานเจี๋ยมาก่อน ดังนั้นเรื่องในครั้งนี้พวกเราจึงคิดที่จะส่งนายไป นายเองก็รู้ฐานะของหานเจี๋ยดี ความจริงแล้วเธอเป็นสมาชิกหน่วยวิจัยของกองทัพ คุ้นเคยกับอุปกรณ์ต่างๆ เป็นอย่างมาก ครั้งนี้ทหารหน่วยรบพิเศษที่ชายแดนตรวจสอบพบสารที่เป็นอันตรายจำนวนมากจึงเชิญสมาชิกหน่วยวิจัยไปทำการระบุให้แน่ชัด มีหลายอย่างที่หากสามารถกำจัดได้ก็ควรจะกำจัดไป พวกเราส่งหานเจี๋ยไป ไหนเลยจะรู้ว่า เมื่อคืนจะได้รับข่าวมาว่าทหารหน่วยรบพิเศษหลายสิบคนถูกฆ่าหมดแล้ว ส่วนหานเจี๋ยก็หายตัวไป…” หยางอี้ขมวดคิ้วพูด
“ถ้างั้นพวกคุณยังรออะไรอยู่ ส่งหน่วยมังกรฟ้าหรือไม่ก็เฮยเมี่ยนไปสิครับ!” เย่เทียนเฉินพูดอย่างไม่ค่อยเข้าใจนัก
“พวกเราขาดแคลนคนแขาดแคลนคนที่สามารถรับภารกิจใหญ่ในครั้งนี้ได้อย่างแท้จริง นายก็รู้ว่าช่วงนี้ประเทศชิบะก่อเรื่องร้ายแรงมาก มันไม่ง่ายเหมือนการตกกุ้งแบบนั้น ด้านในยังมีเอกสารมากมายอีกด้วย” หยางอี้เอ่ยปากพูด
“เทียนเฉิน ครั้งนี้นายคิดดูให้ดีสักหน่อยว่าจะไปที่ชายแดนด้วยตัวเองหรือเปล่า!” ชางหลางก็เอ่ยปากพูดเช่นกัน
“ไม่ต้องคิดแล้ว ผมจะไปตอนนี้เลย!” เย่เทียนเฉินลุกขึ้นยืนแล้วพูดอย่างจริงจัง
ในครั้งนี้เย่เทียนเฉินตอบรับอย่างรวดเร็ว ไม่ได้พูดอะไรให้มากความและไม่ได้พูดถึงเงื่อนไขใดๆ เนื่องจากเขาคิดว่าหานเจี๋ยอาจจะไม่ใช่แค่หายตัวไปและตกอยู่ในอันตราย แต่ยังอาจจะมีอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตอีกด้วย จึงรู้สึกกังวลใจขึ้นมาจริงๆ แล้ว